บทความเกี่ยวกับ : ลดร่องแก้ม , วิธีลดร่องแก้ม
ลดร่องแก้ม แก้มลึก แก้มย้อย ทำยังไงได้บ้าง ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนทำ
ปัญหาร่องแก้มลึก และแก้มย้อย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเสื่อมสภาพ ของผิวเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าที่เริ่มปรากฏชัด ร่องแก้มลึกทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุเกินกว่าความเป็นจริง ส่วนแก้มย้อยก็ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ และทำให้เกิดความไม่มั่นใจในใบหน้าของตัวเอง
ในปัจจุบัน มีวิธีการและเทคโนโลยีความงามที่สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้ ทั้งการลดร่องแก้มด้วย Hifu และ Oligio รวมถึงการเตรียมตัวที่ถูกต้องก่อนเข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการแก้ไขปัญหาลดร่องแก้มลึกและปัญหาแก้มย้อย พร้อมแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนและหลังทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไปดูกันเลย
ลดร่องแก้ม คืออะไร วิธีลดร่องแก้มลึก แก้มย้อย
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลร่องแก้มลึก แก้มย้อย เกิดจากอะไร?
ปัญหาร่องแก้มลึกและแก้มย้อยเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุ การรู้ถึงสาเหตุของปัญหานี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ดีขึ้น โดยร่องแก้มลึกและแก้มย้อย สามารถเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ? มาดูกัน
• กระบวนการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย
เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวหนังของเราจะเกิดการเสื่อมสภาพเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 30 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ในการทำให้ผิวยืดหยุ่นและกระชับ ส่วนอีลาสตินช่วยให้ผิวกลับคืนสู่รูปเดิมเมื่อยืดหยุ่น เมื่อสารสำคัญทั้งสองนี้ลดลง ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อยของผิว ส่งผลให้ร่องแก้มลึกขึ้นและแก้มย้อยมากขึ้น
• การยุบตัวของโครงสร้างกระดูกใบหน้า
หนึ่งในปัจจัยที่หลายคนไม่ทราบคือการยุบตัวของกระดูกใบหน้า เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างกระดูกของใบหน้าจะเริ่มยุบตัวลง ทำให้ใบหน้าสูญเสียความโค้งเว้าและความแน่นของโครงสร้าง กระดูกบริเวณโหนกแก้ม ขากรรไกร และกรอบหน้าจะเริ่มยุบลง ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยพยุงผิวหนังถูกลดลง ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและร่องแก้มดูชัดเจนขึ้น การยุบตัวของกระดูกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ลง เพราะผิวหนังไม่มีสิ่งที่พยุงและดึงไว้
• การลดลงของไขมันใต้ผิวหนัง
ไขมันใต้ผิวหนังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มเอิบและกระชับ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันที่เคยหนาและเติมเต็มใต้ผิวจะเริ่มลดลง ส่งผลให้ผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณแก้มและร่องแก้ม ไขมันใต้ผิวที่เคยช่วยพยุงผิวและเติมเต็มผิวที่ดูเรียบตึงจะหายไป ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก และแก้มย้อย การสูญเสียไขมันนี้ยังทำให้ใบหน้าดูเหี่ยวเฉาและบางลง
• แรงโน้มถ่วงของโลก
แรงโน้มถ่วงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย โดยเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แรงโน้มถ่วงจะดึงทุกสิ่งลงสู่พื้นดิน รวมถึงผิวหนังบนใบหน้าของเราด้วย เมื่อผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิว แรงโน้มถ่วงจะดึงผิวลง ทำให้เกิดแก้มย้อยและร่องแก้มลึก การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในชีวิตประจำวัน เช่น การพูด การหัวเราะ หรือการยิ้ม ก็ส่งผลต่อการยืดหยุ่นของผิวหน้าด้วยเช่นกัน
• การทำลายจากแสงแดด
