บทความเกี่ยวกับ : ดึงหน้า , ศัลยกรรมดึงหน้า

ทำตาสองชั้น 25,000
เสริมหน้าอก Mentor 69,000

ศัลยกรรมดึงหน้า คืออะไร ดึงหน้าดีอย่างไร? ควรผ่าตัดแบบไหนดี?

การผ่าตัดดึงหน้า คืออะไร
การศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift หรือ Rhytidectomy) คือ การปรับรูปหน้าให้ยกกระชับแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยตามอายุ เป็นการผ่าตัดตกแต่งบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS หรือ Superficial Musculo Aponeurotic System ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังและไขมันที่อยู่ลึก โดยมีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อพังผืดห่อหุ้มกล้ามเนื้ออยู่

การดึงหน้าทางแพทย์จะทำการเลาะและดึงบริเวณผิวหนังชั้นลึก ที่อยู่ใต้กล้ามเนื้อชั้นตื้นบนใบหน้า เพื่อเป็นการกระชับกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังให้ยกขึ้น ในบางเคสจะทำการตัดผิวหนังส่วนเกินเพื่อเพิ่มความกระชับให้ผิว และแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้า ตั้งแต่ส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่างให้ผิวกลับมากระชับ เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ช่วยยกกระชับจุดไหนบ้าง?
การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เป็นการช่วยยกกระชับผิวหนังเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ที่เกิดขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดึงหน้าจะนิยมยกกระชับบริเวณ ดังนี้

• บริเวณหน้าผาก (Forehead Lift) การดึงหน้าช่วยยกกระชับผิวหนังบริเวณหน้าผาก แก้ไขปัญหาริ้วรอย รอยย่นระหว่างคิ้ว รวมถึงปัญหาคิ้วตก
• ใบหน้าส่วนบน (Upper Face Lift / Temporal Lift) เป็นการดึงหน้าบริเวณขมับ หางคิ้ว แก้ปัญหาหางคิ้วตก ทำให้หน้าดูเศร้าไม่สดใส
• ใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face Lift) จะทำการดึงหน้าบริเวณใต้ตาไปถึงบริเวณเหนือริมฝีปาก ช่วยยกกระชับในส่วนของแก้ม ร่องแก้มที่มีความหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น
• ใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face Lift) เป็นการดึงหน้าบริเวณใต้ริมฝีปาก ร่องน้ำหมาก กรอบคาง เพื่อช่วยยกกระชับบริเวณแก้มล่างที่มีความหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าดูชัดมากยิ่งขึ้น
• การดึงหน้าบริเวณลำคอ สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวที่มีความหย่อนคล้อยบริเวณคอ หรือมีริ้วรอยที่คอเยอะ ให้กระชับ เรียบเนียนมากขึ้น
ทั้งนี้การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้านั้นขึ้นอยู่กับปัญหาของผิว รวมทั้งดุลยพินิจของแพทย์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิน วิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการรักษาเทคนิคดึงหน้าที่เหมาะสม

