บทความเกี่ยวกับ : ใต้ตาเป็นเส้น
ใต้ตาเป็นเส้นเกิดจากอะไร รวมสาเหตุและวิธีแก้ให้ผิวเนียน
ใต้ตาเป็นเส้นเกิดจากอะไร ? รู้ทันสาเหตุ พร้อมวิธีช่วยให้ผิวรอบดวงตากลับมาเรียบเนียน
ผิวรอบดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางและละเอียดอ่อนที่สุดบนใบหน้า จึงไม่น่าแปลกที่มันจะเป็นจุดแรกๆ ที่สัญญาณแห่งวัยและผลกระทบจากปัจจัยภายนอกปรากฏให้เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งปัญหา ‘ใต้ตาเป็นเส้น’ หรือริ้วรอยรอบดวงตา ก็เป็นอีกสิ่งที่หลายคนกังวล เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส แต่ยังอาจบั่นทอนความมั่นใจได้อีกด้วย
ดังนั้นบทความนี้ Apex จะพาทุกคนไปเจาะลึก ถึงต้นตอของปัญหาใต้ตาเป็นเส้นอย่างละเอียด พร้อมทั้งรวบรวมวิธีดูแลและฟื้นฟูผิวรอบดวงตา ตั้งแต่วิธีธรรมชาติ การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยม อย่างโปรแกรมฉีดโบท็อกและการร้อยไหมใต้ตา เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่มีปัญหาใต้ตาเป็นเส้น ให้สามารถเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ และช่วยให้ผิวรอบดวงตากลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส ดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
ทำความเข้าใจผิวรอบดวงตา ทำไมใต้ตาเป็นเส้นเกิดริ้วรอยได้ง่าย ?
หลายคนอาจคิดว่าใต้ตาเป็นเส้น มักมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีปัจจัยมากมายที่สามารถกระตุ้นให้เกิดริ้วรอย หรือใต้ตาเป็นเส้นเหล่านี้ได้ ตั้งแต่พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงปัจจัยทางพันธุกรรม ดังนั้นการทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการหาทางป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด ดังนี้
• ใต้ตาเป็นเส้น เพราะความบางของผิวหนัง ผิวหนังรอบดวงตาบางกว่าผิวหนังบริเวณอื่นบนใบหน้าอย่างมาก (บางเพียงประมาณ 0.5 มิลลิเมตร) ทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอลง สูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย และไวต่อปัจจัยกระตุ้นภายนอก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาใต้ตาเป็นเส้น
• ใต้ตาเป็นเส้น เพราะต่อมไขมันและต่อมเหงื่อน้อย บริเวณนี้มีต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) และต่อมเหงื่อ (Sweat Glands) น้อยกว่าส่วนอื่น ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นตามธรรมชาติและแห้งได้ง่าย ซึ่งผิวแห้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ (Fine Lines) หรือใต้ตาเป็นเส้นปรากฏชัดขึ้น
• ใต้ตาเป็นเส้น เพราะการเคลื่อนไหวตลอดเวลา กล้ามเนื้อรอบดวงตา (Orbicularis Oculi) ทำงานอยู่เสมอเมื่อเราแสดงอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม การขมวดคิ้ว หรือแม้แต่การกระพริบตาที่ถี่มากกว่าปกติ ซึ่งการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เหล่านี้ทำให้เกิดรอยพับบนผิวหนัง เมื่อเวลาผ่านไป ประกอบกับการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน รอยพับเหล่านี้ก็จะกลายเป็นริ้วรอยถาวร (Static Wrinkles) ทำให้ใต้ตาเป็นเส้นชัดขึ้น
• ใต้ตาเป็นเส้น เพราะการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง การไหลเวียนในบริเวณนี้อาจไม่ดีเท่าส่วนอื่น ทำให้เกิดอาการบวมหรือถุงใต้ตาได้ง่าย ซึ่งการบวมซ้ำก็สามารถทำให้ผิวหนังยืดออกและเกิดริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้นได้ในระยะยาว
ข้อเสียของปัญหาใต้ตาเป็นเส้น
การมีปัญหาใต้ตาเป็นเส้นอาจดูเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ทราบหรือไม่ว่า ปัญหาผิวในจุดนี้สามารถส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้านได้มากกว่าที่เราคิด เพราะผลเสียจากใต้ตาเป็นเส้นเหล่านั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลต่อความรู้สึก และอาจเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เช่น
