บทความเกี่ยวกับ : กลืนบอลลูน

สลายไขมันด้วยความเย็นราคา 8900

กลืนบอลลูน เทรนด์ใหม่การลดน้ำหนัก ที่คนอยากลดความอ้วนกำลังฮิต !
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับรูปร่างและสุขภาพ วิธีลดความอ้วนด้วยการกลืนบอลลูนได้กลายเป็นรูปแบบหนึ่งของเทรนด์ใหม่สำหรับการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาโรคอ้วน และต้องการลดความอ้วนโดยเน้นที่การควบคุมอาหาร ซึ่งการกลืนบอลลูนลงกระเพาะจะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น สามารถควบคุมปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละมื้อได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการกลืนบอลลูนต้องอาศัยปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตร่วมด้วย จึงไม่เพียงแค่ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่ายังส่งผลดีต่อสุขภาพองค์รวมอีกด้วยค่ะ

การกลืนบอลลูนนั้นเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด ทว่าช่วยให้สามารถลดน้ำหนักและลดความอ้วนได้อย่างรวดเร็วปลอดภัย ไม่ต้องอดอาหารหรือใช้ยาที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ โดยวิธีกลืนบอลลูนนี้ ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักค่ะ

การกลืนบอลลูนคืออะไร ?
กลืนบอลลูนเป็นวิธีสำหรับลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยา และไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งนวัตกรรมกลืนบอลลูนนี้ได้รับการรับรองจาก FDA และได้รับความนิยมทั่วโลก โดยทำผ่านการส่องกล้องเพื่อใส่บอลลูนลงในกระเพาะอาหาร บอลลูนที่ใช้จะทำจากซิลิโคนอ่อนและภายในบรรจุด้วยน้ำเกลือผสมเมทิลีนบลู (Methylene Blue) ปริมาตร 400 - 500 ซีซี ซึ่งการกลืนบอลลูนจะช่วยลดพื้นที่ภายในกระเพาะ ทำให้ผู้รับการรักษารู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติและบริโภคอาหารน้อยลง โดยการกลืนบอลลูนสามารถปรับขนาดได้เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ค่ะ

จากผลการทดลองของ FDA แสดงให้เห็นว่า การกลืนบอลลูนช่วยให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโอกาสลดน้ำหนักได้ถึง 15% ภายในระยะเวลา 6 - 12 เดือน นอกจากนี้บอลลูนยังสามารถถูกนำออกได้ก่อนครบ 1 ปี หากผู้ใช้พอใจกับผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักแล้ว โดยการกลืนบอลลูนเป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก เพราะจะได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ จึงช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างขั้นตอน

ทั้งนี้บอลลูนสามารถช่วยควบคุมพฤติกรรมการกิน ทำให้รับประทานอาหารน้อยลง และส่งผลให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความหิวหลั่งน้อยลงอีกด้วยค่ะ การลดความอ้วนจากกลืนบอลลูนไม่เพียงแค่ลดปริมาณอาหาร แต่ยังทำให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันส่วนเกินออกมาใช้มากขึ้น ส่งผลให้ลดน้ำหนักลงได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 27 และเคยพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ

กลืนบอลลูนช่วยลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนได้อย่างไร ?
เมื่อกลืนบอลลูนลงกระเพาะ บอลลูนจะถูกเติมด้วยน้ำเกลือ ทำให้ขยายตัวเต็มพื้นที่ ส่งผลให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและรับประทานอาหารน้อยลงกว่าปกติ เมื่อปริมาณการบริโภคลดลง ร่างกายจะดึงพลังงานจากไขมันสะสมออกมาใช้มากขึ้น ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่อง
วิธีกลืนบอลลูนจึงช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน เนื่องจากบอลลูนในกระเพาะจะส่งสัญญาณไปยังสมองให้รับรู้ว่ามีการรับประทานอาหารเพียงพอแล้ว จากการวิจัยและผลการทดลอง หลังนำบอลลูนออกจะยังสามารถรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้เป็นเวลานาน เพราะผู้ที่ผ่านการกลืนบอลลูนมีโอกาสที่จะปรับปรุงสุขภาพทั่วไปจากการควบคุมพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย การกลืนบอลลูนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนค่ะ