แสงแดดมีรังสียูวี ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง รังสียูวีสามารถทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ผิวบางและขาดความยืดหยุ่น เมื่อผิวไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเหมือนเดิม ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อยตามมา การตากแดด โดยไม่ปกป้องผิว ด้วยครีมกันแดด หรือเสื้อผ้า ที่ปกป้องผิวอย่างเหมาะสม เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ร่องแก้มลึก และแก้มย้อยเร็วขึ้น
• ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อผิวหน้าอย่างมาก เมื่อเรามีความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เพียงพอยังทำให้กระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติหยุดชะงัก ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อย
• พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันมีผลต่อสภาพผิวอย่างมาก เช่น การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะทำให้ร่างกายผลิตอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวได้ การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตลดลง ทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ผิวจึงดูหมองคล้ำ หย่อนคล้อย และเกิดร่องลึกมากขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำไม่เพียงพอก็ส่งผลให้ผิวแห้งและขาดความยืดหยุ่น ทำให้ร่องแก้มลึกและแก้มย้อยชัดเจนยิ่งขึ้น
• พันธุกรรม
พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญต่อสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า คนที่มีประวัติครอบครัวที่มีปัญหาร่องแก้มลึกและแก้มย้อย มักจะมีแนวโน้มที่จะเจอปัญหานี้เร็วขึ้น แต่พันธุกรรมไม่ใช่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เพราะแม้จะมีพันธุกรรมที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยง่าย เราก็ยังสามารถใช้วิธีการดูแลผิวและเทคโนโลยีความงามเพื่อชะลอการเกิดปัญหานี้ได้
จากสาเหตุต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ร่องแก้มลึก และแก้มย้อย ทำให้เราต้องหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะมีวิธีการต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยในการลดร่องแก้มลึก หรือแก้มย้อย ทั้งวิธีที่สามารถทำด้วยตัวเอง เช่น การทาครีมบำรุงผิวหน้า การนวดหน้าเป็นประจำก่อนนอน หรือหลายคนก็จะมองหาวิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่จะช่วยลดร่องแก้มได้
ลดร่องแก้ม คืออะไร วิธีลดร่องแก้มลึก แก้มย้อย
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลวิธีลดร่องแก้มลึก แก้มย้อย ทำยังไงได้บ้าง ?
ปัจจุบันมีวิธีทางการแพทย์หลายอย่างที่สามารถลดร่องแก้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทคโนโลยีความงามเหล่านี้ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า เรามาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้าง
• การฉีดฟิลเลอร์ลดร่องแก้ม
ฟิลเลอสามารถลดร่องแก้มลึกให้ตื้นขึ้นด้วยสาร Hyaluronic Acid เห็นผลทันทีและผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
• การฉีดโบลดริ้วรอยร่องแก้ม
การฉีดโบลดริ้วรอยช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดร่องลึก และสามารถลดร่องแก้มได้ โดยเหมาะสำหรับการลดร่องแก้มที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน
• การร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมใช้เส้นไหมดึงกระชับเพื่อลดร่องแก้ม ซึ่งผลลัพธ์จะยกกระชับทันทีและคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
• การผ่าตัดดึงหน้าลดร่องแก้ม
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีการที่ช่วยในการลดร่องแก้มลึกอย่างถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึกมาก
• การใช้ HIFU ลดร่องแก้ม
HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับผิวและลดร่องแก้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
• การใช้ Oligio ลดร่องแก้ม
Oligio ใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวเพื่อลดร่องแก้ม ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
HIFU ลดร่องแก้มได้ยังไง ?