• ใต้ตาเป็นเส้นทำให้ใบหน้าดูมีอายุเกินจริง ริ้วรอยและเส้นใต้ตาเป็นสัญญาณของความร่วงโรย ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัยจริง
• ใต้ตาเป็นเส้นทำให้ดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส แม้จะพักผ่อนเพียงพอ แต่เส้นใต้ตาก็อาจทำให้ดูเหมือนคนอดนอนหรือดูโทรมได้
• ใต้ตาเป็นเส้นส่งผลต่อความมั่นใจ การมีเส้นหรือริ้วรอยที่เห็นได้ชัดอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง
• ใต้ตาเป็นเส้นทำให้แต่งหน้าได้ยากขึ้น เครื่องสำอาง เช่น คอนซีลเลอร์หรือรองพื้น อาจตกลงไปในร่องเส้น ทำให้เห็นเส้นชัดเจนยิ่งขึ้น หรือแต่งให้เรียบเนียนได้ยาก
• ใต้ตาเป็นเส้นอาจทำให้ปัญหาอื่นดูชัดขึ้น เงาที่เกิดจากเส้นริ้วรอยอาจทำให้รอยคล้ำใต้ตา (ถ้ามี) ดูเด่นชัดมากขึ้นไปอีก
ใต้ตาเป็นเส้น เกิดจากสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาไม่เรียบเนียน
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาใต้ตาเป็นเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลสาเหตุหลักที่ทำให้ใต้ตาเป็นเส้น
ปัญหาใต้ตาเป็นเส้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลสะสมที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นและแสดงออกมาอย่างชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป เพราะผิวบริเวณรอบดวงตาบอบบางเป็นพิเศษ และมักจะแสดงความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าส่วนอื่นของใบหน้า ดังนั้นเมื่อผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความเรียบเนียน เส้นและริ้วรอยเล็ก ๆ หรือใต้ตาเป็นเส้น จึงเริ่มปรากฏและเห็นได้ชัดเจนได้ง่าย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น โดยอาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้
ใต้ตาเป็นเส้น จากพันธุกรรม
ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดใต้ตาเป็นเส้น ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลต่อลักษณะผิวรอบดวงตาของเราโดยตรงตั้งแต่เกิด ลักษณะพื้นฐานหลายอย่างของผิวหนังถูกกำหนดโดยยีนที่เราได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของโครงสร้างผิว ลักษณะผิว และแนวโน้มการเกิดริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้น ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากคนในครอบครัวมีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาเร็ว ก็อาจมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหานี้เช่นกัน ดังนี้
• โครงสร้างผิว ความหนาหรือความบางของผิวหนังบริเวณใต้ตา ความหนาแน่นของเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินโดยธรรมชาติ และลักษณะการเรียงตัวของชั้นผิวหนัง ล้วนเป็นลักษณะที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากมีผิวใต้ตาที่บางโดยธรรมชาติ ก็จะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลง เช่น เส้นเลือดฝอย หรือการยุบตัวของผิว เป็นริ้วรอย หรือใต้ตาเป็นเส้นได้ง่ายกว่า
• ลักษณะผิว ประเภทผิว เช่น ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ผิวที่แห้งมักจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ หรือใต้ตาเป็นเส้นปรากฏได้ชัดเจนขึ้น
• แนวโน้มการเกิดริ้วรอย อัตราการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน หรือความเร็วในการเกิดสัญญาณแห่งวัย อาจถูกกำหนดโดยพันธุกรรมส่วนหนึ่ง หากคนในครอบครัวมีประวัติการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาตั้งแต่อายุยังน้อย มีร่องลึกใต้ตา หรือใต้ตาเป็นเส้นที่ชัดเจน ก็อาจมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหานี้เช่นกัน
ใต้ตาเป็นเส้น จากอายุที่เพิ่มขึ้น (Aging Process)
อายุที่เพิ่มขึ้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผิวรอบดวงตาหรือปัญหาใต้ตาเป็นเส้นโดยตรง เมื่อเวลาผ่านไป กระบวนการทางธรรมชาติภายในร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณความเสื่อมออกมา การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการลดลงขององค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงและอิ่มฟู ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของริ้วรอยและเส้นใต้ตาที่เราสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้น ดังนี้
• การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน คือ สาเหตุหลักตามธรรมชาติ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจน (โปรตีนที่ให้ความแข็งแรง) และอีลาสติน (โปรตีนที่ให้ความยืดหยุ่น) ได้น้อยลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความเต่งตึง ความหนาแน่น และความสามารถในการคืนตัว ผิวจึงยุบตัวลงและเกิดเป็นริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้นได้ง่าย โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวบางอย่างใต้ตา
• การลดลงของไขมันใต้ผิวหนัง ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ที่ช่วยพยุงให้ผิวดูอิ่มฟู จะค่อย ๆ ลดลงตามวัย ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเกิดร่องลึกหรือริ้วรอยได้ง่ายขึ้น จนเป็นปัญหาใต้ตาเป็นเส้นที่มองเห็นได้ง่ายกว่าปกติ
ใต้ตาเป็นเส้น จากแสงแดดและการทำร้ายของรังสียูวี
การสัมผัสแสงแดดโดยไม่มีการป้องกันเป็นเวลานาน เป็นอีกตัวการสำคัญอันดับต้น ๆ ที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย จนทำให้เกิดใต้ตาเป็นเส้น เพราะรังสี UV สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลงและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย ซึ่งนอกจากการไม่ทาครีมกันแดด จะทำให้ผิวถูกทำร้ายได้ง่ายแล้ว การไม่สวมแว่นกันแดด ก็อาจทำให้ต้องหยีตาเมื่อเจอแสงจ้า ซึ่งก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยหางตาและใต้ตา หรือใต้ตาเป็นเส้นได้เช่นกัน
ใต้ตาเป็นเส้น จากการแสดงออกทางสีหน้าซ้ำ ๆ
ทุกครั้งที่เราแสดงสีหน้าอย่างการยิ้ม หัวเราะ หรือหยีตา กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะหดตัว ทำให้เกิดรอยพับใต้ตาหรือใต้ตาเป็นเส้นขึ้นชั่วคราว ซึ่งในตอนที่อายุเรายังไม่มาก ผิวของเราจะยังมีความยืดหยุ่นจากคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้รอยพับเหล่านี้หายไปได้เองเมื่อใบหน้ากลับสู่ปกติ
แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวจึงสูญเสียความสามารถในการคืนตัว การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ บริเวณเดิมจึงเปรียบเสมือนการพับกระดาษย้ำ ๆ จนในที่สุด รอยพับชั่วคราวเหล่านี้จะค่อย ๆ ลึกและกลายเป็นริ้วรอยถาวรหรือใต้ตาเป็นเส้น ที่มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในขณะที่เราไม่ได้แสดงสีหน้า
ใต้ตาเป็นเส้น จากการสูบบุหรี่
นอกเหนือจากปัจจัยทางธรรมชาติและพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อปัญหาใต้ตาเป็นเส้นแล้ว การสูบบุหรี่ก็ยังเป็นตัวการร้ายที่ส่งผลกระทบต่อผิวรอบดวงตาอย่างชัดเจน และเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวให้เร็วขึ้นได้อย่างมาก ผ่านกลไกหลายอย่าง ดังนี้
• ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน สารเคมีในควันบุหรี่ โดยเฉพาะนิโคติน จะเข้าไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินโดยตรง ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น เมื่อสารเหล่านี้ถูกทำลาย ก็จะทำให้ผิวจึงบางลง หย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้นได้ง่าย
• ทำให้หลอดเลือดหดตัว การสูบบุหรี่ส่งผลให้หลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงผิวหนังหดตัวลง ทำให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังเซลล์ผิวลดน้อยลง ผิวจึงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ ซีดเซียว ฟื้นตัวช้า และเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นหรือใต้ตาเป็นเส้นได้ง่ายกว่าปกติ
• กระตุ้นให้เกิดการหยีตา ควันบุหรี่มักก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ทำให้ผู้สูบต้องหยีตาหรือขยี้ตาบ่อยขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นการกระทำที่เร่งให้เกิดรอยพับและริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาได้เช่นเดียวกับการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ
ใต้ตาเป็นเส้น จากภาวะขาดน้ำ
อย่างที่รู้กันดีว่าน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพผิวโดยรวม รวมถึงผิวบอบบางรอบดวงตา ดังนั้นการดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายมากกว่าที่ได้รับเข้าไป ก็จะส่งผลกระทบต่อผิวหนังหรือการเกิดใต้ตาเป็นเส้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีผลเสียดังนี้
• เมื่อร่างกายและผิวหนังขาดน้ำ เซลล์ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นและความอิ่มฟู ทำให้ผิวโดยรวมดูแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น ไม่สดใส ใต้ตาเป็นเส้น และดูเหี่ยวลง
• ทำให้ริ้วรอยชัดเจนขึ้น ภาวะขาดน้ำนี้เองที่ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ (Fine Lines) หรือใต้ตาเป็นเส้นที่อาจมีอยู่เดิมแล้ว ดูเด่นชัดและมองเห็นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวที่เคยเต่งตึงนั้นยุบตัวลงเล็กน้อย
• ผลกระทบต่อใต้ตา โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาซึ่งมีผิวที่บางและละเอียดอ่อนอยู่แล้ว การขาดน้ำจะยิ่งทำให้เห็นเส้นริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้นเหล่านี้ได้ง่ายและชัดเจนเป็นพิเศษ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและดูมีอายุมากขึ้น
ใต้ตาเป็นเส้น จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายและผิวหนังจะได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ หากเราพักผ่อนไม่เพียงพออย่างต่อเนื่อง หรือมีคุณภาพการนอนที่ไม่ดี ทำให้ผิวไม่มีเวลาซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ ส่งผลกระทบต่อใต้ตาเป็นเส้น และผิวรอบดวงตาที่บอบบางได้หลายประการ ดังนี้
• ผิวขาดการซ่อมแซม ในระหว่างการนอนหลับลึก ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งจำเป็นต่อการซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ รวมถึงเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพราะการนอนน้อย หรือนอนหลับไม่สนิทจึงขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูที่สำคัญ ทำให้ผิวไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างที่ควรจะเป็น และกลายเป็นปัญหาใต้ตาเป็นเส้นได้
• การไหลเวียนเลือดไม่ดี การอดนอนส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะหลอดเลือดฝอยใต้ตาอาจมีการไหลเวียนที่ช้าลง หรือเกิดภาวะเลือดคั่ง ทำให้เห็นเป็นรอยคล้ำ (Dark Circles) ได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากผิวบริเวณนี้บางมากจนมองเห็นหลอดเลือดได้ง่าย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของใต้ตาเป็นเส้นในอนาคต
• เกิดอาการบวมและถุงใต้ตา การไหลเวียนที่ไม่ดีอาจรวมถึงการระบายของเหลวที่แย่ลงด้วย ทำให้เกิดการสะสมของเหลวบริเวณใต้ตา ก่อให้เกิดอาการบวม (Puffiness) หรือที่เรียกว่าถุงใต้ตาได้
• เร่งการเกิดใต้ตาเป็นเส้นในระยะยาว แม้รอยคล้ำและอาการบวมอาจดูเป็นปัญหาชั่วคราว แต่การอดนอนเรื้อรังทำให้ผิวอ่อนแอลง ขาดการซ่อมแซม ซึ่งเป็นการยืดผิวหนังบริเวณนั้น เมื่อประกอบกับการที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) มากขึ้น ซึ่งสามารถทำลายคอลลาเจนได้ จึงส่งผลให้ผิวบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย สูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดเป็นใต้ตาเป็นเส้น หรือริ้วรอยถาวรได้ง่ายและเร็วขึ้น
ใต้ตาเป็นเส้น จากการขยี้ตาบ่อย
การขยี้หรือถูไถบริเวณรอบดวงตาบ่อย ๆ เป็นการทำร้ายผิวที่บอบบาง โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา มักจะทำให้เกิดการระคายเคือง ทำลายเส้นใยอีลาสติน และเร่งการเกิดริ้วรอยได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอาการภูมิแพ้ จากความเคยชินที่ติดเป็นนิสัยเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าหรือง่วงนอน หรือการเช็ดเครื่องสำอางด้วยความรุนแรง หรือแม้แต่การใช้แรงมากเกินไปในการเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตา การกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นการทำร้ายผิวโดยตรง และกระตุ้นให้เกิดใต้ตาเป็นเส้น
