บทความเกี่ยวกับ : ดูดไขมัน

ทำตาสองชั้น 25,000
เสริมหน้าอก Mentor 69,000

ทำไมต้องดูดไขมัน ศัลยกรรมดูดไขมัน คืออะไร
การศัลยกรรมดูดไขมัน (Liposuction) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณร่างกาย โดยการดูดไขมันนั้น จะใช้เครื่องมือลักษณะคล้ายท่อยาวใส่เข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อทำการดูดไขมันส่วนเกินออก โดยสามารถทำได้หลายส่วนทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน คอ ก้น เป็นต้น  การดูดไขมันจะช่วยลดจำนวนไขมันสะสม และช่วยลดสัดส่วนได้ ทั้งนี้การดูดไขมันไม่สามารถทำได้ในปริมาณมาก ๆ ภายในครั้งเดียว เนื่องจากอาจจะมีความเสี่ยงในการเสียเลือดมาก การดูดไขมันนั้นจำเป็นที่จะต้องเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญสูง เนื่องจากเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมดูดไขมันที่มีความเสี่ยงสูง

ศัลยกรรมดูดไขมัน ผ่าตัดดูดไขมัน ช่วยเรื่องอะไร?
ผ่าตัดดูดไขมัน เป็นอีกหนึ่งวิธีการลดสัดส่วนเฉพาะจุดบนร่างกาย โดยการผ่าตัดดูดไขมันนั้นควรปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ในการดูดไขมัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน และมีความเสี่ยงจึงต้องดำเนินการโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น โดยแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาศัลยกรรมดูดไขมันในแต่ละจุด จากนั้นจะทำเครื่องหมายไว้บนร่างกาย และเจาะผิวหนังขนาดเล็กประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร สำหรับใส่ท่อดูดไขมันเรียวเล็กประมาณ 2 – 5 มิลลิเมตร โดยท่อดูดไขมันจะต่อกับเครื่องปั๊มสุญญากาศ หรือเครื่องอัลตราซาวนด์ ปริมาณของไขมันที่ดูดออกมาจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดว่าจะมีมากหรือมีน้อยเพียงใด หลังจากผ่าตัดดูดไขมันจำเป็นที่จะต้องใช้ผ้าพัน หรือชุดกระชับสัดส่วน เพื่อให้ผิวกระชับขึ้น

ดูดไขมันทิ้ง และ ดูดไขมันเติม ต่างกันอย่างไร?
การดูดไขมันทิ้ง และการดูดไขมันเติม ศัลยกรรมดูดไขมันมีความแตกต่างที่สำคัญในกระบวนการและวัตถุประสงค์ของการทำ ดังนี้

• การศัลยกรรมดูดไขมัน ทิ้ง (Liposuction with Thermal Energy)
วัตถุประสงค์ มักใช้เพื่อลดไขมันสะสมในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่ต้องการปรับรูปทรง เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือเอว

เครื่องมือและเทคโนโลยี เทคนิคศัลยกรรมดูดไขมันนี้จะใช้พลังงานความร้อน เพื่อสลายไขมัน เช่น Vaser หรือ BodyTite โดยพลังงานความร้อนจะทำให้ไขมันแตกตัวเป็นน้ำมันเหลว ทำให้สามารถดูดออกได้ง่าย โดยไขมันที่ถูกดูดออกจะถูกทำลาย ไม่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้

• การ ศัลยกรรมดูดไขมัน เติม (Liposuction for Fat Grafting)
วัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และความสวยงามในจุดต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น การเติมไขมันเพื่อเสริมหน้าอก หรือใบหน้าให้ดูเต็มอิ่มขึ้นอย่างธรรมชาติ

เครื่องมือและเทคโนโลยี ศัลยกรรมดูดไขมันใช้เครื่องมือที่ไม่สร้างพลังงานความร้อน เช่น Body-Jet หรือ MicroAire โดยเครื่องเหล่านี้จะดูดไขมันออกมาโดยไม่ทำลายเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปใช้งานต่อได้ เช่น นำไปเติมในบริเวณอื่นของร่างกายที่ต้องการเพิ่มปริมาณ เช่น หน้าอก ใบหน้า หรือสะโพก

ดูดไขมันเหมาะกับใคร
• ผู้ที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังสะสมเยอะ ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินที่จับได้เป็นก้อนใต้ผิวหนัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสะสมของไขมันเฉพาะจุด

• ผู้ที่มีสัดส่วนที่ไม่สมดุล เช่น ผู้ที่มีช่วงลำตัวเล็กแต่ต้นขา หรือสะโพกใหญ่ หรือคนที่รูปร่างไม่มีส่วนเว้าโค้ง อยากให้ร่างกายสมดุล

• ผู้ที่มีค่า BMI ปกติ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติแต่อาจจะมีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยการลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหารได้

• ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ผู้ที่ไม่เป็นโรคติดต่อหรือโรคร้ายแรง ที่อาจส่งผลกระทบต่อการผ่าตัด

• ผู้ที่ขาดความมั่นใจในรูปร่างของตนเอง ศัลยกรรมดูดไขมันเหมาะกับคนที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง อยากเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น

ใครที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมัน
• ผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ ศัลยกรรมดูดไขมันสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเส้นเลือดหัวใจนั้น การดูดไขมันอาจมีความเสี่ยงสูง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

• ผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือดสมอง เป็นโรคที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง อาจทำให้การศัลยกรรมดูดไขมันเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน

• ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases) เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีตัวเอง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด และเกิดอันตรายได้

• ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อและการฟื้นตัวที่ช้า

• ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ที่ยังควบคุมระดับไม่ได้ โรคไทรอยด์ที่ยังควบคุมระดับไม่ได้นั้น อาจทำให้กระบวนการฟื้นตัว และการทำหัตถการมีความเสี่ยงสูง

หากมีอาการผิวย้วยมากหลังการลดน้ำหนัก หรือศัลยกรรมดูดไขมัน อาจจะต้องใช้การผ่าตัดหนังหน้าท้องร่วมด้วย หรือใช้เทคโนโลยีในการยกกระชับผิว เพื่อให้ผิวดูกระชับเข้ารูปขึ้น ได้รูปร่างในแบบที่ต้องการ

ตำแหน่งดูดไขมัน ทำจุดไหนได้บ้าง?
การดูดไขมันสามารถทำได้หลายตำแหน่งทั่วร่างกาย เพื่อช่วยลดสัดส่วนได้ตรงจุด การศัลยกรรมดูดไขมันในปัจจุบันมักนิยมใช้เทคนิคการซ่อนแผล เพื่อทำให้มองไม่เห็นแผล โดยขนาดแผลจะมีขนาดประมาณ 3 มม. การดูดไขมันสามารถทำได้หลายตำแหน่ง ทำให้แต่ละจุดที่ดูดไขมันนั้นจะมีตำแหน่งแผลที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.ดูดไขมันบนใบหน้าเหนียง คอ กรอบหน้า
การดูดไขมันบนใบหน้า เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งบริเวณใบหน้าสามารถทำได้ทั้ง เหนียง คอ และกรอบหน้า การศัลยกรรมดูดไขมันช่วยแก้ปัญหาเหนียงใต้คาง คางสองชั้น ทั้งยังช่วยให้กรอบหน้าดูคมชัดมากยิ่งขึ้น เพิ่มมิติให้ใบหน้า ไม่ต้องพักฟื้นนาน จะมีแผลบริเวณใต้คาง

2.ดูดไขมันหน้าท้อง
ศัลยกรรมดูดไขมันบริเวณนี้เป็นตำแหน่งยอดนิยมในการดูดไขมัน ช่วยลดไขมันหน้าท้อง และสร้างรูปร่างให้เรียวสวยขึ้น เช่น การทำร่อง 11 หรือซิกแพค หรือการดูดไขมัน Sexyline ที่จะช่วยทำให้หน้าท้องสวยมากขึ้น หากดูดไขมันบริเวณหน้าท้องบน จะมีแผลอยู่บริเวณใต้ราวนม และหากดูดไขมันบริเวณหน้าท้องล่าง จะมีแผลบริเวณแนวบิกินี่ไลน์ หรือ ใต้ขอบการเกงใน

3.ดูดไขมันต้นแขน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้ท้องแขน ศัลยกรรมดูดไขมันช่วยทำให้แขนเรียวสวยขึ้น โดยบางกรณีอาจทำการผ่าตัดนมน้อยร่วมกับการดูดไขมันต้นแขน โดยแผลอยู่บริเวณเหนือข้อศอก พรือในบางเคสที่ผ่าตัดร่วมกับนมน้อยนั้นอาจจะมีแผลบริเวณรักแร้เพิ่ม

