บทความเกี่ยวกับ : ลดร่องแก้ม , วิธีลดร่องแก้ม

Ulthera 15000
Ulthera 9900
Ulthera 9900
ยกหน้าลดแก้มเหนียง ฟรี 100

ลดร่องแก้ม แก้มลึก แก้มย้อย ทำยังไงได้บ้าง ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนทำ
ปัญหาร่องแก้มลึก และแก้มย้อย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเสื่อมสภาพ ของผิวเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าที่เริ่มปรากฏชัด ร่องแก้มลึกทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุเกินกว่าความเป็นจริง ส่วนแก้มย้อยก็ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ และทำให้เกิดความไม่มั่นใจในใบหน้าของตัวเอง

ในปัจจุบัน มีวิธีการและเทคโนโลยีความงามที่สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้ ทั้งการลดร่องแก้มด้วย Hifu และ Oligio รวมถึงการเตรียมตัวที่ถูกต้องก่อนเข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการแก้ไขปัญหาลดร่องแก้มลึกและปัญหาแก้มย้อย พร้อมแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนและหลังทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไปดูกันเลย

ลดร่องแก้ม

ลดร่องแก้ม คืออะไร วิธีลดร่องแก้มลึก แก้มย้อย

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ร่องแก้มลึก แก้มย้อย เกิดจากอะไร?
ปัญหาร่องแก้มลึกและแก้มย้อยเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุ การรู้ถึงสาเหตุของปัญหานี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ดีขึ้น โดยร่องแก้มลึกและแก้มย้อย สามารถเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ? มาดูกัน

• กระบวนการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย
เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวหนังของเราจะเกิดการเสื่อมสภาพเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 30 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ในการทำให้ผิวยืดหยุ่นและกระชับ ส่วนอีลาสตินช่วยให้ผิวกลับคืนสู่รูปเดิมเมื่อยืดหยุ่น เมื่อสารสำคัญทั้งสองนี้ลดลง ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อยของผิว ส่งผลให้ร่องแก้มลึกขึ้นและแก้มย้อยมากขึ้น

• การยุบตัวของโครงสร้างกระดูกใบหน้า
หนึ่งในปัจจัยที่หลายคนไม่ทราบคือการยุบตัวของกระดูกใบหน้า เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างกระดูกของใบหน้าจะเริ่มยุบตัวลง ทำให้ใบหน้าสูญเสียความโค้งเว้าและความแน่นของโครงสร้าง กระดูกบริเวณโหนกแก้ม ขากรรไกร และกรอบหน้าจะเริ่มยุบลง ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยพยุงผิวหนังถูกลดลง ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและร่องแก้มดูชัดเจนขึ้น การยุบตัวของกระดูกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ลง เพราะผิวหนังไม่มีสิ่งที่พยุงและดึงไว้

• การลดลงของไขมันใต้ผิวหนัง
ไขมันใต้ผิวหนังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มเอิบและกระชับ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันที่เคยหนาและเติมเต็มใต้ผิวจะเริ่มลดลง ส่งผลให้ผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณแก้มและร่องแก้ม ไขมันใต้ผิวที่เคยช่วยพยุงผิวและเติมเต็มผิวที่ดูเรียบตึงจะหายไป ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก และแก้มย้อย การสูญเสียไขมันนี้ยังทำให้ใบหน้าดูเหี่ยวเฉาและบางลง

• แรงโน้มถ่วงของโลก
แรงโน้มถ่วงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย โดยเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แรงโน้มถ่วงจะดึงทุกสิ่งลงสู่พื้นดิน รวมถึงผิวหนังบนใบหน้าของเราด้วย เมื่อผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิว แรงโน้มถ่วงจะดึงผิวลง ทำให้เกิดแก้มย้อยและร่องแก้มลึก การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในชีวิตประจำวัน เช่น การพูด การหัวเราะ หรือการยิ้ม ก็ส่งผลต่อการยืดหยุ่นของผิวหน้าด้วยเช่นกัน