ใต้ตาเป็นเส้น จากการดูแลผิวไม่เหมาะสม
ผิวรอบดวงตาต้องการการดูแลที่อ่อนโยนและเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความบอบบางกว่าผิวส่วนอื่น ดังนั้นการละเลยหรือไม่ใส่ใจในขั้นตอนการดูแลที่เหมาะสม อาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยและใต้ตาเป็นเส้นได้โดยไม่รู้ตัว ดังนี้
• ไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ การไม่ทาครีมบำรุงรอบดวงตา หรือใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผิวบริเวณนี้ขาดความชุ่มชื้น เมื่อผิวแห้งกร้าน จะสูญเสียความอิ่มฟูและความยืดหยุ่น ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่มีอยู่เดิม หรือที่กำลังจะก่อตัว เห็นได้ชัดเจนและทำให้ปัญหาใต้ตาเป็นเส้นเด่นชัดขึ้น
• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือมีความเข้มข้น มีส่วนผสมที่รุนแรงเกินไปสำหรับผิวรอบดวงตา (เช่น สครับที่หยาบ, คลีนเซอร์ที่แรง, หรือครีมที่มีส่วนผสมก่อการระคายเคือง) สามารถทำลายเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง อักเสบ และอ่อนแอลง เมื่อผิวอ่อนแอ ก็จะไวต่อการเกิดริ้วรอย ใต้ตาเป็นเส้น และไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดี
• ล้างเครื่องสำอางไม่หมดจด การล้างเครื่องสำอาง โดยเฉพาะอายไลเนอร์และมาสคาร่าออกไม่หมด หรือการเช็ดถูแรง ๆ เป็นการทำร้ายผิวสองต่อ หนึ่งคือเครื่องสำอางที่ตกค้างสามารถอุดตันรูขุมขน ก่อให้เกิดการระคายเคือง และขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติในตอนกลางคืน สองคือการถูแรง ๆ เป็นการทำร้ายผิวทางกายภาพ ทำให้ผิวเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอย หรือใต้ตาเป็นเส้นได้ง่าย
ใต้ตาเป็นเส้น จากปัจจัยอื่น ๆ
นอกเหนือจากสาเหตุหลัก ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อผิวรอบดวงตาและเร่งการเกิดริ้วรอย หรือปัญหาใต้ตาเป็นเส้นได้เช่นกัน ดังนี้
• มลภาวะ การเผชิญกับมลภาวะในอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และควันพิษต่าง ๆ ทำให้ผิวสัมผัสกับอนุมูลอิสระ (Free Radicals) จำนวนมาก ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้จะเข้าไปทำร้ายเซลล์ผิวโดยตรง ก่อให้เกิด Oxidative Stress ซึ่งทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง และเร่งกระบวนการชราของผิว (Accelerated Skin Aging) ส่งผลให้ริ้วรอยปรากฏเร็วขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่บอบบางอย่างใต้ตา ทำให้กลายเป็นปัญหาใต้ตาเป็นเส้น
• อาหาร อาหารที่เรารับประทานส่งผลต่อผิวโดยตรง โดยเฉพาะน้ำตาลและอาหารแปรรูป ซึ่งอาจเร่งการเสื่อมของคอลลาเจนผ่านกระบวนการไกลเคชัน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น อีกทั้งยังกระตุ้นการอักเสบระดับเซลล์ที่ทำร้ายโครงสร้างผิวในระยะยาว ดังนั้น การเลือกทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยปกป้องผิว และลดปัญหาใต้ตาเป็นเส้นได้ดีกว่า
ใต้ตาเป็นเส้น เกิดจากสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาไม่เรียบเนียน
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาใต้ตาเป็นเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรวมวิธีแก้ปัญหาใต้ตาเป็นเส้น ช่วยผิวรอบดวงตากลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
เมื่อเข้าใจสาเหตุแล้ว ก็ถึงเวลาหาวิธีรับมือกับปัญหาใต้ตาเป็นเส้น ซึ่งมีตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การดูแลด้วยตัวเอง ไปจนถึงการทำหัตถการที่ช่วยทำให้ผิวรอบดวงตากลับมาดูเรียบเนียน กระจ่างใส และช่วยปรับให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง ซึ่งจะมีอะไรบ้าง มาเช็กกันได้เลย
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์
