บทความเกี่ยวกับ : ร้อยไหมเหนียง , ไหมเหนียง

ร้อยไหม ลดเหนียง เคลียร์ปัญหาคางสองชั้น
การมีเหนียงหรือคางสองชั้นเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่กังวลเรื่องรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ อย่างที่ทราบกันดีว่าการลดเหนียงแม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารก็ยังอาจไม่เพียงพอ

หลายคนจึงมักมองหาหัตถการความงามอย่างอื่นทำร่วมด้วย ซึ่งการร้อยไหมเหนียงคือหนึ่งในทางเลือกของคนจำนวนมาก เพราะร้อยไหมสามารถช่วยแก้ปัญหาเหนียงหย่อนคล้อยและลดคางสองชั้นได้ทันใจ

หลายคนอาจสงสัยว่าร้อยไหมเหนียงต้องใช้กี่เส้น ? หรือไหมชนิดใดที่เหมาะกับการร้อยไหมเหนียงมากที่สุด ? บทความนี้จะตอบทุกข้อสงสัย และช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการร้อยไหมมากขึ้นค่ะ

บทความร้อยไหมบริเวณอื่นๆ และไหมชนิดอื่นๆ
ร้อยไหมบริเวณหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว
ร้อยไหมบริเวณหางตา ร้อยไหมยกหางตา (Foxy Eyes)
ร้อยไหมบริเวณปีกจมูก ร้อยไหมปีกจมูก
ร้อยไหมบริเวณกรอบหน้า ร้อยไหมกรอบหน้า
ร้อยไหมบริเวณร่องแก้ม ร้อยไหมร่องแก้ม
ร้อยไหมประเภท ร้อยไหมก้างปลา
ร้อยไหมประเภท ร้อยไหมคอลลาเจน
ร้อยไหมบริเวณจมูก ร้อยไหมจมูก

ร้อยไหมเหนียงคืออะไร ?
ร้อยไหมเหนียงคือวิธีลดเหนียง โดยใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวบริเวณคางเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งเส้นไหมที่ใช้สำหรับร้อยไหมเหนียงมักเป็นชนิดมีเงี่ยงเล็ก ๆ ในการช่วยยึดเนื้อเยื่อและดึงผิวให้ยกขึ้น อีกทั้งการร้อยไหมเหนียง ยังช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณใต้คางดูตึงและกระชับจากเดิม ที่สำคัญหลังร้อยไหมยังสามารถใช้ชีวิตปกติได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้นนานค่ะ

เหนียงเกิดจากอะไร ?
• ไขมันสะสม การสะสมของไขมันบริเวณใต้คาง มักมาจากพฤติกรรมบริโภคอาหารเกินพอดี หรือขาดการออกกำลังกาย
• อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้นผิวหนังจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหย่อนคล้อย
• พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีเหนียง หรือมีรูปคางสั้นอาจเสี่ยงต่อการเกิดเหนียงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
• น้ำหนักตัว หากมีน้ำหนักเกินมาตรฐานย่อมทำให้เกิดไขมันสะสมบริเวณคางมากขึ้น

ร้อยไหมเหนียง ช่วยลดเหนียงได้อย่างไร ?
การร้อยไหมเหนียงสามารถช่วยยกกระชับผิวบริเวณใต้คาง โดยใช้เส้นไหมแบบมีเงี่ยงร้อยเข้าไปเกี่ยวเนื้อเยื่อและไขมันใต้คาง เมื่อดึงไหมขึ้น ผิวบริเวณเหนียงจะถูกยกขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวเป็นทรงวีเชฟหรือได้กรอบหน้าที่ชัดขึ้น โดยการร้อยไหมเหนียงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในระยะเวลา 4 - 6 สัปดาห์ และเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากกว่าไขมันสะสม ในกรณีที่มีปัญหาไขมันสะสมใต้คางมาก ควรทำการฉีดสลายไขมันควบคู่กับการร้อยไหมเหนียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นค่ะ

ร้อยไหมเหนียงอันตรายหรือไม่ ?
การร้อยไหมเหนียงไม่เป็นอันตรายหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้เส้นไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยค่ะ ทั้งนี้เส้นไหมจะละลายในร่างกายเมื่อถึงเวลาโดยไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง อย่างไรก็ตามการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญเสมอค่ะ เพราะหากทำการร้อยไหมเหนียงโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น การดึงรั้งผิดตำแหน่งหรือรอยบุ๋ม

ไหมสำหรับร้อยไหมเหนียง มีอะไรบ้าง ?
เส้นไหมละลายสำหรับใช้ร้อยไหมเหนียง หากแบ่งตามประเภทวัสดุ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ดังนี้ค่ะ