4.ดูดไขมันรอบเอว-ปีกหลัง
การดูดไขมันบริเวณช่วงเอว หรือปีกหลัง ช่วยลดไขมันบริเวณรอบเอวและปีกหลัง เพื่อปรับสัดส่วนให้ดูเอวคอดและลำตัวบางลง ลดห่วงยางบริเวณรอบ ๆ เอว

5.ดูดไขมันต้นขาด้านใน-ด้านนอก
ศัลยกรรมดูดไขมันช่วยลดปัญหาขาใหญ่ แก้ไขปัญหาขาเบียด ทำให้ขาดูเรียวและมีสัดส่วนที่สม่ำเสมอทั้งต้นขาด้านในและด้านนอก โดยจะมีแผลอยู่บริเวณต้นขาด้านหน้าและด้านหลัง

6.ดูดไขมันผู้ชาย
ปัญหาที่ผู้ชายหลาย ๆ คนอาจจะพบเจอเมื่ออายุมากขึ้น คือ ปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง หรือพุง ไม่ว่าจะเป็น พุงเบียร์ หรือ อ้วนลงพุง การดูดไขมันจะช่วยแก้ไขปัญหาส่วนเกินโดยเฉพาะ ทำให้หน้าท้องแบนราบขึ้นได้ ทั้งศัลยกรรมดูดไขมันยังช่วยสร้างร่องซิกแพคได้อีกด้วย

7.ดูดไขมันทั้งตัว
สำหรับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนในทุกจุด การดูดไขมันทั้งตัวช่วยกำจัดไขมันสะสมในหลายบริเวณพร้อมกัน เช่น เหนียง ต้นแขน หน้าท้อง และต้นขา แต่ในบางกรณี โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเยอะอาจจะไม่สามารถดูดไขมันทั้งหมดได้ในครั้งเดียว เพื่อความปลอดภัยควรแบ่งรอบในการศัลยกรรมดูดไขมัน

วิธีเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
การเตรียมตัวที่ดีสามารถช่วยให้การศัลยกรรมดูดไขมันเป็นไปอย่างปลอดภัย และช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งข้อปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมันนั้น มีดังนี้

• แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด ก่อนศัลยกรรมดูดไขมัน ควรแจ้งโรคประจำตัว ประวัติการรักษา ประวัติการทานยา อาการแพ้ยา ต่าง ๆ กับแพทย์ให้ละเอียด เช่น โรคร้ายแรง โรคประจำตัว ปัญหาฟัน เช่น ฟันโยก ฟันปลอม และการแพ้ยา หรือแพ้อาหารที่อาจมีผลต่อการผ่าตัด

• การเตรียมร่างกายสำหรับการผ่าตัดและวางยาสลบ หากมีภาวะเสี่ยงหรือโรคประจำตัว ก่อนศัลยกรรมดูดไขมัน อาจจะต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์ การตรวจเลือด การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรม เพื่อวางแผนการผ่าตัดดูดไขมันร่วมกันกับศัลยแพทย์

• งดใช้ยาและสมุนไพรบางชนิด 7 วันก่อนการผ่าตัดควรงดใช้ยา ยาบำรุง และสมุนไพรที่อาจมีผลต่อการผ่าตัด เช่น ยาแก้ปวด, ยาแอสไพริน, วิตามินดี, วิตามินซี, วิตามินเอ และน้ำมันตับปลา

• งดสูบบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เนื้อเยื่อตายได้ หากสูบบุหรี่จัดควรแจ้งแพทย์ และงดสูบบุหรี่หลังผ่าตัดศัลยกรรมดูดไขมันอย่างน้อย 2 สัปดาห์

• หยุดดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัด 24 ชั่วโมง และควรหยุดดื่มแอลกอฮอล์หลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์

• อาบน้ำและสระผมให้สะอาด อาบน้ำชำระร่างกายและสระผมให้สะอาดในวันก่อนการผ่าตัด

• ห้ามทาเล็บ งดการทาเล็บเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการผ่าตัดศัลยกรรมดูดไขมัน หรือการตรวจสอบสุขภาพ

• งดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัด หากจะดมยาสลบ งดน้ำและอาหารตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการสูดสำลักน้ำย่อยหรือเศษอาหาร จากกระเพาะอาหารเข้าไปสู่ปอด

• หลีกเลี่ยงช่วงมีประจำเดือน สำหรับผู้หญิงที่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงการทำการผ่าตัดในช่วงที่มีประจำเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
หลังการดูดไขมัน การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ต้องการ ขั้นตอนการดูแลหลังการดูดไขมันที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้

