บทความเกี่ยวกับ : ผิวฉ่ำ , Glassy Skin
ผิวฉ่ำ ผิวกระจก ด้วย Glassy Skin เมโสหน้าใส พอกันทีกับหน้ามัน !
การมีผิวที่สวย เปล่งปลั่ง และดูมีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน และเทรนด์ความงามที่กำลังมาแรงในขณะนี้คือ ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin หรือที่เรียกกันว่า "ผิวกระจก" ซึ่งเป็นคำนิยามของการมีผิวที่สวย เปล่งปลั่ง แลดูชุ่มชื้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin แตกต่างจากผิวมันอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ได้ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาหน้ามันอีกต่อไป ในบทความนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับนิยมของคำว่าผิวกระจก ผิวฉ่ำ หรือ Glassy Skin ให้เข้าใจมากขึ้น และแนะนำวิธีการสร้างผิวฉ่ำให้สวยสมใจอย่างปลอดภัย
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin คืออะไร?
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ผิวกระจก คือลักษณะผิวที่มีความเปล่งปลั่ง ฉ่ำวาว ดูชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ราวกับผิวของเด็กทารก หรือเหมือนกับผิวที่เพิ่งทาครีมบำรุงเสร็จใหม่ ๆ แต่ความพิเศษของ ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin คือความฉ่ำวาวนี้จะคงอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ใช่แค่ช่วงสั้นๆ หลังทาครีม ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin นั้นแตกต่างจากผิวมันอย่างชัดเจน ในขณะที่ผิวมันจะดูเยิ้ม มีความมันส่วนเกินบนใบหน้า และมักมาพร้อมกับรูขุมขนกว้าง แต่ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin จะดูชุ่มชื้น สดใส มีออร่า โดยไม่มีความมันส่วนเกิน ผิวจะดูเนียนเรียบ รูขุมขนเล็กลง และไม่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำให้เห็น
อย่างไรก็ตาม ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin หรือผิวกระจกนั้นเป็นมากกว่าแค่ผิวที่ดูวาว แต่เป็นผิวที่มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ผิวกระจกสะท้อนถึงการมีสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำที่เพียงพอ และการพักผ่อนที่เหมาะสม ผิวกระจกจึงเป็นเหมือนกระจกสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่ดีของคุณ อย่างไรก็ตาม ผิวฉ่ำไม่ได้หมายถึงผิวที่ไร้ที่ติ แต่หมายถึงผิวที่ดูสุขภาพดี สดใส และเปล่งปลั่ง ดังนั้นการมีผิวฉ่ำของแต่ละคนก็ยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นกระ ฝ้า หรือริ้วรอยเล็กน้อย แต่สิ่งเหล่านี้จะดูจางลงเมื่อผิวมีสุขภาพดีและชุ่มชื้น
ความแตกต่างระหว่าง ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin และหน้ามัน
หลายคนอาจสับสนระหว่างผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin กับผิวมัน แต่ความจริงแล้วทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และนี่ข้อแตกต่างกันระหว่างผิวฉ่ำ กับหน้ามัน
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
• มีความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่มันเยิ้ม
• ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส มีออร่า
• รูขุมขนเล็ก แทบมองไม่เห็น
• ผิวเรียบเนียน ไม่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำ
• สัมผัสนุ่มลื่น ไม่เหนอะหนะ
ผิวมัน
• มีความมันส่วนเกินบนใบหน้า
• ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส
• รูขุมขนกว้าง มองเห็นชัดเจน
• อาจมีปัญหาสิวและรอยดำจากสิว
• สัมผัสเหนียวเหนอะหนะ
อย่างไรก็ตาม คนที่มีผิวมันก็สามารถมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้เช่นกัน โดยการเปลี่ยนจากผิวมันให้กลายเป็นผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin นั้นต้องอาศัยการดูแลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยต้องเน้นการควบคุมความมัน เพื่อให้ผิวหน้าไม่มัน ก่อนจะโฟกัสที่การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อให้ผิวดูฉ่ำวาวแบบสุขภาพดี
วิธีแก้ปัญหาหน้ามันเพื่อให้ได้ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
สำหรับคนที่มีปัญหาหน้ามันอยู่ตลอดเวลาที่ต้องการมีผิวฉ่ำวาว อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าคนที่ไม่มีปัญหาผิวเสียหน่อย เพราะก่อนที่จะไปสู่ขั้นตอนการสร้างผิวฉ่ำ ก็จำเป็นจะต้องแก้ปัญหาผิวมันให้ได้เสียก่อน โดยการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น ความมันลดลงสามารถทำได้ดังนี้
• ใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยน เลือกใช้โฟมล้างหน้าที่สามารถชำระล้างความมันส่วนเกินได้ดี แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เพราะถ้าผิวแห้งเกินไป จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
• ใช้โทนเนอร์ปรับสมดุลผิว โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้รูขุมขนโล่ง ไม่อุดตัน และควบคุมความมันได้ดีขึ้น
• เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวมัน ผิวมันก็ต้องการความชุ่มชื้นเช่นกัน แต่ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน
• มาส์กโคลน การมาส์กโคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ทำให้ผิวสะอาดลึก และรูขุมขนกระชับขึ้น
• ทำทรีตเมนต์ควบคุมความมัน การฉีดเมโสด้วยสารที่ช่วยควบคุมความมัน หรือการทำเลเซอร์เพื่อลดการทำงานของต่อมไขมัน สามารถช่วยแก้ปัญหาหน้ามันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการสร้าง ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
การมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องอาศัยความอดทน และวินัยในการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าหากทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ได้ การมีผิวฉ่ำก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด
• ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก การมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin เริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยน แต่สามารถชำระล้างสิ่งสกปรก และความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด ทำความสะอาดผิววันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อให้ผิวสะอาดและพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
• ใช้โทนเนอร์และเอสเซนส์ หลังจากทำความสะอาดผิวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสภาพผิวให้สมดุล และตามด้วยเอสเซนส์ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือเซราไมด์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
• ใช้เซรั่มและครีมบำรุง เลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี นีอาซินาไมด์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอย ตามด้วยครีมบำรุงที่มีเนื้อสัมผัสเบาบาง แต่ให้ความชุ่มชื้นสูง เพื่อล็อคความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิว
• ใช้ครีมกันแดด ปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยครีมกันแดดที่มี SPF สูง และมีเนื้อสัมผัสเบาบาง ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยและจุดด่างดำ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
• มาส์กหน้า ใช้มาส์กหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นสูงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างเข้มข้น และช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง มีออร่า
• ฉีดเมโสผิวฉ่ำ การฉีดเมโสผิวฉ่ำเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ได้ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin อย่างรวดเร็ว การฉีดเมโสผิวฉ่ำจะช่วยนำสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นลึก ทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
• ทำทรีตเมนต์เลเซอร์ เลเซอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin อย่างรวดเร็ว เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น
• รับประทานอาหารที่ดีต่อผิว นอกจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin เลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดเจีย และวอลนัท จะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ทำให้ผิวฉ่ำแบบสุขภาพดีได้
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ (อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว) จะช่วยให้ร่างกายและผิวได้รับความชุ่มชื้นจากภายใน ส่งผลให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดี
• พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูผิว ช่วยให้ผิวได้ซ่อมแซมตัวเองในระหว่างที่คุณหลับ ทำให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับผิวที่สดใส เปล่งปลั่ง
• กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Exfoliation) การขัดผิวอย่างอ่อนโยนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น แต่ระวังอย่าขัดผิวบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
• ดื่มชาเขียว ชาเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหาย และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ การดื่มชาเขียวเป็นประจำจะช่วยให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอก
• นวดหน้า การนวดหน้าเบาๆ ขณะทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูสดใส มีเลือดฝาด และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมซาบสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
• ใช้เครื่องพ่นไอน้ำ (Face Steamer) การใช้เครื่องพ่นไอน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้ผิวสะอาดลึก และช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึมซาบได้ดียิ่งขึ้น
• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพืช สารสกัดจากพืชหลายชนิด เช่น อโลเวร่า ชาเขียว และโสม มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชจะช่วยให้ผิวสงบ ลดการระคายเคือง และดูสุขภาพดี
• ใช้หมอนผ้าไหม การนอนบนหมอนผ้าไหมจะช่วยลดการเสียดสีระหว่างผิวหน้ากับหมอน ทำให้ผิวไม่เกิดรอยย่นและรักษาความชุ่มชื้นได้ดีกว่าการนอนบนหมอนผ้าฝ้ายหรือผ้าคอตตอน
ทั้งนี้ในการสร้างผิวฉ่ำนั้นจะต้องมีการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากต้องการมีผิวฉ่ำ อาจจะต้องมีวางแผนในการบำรุงผิวหน้าให้เป็นกิจวัตรประจำวัน อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับมลพิษต่าง ๆ จะช่วยให้มีผิวฉ่ำได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีวินัยในการดูแลผิวหน้า หรือไม่มีเวลาในการบำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วย นั่นก็คือการฉีดเมโสเพื่อผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
การฉีดเมโสเพื่อผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
นอกจากการบำรุงผิวแบบด้วยสูตรที่เคร่งครัดข้างต้นแล้ว การฉีดเมโสผิวฉ่ำเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการสร้างผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เพราะการฉีดเมโสผิวฉ่ำจะช่วยนำสารบำรุง และวิตามันที่ดีต่อผิวเข้าสู่ผิวชั้นลึก ทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกได้ทันที ทำให้ผิวที่ได้รับวิตามินโดยตรงได้รับการฟื้นฟู และจะเผยความชุ่มชื้น แบบผิวฉ่ำ ๆ ออกมาให้เห็น โดยการฉีดเมโสเพื่อผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin มีประโยชน์ดังนี้
• เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างล้ำลึก
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ
• ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย
• ปรับสมดุลความมันบนใบหน้า
สารประกอบที่นิยมใช้ในการฉีดเมโสเพื่อผิวฉ่ำ
การฉีดเมโสผิวฉ่ำ แทบจะกลายเป็นหัตถการที่มีในคลินิกและสถานเสริมความงามทุกแห่ง โดยแต่ละที่จะมีสูตรเมโสผิวฉ่ำที่ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก เนื่องจากสารที่ใช้ในการฉีดเมโสผิวฉ่ำจะมีสูตรที่ตายตัวอยู่แล้ว ที่จะต่างก็เห็นจะเป็นเรื่องของปริมาณของสารบางชนิดที่อาจมีการเพิ่มลดเพื่อให้เมโสผิวฉ่ำของตนเองมีความแตกต่างจากที่ ซึ่งสารประกอบที่นิยมใช้ในเมโสผิวฉ่ำ ได้แก่
• ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
• วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ต้านอนุมูลอิสระ
• วิตามินบี (Vitamin B) ช่วยฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ
• อะมิโนแอซิด (Amino Acid) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• กลูตาไธโอน (Glutathione) ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส
อย่างไรก็ตาม การฉีดเมโสผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้หากต้องการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้ฉีดเมโสผิวฉ่ำทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ ติดต่อกัน 4-6 ครั้ง
ใครเหมาะกับการฉีดเมโสผิวฉ่ำ
การฉีดเมโสผิวฉ่ำ เป็นการฉีดเมโสเพื่อบำรุงผิวแบบล้ำลึก ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้
• ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น การฉีดเมโสผิวฉ่ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กน้อยถึงปานกลาง เมโสผิวฉ่ำสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
• ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ขาดความกระจ่างใส ส่วนผสมในเมโสผิวฉ่ำสามารถช่วยให้ผิวดูสว่างใสขึ้นได้
• ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง การฉีดเมโสผิวฉ่ำสามารถช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงได้
• ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป การฉีดเมโสผิวฉ่ำจะเริ่มเหมาะกับคนช่วงวัยที่ผิวหน้าไม่ได้มีการพัฒนาแล้ว และเริ่มมีสัญญาณของริ้วรอยและความเสื่อมสภาพ เพราะสามารถเห็นผลลัพธ์จากการฉีดเมโสผิวฉ่ำได้ง่ายมากขึ้น
• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป
• ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอ เมโสผิวฉ่ำสามารถช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้นได้
อย่างไรก็ตามการฉีดเมโสผิวฉ่ำ อาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีเงื่อนไขทางสุขภาพดังต่อไปนี้
• ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยของทั้งมารดาและทารก
• ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผิวหนังอักเสบ อาจทำให้อาการกำเริบได้
• ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนผสมในเมโสผิวฉ่ำ ควรตรวจสอบส่วนผสมก่อนทำการรักษา
• ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นคีลอยด์หรือแผลเป็นนูน อาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นหลังการรักษา
• ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะทำการรักษา ควรรักษาการติดเชื้อให้หายก่อน
• ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่ายหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออก
• ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การฉีดเมโสผิวฉ่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
• ผู้ที่เพิ่งทำทรีตเมนต์ผิวหน้าอื่นๆ เช่น เลเซอร์ หรือ การลอกผิว ควรเว้นระยะให้ผิวได้พักฟื้นก่อน
• ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากผิวยังอยู่ในช่วงพัฒนา จึงไม่เหมาะกับการฉีดเมโสผิวฉ่ำ
• ผู้ที่มีความคาดหวังสูงเกินไป การฉีดเมโสผิวฉ่ำไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวทั้งหมดได้ในครั้งเดียว
ขั้นตอนการฉีดเมโสผิวฉ่ำ
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดเมโสผิวฉ่ำจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.การปรึกษาแพทย์ ก่อนการรักษา แพทย์จะประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมในการรับการรักษา
2.การทำความสะอาดผิว ผิวหน้าจะถูกทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
3.การทายาชา อาจมีการทายาชาเพื่อลดความเจ็บปวด
4.การฉีด แพทย์จะฉีดสารละลายเมโสผิวฉ่ำเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Mesoderm) ด้วยเข็มขนาดเล็ก
5.การนวดเบา ๆ เพื่อกระจายสารในเมโสผิวฉ่ำให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ
6.การทาครีมบำรุง อาจมีการทาครีมบำรุงหรือมาส์กหน้าหลังการรักษา
ความถี่ในการฉีดเมโสผิวฉ่ำ
โดยทั่วไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำจำนวนครั้งในการฉีดเมโสผิวฉ่ำ โดยอ้างอิงจากสภาพผิวของแต่ละคน ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 2-4 สัปดาห์ หลังจากนั้น อาจทำการรักษาเพื่อรักษาผลลัพธ์ทุก 3-6 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโสผิวฉ่ำ
การฉีดเมโสผิวฉ่ำเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่ในการฉีดก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่เข้ารับการฉีดเมโสผิวฉ่ำแต่อย่างใด
• รอยแดงหรือบวมเล็กน้อย (มักหายภายใน 24-48 ชั่วโมง)
• รอยช้ำ (อาจคงอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์)
• อาการคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย
• ผิวแห้งลอก (ในบางราย)
แม้อาการเหล่านี้จะไม่อันตราย แต่ก็ควรหมั่นสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หากมีอาการต่อเนื่องยาวนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือมีอาการผิดปกติที่รุนแรงเกิดขึ้นหลังจากฉีดเมโสหน้าใส ควรรีบกลับไปพบแพทย์โดยทันที
การดูแลหลังการฉีดเมโสผิวฉ่ำ
เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการฉีดเมโสผิวฉ่ำ หลังเสร็จสิ้นการฉีดเมโสผิวฉ่ำแล้ว แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง ซึ่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดดังนี้
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูผิวแรง ๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังฉีดเมโสผิวฉ่ำ
• งดการออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
• หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือแช่น้ำในวันที่ทำการรักษา
• ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่แพทย์แนะนำ
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
การมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin สามารถสร้างได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการทำทรีตเมนต์ที่มีประสิทธิภาพ คุณก็สามารถมีผิวฉ่ำ ผิวกระจกได้ดังใจ ไม่ว่าคุณจะสภาพผิวแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้ทั้งนั้น เพียงแค่เลือกวิธีการดูแล และผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ คุณก็สามารถมีผิวฉ่ำอย่างที่ต้องการได้
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ไม่เพียงแต่ทำให้คุณดูสวยและมีเสน่ห์เท่านั้น แต่การมีผิวฉ่ำยังช่วยสะท้อนถึงสุขภาพผิวที่ดี และความมีวินัยในการบำรุงผิว และดูแลสุขภาพอีกด้วย ดังนั้น การดูแลผิวเพื่อให้ได้ ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin จึงไม่ใช่เพียงแค่การทำตามเทรนด์ แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวในระยะยาว
การมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin นั้นไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม แต่ต้องอาศัยการดูแลอย่างสม่ำเสมอและครบวงจรถึงจะมีผิวฉ่ำได้ โดยจะต้องมีการดูแลจากภายนอกด้วยผลิตภัณฑ์และทรีตเมนต์ที่เหมาะสม และการดูแลจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนที่เหมาะสม ถึงจะสามารถมีผิวฉ่ำได้อย่างที่ต้องการ
นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึง คือ การมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ไม่ได้หมายถึงผิวที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่หมายถึงผิวที่ดูสุขภาพดี สดใส และเปล่งปลั่ง สะท้อนถึงการดูแลตัวเองอย่างดีทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นแม้ว่าจะมีผิวฉ่ำแล้ว แต่ถ้ายังมีริ้วรอยเล็ก ๆ ให้เห็นบ้างก็อย่าได้กังวล เพราะทุกคนย่อมต้องมีปัญหาผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมออยู่แล้ว
ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหน อายุเท่าไหร่ ก็สามารถมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้ เพียงแค่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ และอย่าลืมดูแลสุขภาพโดยรวมด้วย เพราะผิวฉ่ำ และดูสุขภาพดีนั้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากมีการดูแลแค่เพียงผิวหน้า แต่ไม่ดูแลสุขภาพโดยรวมด้วย
เริ่มต้นวันนี้ ด้วยการดูแลผิวอย่างใส่ใจ และคุณจะพบว่า ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skinนั้นไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่สัมผัสได้ ลาก่อนหน้ามัน สวัสดีผิวฉ่ำที่คุณใฝ่ฝัน ผิวสวย สุขภาพดี และความมั่นใจกำลังรอคุณอยู่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin แตกต่างจากผิวมันอย่างไร?
A ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin มีความชุ่มชื้นสูงแต่ไม่มันเยิ้ม ในขณะที่ผิวมันจะมีความมันส่วนเกินบนใบหน้า ผิวฉ่ำจะดูเปล่งปลั่ง สดใส มีออร่า ส่วนผิวมันมักดูหมองคล้ำ
ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ของผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin?
A โดยทั่วไป หากดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืนอาจใช้เวลา 2-3 เดือน ทั้งนี้ ผิวฉ่ำจะเผยให้เห็นได้เร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิมและวิธีการดูแลผิวของแต่ละคน
ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้หรือไม่?
A ได้ค่ะ แต่ต้องระมัดระวังในการเลือกผลิตภัณฑ์มากขึ้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังควรบำรุงผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะใช้เวลามากขึ้นกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็สามารถมีผิวฉ่ำได้เช่นกัน
จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ราคาแพงเพื่อให้ได้ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin หรือไม่?
A ไม่จำเป็นค่ะ เพราะการสร้างผิวฉ่ำ สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณและมีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ราคา การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและการมีสุขภาพที่ดีโดยรวมมีความสำคัญมากกว่าราคาของผลิตภัณฑ์
สามารถมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้โดยไม่ต้องฉีดเมโสหรือไม่?
A ได้แน่นอนค่ะ การฉีดเมโสเป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่ช่วยเร่งผลลัพธ์ แต่การดูแลผิวที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อนที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยให้คุณมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้เช่นกัน
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin เหมาะกับทุกสีผิวหรือไม่?
A เหมาะสมกับทุกสีผิวค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีผิวสีอ่อนหรือผิวสีเข้ม ก็สามารถมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้ เพียงแต่อาจต้องปรับวิธีการดูแลและเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสีผิวและสภาพผิวของแต่ละคน
ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin จำเป็นต้องแต่งหน้าน้อยลงหรือไม่?
A ไม่จำเป็นค่ะ แต่เมื่อคุณมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin แล้ว คุณอาจพบว่าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องสำอางมากเท่าเดิม เพราะผิวของคุณดูสวยและมีออร่าอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถแต่งหน้าได้ตามต้องการ
การนอนดึกส่งผลต่อผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin หรือไม่?
A ส่งผลแน่นอนค่ะ การนอนหลับเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูผิว การนอนดึกบ่อยๆ อาจทำให้ผิวดูหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และขาดความชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลเสียต่อผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin
ผู้ชายสามารถมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้หรือไม่?
A ได้แน่นอนค่ะ ผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายก็สามารถมีผิวฉ่ำได้เช่นกัน โดยการดูแลผิวอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
ควรทาครีมกันแดดทุกวันหรือไม่ หากต้องการมีผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin?
A ควรทาทุกวันค่ะ การทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ การทาครีมกันแดดทุกวันจะช่วยรักษาผิวฉ่ำแบบ Glassy Skin ได้ยาวนานขึ้น