• ไหม PDO (Polydioxanone)
ไหม PDO เป็นเส้นไหมที่ได้รับความนิยมในการร้อยไหมเหนียง และสามารถกระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้ดี ทำให้ผิวกระชับมากขึ้น โดยผลลัพธ์จากการร้อยไหมเหนียงชนิดนี้สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 - 12 เดือน

• ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
สำหรับไหม PLLA มีคุณสมบัติละลายได้ในร่างกายเช่นกัน แต่ใช้เวลานานกว่าไหม PDO การร้อยไหม PLLA จะช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ในการร้อยไหมเหนียงสามารถอยู่ได้นาน 12 - 18 เดือนทีเดียวค่ะ

• ไหม PCL (Polycaprolactone)
ไหม PCL เป็นเส้นไหมที่มีความยืดหยุ่นสูงและละลายช้า ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียงอยู่ได้นานที่สุดประมาณ 18 - 24 เดือน ไหมชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น

นอกจากแบ่งประเภทเส้นไหมตามวัสดุที่ใช้ทำไหมแล้ว การร้อยไหมเหนียงยังสามารถแบ่งตามลักษณะของเส้นไหมได้อีกด้วย ซึ่งมีความแตกต่างในด้านการใช้งานและผลลัพธ์ ดังนี้

• ไหมเรียบ (Mono Thread)
เส้นไหมประเภทนี้มีลักษณะเรียบตรง ไม่มีเงี่ยงหรือปุ่มตามแนวเส้นไหม มักใช้ร้อยไหมเพื่อกระตุ้นสร้างคอลลาเจนเป็นหลักค่ะ ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระชับ และกระจ่างใส ไหมเรียบมักใช้ในบริเวณที่ต้องการการกระตุ้นเพียงเล็กน้อย เช่น การร้อยไหมเหนียงเพื่อลดเหนียงบาง ๆ หรือเพื่อกระตุ้นให้ผิวกระชับมากขึ้น

• ไหมเงี่ยง (Cog Thread)
เป็นไหมที่มีเงี่ยงเล็ก ๆ ตลอดแนวเส้นไหม เงี่ยงเหล่านี้จะช่วยยึดเกาะกับชั้นผิวหนังในการร้อยไหมได้ดีกว่าไหมเรียบ ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยถูกดึงขึ้นอย่างชัดเจน ไหมเงี่ยงเป็นที่นิยมในการร้อยไหมยกกระชับใบหน้าและร้อยไหมเหนียง เพราะสามารถยกกระชับผิวได้ดีและมีประสิทธิภาพสูง

• ไหมเกลียว (Screw Thread)
ไหมประเภทนี้มีลักษณะพันกันเป็นเกลียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการร้อยไหมเหนียงและเติมเต็มความหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับมากกว่าปกติ หรือผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน ไหมเกลียวจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผิว และกระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้อย่างรวดเร็ว

ร้อยไหมเหนียง ใช้ไหมกี่เส้น ?
สำหรับจำนวนเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมเหนียงย่อมขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนค่ะ ในผู้ที่มีปัญหาเหนียงเล็กน้อยถึงปานกลาง อาจใช้ไหมประมาณ 5 - 10 เส้น ขณะผู้ที่มีปัญหาเหนียงมากหรือมีผิวหย่อนคล้อยมากอาจต้องใช้จำนวนไหมเพิ่มขึ้น ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนประเมินจำนวนไหมที่เหมาะสมในการร้อยไหมเหนียง โดยคำนึงถึงความสมดุลของใบหน้าและความปลอดภัย และเพื่อให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียงออกมาดีที่สุดและยั่งยืน

ไหมชนิดไหนเหมาะกับการร้อยไหมเหนียงที่สุด
เส้นไหมที่เหมาะสมกับการร้อยไหมเหนียงมากที่สุดคือ "ไหมก้างปลา" อยู่ในกลุ่มไหม PDO (Polydioxanone) ซึ่งมีเงี่ยงที่สามารถช่วยยกผิวใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ เงี่ยงของไหมก้างปลาจะทำหน้าที่เกี่ยวเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อให้ยกกระชับทันทีหลังทำ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียงนั้นยาวนานขึ้นค่ะ

ร้อยไหมเหนียงเจ็บไหม ?
การร้อยไหมเหนียงอาจมีความรู้สึกเจ็บบ้างในระหว่างขั้นตอนร้อยไหมเหนียง แต่แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาความรู้สึกก่อนเสมอค่ะ ทั้งนี้หลังร้อยไหมเหนียงเสร็จสิ้นอาจมีอาการบวมเล็กน้อย แต่จะหายเป็นปกติได้เองภายในไม่กี่วันค่ะ

