บทความเกี่ยวกับ : รอยใต้ตา
รอยใต้ตาเกิดจากอะไร ? เช็ก 7 พฤติกรรมที่คุณอาจมองข้าม
รอยใต้ตาเกิดจากอะไร APEX พาเช็กพฤติกรรมเสี่ยง พร้อมแชร์วิธีปรับผิวเนียน
รอยใต้ตา ใต้ตาคล้ำ เป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และดูแก่กว่าวัย ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยผู้ใหญ่ แม้หลายคนจะพยายามหาวิธีรับมือ ทั้งการนอนหลับให้เพียงพอ หรือทาครีมบำรุงผิวราคาแพง แต่รอยคล้ำหรือรอยใต้ตาเหล่านี้ก็ยังอาจไม่จางหายไปง่าย ๆ
จึงกลายเป็นคำถามคาใจว่า “ทำไมถึงมีรอยใต้ตา” เพราะปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากแค่การนอนน้อยอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มีปัจจัยซับซ้อนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง วันนี้ APEX จึงขอพาคุณมาเจาะลึกถึง 7 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดรอยใต้ตาหรือตีนกาใต้ตา พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการฟื้นฟูผิวด้วยหัตถการ ทั้งโปรแกรมฉีดใต้ตา หรือโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ เพื่อคืนความสดใส ดูเรียบเนียน ให้ผิวรอบดวงตากลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
ทำความเข้าใจว่ารอยใต้ตา คืออะไร ?
‘รอยใต้ตา’ คือคำที่ใช้เรียกลักษณะไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่มักปรากฏบริเวณผิวหนังใต้ดวงตา ที่บอบบางเป็นพิเศษ ซึ่งอาจเห็นเป็นลักษณะของสีผิวที่หมองคล้ำกว่าปกติ มีลักษณะเป็นเส้นริ้วรอยเล็ก ๆ คล้ายตีนกาใต้ตา หรือร่องลึก รวมทั้งอาจปรากฏเป็นความหย่อนคล้อยหรือบวมนูนขึ้นมาได้ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และอาจส่งผลให้ดูมีอายุมากขึ้นได้ด้วย
ประเภทของรอยใต้ตามีอะไรบ้าง
โดยทั่วไปแล้วรอยใต้ตา ซึ่งเป็นปัญหาผิวกวนใจที่พบบ่อย สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะที่ปรากฏได้หลากหลาย ดังนี้
• ความหมองคล้ำใต้ตา (Dark Circles) เป็นลักษณะเริ่มต้นของปัญหารอยใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือการที่ผิวใต้ตามีสีเข้มกว่าบริเวณอื่น อาจเป็นสีน้ำตาล เทา ดำ หรือม่วงคล้ำ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสะสมของเม็ดสีเมลานิน เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังที่ขยายตัวหรือมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเนื่องจากผิวบาง หรือแม้แต่เงาที่ตกกระทบจากโครงสร้างกระดูกหรือถุงใต้ตา
• ริ้วรอยใต้ตา (Under-Eye Wrinkles/Fine Lines) หรือตีนกาใต้ตาคือเส้นเล็ก ๆ หรือร่องลึกที่ปรากฏขึ้นบริเวณผิวใต้ตา อาจเป็นเส้นบาง ๆ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำๆ (Dynamic wrinkles) หรือเป็นริ้วรอยที่เห็นชัดแม้ไม่ได้แสดงอารมณ์ (Static wrinkles) ซึ่งเป็นรอยใต้ตาที่มักเกิดจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น การทำลายของคอลลาเจนและอีลาสตินตามวัย หรือการขยี้ตาบ่อย ๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยใต้ตาอายุน้อย
• ถุงใต้ตา (Under-Eye Bags) เป็นลักษณะรอยใต้ตาที่ผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยและมีก้อนไขมันนูนออกมา ทำให้ใต้ตาดูบวมตุ่ย ไม่เรียบเนียน มักเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบดวงตาตามวัย หรืออาจเกิดจากการสะสมของของเหลว (Puffiness) ซึ่งอาจเป็นชั่วคราวจากการพักผ่อนน้อย ภูมิแพ้ หรือการทานอาหารรสเค็มจัด
• ร่องลึกใต้ตา หรือเบ้าตาลึก (Tear Trough/Hollowness) เป็นลักษณะรอยใต้ตาที่เห็นเป็นร่องหรือความยุบตัวลงไปของผิวหนังบริเวณหัวตา ลากยาวเฉียงลงมายังแก้ม ทำให้เกิดเป็นเงาและดูเหมือนใต้ตาคล้ำ แม้ว่าสีผิวจริงอาจไม่คล้ำก็ตาม สาเหตุมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูกใต้ตา หรือการฝ่อตัวของไขมันบริเวณนั้นตามอายุ
7 สาเหตุของรอยใต้ตา พฤติกรรมที่อาจเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ดวงตา
