บทความเกี่ยวกับ : สารเติมเต็ม





สารเติมเต็ม คืออะไร? เหมาะกับใครและช่วยอะไรได้บ้าง
สารเติมเต็มเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนและฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใส โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสารเติมเต็มว่าเป็นอย่างไร ช่วยอะไรได้บ้าง และเหมาะกับใครบ้าง รวมถึงข้อควรระวังและการดูแลตัวเองหลังการฉีด

สารเติมเต็ม คืออะไร มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ ฉีดสารเติมเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลสารเติมเต็มคืออะไร?
สารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ (Fillers) คือสารที่ถูกใช้ในกระบวนการเสริมความงาม โดยฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อเติมเต็มหรือปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น นิยมใช้สารเติมเต็มในการลดริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มความชุ่มชื้น หรือปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมส่วน เช่น เติมคาง แก้ไขร่องแก้ม และเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปาก ปัจจุบันสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
Hyaluronic Acid (HA)
เป็นตัวสารเติมเต็มที่ช่วยเก็บความชุ่มชื้นและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ สารเติมเต็มชนิดนี้ มีคุณสมบัติพิเศษในการเก็บความชุ่มชื้นและเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว โดยการฉีด HA เข้าไปในชั้นผิวจะช่วยเติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลและเรียบเนียนขึ้น
Collagen-Stimulating Fillers
เป็นสารเติมเต็มที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว การฉีดสารเหล่านี้เข้าไปในชั้นผิวจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา โดยการใช้สารเติมเต็มประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับให้กับผิวในระยะยาว ผลลัพธ์จะไม่เห็นทันทีเหมือนกับ HA แต่จะค่อย ๆ ปรับปรุงให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น ใน 1-2 เดือน
หลักการทำงานของสารเติมเต็ม
สารเติมเต็มจะทำงานโดยการฉีดสาร เช่น Hyaluronic Acid (HA) หรือสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เข้าไปในชั้นผิวหนังหรือใต้ชั้นผิวหนังในตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข สารเติมเต็มช่วยเพิ่มวอลลุ่มในบริเวณที่ขาดความสมดุล เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือคาง พร้อมทั้งเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยให้ดูเรียบเนียนและเต่งตึง สารเติมเต็มประเภท HA มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและอิ่มฟู
ส่วนฟิลเลอร์ชนิดกระตุ้นคอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาวด้วยการสร้างโครงสร้างผิวใหม่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังฉีด และสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับประเภทของสารเติมเต็มและการดูแลหลังทำ
สารเติมเต็มแตกต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร?
สารเติมเต็มและฟิลเลอร์เป็นคำที่ใช้แทนกันในวงการความงาม เนื่องจากฟิลเลอร์คือหนึ่งในประเภทของสารเติมเต็ม โดยสารเติมเต็มหมายถึงวัสดุที่ถูกฉีดเข้าไปใต้ผิวเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหรือปรับรูปหน้าให้สมดุล ส่วนฟิลเลอร์มักใช้เพื่อระบุชื่อสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะปลอดภัย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
นอกจากนี้ สารเติมเต็มยังรวมถึงวัสดุอื่น ๆ เช่น คอลลาเจน หรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีคุณสมบัติและระยะเวลาในการคงผลลัพธ์แตกต่างกัน การเลือกใช้ชนิดของสารเติมเต็มจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและคำแนะนำจากแพทย์
สารเติมเต็มเหมาะกับใคร? เช็กเลยก่อนตัดสินใจ
สารเติมเต็มเป็นตัวช่วยยอดนิยมที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความงามอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน หรือ เติมคอลลาเจนให้ผิว กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับการใช้สารเติมเต็มมี ดังนี้
• สารเติมเต็มเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกหรือริ้วรอย
เช่น ร่องแก้ม ใต้ตาลึก หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก
• สารเติมเต็มเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า
เช่น เติมคางให้เรียว เพิ่มมิติให้หน้าผาก หรือปรับโครงหน้าให้ได้สัดส่วน
• สารเติมเต็มเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม
เช่น เพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากหรือแก้มที่ตอบ
• สารเติมเต็มเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น
สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและสุขภาพดี
• สารเติมเต็มเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่เจ็บตัวมาก