ร้อยไหมเหนียงอยู่ได้นานแค่ไหน ?
โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียงสามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการค่ะ เช่น ประเภทของไหมที่ใช้ สภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ และการดูแลหลังร้อยไหมเหนียง โดยเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมเหนียงจะถูกสลายไปตามธรรมชาติภายในร่างกาย แต่กระบวนการนี้จะช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวยังกระชับต่ออีกนานแม้ไหมจะสลายไปแล้ว

อย่างไรก็ตามหากต้องการผลลัพธ์ในการร้อยไหมเหนียงที่ยาวนานและคงทน สามารถร้อยไหมเหนียงซ้ำ โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำว่าควรทำซ้ำเมื่อใดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ ทั้งนี้การดูแลหลังร้อยไหมเหนียงก็สำคัญมาก เช่น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้ไหมเคลื่อน หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยยืดอายุของผลลัพธ์จากการร้อยไหมเหนียงได้

ขั้นตอนการร้อยไหมเหนียง
ร้อยไหมเหนียงเป็นเทคนิคที่ช่วยยกกระชับและลดเหนียง เพื่อให้กรอบหน้าดูชัดเจนขึ้น แก้ปัญหาคางสองชั้น ทั่วไปจะใช้เวลาในการร้อยไหมประมาณ 60 นาทีค่ะ โดยการร้อยไหมเหนียงมีขั้นตอน ดังนี้

• ประเมินใบหน้าและปัญหา ก่อนร้อยไหมเหนียง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินปัญหา โดยวิเคราะห์บริเวณที่ต้องการลดเหนียง เพื่อวางแผนสำหรับจำนวนและชนิดของไหมที่เหมาะสมสำหรับการร้อยไหมเหนียง
• กำหนดทิศทางของการร้อยไหม แพทย์จะกำหนดทิศทางการร้อยไหมเหนียง อย่างละเอียดให้เหมาะสม กับโครงสร้างใบหน้า และบริเวณที่ต้องการลดเหนียง เพื่อให้การยกกระชับออกมาดูเป็นธรรมชาติและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
• ทำความสะอาดใบหน้า การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการร้อยไหมเหนียง
• ฉีดยาชา เมื่อทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการร้อยไหมเหนียงเพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการ
• ร้อยไหม หลังจากยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มร้อยเส้นไหมเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนังตามทิศทางที่กำหนดไว้ เส้นไหมจะทำหน้าที่ดึงกระชับผิวและช่วยลดเหนียง เมื่อร้อยไหมเหนียงเสร็จแล้วแพทย์จะตัดไหมที่เหลือออก
• ปิดแผล หลังจากร้อยไหมเหนียงเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะปิดแผลด้วยพลาสเตอร์บริเวณรูที่ทำการร้อยไหมเหนียงเพื่อป้องกันการติดเชื้อค่ะ

ร้อยไหมเหนียงเหมาะกับใคร ?
• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณเหนียงและใต้คาง
• ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินใต้คางเล็กน้อยถึงปานกลาง
• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้คมชัดโดยไม่ต้องผ่าตัด
• ผู้ที่ไม่ต้องการใช้เวลาพักฟื้นนาน

ข้อดีของการร้อยไหมเหนียง
• เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังร้อยไหมเหนียง
• ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
• ไหมละลายมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกาย
• ช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว

ข้อเสียของการร้อยไหมเหนียง
• ร้อยไหมเหนียงให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยปกติจะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 ปี จากนั้นผลลัพธ์จะค่อย ๆ หายไป ดังนั้น หากต้องการผลลัพธ์ต่อเนื่องจะต้องร้อยไหมเหนียงซ้ำเรื่อย ๆ ค่ะ
• หลังจากร้อยไหมเหนียง อาจเกิดอาการบวมแดงและช้ำบริเวณที่ทำการรักษา ทว่าอาการเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงปกติที่สามารถหายได้เองค่ะ
• แม้ว่าอัตราการติดเชื้อหลังร้อยไหมเหนียงจะต่ำ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง โดยเฉพาะหากไม่ได้รับบริการร้อยไหมเหนียงในสถานที่ที่ได้มาตรฐาน หรือทำหัตถการโดยผู้ที่ขาดความเชี่ยวชาญด้านการร้อยไหม
• การร้อยไหมเหนียงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก หรือมีภาวะทางสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคเลือดออกง่ายหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
• การร้อยไหมเหนียงอาจมีความเสี่ยงที่เส้นไหมจะขาด หรือเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม หากไม่ได้ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อจำกัดของการร้อยไหมเหนียง
ร้อยไหมเหนียงมีข้อจำกัดที่ควรทราบก่อนตัดสินใจทำดังต่อไปนี้