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษารอยใต้ตา หรือ ริ้วรอยใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลAPEX พาเช็ก 7 พฤติกรรม ที่เป็นสาเหตุหลักของรอยใต้ตา
รอยใต้ตาที่ปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้า จนบดบังความสดใสนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุเสมอไป ซึ่งหลายครั้ง ปัญหานี้มักจะมีต้นตอมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันโดยที่เราอาจคาดไม่ถึง ดังนั้นในหัวข้อนี้เราจะพาทุกคนมาลองสำรวจกันว่ามี 7 พฤติกรรมหลักใดบ้าง ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผิวรอบดวงตาดูอ่อนล้า และอาจเป็นต้นเหตุของปัญหารอยใต้ตาที่กวนใจใครหลายคน ดังนี้
1.ขมวดคิ้วหรือหยีตาบ่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว สาเหตุของรอยใต้ตา
การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ บริเวณรอบดวงตา ไม่ว่าจะเกิดจากความเครียด การเพ่งมอง หรือแม้แต่แสงแดดจ้า ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเกิดการหดเกร็งอย่างต่อเนื่อง เมื่อทำบ่อยครั้งผิวหนังที่บอบบางบริเวณนั้นจะเกิดเป็นรอยพับ กลายเป็นริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ (Fine Lines) หรือที่เรียกว่า ‘ตีนกาใต้ตา’ (รอยตีนกา) ได้ แม้ในขณะที่ไม่ได้แสดงสีหน้า ริ้วรอยเหล่านี้ก็อาจปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเมื่อผิวขาดความยืดหยุ่น
2.ล้างหน้าแรงหรือใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางผิดวิธี สาเหตุของรอยใต้ตา
อย่างที่ทราบกันดีว่าผิวรอบดวงตาบอบบางกว่าผิวส่วนอื่น จึงไม่แปลกที่พฤติกรรมบางอย่างจะกระตุ้นรอยใต้ตาได้ง่าย ดังนั้นการใช้แรงขัดถูอย่างรุนแรงระหว่างล้างหน้า หรือใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางด้วยการลากไปมาซ้ำ ๆ เป็นการทำร้ายผิวโดยตรง ทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอลง เกิดการระคายเคือง อักเสบ และอาจกระตุ้นการผลิตเม็ดสีให้คล้ำขึ้นได้ นอกจากนี้การเสียดสีบ่อย ๆ ยังทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับและเกิดรอยใต้ตาได้ง่าย
3.ละเลยการปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า สาเหตุของรอยใต้ตา
ปัญหารอยใต้ตาจากแสงสีฟ้าอาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะคนส่วนใหญมักจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ซึ่งแสงสีฟ้า (Blue Light) จากอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อดวงตาโดยตรง ทำให้เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง แต่ยังอาจกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ซึ่งไปเร่งกระบวนการเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย และอาจส่งผลให้ผิวรอบดวงตาดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยใต้ตาก่อนวัยได้
4.ดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป สาเหตุของรอยใต้ตา
เครื่องดื่มเหล่านี้อาจเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุของรอยใต้ตา มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ซึ่งเมื่อร่างกายขาดน้ำ ผิวหนังจะแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะผิวใต้ตาที่บางอยู่แล้วจะแสดงอาการได้ชัดเจน ทำให้ดูเหี่ยว ย่น และเห็นรอยคล้ำ รอยใต้ตา หรือเส้นเลือดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในขณะที่แอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูเข้มขึ้นได้ชั่วคราว
5.ใส่คอนแทคเลนส์ไม่เหมาะสม สาเหตุของรอยใต้ตา
สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยใต้ตาได้ง่าย เพราะการใส่คอนแทคเลนส์นานเกินกว่าระยะเวลาที่แนะนำ หรือการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่พอดีกับดวงตา รวมถึงการดูแลความสะอาดที่ไม่ดีพอ อาจนำไปสู่อาการตาแห้ง ระคายเคือง หรือติดเชื้อได้ ซึ่งสัญชาตญาณมักจะทำให้เราเผลอขยี้ตาบ่อย ๆ ดังนั้นการขยี้ตาซ้ำ ๆ นี่เองที่ทำร้ายผิวบอบบางใต้ตา ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาและความหมองคล้ำตามมาได้โดยไม่รู้ตัว