การฉีดสารเติมเต็มใช้เวลาสั้นและไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัด
การเปรียบเทียบสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้ากับสารเติมเต็มเพื่อผิวใส
สารเติมเต็ม สามารถใช้ได้หลายประเภทเพื่อเสริมความงามและตอบโจทย์ในด้านต่าง ๆ โดยหลัก ๆ จะมีการใช้เพื่อปรับรูปหน้าหรือเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น ซึ่งทั้งสองมีวิธีการทำงานและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
สารเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้า
• วัตถุประสงค์ ใช้เพื่อปรับโครงหน้าให้ดูสมดุลขึ้น เช่น การเติมคางให้เรียว เติมวอลลุ่มในแก้ม หรือเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม หรือรอยย่นที่หน้าผาก
• วิธีการทำงาน สารเติมเต็มชนิดนี้มักจะเป็น Hyaluronic acid หรือ Calcium Hydroxylapatite ที่ช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่ขาดหายไปบนใบหน้า และเพิ่มมิติให้กับโครงหน้า
• ยี่ห้อที่นิยมของสารเติมเต็ม Juvederm,Teosyal และ Restylane เป็นต้น
• ผลลัพธ์ ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้รูปหน้าดูมีมิติและสมดุลมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่ใช้
สารเติมเต็มเพื่อผิวใส
• วัตถุประสงค์ สารเติมเต็มชนิดนี้ใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวให้ดูใสและเรียบเนียน เช่น เติมเต็มให้ผิวดูอิ่มฟู หรือเพิ่มความกระจ่างใสของผิวหน้า
• วิธีการทำงาน สารเติมเต็มประเภทนี้มักใช้ สาร Hyaluronic Acid เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว
• ยี่ห้อที่นิยมของสารเติมเต็ม เช่น Sculptra เป็นต้น
• ผลลัพธ์ ผิวหน้าจะดูชุ่มชื้น กระจ่างใส และเรียบเนียนมากขึ้น พร้อมลดเลือนริ้วรอยบาง ๆ และฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนในระยะเวลาสั้นและสามารถคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
สรุปความแตกต่าง
• สารเติมเต็มที่ใช้ปรับรูปหน้า เน้นที่การเพิ่มมิติและเติมเต็มบริเวณต่าง ๆ เช่น คาง แก้ม หรือร่องลึก ส่วน สารเติมเต็มเพื่อผิวใส เน้นที่การทำให้ผิวหน้าดูสดใส ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย
• ทั้งสองประเภทใช้ Hyaluronic Acid เป็นหลัก แต่การเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้
• สารเติมเต็มทั้งสองประเภทมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่ขึ้นอยู่กับชนิดและการดูแลหลังการทำ
สารเติมเต็มกับตำแหน่งยอดนิยม ที่ช่วยปรับรูปหน้าและผิวสวย
การฉีดสารเติมเต็มสามารถช่วยแก้ปัญหาและปรับรูปหน้าและร่างกายได้หลากหลายจุด ดังนี้
• ฉีดสารเติมเต็มที่ร่องแก้ม (Nasolabial Folds)
ช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์
• ฉีดสารเติมเต็มที่ใต้ตา (Tear Trough)
ลดรอยคล้ำและความลึกของใต้ตา ช่วยให้ดูสดชื่นและพักผ่อนเพียงพอ
• ฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก (Lips)
เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก หรือปรับรูปทรงให้สมส่วนมากขึ้น
• ฉีดสารเติมเต็มที่คาง (Chin)
ปรับคางให้เรียวและสมดุลกับใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด
• ฉีดสารเติมเต็มที่หน้าผาก (Forehead)
เติมเต็มรอยยุบหรือรอยลึกบนหน้าผาก ให้ดูเรียบเนียน
• ฉีดสารเติมเต็มที่ขมับ (Temples)
เติมเต็มบริเวณขมับที่ตอบหรือยุบ เพื่อสร้างมิติให้ใบหน้าดูสมส่วน
• ฉีดสารเติมเต็มที่แก้ม (Cheeks)
เพิ่มวอลลุ่มให้แก้มดูอิ่มฟู และลดปัญหาแก้มตอบ
• ฉีดสารเติมเต็มที่จมูก (Nose)
ใช้สำหรับการปรับรูปทรงจมูก เช่น ยกสันจมูกให้โด่งและเรียวสวย
• ฉีดสารเติมเต็มที่ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines)
เติมเต็มร่องบริเวณมุมปากให้ดูตื้นขึ้น ลดความหมองคล้ำของใบหน้า
• ฉีดสารเติมเต็มที่ลำคอ (Neck)
ลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณลำคอ
ข้อดีและข้อเสียของสารเติมเต็ม สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
ก่อนตัดสินใจฉีดสารเติมเต็ม ควรพิจารณาทั้งข้อดีและสิ่งที่ต้องระวังอย่างรอบคอบ เนื่องจากการฉีดสารเติมเต็มมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของใบหน้าและผิว มาดูข้อดีและข้อควรระวังของสารเติมเต็ม ดังนี้
ข้อดีของสารเติมเต็ม
• การฉีดสารเติมเต็มเห็นผลลัพธ์ทันที
หลังฉีดสารเติมเต็ม สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที เช่น ร่องลึกตื้นขึ้น ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
• การฉีดสารเติมเต็มไม่ต้องผ่าตัด
เป็นการปรับรูปหน้าที่ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด และไม่มีแผลเป็น
• การฉีดสารเติมเต็มใช้ระยะเวลาพักฟื้นน้อย
ใช้เวลาเพียงไม่นาน สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ทันที
• การฉีดสารเติมเต็มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและสุขภาพดี
• การฉีดสารเติมเต็มสามารถปรับแต่งได้
สามารถเลือกปรับแต่งจุดต่าง ๆ ได้อย่างละเอียตอนฉีดสารเติมเต็ม เช่น เติมเต็มร่องลึก ยกมุมปาก หรือเพิ่มวอลลุ่มริมฝีปาก