ประโยชน์ของการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
• กลืนบอลลูนสามารถลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่เจ็บตัว และไม่มีบาดแผลใด ๆ
• หลังกลืนบอลลูนไม่ต้องรับประทานยาเพื่อลดน้ำหนักหรือเพื่อลดความอ้วนเพิ่มเติม
• บอลลูนจะเข้าไปลดพื้นที่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลาและรับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าเดิม ส่งผลให้ฮอร์โมนความหิวหลั่งน้อยลงด้วย
• โดยเฉลี่ยแล้ววิธีกลืนบอลลูนสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า 24 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 1 ปี
• การกลืนบอลลูนสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• ผู้เข้ารับการกลืนบอลลูนจะได้รับการดูแลตลอดการรักษาอย่างครบวงจร โดยทีมอายุรแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหาร นักปรับพฤติกรรม และนักโภชนาการ
• นอกจากลดน้ำหนักลงได้แล้ว ผู้เข้ารับการกลืนบอลลูนจะมีสุขภาพองค์รวมดีขึ้น เนื่องจากมีการปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการใช้ชีวิตร่วมด้วย
• ภายหลังนำบอลลูนออก ผู้ที่ผ่านการกลืนบอลลูนมักจะเกิดความเคยชินกับพฤติกรรมขณะใส่บอลลูน จึงสามารถนำพฤติกรรมดังกล่าวไปปฏิบัติต่อ ทำให้เป็นการลดน้ำหนักที่ยั่งยืนและปลอดภัย

ใครเหมาะกับการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักบ้าง ?
• การกลืนบอลลูนจะเหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI 27 ขึ้นไป
• กลืนบอลลูนเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนด้วยการผ่าตัด
• การกลืนบอลลูนช่วยได้ดีในผู้ที่ต้องการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและไม่ต้องการใช้ยา

ใครไม่เหมาะกับการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
• วิธีกลืนบอลลูนไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์
• ผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะมาก่อน มีแผลเปิดในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก หรือมีภาวะกรดไหลย้อนอย่างรุนแรงไม่แนะนำให้ใช้การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
• กลืนบอลลูนไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือกำลังกินยาละลายลิ่มเลือด
• ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคปอด มีภาวะเบาหวาน หรือภาวะตับผิดปกติ ไม่เหมาะกับวิธีกลืนบอลลูน

ข้อดีของการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักมีข้อดีหลายประการ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ดังนี้

• ไม่ต้องผ่าตัด วิธีกลืนบอลลูนไม่มีความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการผ่าตัด กลืนบอลลูนจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
• ใช้เวลาน้อย การกลืนบอลลูนลงกระเพาะอาหารใช้เวลาเพียง 15 - 20 นาที และไม่จำเป็นต้องนอนค้างโรงพยาบาล
• ประสิทธิภาพสูง บอลลูนช่วยลดน้ำหนักได้ดี เนื่องจากกินพื้นที่ในกระเพาะอาหารถึง 30 % จึงลดปริมาณอาหารที่รับประทานได้
• ลดความอยากอาหาร หลังจากกลืนบอลลูนลงกระเพาะ บอลลูนจะช่วยยับยั้งการย่อยอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะได้นานขึ้น และลดความอยากอาหารลง
• ปรับขนาดได้ ขนาดของบอลลูนสามารถปรับให้เหมาะกับสภาพร่างกายแต่ละคน จึงเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก

ข้อเสียของการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
แม้การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักจะมีข้อดีมากมาย ทว่าก็ยังมีข้อเสียที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจใช้วิธีกลืนบอลลูนค่ะ

• ความไม่สบายในช่วงแรก ผู้เข้ารับการกลืนบอลลูนอาจรู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนในช่วง 1 - 2 วันแรกหลังกลืนบอลลูนลงกระเพาะ
• แผลในกระเพาะอาหาร ในบางกรณีหากกลืนบอลลูนแล้วมีการดูแลตัวเองที่ไม่ดี อาจเกิดแผลในกระเพาะอาหารตามมาได้ค่ะ
• ความเสี่ยงต่อทางเดินอาหารอุดตัน ในการกลืนบอลลูน หากบอลลูนรั่ว อาจเสี่ยงต่อการอุดตันในทางเดินอาหาร
• อาการข้างเคียงที่รุนแรง ผู้เข้ารับการกลืนบอลลูนบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนรุนแรงมากหลังกลืนบอลลูน จึงต้องนำออกทันที
• ต้องเอาบอลลูนออกภายใน 1 ปี สำหรับวิธีกลืนบอลลูนนั้นใส่ได้ไม่เกิน 1 ปี และน้ำหนักอาจกลับมาเพิ่มขึ้นเมื่อนำออก