6.พักผ่อนไม่เพียงพอ สาเหตุของรอยใต้ตา
การนอนหลับอย่างเพียงพอและเหมาะสม เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายจะได้ซ่อมแซมผิวและฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ รวมถึงผิวหนังใต้ดวงตา ลดปัญหาการเกิดรอยใต้ตา ดังนั้นการอดนอนหรือนอนน้อย จะมีส่วนทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เลือดอาจค้างอยู่บริเวณเส้นเลือดฝอยใต้ตา ทำให้เห็นเป็นรอยใต้ตา รอยคล้ำสีม่วง หรือน้ำเงินได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนั้นการพักผ่อนไม่พอยังอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำใต้ตา (Puffiness) และทำให้ผิวโดยรวมดูอ่อนล้า ไม่สดใส
7.การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม สาเหตุของรอยใต้ตา
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวรอบดวงตา หรือมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อาจทำให้ผิวอักเสบ คล้ำขึ้น และกลายเป็นรอยใต้ตาได้ นอกจากนั้นวิธีการทาครีมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ว่ามีส่วนทำให้เกิดปัญหารอยใต้ตาได้เช่นกัน หากใช้วิธีลาก ดึง หรือถูผิวแรง ๆ แทนที่จะใช้นิ้วนางแตะเบา ๆ ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้ในระยะยาว
ข้อเสียของรอยใต้ตาที่คุณอาจคาดไม่ถึง
รอยใต้ตาอาจดูเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยที่ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักสำหรับบางคน แต่ทว่าการปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจดูแล หรือรักษาอย่างไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้รอยคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา หรือปัญหาถุงใต้ตา เพิ่มระดับความรุนแรง และส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพได้มากกว่าที่คิด
• รอยใต้ตาทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และไม่สดใส แม้จะพักผ่อนเพียงพอ แต่รอยคล้ำหรือถุงใต้ตาก็ทำให้ดูเหมือนคนอดนอนหรือเหนื่อยตลอดเวลา
• รอยใต้ตาทำให้ดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยใต้ตาเป็นสัญญาณของความชรา ทำให้ภาพรวมใบหน้าดูแก่กว่าวัย
• รอยใต้ตาอาจลดทอนความสดใสของดวงตา ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่รอยคล้ำหรือริ้วรอยรอบๆ อาจบดบังความสดใส ทำให้ดวงตาดูไม่โดดเด่น
• รอยใต้ตาอาจทำให้การแต่งหน้ายากขึ้น การมีรอยคล้ำหรือร่องลึกใต้ตา ทำให้ต้องใช้คอนซีลเลอร์หรือรองพื้นหนาขึ้นเพื่อปกปิด ซึ่งอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือตกร่องระหว่างวันได้ง่าย
• รอยใต้ตาส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตนเอง เมื่อรู้สึกว่าใบหน้าดูไม่สดใสหรือดูแก่ อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจในการเข้าสังคมหรือการพบปะผู้คน
• รอยใต้ตาอาจทำให้ใบหน้าดูโทรม คนรอบข้างอาจมองว่าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ สุขภาพไม่ดี หรือกำลังเครียด ทั้งที่อาจไม่ใช่สาเหตุหลักของรอยใต้ตาเสมอไป
• รอยใต้ตาอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่าง ในบางกรณี รอยคล้ำใต้ตาอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะภูมิแพ้, การไหลเวียนเลือดไม่ดี, หรือภาวะขาดสารอาหารบางชนิดได้
• รอยใต้ตาทำให้ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นการหาครีมบำรุง การทำทรีตเมนต์ หรือการปกปิดด้วยเครื่องสำอาง ล้วนต้องใช้เวลาและงบประมาณ
• รอยใต้ตาอาจบดบังผลลัพธ์ของการดูแลผิวส่วนอื่น แม้จะดูแลผิวหน้าส่วนอื่นดีแค่ไหน แต่ถ้ารอบดวงตามีปัญหา ก็อาจทำให้ภาพรวมของผิวดูดีลดลงได้