• การฉีดสารเติมเต็มมีผลลัพธ์ชั่วคราวและปรับแก้ได้
สารเติมเต็มสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถแก้ไขหรือฉีดสลายได้
ข้อเสียและสิ่งที่ต้องระวังของสารเติมเต็ม
• สารเติมเต็มให้ผลลัพธ์ไม่ถาวร
สารเติมเต็มส่วนใหญ่จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดและบริเวณที่ฉีด
• การฉีดสารเติมเต็มมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง
เช่น อาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือในบางกรณีอาจเกิดการติดเชื้อหรืออุดตันของเส้นเลือด หากฉีดในจุดที่ไม่ปลอดภัย
• ควรฉีดสารเติมเต็มกับแพทย์เท่านั้น
การฉีดสารเติมเต็มต้องทำโดยแพทย์ที่เฉพาะทางด้านสารเติมเต็มเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ผิดพลาด
• สารเติมเต็มมีค่าใช้จ่ายสูง
สารเติมเต็มคุณภาพสูงและการบริการจากแพทย์อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
• อาจมีอาการแพ้สารเติมเต็ม
แม้จะพบได้น้อย แต่บางคนอาจมีอาการแพ้สารเติมเต็ม ควรตรวจสอบก่อนทำ
• ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสารเติมเต็ม
การใช้สารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพและผิว

สารเติมเต็ม คืออะไร มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ ฉีดสารเติมเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการเตรียมตัวที่ถูก ก่อนฉีดสารเติมเต็มเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
การเตรียมตัวก่อนฉีดสารเติมเต็มเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด นอกจากการเลือกแพทย์แล้ว ยังมีขั้นตอนที่ควรปฏิบัติก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพของการฉีด ดังต่อไปนี้
1.ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดสารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์)
แพทย์จะประเมินสภาพผิวและปัญหาของคุณ พร้อมแนะนำบริเวณที่เหมาะสมสำหรับการฉีด รวมถึงการเลือกชนิดของสารเติมเต็มที่เหมาะกับเป้าหมายของคุณ
2.หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด
หยุดยาแอสไพริน ยาแก้ปวดบางชนิด และอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี หรือโสม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดสารเติมเต็ม เพื่อป้องกันอาการช้ำหรือเลือดออกง่าย
3.งดดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนฉีดสารเติมเต็ม 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการบวมและรอยช้ำ
4.งดการแต่งหน้าในวันฉีดสารเติมเต็ม
ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเพิ่มความสะดวกในการประเมินจุดฉีด
5.แจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด
บอกแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และการใช้ยาหรืออาหารเสริมต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก่อนฉีดฟิลเลอร์ (สารเติมเต็ม)
6.พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนอย่างเต็มที่จะช่วยให้ร่างกายและผิวพร้อมสำหรับการฉีดสารเติมเต็ม และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงหลังทำ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์(สารเติมเต็ม) ทำอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มเป็นกระบวนการที่ใช้ในการเสริมความงาม เพื่อปรับรูปหน้าและเติมเต็มร่องลึก รวมทั้งช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและกระชับ โดยกระบวนการฉีดฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอนดังนี้
1.การปรึกษากับแพทย์
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและฟังข้อกังวลจากผู้เข้ารับบริการ เพื่อเข้าใจถึงความต้องการและจุดประสงค์ในการใช้สารเติมเต็ม โดยแพทย์จะพิจารณาว่าควรใช้ฟิลเลอร์ชนิดไหน (Hyaluronic Acid, Calcium Hydroxylapatite ฯลฯ) และฉีดในตำแหน่งใดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2.การทำความสะอาดผิว
ก่อนทำการฉีดสารเติมเต็ม แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการฉีดให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเตรียมผิวให้พร้อมรับการฉีดฟิลเลอร์
3.การทายาชา (ถ้าจำเป็น)
ในบางกรณีเพื่อเพิ่มความสะดวกและลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด แพทย์อาจทายาชาเฉพาะจุดที่ต้องการฉีดหรือใช้ยาชาแบบครีมเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบาย
4.การฉีดฟิลเลอร์
แพทย์จะใช้เข็มเล็ก ๆ ฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ โดยจะมีการควบคุมปริมาณและทิศทางของสารเติมเต็มอย่างแม่นยำ เพื่อตอบโจทย์การปรับรูปหน้าและเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือคาง การฉีดจะใช้เวลาไม่นาน และผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นผลได้ทันที
5.การนวดและการตรวจสอบผล
หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะทำการนวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเข้าที่ หากมีจุดไหนที่ไม่สมบูรณ์หรือบวมมากเกินไป แพทย์อาจปรับปรุงหรือแก้ไขได้