• HIFU เป็นการส่งคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูงลงสู่ชั้นผิว
HIFU ทำงานในการรักษาลดร่องแก้มโดยการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มสูงผ่านผิวหนังเข้าไปยังชั้นผิวลึกที่เรียกว่า SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า คลื่นเสียงจะทำให้ชั้น SMAS หดตัวเหมือนการยกผิว เมื่อชั้น SMAS ถูกหดตัว ผิวหนังบริเวณนั้นจะตึงขึ้น ทำให้แก้มย้อยยกกระชับและสามารถลดร่องแก้มได้
• HIFU กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในการรักษาลดร่องแก้ม
คลื่นความร้อนจาก HIFU จะกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับ เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น ผิวหน้าจะดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้แก้มที่หย่อนคล้อยและร่องแก้มลึกถูกยกขึ้นอย่างธรรมชาติ และสามารถลดร่องแก้มได้
• HIFU เป็นการรักษาลดร่องแก้มโดยไม่ต้องผ่าตัด
ข้อดีของ HIFU คือการยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และไม่ต้องพักฟื้น หลังการทำ HIFU ผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้มด้วย HIFU จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนในช่วง 1-3 เดือนหลังการรักษาลดร่องแก้ม เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนในการรักษาลดร่องแก้มต้องใช้เวลาพอสมควร
ผลจากการทำ HIFU ลดร่องแก้ม เป็นยังไง ?
ผลลัพธ์จากการรักษาลดร่องแก้มด้วย HIFU สามารถคงอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปีหลังจากการรักษาลดร่องแก้ม รวมไปถึงระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษาลดร่องแก้ม ซึ่งการทำ HIFU ลดร่องแก้ม สามารถทำซ้ำได้ทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นในการรักษาลดร่องแก้ม
Oligio สามารถลดร่องแก้มได้ยังไง ?
• Oligio เป็นการส่งพลังงานคลื่นวิทยุเข้าสู่ชั้นผิวลึก
เมื่อทำการรักษาลดร่องแก้มด้วย Oligio อุปกรณ์จะส่งพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงลงไปยังชั้น Dermis (ชั้นผิวหนังแท้) และ ชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีผลในการยกกระชับผิวหน้าคล้ายกับการดึงหน้า พลังงานคลื่นวิทยุนี้จะทำให้เกิด ความร้อน ในชั้นผิว ซึ่งส่งผลให้เซลล์ที่เป็นคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวเกิดการหดตัวและฟื้นฟูตัวเองใหม่
• Oligio สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในการรักษาลดร่องแก้ม
ความร้อนที่ถูกสร้างขึ้นจากคลื่นวิทยุของ Oligio จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต คอลลาเจน และ อีลาสติน ขึ้นใหม่ในบริเวณที่ต้องการลดร่องแก้ม ซึ่งคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ที่ถูกผลิตขึ้นจะช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว ทำให้สามารถลดร่องแก้มที่ลึกได้ อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย
• Oligio สามารถยกกระชับหน้าบริเวณร่องแก้ม
เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ถูกสร้างขึ้น ผิวบริเวณร่องแก้มจะได้รับการยกกระชับและฟื้นฟูให้ดูเต่งตึงขึ้น ผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นจากการที่เส้นใยของคอลลาเจนใหม่จะช่วยดึงผิวขึ้นจากด้านใน โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก (epidermis) นั่นหมายความว่าผิวของคุณจะดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น โดยไม่ต้องมีการบาดเจ็บหรือฟื้นตัวนานหลังจากการลดร่องแก้ม
• Oligio สามารถลดไขมันสะสมใต้ผิวบางส่วนในการรักษาลดร่องแก้ม
นอกจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินแล้ว Oligio ยังสามารถช่วยลดไขมันใต้ผิวบางส่วนที่เป็นสาเหตุให้แก้มดูหย่อนคล้อยหรือเกิดร่องแก้มลึก ความร้อนจากคลื่นวิทยุจะทำให้ไขมันใต้ผิวยุบตัวลง ซึ่งจะช่วยในการลดร่องแก้ม และทำให้ใบหน้าดูเรียวและคมชัดขึ้น
ผลจากการทำ Oligio ลดร่องแก้ม เป็นยังไง ?