• การทำลายจากแสงแดด
แสงแดดมีรังสียูวี ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง รังสียูวีสามารถทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ผิวบางและขาดความยืดหยุ่น เมื่อผิวไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเหมือนเดิม ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อยตามมา การตากแดด โดยไม่ปกป้องผิว ด้วยครีมกันแดด หรือเสื้อผ้า ที่ปกป้องผิวอย่างเหมาะสม เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ร่องแก้มลึก และแก้มย้อยเร็วขึ้น

• ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อผิวหน้าอย่างมาก เมื่อเรามีความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เพียงพอยังทำให้กระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติหยุดชะงัก ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อย

• พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันมีผลต่อสภาพผิวอย่างมาก เช่น การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะทำให้ร่างกายผลิตอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวได้ การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตลดลง ทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ผิวจึงดูหมองคล้ำ หย่อนคล้อย และเกิดร่องลึกมากขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำไม่เพียงพอก็ส่งผลให้ผิวแห้งและขาดความยืดหยุ่น ทำให้ร่องแก้มลึกและแก้มย้อยชัดเจนยิ่งขึ้น

• พันธุกรรม
พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญต่อสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า คนที่มีประวัติครอบครัวที่มีปัญหาร่องแก้มลึกและแก้มย้อย มักจะมีแนวโน้มที่จะเจอปัญหานี้เร็วขึ้น แต่พันธุกรรมไม่ใช่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เพราะแม้จะมีพันธุกรรมที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยง่าย เราก็ยังสามารถใช้วิธีการดูแลผิวและเทคโนโลยีความงามเพื่อชะลอการเกิดปัญหานี้ได้

จากสาเหตุต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ร่องแก้มลึก และแก้มย้อย ทำให้เราต้องหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะมีวิธีการต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยในการลดร่องแก้มลึก หรือแก้มย้อย ทั้งวิธีที่สามารถทำด้วยตัวเอง เช่น การทาครีมบำรุงผิวหน้า การนวดหน้าเป็นประจำก่อนนอน หรือหลายคนก็จะมองหาวิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่จะช่วยลดร่องแก้มได้

ลดร่องแก้ม

ลดร่องแก้ม คืออะไร วิธีลดร่องแก้มลึก แก้มย้อย

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

วิธีลดร่องแก้มลึก แก้มย้อย ทำยังไงได้บ้าง ?
ปัจจุบันมีวิธีทางการแพทย์หลายอย่างที่สามารถลดร่องแก้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทคโนโลยีความงามเหล่านี้ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า เรามาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้าง

• การฉีดฟิลเลอร์ลดร่องแก้ม
ฟิลเลอสามารถลดร่องแก้มลึกให้ตื้นขึ้นด้วยสาร Hyaluronic Acid เห็นผลทันทีและผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

• การฉีดโบลดริ้วรอยร่องแก้ม
การฉีดโบลดริ้วรอยช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดร่องลึก และสามารถลดร่องแก้มได้ โดยเหมาะสำหรับการลดร่องแก้มที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

• การร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมใช้เส้นไหมดึงกระชับเพื่อลดร่องแก้ม ซึ่งผลลัพธ์จะยกกระชับทันทีและคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี

• การผ่าตัดดึงหน้าลดร่องแก้ม
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีการที่ช่วยในการลดร่องแก้มลึกอย่างถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึกมาก

• การใช้ HIFU ลดร่องแก้ม
HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับผิวและลดร่องแก้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

• การใช้ Oligio ลดร่องแก้ม
Oligio ใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวเพื่อลดร่องแก้ม ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน

HIFU ลดร่องแก้มได้ยังไง ?
• HIFU เป็นการส่งคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูงลงสู่ชั้นผิว
HIFU ทำงานในการรักษาลดร่องแก้มโดยการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มสูงผ่านผิวหนังเข้าไปยังชั้นผิวลึกที่เรียกว่า SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า คลื่นเสียงจะทำให้ชั้น SMAS หดตัวเหมือนการยกผิว เมื่อชั้น SMAS ถูกหดตัว ผิวหนังบริเวณนั้นจะตึงขึ้น ทำให้แก้มย้อยยกกระชับและสามารถลดร่องแก้มได้