ผิวหน้าแบบไหนที่เหมาะกับการศัลยกรรมดึงหน้า
• ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกและรอยพับบนผิวชัดเจน ศัลยกรรมดึงหน้าเหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยลึกและรอยพับที่เห็นได้ชัดเจน ช่วยยกระชับพร้อมปรับให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
• ผู้ที่มีผิวหน้าส่วนบนหย่อนคล้อยและปัญหาคิ้วตก การดึงหน้าสามารถช่วยยกคิ้วและผิวหน้าส่วนบน เพื่อยกกระชับบริเวณที่คิ้วตก ปรับเปลี่ยนทรงคิ้วให้ยกขึ้น ทำให้หน้าดูสดใสอ่อนเยาว์ลง
• ผู้ที่มีไรผมถึงคิ้วกว้างขึ้นจากการห้อยย้อยของผิวหนัง สำหรับใครที่มีระยะระหว่างไรผมกับคิ้วกว้าง เพราะผิวที่ห้อย หย่อนคล้อยนั้น การดึงหน้าจะช่วยลดปัญหานี้ได้
• ผู้ที่มีปัญหาหนังตาอ่อนแรงและหย่อนคล้อย ปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยบังชั้นตา หรือทำให้หางตาตกนั้น การดึงหน้าร่วมกับการศัลยกรรมตา จะช่วยแก้ปัญหาหนังตาที่ดูอ่อนแรงได้ ทำให้ได้ดวงตาที่กลมโต ทั้งยังช่วยเพิ่มการมองเห็นได้มากขึ้น
• ผู้ที่มีร่องแก้มลึก, แก้มห้อย, และมุมปากตก การดึงหน้าสามารถช่วยยกกระชับผิวที่ห้อย และลดความลึกของร่องแก้ม ทั้งยังช่วยยกมุมปากขึ้น ให้ใบหน้ากลับมากระชับอีกครั้ง
• ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัดเจนและมีปัญหาแก้มส่วนล่างหย่อนคล้อย การดึงหน้าสามารถช่วยให้แก้มส่วนล่างและคอกระชับขึ้น พร้อมปรับกรอบหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น
• ร่องรอยพับที่คอ และคอหย่อนคล้อย การดึงหน้านั้นสามารถรวมได้ถึงการศัลยกรรมคอ (neck lift) สำหรับใครที่มีรอยพับที่คอ ผิวหย่อนคล้อย สามารถดึงให้ผิวมีความเต่งตึงกระชับได้มากขึ้น

การผ่าตัดดึงหน้า มีกี่แบบ?

เทคนิคดึงหน้า DFL Techniques (DEEP PLANE FACE LIFT)
การศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิคพิเศษจาก APEX Surgery Hospital: โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ ที่ทางคุณหมอสมบูรณ์ ได้พัฒนาเทคนิคดึงหน้าจากเกาหลี เป็นการศัลยกรรมดึงหน้าชั้นลึกเทคนิคดึงหน้า DFL Techniques (DEEP PLANE FACE LIFT) เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ทันสมัย เทคนิคพิเศษสามารถดึงได้ลึกถึงชั้นผิว SMAS ชั้นผิวที่ลึกของผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยตีนกา ถุงใต้ตา ร่องแก้ม คาง และลำคอ กระชับผิวให้เต่งตึงขึ้น กำจัดชั้นไขมัน และชั้นผิวที่เสื่อมสภาพ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนภายในชั้นผิว ยกผิวเต่งตึง เรียบเนียน อยู่ได้นานขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ มาพร้อมเทคนิคซ่อนรอยแผล ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการดึงหน้าแบบเดิม ๆ

เทคนิคดึงหน้า Endotine
เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าแบบส่องกล้อง Endotine (เอนโดไทน์) เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าโดยใช้เทคนิคการส่องกล้อง (Endoscopic Face Lift ) ทำให้ได้แผลเล็กสุด บวมน้อยสุดและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งเอนโดไทน์ เป็นวัสดุชนิดพิเศษที่มีลักษณะเป็นหมุดขนาดเล็ก ทำจากวัสดุ Bio-Plastic ที่ที่ย่อยสลายได้เอง ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง โดย Endotine จะทำหน้าที่ยึดผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ยกคิ้ว หรือปัญหาริ้วรอยร่องลึกบนหน้าผาก ลดขนาดของหน้าผาก ทั้งยังสามารถดึงบริเวณหน้าแก้มให้ยกกระชับขึ้น การผ่าตัดดึงหน้าผ่านกล้องทำให้มีแผลขนาดเล็ก พักฟื้นไม่นาน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