การป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยหรือปัญหาใต้ตาเป็นเส้นที่ดีที่สุด เริ่มได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการทาครีมกันแดด เลือกครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป และทาบริเวณรอบดวงตาอย่างเบามือทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดจัด หรือใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารกันแดดโดยเฉพาะเพื่อลดปัญหาใต้ตาเป็นเส้น
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการสวมแว่นกันแดด เลือกแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 99-100% และมีขนาดใหญ่พอที่จะปกป้องผิวรอบดวงตาได้ทั้งหมด ช่วยลดการหยีตา ซึ่งอาจเร่งให้เกิดใต้ตาเป็นเส้นได้ด้วย
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ลดความแห้งกร้าน และทำให้ริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้นดูจางลงได้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ผิวได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ การนอนหงายอาจช่วยลดแรงกดทับบนใบหน้าได้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไขมันต่ำ อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิว ลดปัญหาใต้ตาเป็นเส้น
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการเลิกสูบบุหรี่ เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอความเสื่อมของผิวทั่วร่างกาย รวมถึงรอบดวงตา
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการจัดการความเครียด ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ลองหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือทำงานอดิเรก
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการหลีกเลี่ยงการขยี้ตา หากมีอาการคันจากภูมิแพ้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษา หรือใช้ยาหยอดตาแทนการขยี้ ที่อาจจะไปเร่งให้เกิดใต้ตาเป็นเส้น
ดูแลตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อดูแลผิวอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญในการลดเลือนและป้องกันริ้วรอย รวมถึงอาการใต้ตาเป็นเส้น ดังนี้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการ ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาโดยเฉพาะ (Eye Makeup Remover) ที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการ ใช้สำลีชุบผลิตภัณฑ์แล้วแปะค้างไว้สักครู่ก่อนเช็ดออกเบา ๆ หลีกเลี่ยงการถูแรง ๆ
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการ เลือกใช้อายครีม (Eye Cream) ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวใต้ตา
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการ นวดวนเบา ๆ รอบดวงตา อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ลดอาการบวม และช่วยให้ครีมซึมซาบได้ดีขึ้น ควรทำด้วยความนุ่มนวลที่สุด
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยการ ใช้แผ่นมาสก์ใต้ตา (Eye Mask) หรือมาสก์แบบทา อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและสารบำรุงเข้มข้นเฉพาะจุดได้ดี
ใช้สารสกัดบำรุงผิวใต้ตา
การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาที่มีประสิทธิภาพนั้น การดู 'สารสกัด' หรือส่วนผสมสำคัญเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งปัจจุบันมีสารสกัดบำรุงผิวใต้ตา หรือป้องกันและรักษาอาการใต้ตาเป็นเส้นที่ได้รับการยอมรับอยู่หลากหลายชนิด โดยสารสกัดเหล่านี้มุ่งเน้นจัดการปัญหาผิวรอบดวงตาที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ริ้วรอย ความหมองคล้ำ ใต้ตาเป็นเส้น ไปจนถึงความหย่อนคล้อย ซึ่งจะมีตัวอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยเรตินอยด์ (Retinoids - เช่น Retinol, Retinaldehyde) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และปรับผิวให้เรียบเนียน ควรเริ่มต้นใช้จากความเข้มข้นต่ำๆ และใช้เฉพาะตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้ผิวไวต่อแสง และทาครีมกันแดดเสมอในตอนเช้า (สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง)