• HIFU กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในการรักษาลดร่องแก้ม
คลื่นความร้อนจาก HIFU จะกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับ เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น ผิวหน้าจะดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้แก้มที่หย่อนคล้อยและร่องแก้มลึกถูกยกขึ้นอย่างธรรมชาติ และสามารถลดร่องแก้มได้

• HIFU เป็นการรักษาลดร่องแก้มโดยไม่ต้องผ่าตัด
ข้อดีของ HIFU คือการยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และไม่ต้องพักฟื้น หลังการทำ HIFU ผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้มด้วย HIFU จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนในช่วง 1-3 เดือนหลังการรักษาลดร่องแก้ม เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนในการรักษาลดร่องแก้มต้องใช้เวลาพอสมควร

ผลจากการทำ HIFU ลดร่องแก้ม เป็นยังไง ?
ผลลัพธ์จากการรักษาลดร่องแก้มด้วย HIFU สามารถคงอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปีหลังจากการรักษาลดร่องแก้ม รวมไปถึงระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษาลดร่องแก้ม ซึ่งการทำ HIFU ลดร่องแก้ม สามารถทำซ้ำได้ทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นในการรักษาลดร่องแก้ม

Oligio สามารถลดร่องแก้มได้ยังไง ?
• Oligio เป็นการส่งพลังงานคลื่นวิทยุเข้าสู่ชั้นผิวลึก
เมื่อทำการรักษาลดร่องแก้มด้วย Oligio อุปกรณ์จะส่งพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงลงไปยังชั้น Dermis (ชั้นผิวหนังแท้) และ ชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีผลในการยกกระชับผิวหน้าคล้ายกับการดึงหน้า พลังงานคลื่นวิทยุนี้จะทำให้เกิด ความร้อน ในชั้นผิว ซึ่งส่งผลให้เซลล์ที่เป็นคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวเกิดการหดตัวและฟื้นฟูตัวเองใหม่

• Oligio สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในการรักษาลดร่องแก้ม
ความร้อนที่ถูกสร้างขึ้นจากคลื่นวิทยุของ Oligio จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต คอลลาเจน และ อีลาสติน ขึ้นใหม่ในบริเวณที่ต้องการลดร่องแก้ม ซึ่งคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ที่ถูกผลิตขึ้นจะช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว ทำให้สามารถลดร่องแก้มที่ลึกได้ อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

• Oligio สามารถยกกระชับหน้าบริเวณร่องแก้ม
เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ถูกสร้างขึ้น ผิวบริเวณร่องแก้มจะได้รับการยกกระชับและฟื้นฟูให้ดูเต่งตึงขึ้น ผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นจากการที่เส้นใยของคอลลาเจนใหม่จะช่วยดึงผิวขึ้นจากด้านใน โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก (epidermis) นั่นหมายความว่าผิวของคุณจะดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น โดยไม่ต้องมีการบาดเจ็บหรือฟื้นตัวนานหลังจากการลดร่องแก้ม

• Oligio สามารถลดไขมันสะสมใต้ผิวบางส่วนในการรักษาลดร่องแก้ม
นอกจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินแล้ว Oligio ยังสามารถช่วยลดไขมันใต้ผิวบางส่วนที่เป็นสาเหตุให้แก้มดูหย่อนคล้อยหรือเกิดร่องแก้มลึก ความร้อนจากคลื่นวิทยุจะทำให้ไขมันใต้ผิวยุบตัวลง ซึ่งจะช่วยในการลดร่องแก้ม และทำให้ใบหน้าดูเรียวและคมชัดขึ้น

ผลจากการทำ Oligio ลดร่องแก้ม เป็นยังไง ?
• Oligio เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกสบายระหว่างการรักษาลดร่องแก้ม
Oligio ใช้คลื่นวิทยุที่สามารถควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบทำความเย็นในตัวที่ช่วยปกป้องผิวชั้นนอกจากการถูกความร้อนที่มากเกินไป ทำให้การรักษาลดร่องแก้มด้วย Oligio มีความปลอดภัยสูง ผิวหน้าจะไม่ถูกทำลาย และผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม จะรู้สึกสบายระหว่างทำ ไม่มีอาการเจ็บปวดรุนแรง โดยทั่วไปอาจรู้สึกอุ่น ๆ หรือยิบ ๆ เล็กน้อยที่ผิว แต่ไม่มีความรู้สึกไม่สบายหรือความเจ็บแสบ