ควรเตรียมตัวก่อนกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักอย่างไรบ้าง ?
วิธีเตรียมตัวให้พร้อมก่อนกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพื่อให้กระบวนการกลืนบอลลูนเป็นไปอย่างราบรื่น โดยควรปฏิบัติตัวดังนี้

• ก่อนตัดสินใจเข้ารับการกลืนบอลลูนต้องตรวจสุขภาพทั่วไป รวมถึงการตรวจเลือด เอกซเรย์ทรวงอก และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
• แพทย์จะส่องกล้องตรวจสอบหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เพื่อประเมินความพร้อมก่อนกลืนบอลลูน
• ต้องรับประทานยาลดกรดก่อนอาหารเช้าและเย็นเป็นเวลา 14 วันก่อนกลืนบอลลูน
• ก่อนกลืนบอลลูนต้องงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของหมักดอง
• งดอาหารเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และงดน้ำเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการกลืนบอลลูน
• พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันนัดกลืนบอลลูน

ขั้นตอนการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนและใช้เวลาค่อนข้างสั้น โดยมีขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

1.มาโรงพยาบาลตามวันนัดหมาย
ในวันที่นัดหมายเพื่อทำการกลืนบอลลูน ผู้เข้ารับการรักษาต้องมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อม เริ่มด้วยการเปลี่ยนเป็นชุดของโรงพยาบาล ถอดแว่นตา คอนแทคเลนส์ และฟันปลอม จากนั้นแพทย์จะตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร และระดับออกซิเจนในเลือด เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายสำหรับกลืนบอลลูน

2.งดรับประทานอาหารและน้ำ
ก่อนเข้ารับการกลืนบอลลูน ต้องงดรับประทานอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดน้ำอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ท้องว่างและพร้อมสำหรับการกลืนบอลลูนลงไปในกระเพาะอาหาร

3.พ่นยาชาที่คอและให้ยานอนหลับ
ก่อนเริ่มกระบวนการกลืนบอลลูน แพทย์จะทำการพ่นยาชาที่บริเวณลำคอหรือให้กลั้วปากด้วยยาชา เพื่อช่วยลดความรู้สึกระคายเคืองและทำให้ไม่รู้สึกอยากขย้อนระหว่างขั้นตอนการกลืนบอลลูน จากนั้นจะให้ยานอนหลับเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสนิท ไม่รู้สึกเจ็บปวดในระหว่างกระบวนการกลืนบอลลูน

4.การส่องกล้องใส่บอลลูน
แพทย์จะใส่อุปกรณ์ช่วยอ้าปาก (Mouthpiece) เพื่อคงปากให้เปิดระหว่างการใส่บอลลูน จากนั้นจะค่อย ๆ สอดกล้องส่องลงไปทางปากผ่านหลอดอาหารจนถึงกระเพาะ เพื่อใส่บอลลูนในตำแหน่งที่เหมาะสม

5.การเติมน้ำเกลือในบอลลูน
เมื่อบอลลูนถูกใส่ในกระเพาะอาหารแล้ว แพทย์จะเติมน้ำเกลือผสมกับสารสีฟ้าที่เรียกว่าเมทิลีนบลู (Methylene Blue) เข้าไปในบอลลูนในปริมาณ 400 - 500 ซีซี เพื่อให้บอลลูนขยายตัวจนพอดีกับขนาดกระเพาะ

6.กระบวนการใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาที
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารนี้จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 15 - 20 นาที เมื่อเสร็จสิ้น แพทย์จะค่อย ๆ ดึงกล้องและอุปกรณ์ออกจากปากผู้เข้ารับการรักษา

7.พักฟื้นหลังจากกลืนบอลลูน
หลังจากทำการกลืนบอลลูนเสร็จสิ้น ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องพักฟื้นในสถานพยาบาลต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อดูอาการ หรือสังเกตว่ามีผลข้างเคียงหลังการกลืนบอลลูนหรือไม่ หากอาการคงที่และไม่มีปัญหาอื่น ๆ สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน

8.การติดตามอาการ
หลังการกลืนบอลลูนแพทย์จะนัดหมายเพื่อติดตามผลและดูการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและอาการต่าง ๆ เป็นระยะ โดยปกติบอลลูนจะถูกใส่ในกระเพาะอาหารประมาณ 6 - 12 เดือน หากน้ำหนักลดลงจนถึงเป้าหมาย แพทย์จะนำบอลลูนออกโดยกระบวนการที่ปลอดภัย

การดูแลร่างกายหลังกลืนบอลลูน
หลังจากกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก การดูแลร่างกายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผลดีและปลอดภัย โดยควรปฏิบัติตัว ดังนี้

1.การรับประทานอาหารในช่วงแรก
ในระยะเวลา 3 – 4 สัปดาห์แรกหลังจากกลืนบอลลูน ผู้เข้ารับการรักษาจะกินอาหารได้น้อยลง เนื่องจากพื้นที่ในกระเพาะลดลง ควรเริ่มต้นด้วยการกินอาหารเหลว เช่น น้ำเปล่า นม น้ำผลไม้ โยเกิร์ต และซุปใส เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว จึงค่อย ๆ ปรับมากินอาหารแข็ง

2.ปรับพฤติกรรมการกิน
นักโภชนาการจะคอยจัดตารางการรับประทานอาหารเพื่อปรับพฤติกรรมให้สอดคล้องกับการกลืนบอลลูน โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ ดูดซึมง่าย และให้พลังงานเพียงพอเพื่อสนับสนุนการลดน้ำหนัก

3.การออกกำลังกาย
สามารถเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ หลังจากกลืนบอลลูน แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงดันสูง เช่น ดำน้ำ ฟุตบอล หรือมวยไทย การออกกำลังกายจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ผลดีขึ้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระดับการออกกำลังกายที่เหมาะสม

4.ติดตามผลเป็นระยะ
แพทย์จะนัดตรวจสอบผลการกลืนบอลลูนทุก 1 - 2 เดือน เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงและปรับขนาดบอลลูนหากจำเป็น
การดูแลตัวเองหลังจากกลืนบอลลูนมีความสำคัญในการรักษาน้ำหนักและลดความอ้วนอย่างยั่งยืน จึงควรทำตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การลดน้ำหนักด้วยการกลืนบอลลูนมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังกลืนบอลลูน
หลังการกลืนบอลลูน มักพบผลข้างเคียงทั่วไป เช่น อาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งจะเป็นมากในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก สาเหตุเกิดจากกระเพาะอาหารต้องปรับตัวกับบอลลูนที่อยู่ภายใน การกินยาลดกรดและยากันอาเจียนควบคู่จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ และป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ ส่วนผลข้างเคียงอื่นของการกลืนบอลลูนที่อาจเกิดขึ้นแต่พบน้อยมาก เช่น เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร อาเจียนมากจนเกิดการปริของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร รวมถึงลำไส้อุดตัน อย่างไรก็ตามภาวะเหล่านี้พบได้น้อยมากในผู้ที่ทำการรักษาด้วยการกลืนบอลลูนค่ะ

ทั้งนี้ในช่วง 3 – 5 วันแรกหลังกลืนบอลลูน อาจรู้สึกไม่สบายตัวจากอาการกรดไหลย้อน คลื่นไส้ ตะคริว หรือมึนหัว ซึ่งเป็นภาวะปกติที่ร่างกายกำลังปรับตัว สามารถบรรเทาได้ด้วยยาที่แพทย์สั่ง แต่หากมีอาการมาก เช่น กรดไหลย้อนรุนแรง หรือแผลในกระเพาะอาหาร ควรรีบปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่บอลลูนอาจแตกหรือยุบตัว ซึ่งจะทำให้ผู้เข้ารับการกลืนบอลลูนขับถ่ายน้ำและพลาสติกออกมาในปัสสาวะและอุจจาระ หากเกิดขึ้นจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการกลืนบอลลูน

หลังกลืนบอลลูนต้องพักฟื้นนานไหม ?
หลังกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นเวลานานค่ะ ส่วนใหญ่ผู้ที่กลืนบอลลูนสามารถกลับบ้านได้หลังจากรอดูอาการเพียง 2 ชั่วโมง หรืออาจพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน ขึ้นอยู่กับแพทย์