• ผลลัพธ์ชั่วคราว ร้อยไหมเหนียงไม่คงทนถาวร ซึ่งอยู่ได้ตั้งแต่ 1 – 2 ปี จากนั้นผิวจะกลับมาหย่อนคล้อยเหมือนเดิม จึงต้องร้อยไหมเหนียงซ้ำ
• ไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยมาก การร้อยไหมเหนียงจะได้ผลดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น หากมีผิวหย่อนคล้อยมาก การร้อยไหมเหนียงอาจไม่เพียงพอในการแก้ปัญหาค่ะ
• อาจมีผลข้างเคียง หลังการร้อยไหมเหนียง สามารถเกิดอาการบวม ช้ำ หรือระบมบริเวณที่ทำการร้อยไหมเหนียง ซึ่งเป็นอาการปกติที่มักจะหายได้เองจึงไม่ต้องกังวลค่ะ
• ไม่เหมาะกับผู้มีโรคประจำตัวบางอย่าง ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการร้อยไหมเหนียง เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น
• ต้องเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การร้อยไหมเหนียงต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ หากทำกับผู้ที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์อาจเสี่ยงต่อปัญหาต่าง ๆ เช่น เส้นไหมขาดหรือผิวติดเชื้อ

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมเหนียง
เพื่อให้การร้อยไหมเหนียงได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

1.ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนเข้ารับการร้อยไหมเหนียง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาและรับคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา โดยแพทย์จะตรวจดูสภาพผิวและวางแผนร้อยไหมเหนียงให้เหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน

2.งดใช้ยาบางชนิด
ก่อนร้อยไหมเหนียง ควรงดรับประทานยากลุ่มแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) และอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี หรือใบแปะก๊วย เป็นเวลา 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกระหว่างร้อยไหมเหนียง

3.งดแอลกอฮอล์และบุหรี่
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการร้อยไหมเหนียงอย่างน้อย 1 - 2 วัน เพื่อลดการขยายตัวของเส้นเลือด และช่วยให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียงดีขึ้น

4.พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอก่อนร้อยไหมเหนียงจะช่วยให้ร่างกายพร้อมรับการรักษาและฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้นค่ะ

5.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง
ก่อนเข้ารับบริการร้อยไหมเหนียง ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในวันนั้น เพื่อความสะอาดของผิวและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังร้อยไหมเหนียง
หลังร้อยไหมเหนียงและกระชับผิวใต้คาง ควรดูแลตัวเองตามแนวทางดังนี้ เพื่อป้องกันอาการข้างเคียง และได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น

1.หลีกเลี่ยงการแตะหรือเกา
อาการบวมแดงหรือคันบริเวณที่ร้อยไหมเหนียงเป็นเรื่องปกติ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส การเกา หรือนวดในบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อหรืออักเสบได้ค่ะ

2.งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และอาหารหมักดองในช่วง 7 - 14 วันหลังร้อยไหมเหนียง เพื่อป้องกันการขยายตัวของเส้นเลือด ซึ่งจะทำให้หายบวมช้าลง และผลลัพธ์ของการร้อยไหมลดเหนียงอยู่ได้สั้นลง

3.ไม่ควรล้างหน้าหรือขยับใบหน้าแรงๆ
ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรงดการล้างหน้าแรง ๆ งดนวดหน้า และงดทำหัตถการหรือเครื่องมือที่ใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์หรือซาวน่า เพื่อป้องกันการเคลื่อนของไหมและให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่

4.รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
แพทย์จะจ่ายยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ หรือยาแก้ปวดให้หลังร้อยไหมเหนียง ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันการติดเชื้อ

5.งดออกกำลังกายหนัก ๆ
การออกกำลังกายที่หนักหน่วงหรืออยู่ในที่อุณหภูมิร้อนจัด เช่น ซาวน่าและการอบไอน้ำ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวมหลังร้อยไหมเหนียงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการออกแรงมาก ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ค่ะ

6.หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า
ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหลังร้อยไหมเหนียงอย่างน้อย 6 - 8 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ

7.เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีบางชนิด
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinoid ควรหลีกเลี่ยงใช้ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังร้อยไหมเหนียงค่ะ เพื่อช่วยลดการระคายเคืองต่อผิว

8.มาติดตามผลตามที่แพทย์นัด
ควรกลับไปพบแพทย์ตามนัดหมายเสมอ เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียง และปรึกษาเกี่ยวกับอาการหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังร้อยไหมเหนียง
แม้ว่าการร้อยไหมเหนียงจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียง ดังนี้ค่ะ