• Oligio ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนหลังการรักษาลดร่องแก้ม
หลังจากการทำ Oligio ผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้มจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวหน้าและการลดร่องแก้มที่ดีขึ้นทันทีหลังจากการทำเสร็จ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษาลดร่องแก้ม เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและสร้างใหม่เต็มที่ ผิวหน้าจะดูเรียบเนียน กระชับ และร่องแก้มลึกจะดูตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด

• Oligio ทำให้ได้ผลลัพธ์หลังการรักษาลดร่องแก้มที่ยาวนาน
ผลลัพธ์จากการทำ Oligio สามารถคงอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของผู้เข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม อย่างไรก็ตาม การทำ Oligio เป็นประจำทุก 6-12 เดือน จะช่วยรักษาผลลัพธ์และช่วยให้ผิวหน้ายังคงกระชับอยู่เสมอ

ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ต้องเตรียมตัวยังไง ?
• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนเข้ารับการทำการลดร่องแก้ม คุณควรนัดหมายปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกความงามที่ได้รับมาตรฐาน แพทย์จะประเมินสภาพผิวหน้าและร่องแก้มของคุณเพื่อพิจารณาว่า HIFU หรือ Oligio เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของคุณหรือไม่ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาลดร่องแก้มเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือการฉีดโบร่วมด้วย

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น กรดผลไม้ (AHA), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), เรตินอยด์ (Retinoids) หรือกรดวิตามินเอ ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม อย่างน้อย 3-5 วัน เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวหนังไวต่อการรักษาลดร่องแก้มด้วยคลื่นเสียง

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดอย่างหนักก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากผิวที่ถูกแสงแดดทำร้ายจะมีความไวต่อการรักษาลดร่องแก้มและอาจเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคืองหรือผิวไหม้ นอกจากนี้ คุณควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำเพื่อปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหยุดการทำเลเซอร์หรือการผลัดผิวล่วงหน้า
หากคุณเคยทำเลเซอร์หรือการรักษาผิวหน้า เช่น การผลัดเซลล์ผิว การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น (Microdermabrasion) หรือการลอกหน้าด้วยสารเคมี ควรหยุดทำการรักษาเหล่านี้อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการข้างเคียงระหว่างการรักษาลดร่องแก้ม

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
ก่อนการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง และควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันที่จะเข้ารับการรักษาลดร่องแก้ม เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการสร้างคอลลาเจนใหม่และการฟื้นฟูผิวหน้า

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ไม่ควรรับประทานยาแก้อักเสบหรือแอสไพริน
ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือยาแก้อักเสบ (NSAIDs) อาจทำให้ผิวไวต่อการเกิดรอยช้ำหลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม หากจำเป็นต้องใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาลดร่องแก้ม

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ก่อนการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะสารในแอลกอฮอล์และบุหรี่มีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดและทำให้กระบวนการฟื้นฟูผิวหลังการรักษาลดร่องแก้มช้าลง

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด
ในวันที่เข้ารับการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรล้างหน้าให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางใด ๆ เพื่อให้ผิวหน้าเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงหรือครีมกันแดดในวันที่เข้ารับการรักษาลดร่องแก้มด้วยเช่นกัน

• ก่อนทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรการเตรียมใจและคาดหวังผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล
การทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน แต่ผลลัพธ์อาจไม่ปรากฏทันทีในวันแรก ๆ หลังการรักษาลดร่องแก้ม โดยผิวหน้าจะค่อย ๆ กระชับและร่องแก้มจะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 2-3 เดือนหลังการทำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่คอลลาเจนถูกสร้างขึ้นใหม่ ควรเตรียมใจว่าอาจต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเห็นผลลัพธ์จากการรักษาลดร่องแก้มอย่างเต็มที่

หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ?
• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนสูง
หลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ผิวจะไวต่อความร้อนมากขึ้นในระยะ 48 ชั่วโมงแรก จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งความร้อน เช่น
• ไม่ควรอบซาวน่า หรือแช่น้ำร้อน หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ทำให้เกิดความร้อนภายในร่างกายมาก หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม
• หลีกเลี่ยงการโดนแดดจ้า ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และสวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม เช่น กรดผลไม้ (AHA), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), เรตินอล (Retinol) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารทำให้ผิวแห้งอย่างรุนแรง เช่น แอลกอฮอล์ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและมีความชุ่มชื้นสูงเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรดูแลผิวด้วยความชุ่มชื้น
หลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ผิวอาจมีความแห้งและตึง เนื่องจากคลื่นอัลตราซาวด์ที่ส่งลงไปในชั้นผิว ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือเซรั่มที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นสูงหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือนวดหน้าหลังทำ
ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มควรหลีกเลี่ยงการกดนวดหน้าหรือทำหัตถการที่รุนแรง เช่น การขัดผิวหรือลอกผิว เนื่องจากผิวจะบอบบางและไวต่อแรงกดมากกว่าปกติ การนวดหรือกดหน้าหลังทำอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการบวมช้ำหลังทำการรักษาลดร่องแก้มได้

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าใน 24 ชั่วโมงแรก
หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการอุดตัน ของรูขุมขน และให้ผิวมีโอกาสฟื้นฟูอย่างเต็มที่ หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม หากต้องการแต่งหน้า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิว
การดื่มน้ำมาก ๆ เป็นสิ่งสำคัญหลังการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม เพราะน้ำจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน ในชั้นผิว หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร) เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ และแอลกอฮอล์จะชะลอกระบวนการฟื้นฟูผิว และการสร้างคอลลาเจนในร่างกายหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์การยกกระชับผิวไม่ชัดเจนและคงอยู่ไม่นาน

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
การออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก เช่น การวิ่งหนัก ๆ หรือการยกน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 48 ชั่วโมงหลังการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม เนื่องจากการออกกำลังกาย ที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง อาจส่งผลให้ผิวที่เพิ่งได้รับการรักษารู้สึกระคายเคือง หรือเกิดอาการบวมแดงมากขึ้น หลังทำการรักษาลดร่องแก้ม

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรสังเกตอาการหลังการทำ HIFU
แม้ว่าการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้มจะมีความปลอดภัยสูง แต่หลังการทำอาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหรือรู้สึกตึงที่ผิวหน้า ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติและจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือภายใน 1-2 วันหลังทำการรักษาลดร่องแก้ม หากมีอาการที่รุนแรงหรือผิดปกติ เช่น ผิวไหม้ แสบร้อน หรืออาการบวมไม่ยอมหาย ควรปรึกษาแพทย์ทันที

• หลังทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรติดตามผลการรักษากับแพทย์อย่างใกล้ชิด
หลังจากการทำ HIFU หรือ Oligio ลดร่องแก้ม ควรติดตามผลการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามกำหนด เพื่อให้แพทย์ประเมินผลลัพธ์ของการรักษาลดร่องแก้ม และแนะนำการดูแลผิวในระยะยาว รวมถึงการทำ HIFU เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อรักษาผลลัพธ์หลังทำการรักษาลดร่องแก้มให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วอยากที่จะต้องการคำปรึกษา หรือหาคลินิกที่ตอบโจทย์ในการรักษาลดร่องแก้ม Apex Beauty Clinic เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการดูแลผิวพรรณและมาตรฐานรับรองต่าง ๆ คุณจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย รวมถึงได้ผลลัพธ์จากการรักษาลดร่องแก้มที่น่าพึงพอใจ และสามารถมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ใบหน้าที่กระชับอย่างเป็นธรรมชาติหลังจากการรักษาลดร่องแก้มอย่างแน่นอน

พร้อมแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ? มาปรึกษาเราที่ Apex Beauty Clinic เพื่อปรับรูปหน้าและลดร่องแก้มลึกได้ทันที!

ปัญหาร่องแก้มลึกและแก้มย้อยเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุ การรู้ถึงสาเหตุของปัญหานี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ดีขึ้น โดยร่องแก้มลึ

1073
Ulthera 15000
Ulthera 9900
Ulthera 9900
ยกหน้าลดแก้มเหนียง ฟรี 100
ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น