เทคนิคดึงหน้าผ่าตัดกรีดร่วมกับการใช้ไหม Elasticum
ไหม Elasticum (อิลาสติกกุม) เป็นไหมประเภทไม่ละลาย (เป็นวัสดุเส้นเอ็นที่ใช้ในการผ่าตัดหัวใจ) ไหม Elasticum จะช่วยเกาะโครงสร้างคอลลาเจนให้แน่นขึ้น เทคนิคดึงหน้านี้มักจะใช้ร่วมกับการกรีดแผลในไรผม โดยความพิเศษของไหมจะแทรกตัวไปในเนื้อเยื่อ จึงเหมาะกับการดึงหน้ายกกระชับในช่วงกลางหน้า ซึ่งตัวไหมอิลาสติกกุมนั้นจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าไหม PDO หรือไม่ละลาย ทั้งนี้หากเป็นคนที่ผิวไม่หย่อนคล้อยมาก สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้ไหมที่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้

เทคนิคดึงหน้า Mini Lift
การดึงหน้าด้วยเทคนิค Mini Lift คือ การผ่าตัดดึงหน้าเฉพาะจุด หรือแค่เฉพาะบางส่วนบนใบหน้า นิยมทำในบริเวณขมับ แก้มส่วนบน ไปจนถึงบริเวณคิ้วและหางตา วิธีนี้มักใช้ร่วมกับไหมอิลาสติก ที่ช่วยยกกระชับช่วงหางตาได้ ทำให้มีแผลเล็กกว่า 0.5 เซนติเมตร โดยแพทย์จะทำการเย็บซ่อนแผล ไว้ที่บริเวณไรผม

เทคนิคดึงหน้า Anterior Lift (Macs lifting)
Anterior Lift (Macs lifting) เป็นการผ่าตัดดึงหน้าในบริเวณหน้าส่วนบนตลอดจนถึงหน้า จะทำการดึงตั้งแต่ผิวชั้นกลางกล้ามเนื้อ และผิวชั้นลึก โดยจะยกกระชับผิวกลางหน้า ทำการเลาะและดึงจนถึงหน้าแก้ม เพื่อดึงให้ผิวกระชับที่สุด จากนั้นจะทำการกรีดแผลบริเวณขอบหูถึงติ่งหู เพื่อเก็บมุมกรอบหน้าให้ยกขึ้น ทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อกรามกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการดึงหน้ายกกระชับใบหน้า และคนที่เคยผ่าตัดกระดูกบริเวณหน้ามาแล้วต้องการเก็บผิวกรอบหน้าให้กระชับมากขึ้น เทคนิคดึงหน้านี้จำเป็นที่จะต้องดูแลโดยศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการ และมีประสบการณ์สูง

เทคนิคดึงหน้า Full Face Lifting
เทคนิคดึงหน้า Full Face Lifting เป็นรูปแบบเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่ครอบคลุมทั้งใบหน้า ตั้งแต่การดึงทั้งหน้าบริเวณกลางหน้า ส่วนล่าง และผิวบริเวณลำคอ โดยจะทำการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณหน้าหูถึงหลังหู เลาะไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเลาะไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ จากนั้นก็แยกเอาผิวหนังชั้นบนและผิวหนังชั้น SMAS ออก และทำการดึงหน้าผิวให้กระชับ พร้อมตัดผิวส่วนเกินออก ให้ผิวกลับเรียบเนียน เต่งตึง ซึ่งเทคนิคดึงหน้านี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์สูง เนื่องจากจากเป็นเทคนิคที่ต้องใช้เวลา และเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน

ข้อดี - ข้อเสีย ของการผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้าไม่ได้มีข้อดีอย่างเดียว ในฐานะศัลยแพทย์ก็จำเป็นต้องชี้แจงข้อดีและข้อเสียให้คนไข้ได้ประกอบการตัดสินใจด้วย จากประสบการณ์ที่ผ่าตัดดึงหน้าทั้งแบบกรีดและร้อยไหมให้แก่คนไข้ทั้งเกาหลี คนไทย รวมถึงต่างชาติได้รวบรวมข้อดีข้อเสียมาให้คนไข้ได้อ่านพิจารณาประกอบการตัดสินใจ