• หลังศัลยกรรมดูดไขมัน 24-48 ชั่วโมงแรก อาจมีอาการปวดแสบร้อน บวม และมีรอยเขียวช้ำที่บริเวณผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และหลังทำควรใส่ชุดรัดรูปตลอดเวลา เพื่อช่วยกระชับผิวหนังและป้องกันการบวม

• ช่วง 1 เดือนหลังการผ่าตัด ควรใส่ชุดรัดรูปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณที่ดูดไขมันเข้ารูปและลดอาการบวม อาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 เดือน และผิวหนังที่ดูดไขมันที่มีลักษณะเป็นคลื่นจะค่อย ๆ ยุบลงอย่างเป็นธรรมชาติในช่วง 3-6 เดือน

• วันที่ 3 หลังผ่าตัดศัลยกรรมดูดไขมัน หากแผลผ่าตัดแห้งดี ไม่มีอาการอักเสบ สามารถอาบน้ำได้ แต่ต้องซับแผลให้แห้งสนิท ห้ามทาครีมบริเวณแผล และสามารถทาแป้งบริเวณอื่นที่รู้สึกคันได้

• 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด แพทย์จะทำการตัดไหมบริเวณแผลผ่าตัดดูดไขมัน และสามารถเริ่มนวดเบา ๆ บริเวณที่มีรอยฟกช้ำได้เพื่อช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น ห้ามใช้ยาป้องกันแผลเป็นนูนเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

• งดออกกำลังกายและทำกิจกรรมหนัก ควรงดออกกำลังกายหนัก และการทำกิจกรรมที่อาจกระทบแผล เช่น การยกของหนัก เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของแผล และช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น

• การดูแลในระยะยาว การดูดไขมันช่วยลดไขมันเฉพาะจุด แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ถาวรและสุขภาพดีในระยะยาว จำเป็นต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไขมันสามารถกลับมาสะสมได้หากไม่มีการดูแลร่างกายอย่างถูกต้อง

• กรณีผิวหนังหย่อนคล้อย สำหรับผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อย เช่น ผู้ที่เคยตั้งครรภ์หรือเคยลดน้ำหนักจำนวนมาก อาจต้องทำการศัลยกรรมกระชับผิวร่วมกับการดูดไขมันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น การผ่าตัดกระชับหน้าท้องหรือต้นแขน

ข้อดี-ข้อเสียของการดูดไขมัน
ข้อดีของการดูดไขมัน
• สัดส่วนดูเล็กลงทันที ผิวดูกระชับขึ้น การดูดไขมันสามารถทำให้รูปร่างดูดีขึ้นหลังจากดูดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดออกไป

• ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ การมีรูปร่างที่ตรงตามความต้องการ จะช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น

• ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกขึ้น การศัลยกรรมดูดไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินในบางจุด สามารถช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกขึ้น

• ช่วยให้แต่งตัวง่ายขึ้น รูปร่างสมส่วนมากขึ้น เมื่อศัลยกรรมดูดไขมันส่วนเกินถูกกำจัดออกไป ทำให้ได้หุ่นที่ตรงใจ สามารถทำให้การเลือกเสื้อผ้าและการแต่งตัวดูดีขึ้น

• เอาไขมันไปเติมส่วนที่ขาดได้ การดูดไขมันสามารถนำไขมันที่ดูดออกมาใช้ในการเติมเต็มส่วนที่ต้องการได้ เช่น การเติมไขมันบริเวณหน้าอก การเติมไขมันหน้าแก้ม เป็นต้น

ข้อเสียของการดูดไขมัน
• ไม่สามารถลดน้ำหนักตัวได้เยอะ การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการกำจัดไขมันเฉพาะส่วน ดังนั้นไม่สามารถลดน้ำหนักตัวได้มาก

• ไม่สามารถลดไขมันในช่องท้องได้ สำหรับใครที่มีไขมันบริเวณช่องท้อง (visceral fat) การศัลยกรรมดูดไขมันจะไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นไขมันที่อยู่รอบ ๆ อวัยวะภายใน อาจะเกิดความเสี่ยงสูง

• อาจรู้สึกเจ็บระหว่างทำ ขึ้นอยู่กับชนิดของยาชาที่ใช้และปริมาณของการดูดไขมัน การรู้สึกเจ็บระหว่างการทำอาจเป็นไปได้

• มีอาการเจ็บ บวมช้ำหลังทำ หลังจากการดูดไขมัน ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บ บวม หรือช้ำที่บริเวณที่ทำการดูดไขมัน

• ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น การพักฟื้นหลังการดูดไขมันอาจใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณและตำแหน่งที่ดูดไขมัน

• มีโอกาสที่จะเกิดผิวเป็นคลื่น ก้อนแข็งก้อนไต หากทำการดูดไขมันโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดปัญหาผิวที่เป็นคลื่นหรือมีการสร้างก้อนแข็งใต้ผิวหนัง

• อาจเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย หากไม่ดูแลตัวเอง หรือหากมีการดูดไขมันปริมาณมากในครั้งเดียว อาจทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยได้

ดูดไขมันที่ไหนดี? ข้อดีของ APEX ดูดไขมัน พร้อมออกแบบสัดส่วน ดียังไง
ดูดไขมันที่ APEX Surgery Hospital โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ มีข้อดีมากมายโดยเฉพาะในด้านความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ มาดูข้อดีว่าทำไมควรเลือกศัลยกรรมดูดไขมันที่ APEX Surgery Hospital

1.มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางศัลยกรรมดูดไขมัน
APEX มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในด้านการดูดไขมันโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์ทำหัตถการมาเป็นเวลานาน เพื่อความแม่นยำและปลอดภัยในการทำหัตถการ รวมถึงความสามารถในการออกแบบสัดส่วน (Body Contouring) ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล  แพทย์จะทำการวิเคราะห์ และประเมินสัดส่วนของแต่ละคนอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความต้องการมากที่สุด

2.เทคโนโลยีศัลยกรรมดูดไขมันที่ทันสมัย
เลือกใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีดูดไขมันที่ทันสมัยได้รับมาตรฐานสากล เช่น เครื่องดูดไขมัน Vaser, BodyTite หรือ Body-Jet เทคโนโลยี J-Plasma ที่ได้รับรองมาตรฐานจากสำนักงานอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และในประเทศไทย ที่สามารถใช้ได้กับหลายจุดของร่างกาย ซึ่งช่วยให้การดูดไขมันมีประสิทธิภาพสูง พร้อมลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและฟื้นตัวเร็ว

เครื่อง J-Plasma ใช้เพื่อลดไขมันในพื้นที่ที่ต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง พร้อมกับการกระชับผิวในบริเวณเดียวกัน เช่น ใบหน้า ลำคอ หรือกรอบหน้า เป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีพลาสมาผ่านก๊าซฮีเลียม ซึ่งถูกพัฒนาเพื่อการฟื้นฟูผิวและการดูดไขมันร่วมกับการกระชับผิว โดยใช้พลังงานจากพลาสมาที่เกิดจากการผสมผสานของคลื่น Radio Frequency (RF) และก๊าซฮีเลียม พลังงานนี้ช่วยให้กระบวนการรักษามีความแม่นยำสูงและกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้างน้อยลง จึงลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและการบาดเจ็บ

ศัลยกรรมดูดไขมันด้วย J-Plasma ช่วยให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อยหลังการดูดไขมันกลับมากระชับอย่างรวดเร็ว และยังช่วยลดริ้วรอย หรือรอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้นจากการศัลยกรรมดูดไขมัน ทำให้การบาดเจ็บน้อยลง ระยะเวลาฟื้นตัวสั้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น

3.ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน
การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการดูดไขมันที่ APEX จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน ทำให้ผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมดูดไขมัน สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ของเรามีบริการ After Care ที่ดูแลอย่างครอบคลุม เช่น การตรวจติดตามผล การนวดกระชับ และการให้คำแนะนำเรื่องการฟื้นตัว เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

4.ศัลยกรรมดูดไขมันมีความปลอดภัยสูง
APEX ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัย ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนทำการผ่าตัดจนถึงการดูแลหลังทำ เรามีวิสัญญีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแล เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เข้ารับการดูดไขมันจะปลอดภัยและไม่มีปัญหาในการดมยา ให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ห้องผ่าตัดเป็นระบบ Positive Pressure ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมความดันภายในห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก ทำให้มั่นใจได้ว่าสะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานสูง

5.ผลลัพธ์ที่เห็นผลได้ชัด
การดูดไขมันที่ Apex Medical Center ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่หลังทำ โดยไม่เพียงแต่ลดไขมันเท่านั้น แต่ยังปรับสัดส่วนให้มีความสมส่วน รูปร่างดีขึ้นตามต้องการ มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง เพื่อดูผลลัพธ์และประสบการณ์ในการรักษา การดูดไขมันผลลัพธ์สามารถเห็นได้ชัดหลังทำ