• รอยใต้ตาบางประเภทแก้ไขได้ยากและต้องใช้วิธีการเฉพาะทาง รอยใต้ตาบางชนิด เช่น ร่องลึกจากโครงสร้าง หรือถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมัน อาจต้องอาศัยหัตถการทางการแพทย์ในการแก้ไข ซึ่งมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงกว่าการดูแลทั่วไป
ระดับความรุนแรงของรอยใต้ตาที่พบบ่อย
รอยใต้ตา อย่างความหมองคล้ำและสัญญาณความอ่อนล้าบริเวณรอบดวงตา มักมีการแสดงออกแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งการสังเกตลักษณะและความเข้มของรอยใต้ตา จะช่วยให้สามารถประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาได้ ซึ่งสามารถจำแนกระดับเบื้องต้นได้ตามความเด่นชัด และการเปลี่ยนแปลงของสีผิวใต้ตา ดังนี้
รอยใต้ตาระดับเริ่มต้น / ไม่รุนแรง (Mild)
รอยใต้ตาในระดับเริ่มต้นจะมีความรุนแรงน้อย มักเห็นเป็นเงาจาง ๆ หรือสีผิวคล้ำลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผิวรอบข้าง มักจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อร่างกายพักผ่อนน้อย หรืออาจมีริ้วรอยใต้ตาเส้นบาง ๆ ปรากฏเฉพาะเวลายิ้มเท่านั้น และยังสามารถใช้คอนซีลเลอร์เนื้อบางเบาช่วยปกปิดได้ ซึ่งโดยรวมแล้วปัญหาระดับนี้ส่งผลกระทบต่อความสดใสของใบหน้าเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
ผลกระทบของรอยใต้ตาระดับเริ่มต้น
• รอยใต้ตาระดับเริ่มต้นทำให้เหนื่อยล้าหรืออิดโรยกว่าปกติเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สดชื่นเต็มที่ เหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ
• รอยใต้ตาระดับเริ่มต้นทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส ลดทอนความกระจ่างใสของผิวบริเวณรอบดวงตา ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูหมองลงเล็กน้อย
• รอยใต้ตาระดับเริ่มต้นอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาผิว บ่งบอกว่าผิวบริเวณนั้นเริ่มต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
• รอยใต้ตาระดับเริ่มต้นอาจเริ่มบั่นทอนความมั่นใจเล็กน้อย
รอยใต้ตาระดับปานกลาง (Moderate)
เมื่อรอยใต้ตาเพิ่มความรุนแรงเข้าสู่ระดับปานกลาง ความหมองคล้ำจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้จะพักผ่อนมาอย่างดีแล้วก็ตาม ซึ่งริ้วรอยใต้ตาเริ่มปรากฏให้เห็นแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า หรืออาจมีถุงใต้ตาขนาดเล็กและร่องน้ำตาตื้น ๆ ก่อให้เกิดเงาอย่างชัดเจนร่วมด้วย ซึ่งการปกปิดจำเป็นต้องใช้คอนซีลเลอร์ที่ให้การปกปิดสูงขึ้น หรืออาจต้องอาศัยเทคนิคการแก้ไขสีเข้ามาช่วยเพิ่มเติม โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือใบหน้าจะดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และอาจทำให้ดูมีอายุเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้
ผลกระทบของรอยใต้ตาระดับปานกลาง
• รอยใต้ตาระดับปานกลางมักทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
• รอยใต้ตาระดับปานกลางทำให้ดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ภาพรวมใบหน้าดูแก่กว่าวัย
• รอยใต้ตาระดับปานกลางต้องพึ่งพาการปกปิดด้วยเครื่องสำอางมากขึ้นและซับซ้อนขึ้น
• รอยใต้ตาระดับปานกลางบั่นทอนความมั่นใจและส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมอาจทำให้รู้สึกกังวล ไม่มั่นใจในรูปลักษณ์
• รอยใต้ตาระดับปานกลางเป็นระดับอาการที่จำเป็นต้องหาทางรักษา จึงอาจทำให้ต้องเสียเงินและเวลา หากรักษารอยใต้ตาไม่ถูกวิธี
รอยใต้ตาระดับรุนแรง (Severe)
สำหรับรอยใต้ตาระดับรุนแรง จะสังเกตเห็นความหมองคล้ำเข้มจัดเป็นวงชัดเจน มีริ้วรอยลึกและผิวหย่อนคล้อยมาก อาจปรากฏถุงใต้ตาขนาดใหญ่ที่นูนออกมาอย่างถาวร หรือร่องน้ำตาลึกมากจนทำให้เบ้าตาดูโหลลึกอย่างชัดเจน การปกปิดด้วยเครื่องสำอางทำได้ยากมากหรือแทบไม่ได้ผลเลย ส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจอย่างสูง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย อิดโรยอย่างรุนแรง และอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ปัญหาโครงสร้างหรือสุขภาพได้