• Oligio เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกสบายระหว่างการรักษาลดร่องแก้ม
Oligio ใช้คลื่นวิทยุที่สามารถควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบทำความเย็นในตัวที่ช่วยปกป้องผิวชั้นนอกจากการถูกความร้อนที่มากเกินไป ทำให้การรักษาลดร่องแก้มด้วย Oligio มีความปลอดภัยสูง ผิวหน้าจะไม่ถูกทำลาย และผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม จะรู้สึกสบายระหว่างทำ ไม่มีอาการเจ็บปวดรุนแรง โดยทั่วไปอาจรู้สึกอุ่น ๆ หรือยิบ ๆ เล็กน้อยที่ผิว แต่ไม่มีความรู้สึกไม่สบายหรือความเจ็บแสบ
• Oligio ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนหลังการรักษาลดร่องแก้ม
หลังจากการทำ Oligio ผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้มจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวหน้าและการลดร่องแก้มที่ดีขึ้นทันทีหลังจากการทำเสร็จ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษาลดร่องแก้ม เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและสร้างใหม่เต็มที่ ผิวหน้าจะดูเรียบเนียน กระชับ และร่องแก้มลึกจะดูตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด
• Oligio ทำให้ได้ผลลัพธ์หลังการรักษาลดร่องแก้มที่ยาวนาน
ผลลัพธ์จากการทำ Oligio สามารถคงอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม อย่างไรก็ตาม การทำ Oligio เป็นประจำทุก 6-12 เดือน จะช่วยรักษาผลลัพธ์และช่วยให้ผิวหน้ายังคงกระชับอยู่เสมอ
ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ต้องเตรียมตัวยังไง ?
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนเข้ารับการทำการลดร่องแก้ม คุณควรนัดหมายปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกความงามที่ได้รับมาตรฐาน แพทย์จะประเมินสภาพผิวหน้าและร่องแก้มของคุณเพื่อพิจารณาว่า HIFU หรือ Oligio เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของคุณหรือไม่ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาลดร่องแก้มเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือการฉีดโบร่วมด้วย
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น กรดผลไม้ (AHA), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), เรตินอยด์ (Retinoids) หรือกรดวิตามินเอ ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม อย่างน้อย 3-5 วัน เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวหนังไวต่อการรักษาลดร่องแก้มด้วยคลื่นเสียง
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดอย่างหนักก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากผิวที่ถูกแสงแดดทำร้ายจะมีความไวต่อการรักษาลดร่องแก้มและอาจเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคืองหรือผิวไหม้ นอกจากนี้ คุณควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำเพื่อปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหยุดการทำเลเซอร์หรือการผลัดผิวล่วงหน้า
หากคุณเคยทำเลเซอร์หรือการรักษาผิวหน้า เช่น การผลัดเซลล์ผิว การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น (Microdermabrasion) หรือการลอกหน้าด้วยสารเคมี ควรหยุดทำการรักษาเหล่านี้อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการข้างเคียงระหว่างการรักษาลดร่องแก้ม
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
ก่อนการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง และควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันที่จะเข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการสร้างคอลลาเจนใหม่และการฟื้นฟูผิวหน้า
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ไม่ควรรับประทานยาแก้อักเสบหรือแอสไพริน
ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือยาแก้อักเสบ (NSAIDs) อาจทำให้ผิวไวต่อการเกิดรอยช้ำหลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม หากจำเป็นต้องใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาลดร่องแก้ม
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ก่อนการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะสารในแอลกอฮอล์และบุหรี่มีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดและทำให้กระบวนการฟื้นฟูผิวหลังการรักษาลดร่องแก้มช้าลง
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด
ในวันที่เข้ารับการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรล้างหน้าให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางใด ๆ เพื่อให้ผิวหน้าเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงหรือครีมกันแดดในวันที่เข้ารับการรักษาลดร่องแก้มด้วยเช่นกัน
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรการเตรียมใจและคาดหวังผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล
การทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน แต่ผลลัพธ์อาจไม่ปรากฏทันทีในวันแรก ๆ หลังการรักษาลดร่องแก้ม โดยผิวหน้าจะค่อย ๆ กระชับและร่องแก้มจะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 2-3 เดือนหลังการทำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่คอลลาเจนถูกสร้างขึ้นใหม่ ควรเตรียมใจว่าอาจต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเห็นผลลัพธ์จากการรักษาลดร่องแก้มอย่างเต็มที่
หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ?
