บทความเกี่ยวกับ : ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา , โบลดริ้วรอยใต้ตา

โบรักแร้ 9900
ฟิลเลอร์ใต้ตา 12900
โบลดริ้วรอย 4900
โบลดริ้วรอย 4900
Filler 12900

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง ต่างจากฟิลเลอร์ยังไง
บริเวณใต้ตาถือเป็นตำแหน่งบนใบหน้าที่พบปัญหาผิวได้ง่าย เช่น ริ้วรอยใต้ตา รอยเหี่ยวย่น ถุงใต้ตา และปัญหาตาดำคล้ำ เนื่องจากผิวใต้ตามีความบอบบาง ทำให้คนตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป ก็สามารถพบปัญหาริ้วรอยใต้ตาได้ ดังนั้นหัตถการลดเลือนริ้วรอยอย่าง การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา จึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใต้ตาที่เห็นผลเร็ว เมื่อเทียบกับการใช้ครีมบำรุงผิวทั่วไป แต่ก่อนตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ควรศึกษาข้อมูลเพื่อความปลอดภัย ในบทความนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโบลดริ้วรอยใต้ตา เช่น คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง ฉีดโบยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ อันตรายไหม และฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาต่างจากฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไร

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา คืออะไร ต่างจากฟิลเลอร์ยังไง

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากอะไร
ก่อนที่จะไปรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา มารู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยใต้ตา เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใต้ตา ได้แก่

• อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังจะสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ส่งผลให้ผิวบางและมีริ้วรอยเพิ่มขึ้น
• ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวใต้ตาเป็นบริเวณที่บอบบางและมีต่อมไขมันน้อย ทำให้แห้งง่าย เมื่อขาดความชุ่มชื้น ผิวบริเวณนี้จะมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย
• การแสดงอารมณ์ เช่น การยิ้ม การหัวเราะ หรือการหรี่ตา ทำให้ผิวขยับบ่อยตามไปด้วย จึงเกิดริ้วรอย รอยย่น หรือริ้วรอยร่องลึก
• แสงแดดและรังสียูวี ผิวใต้ตาเป็นบริเวณที่บอบบาง เมื่อถูกทำร้ายจากแสงแดดและรังสียูวี ส่งผลให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นเร็วขึ้น
• การสูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
• การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอหรือความเครียดสะสม อาจทำให้ผิวใต้ตาดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอย

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา คืออะไร
การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา คือ การฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) เข้าไปที่บริเวณริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา หรือริ้วรอยรอบดวงตา ให้ดูตื้นขึ้นและผิวเรียบเนียน โดยโบทูลินัมท็อกซินเอเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียชื่อว่า Clostridium Botulinum ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อขยับน้อยลงตามไปด้วย

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยอะไรบ้าง
• ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยลดเลือนริ้วรอยใต้ตา รวมถึงรอยย่น รอยพับ บริเวณใต้ตา
• ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณรอบดวงตาให้ดูจางลง
• ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาและผิวรอบดวงตาเรียบเนียนขึ้น
• ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยชะลอการเกิดใหม่ของริ้วรอย และไม่ทำให้เป็นริ้วรอยร่องลึก
• ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองมากขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า โดยเฉพาะเวลายิ้มหัวเราะ

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาใช้กี่ยูนิต
ปริมาณยูนิตของการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัญหาริ้วรอยของแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์ปัญหาและประเมินให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วปริมาณที่ใช้ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา จะอยู่ที่ประมาณ 2-4 ยูนิตต่อข้าง รวมเป็นประมาณ 4-8 ยูนิต สำหรับทั้งสองข้าง

ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณยูนิตที่ใช้ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ได้แก่

• ความลึกของริ้วรอย หากริ้วรอยมีความลึกมาก อาจต้องใช้ยูนิตมากกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
• ความยืดหยุ่นของผิว ในบางคนที่ผิวยังมีความยืดหยุ่นดี อาจใช้ปริมาณน้อยกว่าคนที่มีผิวสูญเสียความยืดหยุ่นมากขึ้น
• การตอบสนองของกล้ามเนื้อ แพทย์จะพิจารณาการตอบสนองของกล้ามเนื้อใต้ตาเพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม

เนื่องจากบริเวณใต้ตามีความบอบบางมาก การฉีดโบควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำหัตถการ

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตากี่วันเห็นผล
การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาโดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 3-7 วัน หลังจากการฉีดโบ โดยริ้วรอยจะค่อย ๆ จางลง เมื่อกล้ามเนื้อใต้ตาคลายตัวชั่วคราว และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุดภายใน 10-14 วัน หลังการฉีดโบ ซึ่งเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อคลายตัวเต็มที่ และริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาอยู่ได้นานไหม
การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาโดยทั่วไปจะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

• สภาพผิวและการตอบสนองของร่างกาย หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาแต่ละคนอาจตอบสนองต่อตัวยาแตกต่างกัน บางคนอาจเห็นผลนานกว่า 4 เดือน แต่บางคนอาจเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อเร็วกว่า
• ปริมาณที่ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ปริมาณยูนิตที่ใช้และความเหมาะสมของการฉีดโบก็มีผลต่อระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่
• การดูแลหลังการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา การปฏิบัติตัวและดูแลผิวหลังการฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด การนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานขึ้น

หลังจากผลลัพธ์เริ่มลดลง กล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามปกติ และริ้วรอยอาจกลับมาอีกครั้ง การฉีดโบซ้ำอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดโบ เพื่อเว้นระยะห่างการฉีดโบที่เหมาะสม ป้องกันเกิดอาการดื้อโบหลังฉีดโบหลายครั้ง

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตายี่ห้อไหนดี
การเลือกยี่ห้อฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความทนทานต่อผลลัพธ์หลังการฉีดโบ ยี่ห้อฉีดโบที่ได้รับความนิยมมีดังนี้

1.Allergan เป็นโบต้นตำรับจากสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยใต้ตา ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน

2.Dysport เป็นโบจากยุโรปที่กระจายตัวได้ดีกว่าในเนื้อเยื่อ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการผลลัพธ์เป็นธรรมชาติเช่นใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือนเช่นกัน

3.Xeomin เป็นโบท็อกซ์จากเยอรมัน จุดเด่นคือไม่มีโปรตีนเจือปนซึ่งอาจลดโอกาสการดื้อโบท็อกซ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ฉีดโบมานานหรือมีความเสี่ยงต่อการดื้อยา

4.Nabota เป็นโบจากเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในไทยช่วงระยะหลัง เนื่องจากมีราคาไม่แพงมากและมีผลลัพธ์ที่ดี

ก่อนตัดสินใจเลือกยี่ห้อฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาใดก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดโบ เพราะผลลัพธ์ของแต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาราคาเท่าไหร่
ราคาการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ ปริมาณฉีดโบที่ใช้ และคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ ทำให้มีราคาจะต่างกันไปตามปัจจัยเหล่านี้ อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา รวมถึงฉีดโบถุงใต้ตา เพื่อประเมินความเหมาะสมในการฉีดและปริมาณที่ต้องใช้ เนื่องจากราคาขึ้นอยู่กับจำนวนยูนิตของโบที่ฉีดและยี่ห้อที่ใช้ฉีดโบ

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาที่ไหนดี
การเลือกคลินิกฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่ควรพิจารณามีดังนี้

1.คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีใบอนุญาต
ควรเลือกสถานที่ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขและมีความน่าเชื่อถือ โดยสามารถตรวจสอบใบอนุญาตได้จากเว็บไซต์ของคลินิกหรือสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนทำการรักษา

2.เลือกคลินิกที่มีแพทย์มีประสบการณ์
การฉีดโบต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบโดยเฉพาะบริเวณใต้ตา เพราะเป็นบริเวณที่มีความบอบบางและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงมาก

3.ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดโบเป็นของแท้และผ่าน อย.
ควรเลือกคลินิกที่ฉีดโบแท้จากผู้ผลิต ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เช่น Allergan, Dysport, Xeomin, หรือ Nabota ตรวจสอบได้โดยขอให้คลินิกแสดงกล่องและฉลากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อนทำการฉีดโบ

4.รีวิวฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาและความน่าเชื่อถือ
การดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริงเป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบคุณภาพของคลินิก โดยสามารถค้นหารีวิวจากเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, หรือเว็บไซต์ของคลินิก ที่มีรีวิวฉีดโบลดริ้วรอยจากผู้ใช้บริการจริง

5.ราคาและโปรโมชันฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา
แม้ราคาจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ไม่ควรเลือกคลินิกจากราคาที่ถูกเกินไป ควรดูที่ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยเป็นหลัก นอกจากนี้คลินิกหลายแห่งมักมีโปรโมชัน แต่ต้องระวังการฉีดโบปลอมจากคลินิกที่มีราคาต่ำเกินจริง

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาอันตรายไหม
การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาถือว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัย ถ้าดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ แต่เนื่องจากบริเวณใต้ตามีความบอบบางมาก จึงมีความเสี่ยงบางอย่างที่ควรรู้และควรระมัดระวัง

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดโบ
• อาการบวมและรอยช้ำหลังฉีดโบ บางคนอาจมีอาการบวม รอยแดง หรือรอยช้ำในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายไปเองในไม่กี่วัน
• อาการตาแห้งหรือระคายเคืองหลังฉีดโบ หากโบแพร่กระจายไปยังกล้ามเนื้อรอบดวงตา อาจทำให้เกิดอาการตาแห้งหรือระคายเคืองได้
• กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรงหลังฉีดโบ ในบางกรณีที่ฉีดโบไม่ถูกต้อง อาจทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรงชั่วคราว ส่งผลให้มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวของตา เช่น หนังตาตก
• ปัญหาการมองเห็นได้ไม่ชัดชั่วคราวหลังฉีดโบ การฉีดโบผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดชั่วคราว แต่พบได้น้อยมาก
• อาการแพ้หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา บางคนอาจมีอาการแพ้ เช่น มีผื่นคัน หายใจลำบาก หรือบวม ซึ่งเป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องพบแพทย์ทันที

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ต่างจาก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างไร
การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาและการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นสองวิธีที่ใช้ในการลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น แต่ทั้งสองวิธีนี้มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้

1.หลักการทำงาน
• การฉีดโบ เป็นสารที่ช่วยคลายตัวของกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย เช่น ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ การหรี่ตาหรือการยิ้ม โดยทำให้กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยหยุดการทำงานชั่วคราว ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
• ฟิลเลอร์ (Filler) ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ถูกฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มร่องลึกหรือบริเวณที่ผิวบางหรือสูญเสียปริมาตร เช่น ถุงใต้ตาหรือรอยลึก ทำให้ผิวดูฟูและเรียบเนียนขึ้น

2.การใช้สำหรับริ้วรอยใต้ตา
• การฉีดโบ มักใช้สำหรับลดริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยเส้นละเอียดที่เกิดจากการหรี่ตาหรือการแสดงอารมณ์ โบท็อกซ์จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดริ้วรอยเส้นเล็กๆ
ฟิลเลอร์ มักใช้เพื่อแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาหรือร่องลึกใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและหมองคล้ำ ฟิลเลอร์จะเติมเต็มร่องลึกและปรับรูปทรงของบริเวณใต้ตาให้ดูอิ่มขึ้นและอ่อนเยาว์

3.ผลลัพธ์หลังฉีด
• การฉีดโบ ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์มักจะเริ่มเห็นภายใน 3-7 วัน และคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
ฟิลเลอร์ ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์มักจะเห็นได้ทันทีและสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ เหมาะสำหรับการเติมเต็มและแก้ไขร่องลึกใต้ตา

4.การแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ต่างกัน
• การฉีดโบ เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยเส้นเล็กๆ จากการแสดงอารมณ์ แต่ไม่เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาถุงใต้ตาหรือร่องลึก
ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาถุงใต้ตา ร่องลึกใต้ตา หรือการสูญเสียปริมาตรใต้ตา แต่ไม่ได้ช่วยแก้ไขริ้วรอยจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ

5.ความเสี่ยงและผลข้างเคียง
• การฉีดโบ อาจมีอาการบวม รอยช้ำ หรืออาการกล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรงชั่วคราว หากฉีดไม่ถูกต้อง
• ฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวม รอยช้ำ หรือปฏิกิริยาต่อสารฟิลเลอร์ เช่น ก้อนใต้ผิวหนัง หรือฟิลเลอร์เคลื่อนที่ถ้าฉีดไม่ถูกวิธี

6.เหมาะสำหรับใครบ้าง
• การฉีดโบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเส้นละเอียดใต้ตาที่เกิดจากการแสดงอารมณ์
ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาหรือร่องลึกใต้ตา และต้องการปรับรูปทรงบริเวณใต้ตาให้ดูสดใสและเต็มขึ้น