ผลลัพธ์ที่ได้จากการกลืนบอลลูน
การกลืนบอลลูนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดน้ำหนัก โดยผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทว่าทั่วไปผู้ที่กลืนบอลลูนมักสามารถลดน้ำหนักได้ระหว่าง 10 - 20% ของน้ำหนักตัวภายใน 6 เดือนแรก ซึ่งผลสำเร็จของการลดน้ำหนักจะขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมการกิน และการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง หลังกลืนบอลลูน

สาเหตุที่การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดและสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตามความสำเร็จจากการกลืนบอลลูนขึ้นอยู่กับวินัยส่วนบุคคลด้วย ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การรักษาน้ำหนักหลังนำบอลลูนออกเป็นไปได้ดี ดังนั้นการกลืนบอลลูนไม่ใช่แค่การลดน้ำหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่การกลืนบอลลูนเป็นตัวช่วยให้สามารถเริ่มต้นปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว

สำหรับคนที่มีปัญหากับการควบคุมปริมาณการกินอาหาร หรือลดความอ้วนด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผล การกลืนบอลลูนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่จำเป็นต้องเข้าปรึกษาหารือกับแพทย์ก่อนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าวิธีกลืนบอลลูนเหมาะสมและปลอดภัยต่อตัวเอง

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักคืออะไร ?
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน เป็นกระบวนการที่ใช้บอลลูนขนาดเล็กใส่เข้าไปในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น จึงช่วยลดปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละมื้อลง

บอลลูนสำหรับกลืนบอลลูนมีขนาดเท่าไหร่ ?
ในการกลืนบอลลูน บอลลูนที่ใช้ในการลดน้ำหนักมักมีขนาดประมาณ 400 - 700 มิลลิลิตรเมื่อขยายเต็มที่ โดยบอลลูนที่นำมาใช้ ในการกลืนบอลลูน ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความปลอดภัยและสะดวกในการใช้งาน

การกลืนบอลลูนทำอย่างไร ?
ขั้นตอนกลืนบอลลูนมักเริ่มต้นด้วยการใช้กล้องตรวจสอบ (Endoscopy) เพื่อช่วยในการใส่บอลลูนลงไปในกระเพาะอาหาร ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องกลืนบอลลูนที่อัดลมไว้ และแพทย์จะทำการขยายบอลลูนภายในกระเพาะอาหารค่ะ

กลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?
หลังจากกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน ผู้เข้ารับการกลืนบอลลูนอาจมีผลข้างเคียง เช่น ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือการอักเสบในกระเพาะอาหาร ทว่าอาการเหล่านี้มักจะหายไปหลังจากร่างกายปรับตัวได้

บอลลูนจะอยู่ในกระเพาะอาหารนานแค่ไหน ?
โดยทั่วไปแล้วในการกลืนบอลลูน บอลลูนสามารถอยู่ในกระเพาะอาหารได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของบอลลูนและคำแนะนำจากแพทย์

กลืนบอลลูนช่วยลดความอ้วนได้มากแค่ไหน ?
การลดน้ำหนักที่ได้จากกลืนบอลลูนจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลค่ะ โดยทั่วไปกลืนบอลลูนสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 10 - 20% ของน้ำหนักตัวเริ่มต้นในช่วงเวลาที่บอลลูนอยู่ในกระเพาะอาหาร

บอลลูนสามารถนำออกได้อย่างไร ?
หลังจากลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายแล้ว บอลลูนจะถูกนำออกโดยแพทย์ผ่านทางกล้องตรวจสอบ (Endoscopy) ในระยะเวลาที่กำหนด โดยการทำเช่นนี้ จะใช้ยานอนหลับและการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ใครเหมาะสำหรับกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนัก ?
การกลืนบอลลูนเพื่อลดน้ำหนักหรือเพื่อลดความอ้วน เหมาะสำหรับคนที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) 30 หรือมากกว่า และผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมน้ำหนักจากวิธีการอื่น ๆ ค่ะ

กลืนบอลลูนเป็นวิธีสำหรับลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยา และไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งนวัตกรรมกลืนบอลลูนนี้ได้รับการรับรองจาก FDA

272
สลายไขมันด้วยความเย็นราคา 8900
ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น