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนสูง
หลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ผิวจะไวต่อความร้อนมากขึ้นในระยะ 48 ชั่วโมงแรก จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งความร้อน เช่น
• ไม่ควรอบซาวน่า หรือแช่น้ำร้อน หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ทำให้เกิดความร้อนภายในร่างกายมาก หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลีกเลี่ยงการโดนแดดจ้า ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และสวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม เช่น กรดผลไม้ (AHA), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), เรตินอล (Retinol) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารทำให้ผิวแห้งอย่างรุนแรง เช่น แอลกอฮอล์ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและมีความชุ่มชื้นสูงเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรดูแลผิวด้วยความชุ่มชื้น
หลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ผิวอาจมีความแห้งและตึง เนื่องจากคลื่นอัลตราซาวด์ที่ส่งลงไปในชั้นผิว ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือเซรั่มที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นสูงหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือนวดหน้าหลังทำ
ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มควรหลีกเลี่ยงการกดนวดหน้าหรือทำหัตถการที่รุนแรง เช่น การขัดผิวหรือลอกผิว เนื่องจากผิวจะบอบบางและไวต่อแรงกดมากกว่าปกติ การนวดหรือกดหน้าหลังทำอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการบวมช้ำหลังทำการรักษาลดร่องแก้มได้
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าใน 24 ชั่วโมงแรก
หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการอุดตัน ของรูขุมขน และให้ผิวมีโอกาสฟื้นฟูอย่างเต็มที่ หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม หากต้องการแต่งหน้า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิว
การดื่มน้ำมาก ๆ เป็นสิ่งสำคัญหลังการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม เพราะน้ำจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน ในชั้นผิว หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร) เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ และแอลกอฮอล์จะชะลอกระบวนการฟื้นฟูผิว และการสร้างคอลลาเจนในร่างกายหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์การยกกระชับผิวไม่ชัดเจนและคงอยู่ไม่นาน
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
การออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก เช่น การวิ่งหนัก ๆ หรือการยกน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 48 ชั่วโมงหลังการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม เนื่องจากการออกกำลังกาย ที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง อาจส่งผลให้ผิวที่เพิ่งได้รับการรักษารู้สึกระคายเคือง หรือเกิดอาการบวมแดงมากขึ้น หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรสังเกตอาการหลังการทำ HIFU
แม้ว่าการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มจะมีความปลอดภัยสูง แต่หลังการทำอาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหรือรู้สึกตึงที่ผิวหน้า ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติและจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายใน 1-2 วันหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม หากมีอาการที่รุนแรงหรือผิดปกติ เช่น ผิวไหม้ แสบร้อน หรืออาการบวมไม่ยอมหาย ควรปรึกษาแพทย์ทันที
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรติดตามผลการรักษากับแพทย์อย่างใกล้ชิด
หลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรติดตามผลการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามกำหนด เพื่อให้แพทย์ประเมินผลลัพธ์ของการรักษาลดร่องแก้ม และแนะนำการดูแลผิวในระยะยาว รวมถึงการทำ HIFU เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อรักษาผลลัพธ์หลังทำการรักษาลดร่องแก้มให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วอยากที่จะต้องการคำปรึกษา หรือหาคลินิกที่ตอบโจทย์ในการรักษาลดร่องแก้ม Apex Beauty Clinic เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการดูแลผิวพรรณและมาตรฐานรับรองต่าง ๆ คุณจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย รวมถึงได้ผลลัพธ์จากการรักษาลดร่องแก้มที่น่าพึงพอใจ และสามารถมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ใบหน้าที่กระชับอย่างเป็นธรรมชาติหลังจากการรักษาลดร่องแก้มอย่างแน่นอน
พร้อมแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ? มาปรึกษาเราที่ Apex Beauty Clinic เพื่อปรับรูปหน้าและลดร่องแก้มลึกได้ทันที!