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยเปปไทด์ (Peptides) เป็นสายโซ่สั้นๆ ของกรดอะมิโน ช่วยส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ช่วยให้ผิวดูกระชับ ลดริ้วรอย และใต้ตาเป็นเส้น
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยวิตามินซี (Vitamin C - L-Ascorbic Acid, Sodium Ascorbyl Phosphate) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยคล้ำ และปัญหาใต้ตาเป็นเส้น
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือ ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ช่วยดึงดูดและกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีเยี่ยม ทำให้ผิวรอบดวงตาดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น ริ้วรอยเล็กๆ จากความแห้งกร้านดูจางลง
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยไนอะซินาไมด์ (Niacinamide - Vitamin B3) ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น และอาจช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยคล้ำ หรือปัญหาใต้ตาเป็นเส้นได้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยเซราไมด์ (Ceramides) เป็นไขมันตามธรรมชาติในผิว ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงและกักเก็บความชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแห้งหรือรอยพับและใต้ตาเป็นเส้นได้
• ป้องกันใต้ตาเป็นเส้นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น วิตามินอี (Vitamin E) โคเอนไซม์ คิวเทน (CoQ10) สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract)
ใต้ตาเป็นเส้น เกิดจากสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาไม่เรียบเนียน
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาใต้ตาเป็นเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลแนะนำหัตถการ แก้ปัญหาใต้ตาเป็นเส้น ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
สำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาเป็นเส้นที่ชัดเจน หรือต้องการผลลัพธ์ที่คาดหวังความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็วได้ หัตถการทางการแพทย์อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการหรือผู้ให้บริการ เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมก่อนตัดสินใจเสมอ โดยหัตถการแก้ปัญหาใต้ตาเป็นเส้นที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
โปรแกรมฉีดโบท็อก
โปรแกรมฉีดโบท็อก ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาโดยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อชั่วคราว เหมาะกับริ้วรอยหรือใต้ตาเป็นเส้นที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ตีนกาและรอยย่นใต้ตาเวลายิ้ม เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมผลลัพธ์เห็นได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ รวมกับคุณภาพของโปรแกรมฉีดโบท็อกที่ใช้ โดยเฉพาะการฉีดบริเวณใต้ตาซึ่งมีความเสี่ยงหากใช้เทคนิคไม่เหมาะสม
โปรแกรมร้อยไหมใต้ตา
การร้อยไหมใต้ตา ใช้เป็นวิธีแก้ปัญหาใต้ตาเป็นเส้นได้ โดยการใช้ไหมละลายขนาดเล็กช่วยดึงรั้งผิวที่หย่อนคล้อยเล็กน้อย ให้มีความตึงกระชับขึ้นได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูแน่นและเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง ริ้วรอย หรือใต้ตาเป็นเส้นเล็ก ๆ และต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นตามระยะเวลา ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการตอบสนองของร่างกาย
ใต้ตาเป็นเส้น เกิดจากสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาไม่เรียบเนียน