ข้อดีของการผ่าตัดดึงหน้า (facelift)
• ผิวยกกระชับถึงชั้นลึกผลลัพธ์ดี การผ่าตัดดึงหน้าสามารถยกกระชับผิวได้ถึงชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง การทำเช่นนี้ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่าการใช้เครื่องมือยกกระชับ เช่น อัลเทอร่า (Ultherapy)
• ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลง การผ่าตัดดึงหน้าช่วยให้ผิวยกกระชับรับกับกรอบหน้า จึงทำให้หน้าจะดูเรียว และกรอบหน้าคมชัดมากขึ้น
• ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงชัดเจนแต่ยังดูธรรมชาติ การดึงหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของใบหน้า แต่จะยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงและสวยขึ้นในแบบที่ยังคงความเป็นตัวของตัวเองอยู่
• สามารถทำร่วมกับการเติมไขมันหรือ PRP การผ่าตัดดึงหน้าสามารถทำร่วมกับการฉีดไขมันหรือ PRP (Platelet Rich Plasma) ซึ่งเป็นการเติมไขมันของตัวเองเข้าไปบริเวณใบหน้า เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มให้ใบหน้าดูมีมิติขึ้น สามารถเติมได้ ทั้ง หน้าผาก ร่องแก้ม แก้มส้ม หรือขมับ เพื่อให้ผิวดูสุขภาพดี

ข้อเสียของการผ่าตัดดึงหน้า
• หลังดึงหน้าเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้กระทบต่อแผล หลังการผ่าตัดดึงหน้าจะมีอาการบวมและช้ำ ซึ่งอาจอยู่ได้นานประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยจะต้องเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลาการพักฟื้น ให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง และอาจต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หนัก ๆ ที่อาจะทำให้กระทบแผลผ่าตัดได้
• รอยแผลผ่าตัดดึงหน้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากการผ่าตัดดึงหน้ามักจะมีรอยแผลอยู่บริเวณที่หน้าหูหรืออ้อมไปที่หลังหู ซึ่งจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้โดนแสงแดด หรือโดนน้ำในช่วงแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยดำ หรือการเกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รอยแผลผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนกว่าจะเรียบเนียนและหายดี
• ความเสี่ยงจากเทคนิคการดึงหน้า หากใช้เทคนิคการดึงหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือดึงในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์การยกกระชับไม่ชัดเจนและไม่เป็นธรรมชาติ
• ความเสี่ยงจากการเลือดออกระหว่างผ่าตัดดึงหน้า การดึงหน้าลึกถึงชั้นใต้ผิวหนังอาจมีความเสี่ยงต่อการเลือดออกมาก และการคั่งเลือด เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน ต้องดูแลโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวบางประเภท ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา
• รอยบุ๋มไม่สม่ำเสมอ หลังการผ่าตัดดึงหน้าใหม่ ๆ อาจมีความรู้สึกว่าผิวหน้ามีรอยบุ๋มไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากเนื้อเยื่อพังผืดใต้ผิวหนัง การฟื้นฟูจะใช้เวลาในการทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและนิ่มลง
• ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าหน้าจะเข้าที่ หลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ต้องมีเวลาพักฟื้นเพื่อรอให้แผลและใบหน้าเข้าที่อย่างน้อย 2-3 เดือน ใบหน้าถึงจะสามารถแสดงสีหน้าและอารมณ์ได้เป็นธรรมชาติ หากใครที่ต้องออกงานสังคม หรือมีงานสำคัญควรเผื่อเวลาในการพักฟื้น
• ไม่สามารถทำให้ร่องแก้มหายได้อย่างสมบูรณ์ การผ่าตัดดึงหน้าอาจทำให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้ร่องแก้มหายไปได้ถาวร เนื่องจากร่องแก้มนั้นเป็นร่องลึกที่ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งเห็นชัด แต่สามารถแก้ไขได้โดยวิธีเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือเติมไขมันตัวเอง เพื่อเติมให้ร่องแก้มตื้นขึ้นได้