6.การดูแลหลังการฉีด
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้ว ผู้เข้ารับบริการควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีดใน 24 ชั่วโมงแรก รวมทั้งการหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือการออกกำลังกายหนัก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง

สารเติมเต็ม คืออะไร มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ ฉีดสารเติมเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลหลังฉีดสารเติมเต็ม ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
หลังจากการฉีดสารเติมเต็ม การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นานและลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยต่อการติดเชื้อ สามารถปฏิบัติตามได้ดังนี้
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือการกดทับบริเวณที่ฉีดสารเติมเต็มใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการกระจายตัวของสารและลดการเกิดรอยช้ำหรือบวม
• งดการออกกำลังกายหนัก
ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากใน 1-2 วันหลังการฉีด เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความร้อนหรือทำให้สารเติมเต็มเคลื่อนที่
• หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน
ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ๆ หรือการใช้ความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า หรืออาบน้ำร้อนในช่วง 1-2 วันแรกหลังฉีดสารเติมเต็ม เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรือบวม
• ใช้น้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม
หากมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีดสารเติมเต็ม สามารถประคบน้ำแข็งบริเวณที่ทำการฉีดได้เพื่อช่วยบรรเทาอาการบวมและลดการเกิดรอยช้ำ
• หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง
งดการแต่งหน้าในวันแรกหลังการฉีดสารเติมเต็ม เพื่อให้ผิวบริเวณที่ฉีดหายได้เร็วและลดโอกาสการติดเชื้อจากเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่อาจมีสารเคมีที่ระคายเคือง
• ติดตามผลกับแพทย์
ควรติดตามผลและไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ของสารเติมเต็ม ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำการดูแลในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดสารเติมเต็ม
แม้ว่าสารเติมเต็มจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัย แต่ก็มีผลข้างเคียงบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมักเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อสารเติมเต็ม หรือจากวิธีการฉีดที่ไม่ถูกต้อง
• บวมและแดงหลังฉีดสารเติมเต็ม
อาจเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการธรรมดาที่เกิดขึ้นชั่วคราวภายใน 1-2 วัน
• ช้ำหลังฉีดสารเติมเต็ม
อาจเกิดจากการฉีดเข้าไปในหลอดเลือดเล็ก ๆ ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
• อาการคันหรือระคายเคืองหลังฉีดสารเติมเต็ม
อาจเกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันแรก แต่จะหายไปหลังจากนั้น
• การติดเชื้อหลังฉีดสารเติมเต็ม
แม้จะพบได้น้อย แต่การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้หากบริเวณที่ฉีดไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
• การเคลื่อนตัวของสารเติมเต็ม
หากมีการเคลื่อนตัวของสารที่ฉีด อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่สามารถแก้ไขได้
ปรับรูปหน้า บูสต์ผิวชุ่มชื้น ที่ APEX
ที่ Apex beauty เรา มีให้บริการทั้งฉีดฟิลเลอร์ (สารเติมเต็ม) เพื่อปรับรูปหน้า และเพื่อให้หน้าดูเรียบเนียน เติมความชุ่มชิ้นให้ผิวหน้า

สารเติมเต็ม คืออะไร มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ ฉีดสารเติมเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลAPEX ขอแนะนำฟิลเลอร์
• Juvederm เพื่อปรับรูปหน้า ราคาโปรโมชั่น เริ่มต้น 1cc 12900.-
• Sculptra เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ราคาโปรโมชั่น เริ่มต้น 1ขวด (10cc) 25000.-
สรุป สารเติมเต็ม ช่วยทั้งปรับรูปหน้าและเติมคอลลาเจนให้ผิว
สารเติมเต็มสามารถช่วยทั้งการปรับรูปหน้าและเติมคอลลาเจนให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฉีดสารเติมเต็มช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้าส่วนต่าง ๆ เช่น คาง แก้ม หรือร่องแก้ม เพื่อเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูสมดุล ส่วนสารเติมเต็มบางชนิดอย่าง Hyaluronic Acid หรือ PRP จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู กระจ่างใส และลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างยาวนาน สามารถสอบถาม ดูโปรโมชั่น หรือปรึกษาก่อนเข้ารับบริการ ไดทุกสาขา
ทำความรู้จักสารเติมเต็ม ตัวช่วยยอดนิยมในการปรับรูปหน้า เติมเต็มผิวให้เนียนสวย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขให้ใบหน้าสมส่วนมากยิ่งขึ้น