ผลกระทบของรอยใต้ตาระดับรุนแรง
• รอยใต้ตาระดับรุนแรงจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและอิดโรยอย่างรุนแรง ซึ่งสังเกตได้ง่ายกว่ารอยใต้ตาระดับอื่น
• รอยใต้ตาระดับรุนแรงมักปกปิดด้วยเครื่องสำอางได้ยาก หรือต้องปกปิดด้วยความหนาที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความไม่สบายผิว
• รอยใต้ตาระดับรุนแรงส่งผลเสียร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นในตนเอง อาจทำให้เสียบุคลิกภาพ หรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
• รอยใต้ตาระดับรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือจำเป็นต้องพึ่งการรักษาทางการแพทย์
• รอยใต้ตาระดับรุนแรงอาจไม่สามารถรักษา หรือบำรุงได้ด้วยวิธีการทั่วไป ดังนั้นการเลือกหัตถการทางการแพทย์จึงเหมาะสมมากว่า
แนวทางการดูแลและปรับผิวใต้ตาให้เรียบเนียน
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ลดการคั่งของของเหลวและลดรอยคล้ำ การนอนหงายและหนุนหมอนสูงเล็กน้อยช่วยลดอาการบวมได้
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ลดความแห้งกร้านซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของริ้วรอย และช่วยขับของเสีย ลดอาการบวมน้ำ
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการประคบเย็น ความเย็นช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ลดอาการบวมและรอยคล้ำได้ดี
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการประคบด้วยแตงกวาฝาน แตงกวามีสารให้ความชุ่มชื้นและมีฤทธิ์ฝาดสมานอ่อนๆ การนำแตงกวาแช่เย็นมาฝานบาง ๆ แล้วแปะไว้ที่ตาประมาณ 10-15 นาที ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและลดบวมได้
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการประคบด้วยถุงชาใช้แล้ว (แช่เย็น) ถุงชาดำหรือชาเขียวที่ชงแล้ว (ปล่อยให้เย็นหรือนำไปแช่เย็น) มีสารแทนนินและคาเฟอีน ช่วยลดบวมและกระชับผิวได้ชั่วคราว วางประคบไว้ 10-15 นาที
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการนวดเบา ๆ รอบดวงตา ใช้นิ้วนาง (ซึ่งมีแรงกดน้อยที่สุด) แตะครีมบำรุงหรือน้ำมันธรรมชาติ (เช่น น้ำมันอัลมอนด์) เล็กน้อย แล้วนวดวนเบาๆ จากหัวตาไปหางตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ช่วยลดอาการบวมและคล้ำได้
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการมาส์กใต้ตาด้วยมันฝรั่ง มันฝรั่งมีเอนไซม์ Catecholase ที่เชื่อว่าช่วยให้ผิวสว่างขึ้นได้เล็กน้อย ลองฝานบางๆ หรือขูดแล้วห่อด้วยผ้าก๊อซบางๆ มาแปะใต้ตา 10-15 นาที
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการมาส์กใต้ตาด้วยเจลว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ให้ความชุ่มชื้นและช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ใช้เจลสดหรือเจลสำเร็จรูป (เลือกสูตรอ่อนโยน) ทาบางๆ ใต้ตา
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการควบคุมอาหาร ลดอาหารรสเค็มจัดซึ่งทำให้ร่างกายบวมน้ำ และลดน้ำตาลสูงซึ่งทำลายคอลลาเจน เน้นทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี (ช่วยสร้างคอลลาเจน), วิตามินเค (ช่วยเรื่องเส้นเลือด), และสารต้านอนุมูลอิสระ
• ป้องกันรอยใต้ตาด้วยการปกป้องผิวจากแสงแดด สวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสียูวีได้ 100% และทาครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนสำหรับรอบดวงตาเป็นประจำ เพื่อป้องกันการทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นเม็ดสี
7 สาเหตุของรอยใต้ตา พฤติกรรมที่อาจเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ดวงตา
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษารอยใต้ตา หรือ ริ้วรอยใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลแนะนำหัตถการยอดนิยมที่ APEX สำหรับแก้ปัญหารอยใต้ตา