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาใต้ตาเป็นเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ปัญหาร่องน้ำตาลึก ใต้ตาเป็นเส้น และริ้วรอยใต้ตาโดยตรง ด้วยการใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เข้าไปเพิ่มปริมาตร ทำให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มฟูขึ้นหลังทำหัตถการ โดยผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนและเข้าที่มากขึ้นภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังการฉีด (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ซึ่งหนึ่งในข้อควรระวังที่สำคัญก่อนการทำหัตถการนี้ ต้องอาศัยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเลือกเทคนิคและแนวทางที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงเรื่องก้อน บวม ช้ำ หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ
โปรแกรมเลเซอร์ฟื้นฟูผิว
โปรแกรมเลเซอร์ฟื้นฟูผิว เพื่อช่วยลดปัญหาใต้ตาเป็นเส้น จะเป็นการใช้พลังงานเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนและช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เหมาะกับการลดริ้วรอยตื้นและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้เรียบเนียนขึ้น ในขณะที่โปรแกรมเลเซอร์แบบคลื่นวิทยุ (RF) และโปรแกรมคลื่นอัลตราซาวด์ (เช่น โปรแกรม Ultherapy/โปรแกรม HIFU) จะใช้พลังงานคลื่นส่งลงไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก จึงเน้นช่วยเรื่องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ลดปัญหาใต้ตาเป็นเส้นได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาใต้ตาเป็นเส้น และหัตถการที่เกี่ยวข้อง
ทําไมร่องใต้ตาถึงลึก
ร่องใต้ตาลึก หรือปัญหาใต้ตาเป็นเส้นมักเกิดจากการลดลงของไขมันและคอลลาเจนบริเวณใต้ตา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือปัจจัยทางพันธุกรรม ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นยุบตัวลงตามแนวโครงสร้างกระดูก ทำให้เห็นเป็นร่องลึกหรือความหมองคล้ำได้อย่างชัดเจน ปัญหานี้ไม่เพียงส่งผลต่อความสดใสของใบหน้า แต่ยังทำให้ดูเหนื่อยล้าหรือมีอายุก่อนวัยอีกด้วย
ริ้วรอยใต้ตา อายุน้อยเป็นได้ไหม
แน่นอนว่าแม้อายุน้อยก็สามารถมีริ้วรอยใต้ตาได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากพันธุกรรม ผิวแห้ง การแพ้ การขยี้ตาบ่อย รวมถึงพฤติกรรมที่ทำซ้ำ เช่น การแสดงสีหน้าเดิมบ่อย ๆ รวมทั้งการไม่มีการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดริ้วรอย หรือใต้ตาเป็นเส้นก่อนวัยได้เช่นกัน
ริ้วรอยใต้ตา ฉีดอะไรดี
โปรแกรมโบท็อก (Program Botox) เหมาะสำหรับลดริ้วรอย หรือใต้ตาเป็นเส้นเล็ก ๆ ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยยิ้มในขณะที่โปรแกรมฟิลเลอร์ (Program Filler) เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึกที่เห็นชัดเจน ขณะเดียวกันการทำโปรแกรมฉีด Skin Booster ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ให้ผิวดูสดใสขึ้น
สรุปใต้ตาเป็นเส้นเกิดจากอะไรได้บ้าง ทำอย่างไรถึงจะช่วยแก้ปัญหาได้
ใต้ตาเป็นเส้นเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น การสูญเสียคอลลาเจน/ไขมัน แสงแดด การแสดงสีหน้าซ้ำๆ การขาดน้ำ พักผ่อนน้อย และพันธุกรรม วิธีแก้ปัญหา คือ เริ่มจากการป้องกันด้วยครีมกันแดด ทาอายครีมสม่ำเสมอ ปรับไลฟ์สไตล์ให้ดีขึ้น หากต้องการผลลัพธ์ชัดเจน อาจปรึกษาแพทย์เพื่อทำหัตถการ เช่น โปรแกรมโบท็อก โปรแกรมฟิลเลอร์ ร้อยไหม หรือโปรแกรมเลเซอร์ ตามความเหมาะสมกับปัญหาที่เป็นอยู่
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาในการแก้ปัญหาใต้ตาเป็นเส้น หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX ได้เลยค่ะ
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ ใต้ตาเป็นเส้น เกิดจากสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาไม่เรียบเนียน,ใต้ตาเป็นเส้น หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
ใต้ตาเป็นเส้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ Apex ชวนรู้ทันสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวรอบดวงตาไม่เรียบเนียน พร้อมวิธีดูแล เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมากระชับ ดูอ่อนเยาว์