ผ่าตัดดึงหน้าอันตรายไหม?
การดึงหน้า ถือเป็นการศัลยกรรมที่มีความซับซ้อน ต้องดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง เนื่องจากเป็นใบหน้านั้นเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและกล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ หลายมัด อาจจะทำให้เกิดอันตรายระหว่างผ่าตัดดึงหน้าได้ และหากแพทย์ที่ดูแลไม่มีความชำนาญ อาจะทำให้ใบหน้าไม่กระชับได้เท่าที่ควร เนื่องจากอาจมีการดึงหน้าผิดชั้น ทำให้เกิดอันตรายต่อเส้นประสาท และเกิดปัญหาตามมาได้ เช่น ใบหน้าผิดรูป มีความเบี้ยว หรือใบหน้ามีการติดเชื้อได้ ดังนั้นควรเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย มั่นใจได้

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้านั้น เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่มีความซับซ้อน และมีความละเอียด จำเป็นที่จะต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ และมีประสบการณ์ในด้านการดึงหน้า เนื่องจากเป็นการผ่าตัดทับซ้อนจึงจำเป็นต้องใช้วิธีดมยาสลบ จึงจะไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางประเภท ดังนี้

1.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น
• โรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงต่อการหายของแผลช้า หรือการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดดึงหน้า
• โรคหัวใจ การผ่าตัดดึงหน้าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาสลบ และความเครียดจากการผ่าตัดดึงหน้า
• โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) ผู้ที่มีปัญหานี้อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเลือดออกและการคั่งเลือด ในช่วงระหว่างผ่าตัดดึงหน้า

2.ผู้ที่มีปัญหาแผลหายช้าหรือเป็นแผลคีลอยด์ง่าย แผลหายช้ากว่าปกติ อาจประสบปัญหาในการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดดึงหน้า แผลคีลอยด์ การเกิดแผลคีลอยด์ (scar keloids) ทำให้รอยแผลหลังการผ่าตัดโดดเด่นและอาจมีปัญหาด้านความสวยงาม

3.ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร การผ่าตัดดึงหน้าในช่วงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และทารก การผ่าตัดควรหลีกเลี่ยงในช่วงเวลานี้

4.ผู้ที่มีความคาดหวังสูงเกินไป การผ่าตัดดึงหน้าอาจไม่สามารถทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์หรือสมบูรณ์แบบอย่างที่คาดหวังได้ หากความคาดหวังสูงเกินไปอาจทำให้เกิดความผิดหวังได้

5.ผู้ที่มีความวิตกกังวลมากเกินไป ความวิตกกังวลหรือความเครียดมากเกินไปอาจทำให้กระบวนการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดดึงหน้ายากขึ้น และอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการผ่าตัดดึงหน้า

ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังผ่าตัดดึงหน้า

ข้อปฏิบัติก่อนผ่าตัดดึงหน้า
1.ศึกษาข้อมูลของโรงพยาบาลหรือคลินิก เลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง และตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่มีมาตรฐาน
2.ปรึกษาศัลยแพทย์ ปรึกษาศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญการในเรื่องการผ่าตัดดึงหน้า เกี่ยวกับความกังวล และปัญหาของใบหน้า รวมถึงขอคำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมกับคุณ
3.แจ้งประวัติทางการแพทย์ แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว, ประวัติการแพ้ยา, แพ้สารเคมี, และยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำอย่างละเอียด
4.งดรับประทานยาและอาหารเสริม งดรับประทานยารักษาสิว, วิตามิน, หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, โคลพิโดเกรล (Plavix) เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล
5.งดการทำโปรแกรมโบลดริ้วรอย และโปรแกรมฟิลเลอร์ ควรงดการทำหัตถการเติมโบลดริ้วรอย และ ฟิลเลอร์ บนใบหน้าอย่างน้อย 6 เดือนก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
6.งดการทำหัตถการร้อยไหม งดการร้อยไหมบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 6 เดือนก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
7.ดูแลสุขภาพร่างกาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
8.งดสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการผ่าตัด เนื่องจากอาจมีผลต่อการหายของแผลและการฟื้นฟู
9.หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดดึงหน้าในช่วงที่กำลังมีประจำเดือน
10.งดน้ำและอาหาร ในกรณีที่ใช้ยาสลบร่วม ควรงดน้ำและอาหารรวมถึงลูกอมอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
11.งดการแต่งหน้าและการใส่เครื่องประดับ งดการแต่งหน้า, ทำผม, ทาเล็บ และการใส่เครื่องประดับในวันผ่าตัด