ในบางกรณีการดูแลด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพอสำหรับปัญหารอยใต้ตาที่ซับซ้อนและรุนแรง ซึ่ง APEX มีหัตถการยอดนิยมหลากหลายวิธี ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี เช่น
7 สาเหตุของรอยใต้ตา พฤติกรรมที่อาจเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ดวงตา
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษารอยใต้ตา หรือ ริ้วรอยใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การรักษารอยใต้ตาด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาร่องลึก เบ้าตาลึกโหล เพื่อเติมเต็มให้ผิวบริเวณนั้นดูตื้นขึ้น เรียบเนียน ลดเงาคล้ำที่เกิดจากความลึก ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส อ่อนเยาว์ และลดความอิดโรยลงอย่างเห็นได้ชัด
จุดเด่น
• เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของปัญหารอยใต้ตาได้ค่อนข้างเร็วหลังทำ
• ช่วยแก้ปัญหารอยใต้ตา และบำรุงให้ผิวรอบดวงตาดูกระจ่างใสขึ้น
• ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ หากเลือกชนิดโปรแกรมฟิลเลอร์ และเทคนิคที่เหมาะสม
ข้อควรระวัง
• ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องการฉีดผิดตำแหน่ง หรือเกิดก้อน
• อาจมีอาการบวม ช้ำเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเอง
• ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราว ขึ้นอยู่กับชนิดของโปรแกรมฟิลเลอร์และการดูแลดูเอง
• ไม่เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ หรือผิวหนังหย่อนคล้อยมาก
โปรแกรม Pico Laser
การรักษารอยใต้ตาด้วยโปรแกรม Pico Laser เป็นการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์พลังงานสูงในช่วงเวลาสั้นระดับ Picosecond เข้าไปจัดการเม็ดสีเมลานินที่สะสม อันเป็นสาเหตุของรอยคล้ำใต้ตาสีน้ำตาลหรือเทาโดยเฉพาะ ทำให้เม็ดสีแตกตัวละเอียดและถูกกำจัดออกไป พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวใต้ตากระจ่างใสขึ้นและเรียบเนียน ลดริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ ได้
จุดเด่น
• มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ในการลดเลือนรอยใต้ตาคล้ำเกิดจากเม็ดสี
• ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน และลดริ้วรอยตื้นๆ ได้
• ใช้เวลาทำไม่นาน และมักมี Downtime น้อยหรือไม่ต้องพักฟื้น
ข้อควรระวัง
• อาจต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
• อาจมีอาการแดง หรือผิวเข้มขึ้นชั่วคราวหลังทำ
• ไม่สามารถแก้รอยใต้ตาร่องลึก หรือถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมัน /ความหย่อนคล้อยได้โดยตรง
• ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหลังทำ
โปรแกรม Ultherapy
การรักษารอยใต้ตาด้วย โปรแกรม Ultherapy คือการใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Micro-Focused Ultrasound) เพื่อส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS กระตุ้นการหดตัวและจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนใต้ผิว รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยยกกระชับผิวรอบดวงตาที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยใต้ตา และทำให้ผิวเฟิร์มขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ
จุดเด่น
• เป็นการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล
• พลังงานลงลึกถึงชั้นผิวที่ต้องการรักษารอยใต้ตาได้อย่างแม่นยำ
• ผลลัพธ์ค่อนข้างอยู่ได้นาน และจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามธรรมชาติ
ข้อควรระวัง
• อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวขณะทำ (มีการใช้ยาชาช่วย)
• ผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ ไม่ได้เห็นผลทันที
• ไม่เหมาะกับการแก้ปัญหารอยคล้ำจากเม็ดสี หรือเติมเต็มร่องลึกโดยตรง
• อาจมีอาการบวมหรือแดงเล็กน้อยหลังทำ
โปรแกรม Plinest