สรุปว่าการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาและฟิลเลอร์ใต้ตา มีความแตกต่างกัน คือ การฉีดโบเหมาะกับริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ใต้ตาที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา ร่องลึก หรือใต้ตายุบลง ดังนั้นการเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับปัญหาและผลลัพธ์ที่คุณต้องการ

ข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา
• การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะช่วยคลายกล้ามเนื้อใต้ตาที่ทำให้เกิดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ เช่น การหรี่ตาหรือการยิ้ม เมื่อกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ริ้วรอยเส้นละเอียดจะดูจางลง
• การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยร่องลึกได้ เพราะช่วยลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยในอนาคต
• การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาผิวบริเวณใต้ตาจะดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น ทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม
• การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาสามารถช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและลดความเหนื่อยล้า ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนกว่าวัย

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยควรทำตามคำแนะนำดังนี้

1.ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตางดใช้ยาบางประเภท
งดยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ยากลุ่ม NSAIDs (เช่น ibuprofen), วิตามิน E หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด เช่น โสม, น้ำมันปลา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีดโบ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออก

2.ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดโบ เพราะแอลกอฮอล์สามารถทำให้เส้นเลือดขยายตัวและเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำได้

3.ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตางดการบำบัดหรือการทรีทเม้นต์ที่ผิวหน้า
ควรงดทำเลเซอร์ ทรีทเม้นต์ผิวหน้า หรือการขัดผิว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีดโบ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการอักเสบของผิว

4.ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรพักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนการฉีดโบ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีหลังการรักษา และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

5.ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรงดการออกกำลังกายหนัก
ควรงดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงหนักอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพราะการออกกำลังกายสามารถทำให้เลือดไหลเวียนเร็วและอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้

6.ก่อนฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบ
หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาบางชนิด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการฉีดโบ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและเตรียมการที่เหมาะสม
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา
การดูแลตัวเองหลังการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โดยมีคำแนะนำดังนี้

1.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือถูใบหน้า
ไม่ควรนวด กด หรือถูบริเวณที่ฉีดโบประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจากฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของโบไปยังจุดอื่นที่ไม่ต้องการ

2.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรงดการก้มศีรษะต่ำหรือการนอนราบทันที
ควรงดการก้มศีรษะหรือการนอนราบภายใน 4-6 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบ เพื่อป้องกันการไหลของสารโบเข้าสู่บริเวณอื่นที่ไม่พึงประสงค์

3.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรงดออกกำลังกายหนัก
ไม่ควรออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบ เพราะการออกกำลังกายสามารถทำให้เลือดไหลเวียนเร็วขึ้น และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบ

4.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรงดสัมผัสความร้อนสูง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนจากแสงแดด, ซาวน่า, การทำเลเซอร์ หรือการบำบัดความร้อนใด ๆ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้โบสลายเร็วขึ้น

5.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดี และช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว หลังจากฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา

6.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดโบ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ

7.หลังฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาควรติดตามผลกับแพทย์
หากมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติหลังฉีดโบ ที่สามารถเกิดขึ้นได้และจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมากหรือมีอาการแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เหมาะสมกับปัญหาริ้วรอยใต้ตาของแต่ละบุคคล และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดโบ

บทความน่ารู้ : ฉีดโบลดกราม

สรุปเกี่ยวกับฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา
สรุปว่า การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา หรือ ฉีด BO ลดริ้วรอยใต้ตา เป็นการใช้สารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum Toxin A) ในการช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราวและขยับน้อยลง ส่งผลให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียนขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ และใบหน้าดูสดใส ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ฉีดโบ)

สำหรับผู้ที่สนใจฉีดโบลดริ้วรอย APEX คลินิกความงามชั้นนำ พร้อมให้การดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และฉีดโบของแท้ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย. เท่านั้น สะดวกสบายในการใช้บริการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา มีหลายสาขาทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์

บทความน่ารู้ : ฉีดโบรักแร้

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา คืออะไร ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาช่วยอะไรบ้าง ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาใช้กี่ยูนิต ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตากี่วันเห็นผล ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาอยู่ได้นานไหม

1173
โบรักแร้ 9900
ฟิลเลอร์ใต้ตา 12900
โบลดริ้วรอย 4900
โบลดริ้วรอย 4900
Filler 12900
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น