ข้อปฏิบัติหลังผ่าตัดดึงหน้า
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการดูแลแผลผ่าตัดดึงหน้าให้สะอาด และการใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง ในช่วง 1-2 เดือนแรก อาจจะเกิดรอยแผลนูนแดงได้ หลังจากนั้นสามารถทายาในกลุ่ม Silicone gel เพื่อช่วยลดรอยแผลเป็นได้
• ดูแลแผลและหลีกเลี่ยงการสัมผัส หลังการผ่าตัดดึงหน้าควรรักษาความสะอาดของแผล และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถู แคะ แกะ เกาแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• บรรเทาอาการแผลบวมช้ำ ประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำหลังทำการดึงหน้า โดยทำบริเวณรอบ ๆ แผล
• หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนัก หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง หรือเคลื่อนไหวมากในช่วงแรกหลังการผ่าตัด เช่น การออกกำลังกาย การว่ายน้ำ ดำน้ำ
• ควรงดแต่งหน้าในช่วงแรก ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจระคายเคืองต่อผิว ในช่วงแรกของการผ่าตัดดึงหน้าแนะนำให้ใช้สำลีเช็ดบริเวณรอบ ๆ แผลเบา ๆ เพื่อทำความสะอาดแผล
• ควรนอนหัวสูง นอนในท่าที่หัวสูงเพื่อช่วยลดการบวม และเพิ่มความสะดวกในการฟื้นฟู ไม่ควรนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง
• การรับประทานอาหาร หลังการผ่าตัดดึงหน้าในช่วงแรก ควรรับประทานอาหารที่อ่อน ๆ เนื้อไม่แข็ง เพื่อลดการขยับบริเวณร่างกาย ลดการทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง
• ติดตามการนัดหมายหลังการผ่าตัด เข้ารับการตรวจติดตามตามที่แพทย์นัดหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าการไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด และตรวจสอบว่าร่างกายสามารถฟื้นฟูได้ดี

ดึงหน้าที่ไหนดี ? ผ่าตัดดึงหน้าที่ APEX Surgery Hospital ดีไหม?
การผ่าตัดดึงหน้า ถือเป็นการศัลยกรรมผ่าตัดที่มีความซับซ้อน และมีความยาก เนื่องจากใบหน้าเป็นบริเวณที่มีทั้ง กล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นประสาทมากมาย ดังนั้นหากจะทำการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีความปลอดภัย และแพทย์ที่มีความชำนาญการมีประสบการณ์สู

• มาตรฐานของสถานพยาบาล ตรวจสอบสถานพยาบาลว่ามีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องและได้รับการรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย และการปฏิบัติตามหลักการทางการแพทย์
• ชื่อเสียงของศัลยแพทย์ เลือกศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญการ และมีประสบการณ์ในการ ดึงหน้า ที่สามารถตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพ และผลงานที่ผ่านมาได้ หรือดูจากรีวิวของผู้ที่เคยรับบริการ เพื่อความมั่นใจในความสามารถของแพทย์
• โรงพยาบาลเฉพาะทาง เลือกสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการดึงหน้า โดยมีกระบวนการและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน และมีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการทำศัลยกรรมใบหน้า
• ห้องผ่าตัดทันสมัย ต้องมีอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ และเทคโนโลยีที่ใช้ในห้องผ่าตัด ที่มีความทันสมัย มีมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย
• การติดตามอาการหลังผ่าตัด สถานพยาบาลควรมีการติดตามอาการหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด รวมถึงการให้คำแนะนำและดูแลหลังการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
• การศึกษาข้อมูลและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ควรศึกษาข้อมูลของสถานพยาบาลอย่างละเอียด และเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาใบหน้า และวางแผนการรักษาดึงหน้าที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด

APEX Surgery Hospital: โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมเฉพาะทางที่มีมาตรฐาน และเปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ได้รับความนิยมอย่างมากในด้านศัลยกรรม มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มากประสบการณ์ รวมถึงการบริการที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ห้องพักรับรองที่กว้างขวาง ทำให้มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ดึงหน้า เข้าที่กี่วัน? ดึงหน้าอยู่ได้กี่ปี?
คำถามที่หลายคนอยากรู้ คือ หากทำการผ่าตัดดึงหน้า จะเข้าที่กี่วัน โดยทั่วไปแล้วหลังผ่าตัดดึงหน้าในช่วงแรก 7-14 วัน จะมีอาการบวมช้ำมาก และอาการจะค่อย ๆ จางหายไปใน 2-3 สัปดาห์ หลังจากนั้นใบหน้าจะเริ่มเข้าที่ในช่วง 1 เดือน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากนั้น 3-6 เดือน และการดึงหน้านั้นจะอยู่ได้นานถึง 5-10 ปี ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพผิว เทคนิคในการผ่าตัดดึงหน้า รวมถึงการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วย

ดึงหน้าตอนอายุเท่าไรดี ?
การดึงหน้าจะช่วยแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย และริ้วรอย สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 30 -70 ปี หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอย ผิวหนังที่เริ่มหย่อนคล้อยตามอายุ โดยแผลดึงหน้าจะถูกซ่อนไว้บริเวณแนวไรผมและขอบใบหู

หลังดึงหน้า สระผมได้ไหม? ย้อมสีผมได้ไหม?
หลังทำการดึงหน้าสามารถสระผมหลังทำได้ใน 2 วันหลังผ่าตัด ทั้งนี้ควรทำด้วยความระมัดระวัง ไม่เกา และใช้ไดร์เป่าผมลมเย็นในการเป่าให้แห้ง ทั้งนี้แนะนำให้ติดพลาสติกกันน้ำรอบ ๆ บริเวณแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันน้ำเข้า หากใครต้องการทำสีผม สามารถทำได้หลังจากที่แผลแห้งสนิทแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือการแพ้น้ำยาจากสารเคมี

หลังผ่าตัดดึงหน้าต้องรัดหน้าไหม?
• การใช้ผ้ารัดหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัดดึงหน้าในวันแรก ควรใส่ผ้ารัดหน้าอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยควบคุมอาการบวม และลดความเสี่ยงจากการเกิดเลือดคั่งในบริเวณที่ทำการผ่าตัด
• การใส่ผ้ารัดหน้าในช่วง 7 วันแรก ในช่วง 7 วันแรกหลังการผ่าตัดดึงหน้า ควรใส่ผ้ารัดหน้าอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากช่วยลดการบวมแล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้าเข้าที่และรักษารูปทรงที่ต้องการ
• การพักผ้ารัดหน้า ไม่ควรรัดหน้าตลอดเวลา การให้เลือดไหลเวียนในบริเวณที่ทำการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใส่ผ้ารัดหน้าเมื่อนอนหลับ หรือเมื่อแพทย์แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องใส่

โดยศัลยแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรัดหน้าหลังผ่าตัดดึงหน้าให้เฉพาะบุคคล รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เพื่อให้ฟื้นตัว และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เป็นการช่วยยกกระชับผิวหนังเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ที่เกิดขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดึงหน้าจะนิยมยกกระชับบริเวณ ดังนี้

1985
ทำตาสองชั้น 25,000
เสริมหน้าอก Mentor 69,000
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น