วิธีการรักษารอยใต้ตา ด้วยโปรแกรม Plinest เป็นการใช้สาร Polynucleotide (PN) สกัดบริสุทธิ์จากอสุจิปลาเทราต์ ซึ่งมีความใกล้เคียง DNA มนุษย์ เข้าสู่ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ ปรับสภาพผิวให้แข็งแรง ยืดหยุ่น และดูกระจ่างใสสุขภาพดีขึ้น
จุดเด่น
• ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น
• ค่อนข้างมีความปลอดภัย เข้ากันได้ดีกับร่างกาย ลดโอกาสแพ้
• ช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ และผิวที่ดูอ่อนล้า
ข้อควรระวัง
• อาจต้องฉีดต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• ผลลัพธ์เป็นการค่อย ๆ ฟื้นฟูผิว อาจไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด
• อาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ หรือรอยช้ำจากเข็มหลังทำ ซึ่งจะหายไปเอง
• ไม่สามารถแก้ปัญหาร่องลึกมาก ๆ หรือถุงใต้ตาขนาดใหญ่ได้
โปรแกรมโบท็อก
วิธีการรักษารอยใต้ตาด้วยโปรแกรมโบท็อก (ฉีดโบลดริ้วรอย) เป็นการใช้สาร Botulinum Toxin ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อเล็ก ๆ บริเวณรอบดวงตาที่มีการหดตัวซ้ำ ๆ เช่น บริเวณหางตา (ตีนกา) เพื่อคลายการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น เวลายิ้ม หรือหยีตา ลดเลือนลง ผิวบริเวณนั้นจึงดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโบท็อกใต้ตา โบท็อกใต้ตา
จุดเด่น
• มีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ (Dynamic Wrinkles)
• เห็นผลค่อนข้างเร็ว
• ขั้นตอนการทำหัตถการใช้เวลาไม่นาน
ข้อควรระวัง
• ต้องทำโดยแพทย์ เพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่น หนังตาตก หรือยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ
• ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราว ต้องกลับมาทำซ้ำ
• ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่เกิดจากผิวแห้ง หรือความหย่อนคล้อย รอยคล้ำ หรือถุงใต้ตาได้
• อาจมีรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ทำหัตถการ
วิธีจัดการรอยใต้ตาทั่วไป กับหัตถการเลือกแบบไหนตอบโจทย์
การจะเลือกว่าควรจัดการรอยใต้ตาด้วยวิธีทั่วไป หรือควรเลือกใช้หัตถการนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหา ระดับความรุนแรงของรอยใต้ตา และเป้าหมายของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งสามารถนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นได้ ดังนี้
วิธีจัดการรอยใต้ตาทั่วไป (การดูแลตัวเอง / วิธีธรรมชาติ)
สำหรับผู้ที่มีปัญหารอยใต้ตาในระดับเริ่มต้น เช่น ความคล้ำเล็กน้อย อาการบวม ผิวแห้ง หรือริ้วรอยบาง ๆ รวมถึงผู้ที่ต้องการดูแลและป้องกันอย่างต่อเนื่องโดยไม่ใช้วิธีที่ซับซ้อน การปรับพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากขึ้น ลดการบริโภคอาหารเค็มหรือหวาน และดูแลอาการภูมิแพ้ ร่วมกับการดูแลผิวรอบดวงตาด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างการประคบเย็น ใช้อายครีมที่ให้ความชุ่มชื้น ทาครีมกันแดด และนวดเบา ๆ กระตุ้นการไหลเวียน ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม แม้จะต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการเห็นผล แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ลึกหรือมีสาเหตุจากโครงสร้างผิวได้ในเบื้องต้น
หัตถการลดรอยใต้ตาที่ APEX
หัตถการดูแลรอยใต้ตาที่ APEX เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในระดับปานกลางถึงรุนแรง เช่น รอยคล้ำเข้ม ริ้วรอยหรือร่องลึก ถุงใต้ตา และความหย่อนคล้อย หรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งใช้ระยะเวลาสั้นกว่าวิธีทั่วไป โดยเน้นการรักษาเฉพาะจุดด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคที่หลากหลาย เช่น โปรแกรมเลเซอร์, โปรแกรม Pico, โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์, โปรแกรมโบท็อก, โปรแกรม Ultherapy, หรือโปรแกรม Plinest ทั้งนี้การทำหัตถการจำเป็นต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ และเหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณเพียงพอ เพราะแม้ว่าหัตถการเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ส่วนใหญ่ไม่ถาวร ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง
สรุปแล้วหากปัญหารอยใต้ตาอยู่ในระดับเริ่มต้น เน้นป้องกัน หรือต้องการดูแลเสริม ควรเลือกวิธีทั่วไปควบคู่กับการปรับพฤติกรรม แต่หากปัญหาระดับปานกลางถึงรุนแรง ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน รวดเร็ว หรือแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ควรเลือกทำหัตถการลดรอยใต้ตาที่ APEX โดยแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ เพื่อประเมิน และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายของตัวเองมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหารอยใต้ตา
รอยใต้ตาหายเองได้ไหม
รอยใต้ตาบางประเภทที่เกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น ความอ่อนเพลีย หรืออาการบวมเล็กน้อย อาจดีขึ้นหรือหายไปได้เองเมื่อได้รับการพักผ่อนหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม แต่ถ้าเกิดจากพันธุกรรม โครงสร้างผิว หรือเม็ดสีสะสม มักไม่หายไปเองและต้องอาศัยการรักษา
ริ้วรอยใต้ตา อายุน้อยเป็นได้ไหม
ริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวัยผู้ใหญ่เสมอไป โดยอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุกรรม การแสดงสีหน้าซ้ำๆ การขยี้ตาบ่อย ๆ รวมถึงการเผชิญแสงแดดโดยไม่ป้องกัน หรือการที่ผิวบริเวณนั้นแห้งขาดความชุ่มชื้น
หัตถการลดรอยใต้ตา ให้ผลถาวรไหม
หัตถการส่วนใหญ่ เช่น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ โปรแกรมโบท็อก โปรแกรมเลเซอร์ หรือโปรแกรม Ultherapy มักให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร เนื่องจากสารที่ใช้จะค่อย ๆ สลายไป และผิวหนังอาจจะเสื่อมสภาพตามธรรมชาติและได้รับผลกระทบจากปัจจัยกระตุ้น จึงจำเป็นต้องมีการกลับมาทำซ้ำหรือดูแลต่อเนื่อง เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ที่ดีเอาไว้
สรุปพฤติกรรมที่ทำให้เกิดรอยใต้ตา และวิธีจัดการตรงจุดที่ APEX
ปัญหารอยใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นรอยคล้ำ ริ้วรอย หรือความหย่อนคล้อย มักเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เราอาจมองข้าม ตั้งแต่การขมวดคิ้วหรือหยีตาซ้ำ ๆ การทำความสะอาดผิวรอบดวงตาอย่างรุนแรง การเผชิญแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน การดื่มเครื่องดื่มที่ทำให้ขาดน้ำ การใส่คอนแทคเลนส์ไม่เหมาะสม การพักผ่อนไม่เพียงพอ ไปจนถึงการใช้สกินแคร์ผิดวิธี ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อผิวบอบบางใต้ตา ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
ซึ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยใต้ตา ซึ่งอยู่ในระดับรุนแรงจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการทั่วไป การเลือกใช้หัตถการที่ช่วยลดรอยใต้ตาไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ โปรแกรมโบท็อก โปรแกรม Plinest หรือโปรแกรม Ultherapy ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ทั้งนี้การเลือกหัตถการที่เหมาะสม จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพปัญหา และวางแนวทางที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลร่วมด้วย
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาในการแก้ปัญหารอยใต้ตา หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ 7 สาเหตุของรอยใต้ตา พฤติกรรมที่อาจเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ดวงตา,รอยใต้ตา หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
รอยใต้ตา ต้นเหตุของปัญหาหน้าไม่สดใส ดูแก่กว่าวัย เกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะพฤติกรรมเคยชินที่อาจคาดไม่ถึง ซึ่งจะมีอะไรบ้าง และควรเลือกโปรแกรมฉีดใต้ตายังไง เช็กเลย