• อาการบวม แดง หรือเขียวช้ำ อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังร้อยไหมเหนียงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปภายใน 7 - 14 วันค่ะ
• ความรู้สึกไม่สบายบริเวณที่ร้อยไหมเหนียง บางคนอาจรู้สึกว่ามีเส้นไหมร้อยอยู่ใต้ผิว ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เข็ม แต่จะค่อยๆ หายไปเองเมื่อไหมละลาย
• มีเลือดออกเล็กน้อยบริเวณที่แทงเข็ม การใช้เข็มในการร้อยไหมเหนียงอาจทำให้มีเลือดออกเล็กน้อย แต่ไม่อันตราย และจะหยุดได้เองค่ะ
• ไหมขาดหรือไหมทะลุ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่รักษากับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ คือไหมขาด ไหมทะลุ หรือการอักเสบติดเชื้อ ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และทำหัตถการร้อยไหมเหนียงกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ

ร้อยไหมเหนียงเป็นการแก้ปัญหาเหนียง และคางสองชั้น ที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งค่ะ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย บริเวณใต้คางเล็กน้อย ถึงปานกลาง แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณเหนียงเยอะ เพราะการร้อยไหมเหนียงเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพอและไม่อาจมอบผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ดังนั้น ควรทำหัตถการสลายไขมันส่วนเกินออกก่อน เช่น ฉีดเมโสแฟต หรือทำ HIFU แล้วจึงค่อยใช้วิธีร้อยไหมเหนียงเพื่อยกกระชับเพิ่มเติม

โดยการร้อยไหมลดเหนียงจะใช้ไหมที่มีเงี่ยงเพื่อช่วยยกกระชับผิว เพราะเงี่ยงบนเส้นไหมสามารถยึดเนื้อเยื่อ และดึงผิวที่หย่อนคล้อย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้ในระยะยาว

ซึ่งการร้อยไหมเหนียงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเห็นผลทันที เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย ผลข้างเคียงน้อย แต่เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำการร้อยไหมเหนียงกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพราะหากทำกับคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการอักเสบได้ค่ะ

ฉะนั้น หากคุณกำลังมองหาวิธียกกระชับใบหน้า และลดเหนียงโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ APEX Medical Center มีหัตถการร้อยไหมเหนียงที่สามารถช่วยปรับรูปหน้า ลดเหนียง และแก้ปัญหาคางสองชั้น เราดูแลและทำหัตถการร้อยไหมเหนียง ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทันสมัย มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ พร้อมโปรแกรมดูแลหลังการรักษาอย่างครบครัน ให้คุณมั่นใจได้ว่าใบหน้าจะดูเรียวกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ และคงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน สามารถปรึกษาและจองคิวล่วงหน้าได้ที่ APEX ใกล้บ้านค่ะ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการร้อยไหมเหนียง
ร้อยไหมเหนียงเจ็บไหม ?
โดยทั่วไปในระหว่างร้อยไหมเหนียงจะไม่เจ็บค่ะ อาจรู้สึกตึง ๆ หรือรู้สึกว่าถูกดึงบนผิวเพียงเท่านั้น เพราะแพทย์จะใช้ยาชาช่วยลดความเจ็บปวดให้ก่อนอยู่แล้ว

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมเหนียงอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์จากการร้อยไหมเหนียงจะอยู่ได้ประมาณ 1 - 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและการดูแลตัวเองหลังร้อยไหมเหนียง

สามารถร้อยไหมเหนียงซ้ำได้หรือไม่ ?
สามารถร้อยไหมเหนียงซ้ำได้ หากต้องการกระชับผิวเพิ่มขึ้น แต่ควรให้เวลาพักผิวอย่างน้อย 6 เดือนก่อนทำซ้ำค่ะ

หลังร้อยไหมเหนียง หน้าบวมมากไหม ?
บางคนอาจมีอาการบวมหลังการร้อยไหมเหนียง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงการบวมเล็กน้อยและหายได้เองภายใน 3 - 5 วันค่ะ

หลังร้อยไหมเหนียงต้องพักฟื้นนานแค่ไหน ?
หลังร้อยไหมเหนียงไม่ต้องพักฟื้นนาน ส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีค่ะ แต่อาจต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงกดหรือการสัมผัสกับบริเวณที่ร้อยไหมเหนียงในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรก

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

ร้อยไหมเหนียง คือ วิธีลดเหนียง โดยใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวบริเวณคางเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งเส้นไหมที่ใช้สำหรับร้อยไหมเหนียงมักเป็นชนิดมีเงี่ยงเล็ก

927
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น