ดูดไขมันกระชับสัดส่วน อันตรายไหม ?
การศัลยกรรมดูดไขมันไม่ใช่หัตถการที่อันตราย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันความเสี่ยงจากการดูดไขมันน้อยลงมาก เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้มีความทันสมัยขึ้น เช่น ศัลยกรรมดูดไขมันเทคโนโลยี J-Plasma เห็นผลลัพธ์หลังทำ 20-30% ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ทำให้การดูดไขมันง่ายและลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ และแพทย์มีความรู้และประสบการณ์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

ผู้ที่สนใจในการดูดไขมันควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หรือผลข้างเคียง เช่น ผิวไม่เรียบเป็นคลื่น, รอยช้ำและบวม และเส้นประสาทเสียหาย ซึ่งการเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานจะช่วยทำให้การผ่าตัดดูดไขมันนั้น ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนหลังศัลยกรรมดูดไขมัน
ภาวะแทรกซ้อนหลังการดูดไขมันสามารถเกิดขึ้นได้ แม้ว่าโอกาสเกิดจะน้อยมาก แต่อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้มี ดังนี้

1.การติดเชื้อ
การติดเชื้อหลังดูดไขมันเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากตัวยาชาใน Tumescent มีฤทธิ์เป็นกรดช่วยฆ่าเชื้อได้บางส่วน และหัตถการศัลยกรรมดูดไขมันเป็นกระบวนการที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อย แต่หากเกิดการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยการทานยาฆ่าเชื้อ แต่ต้องเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานในการฆ่าเชื้อและใช้เครื่องมือที่สะอาด

2.Seroma (การสะสมน้ำใต้ผิว)
Seroma เกิดจากร่างกายพยายามเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการดูดไขมัน ด้วยการสะสมน้ำใต้ผิว ซึ่งไม่มีอันตรายมากนัก หากปริมาณน้ำสะสมไม่มาก ร่างกายจะดูดซึมได้เอง สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่ชุดกระชับหลังการศัลยกรรมดูดไขมัน หากมีน้ำสะสมเยอะจนรู้สึกไม่สบาย แพทย์จะทำการเจาะเอาน้ำออก โดยมักเกิดกับการใช้เครื่องที่ใช้พลังงานความร้อนในการดูดไขมัน

3.ก้อนไตแข็งใต้ผิว
ก้อนไตแข็ง หรือก้อนแข็งใต้ผิวหนัง สามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น Seroma ห้อเลือด หรือการเกิดพังผืด ก้อนเหล่านี้มักจะค่อย ๆ นิ่มลงได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งการใส่ชุดกระชับ หรือการใช้เครื่องนวดความร้อน เช่น Thermatight การประคบอุ่นสามารถช่วยให้ก้อนแข็งนิ่มลงเร็วขึ้น

4.ผิวเป็นคลื่นหรือผิวไม่เรียบเนียน
การศัลยกรรมดูดไขมันที่ทำให้ผิวเป็นคลื่น หรือไม่เรียบเนียน สามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การดูดไขมันมากเกินไป การดูดผิดตำแหน่ง หรือการดูแลตัวเองไม่ถูกวิธีหลังการผ่าตัด หากผิวเป็นคลื่นเล็กน้อย แพทย์สามารถทำการศัลยกรรมดูดไขมันแก้ไขเพิ่มเติมได้ หรือฉีดไขมันเพื่อปรับให้ผิวเรียบเนียน หากปัญหาไม่รุนแรง การใส่ชุดกระชับและการนวด RF (Radio Frequency) จะช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้

สรุป
การศัลยกรรมดูดไขมัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็น เหนียง แก้ม ต้นแขน ต้นขา ที่ลดได้ยาก หรือต้องการกระชับผิวให้มีรูปร่างที่สมส่วนและถูกใจ ที่ APEX Surgery Hospital ของเราเปิดให้บริการดูดไขมันเฉพาะจุด รวมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบสัดส่วนเฉพาะบุคคล พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย มั่นใจได้ว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

การดูดไขมันทิ้ง และการดูดไขมันเติม ศัลยกรรมดูดไขมันมีความแตกต่างที่สำคัญในกระบวนการและวัตถุประสงค์ของการทำ ดังนี้

1929
ทำตาสองชั้น 25,000
เสริมหน้าอก Mentor 69,000
ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น