บทความศัลยกรรม

เสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก คืออะไร

เสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก คืออะไร

รู้ให้ชัวร์ก่อน เสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก คืออะไร?

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก คืออะไร?
เลี่ยงไม่ได้เลยว่า การมีรูปร่างที่ดี จะช่วยเสริมความมั่นใจให้เราได้มากขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหารูปร่างหม่สมส่วน หน้าอกมีขนาดเล็ก แบน มีรูปทรงที่ไม่สวย ไม่สมดุล หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับหน้าอก การทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างมาก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) คือ การศัลยกรรมผ่าตัดตกแต่งเสริมหน้าอก และปรับรูปทรงของหน้าอก โดยจะมีการใช้วัสดุเสริมต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น ซิลิโคน หรือสารน้ำเคลือบ ในปัจจุบันการเสริมหน้าอกสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ คือ

• การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Breast implant)
• การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Breast Enlargement Fat Transfer)
• การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนร่วมกับไขมันตัวเอง (Composite Breast implant with Autologous Lipoplasty)

การศัลยกรรมเสริมหน้าอก ต้องคำนึงถึงหลาย ๆ ปัจจัย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง เพื่อวางแผนการรักษาเสริมหน้าอกที่เหมาะสมกับตัวเรา และเพื่อความปลอดภัยมากที่สุด

ความเป็นมาของการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก
การทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือ Breast Augmentation มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่พัฒนาเรื่อยมา โดยมีขั้นตอน และวัสดุที่ใช้พัฒนาขึ้นตามเทคโนโลยี และความต้องการของผู้คนในแต่ละยุคสมัย

จุดเริ่มต้นของการเสริมหน้าอก
• ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 การเสริมหน้าอกเริ่มขึ้นในช่วงนี้ โดยมีการทดลองใช้วัสดุต่าง ๆ เช่น งาช้าง แก้ว และขี้ผึ้ง แต่กลับมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงสูง
• ช่วงปี 1950 เริ่มมีการใช้ซิลิโคนเป็นครั้งแรก โดยแพทย์สองคนชาวอเมริกัน คือนายแพทย์ โทมัส โครนิน (Thomas Cronin) และนายแพทย์ แฟรงก์ เกอร์โร (Frank Gerow) พัฒนาซิลิโคนเจลแบบนุ่มเพื่อใช้ในการเสริมหน้าอก

การพัฒนา
• ช่วงปี 1960 - 1980 เสริมหน้าอกซิลิโคนเจลถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่มีปัญหาด้านความปลอดภัย จึงทำให้มีการพัฒนาวัสดุ และวิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอก เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
• ช่วงปี 1990 ซิลิโคนเจลถูกระงับการใช้งานชั่วคราวในสหรัฐฯ เนื่องจากมีรายงานผลข้างเคียงเกี่ยวกับการแตก หรือรั่วไหลของซิลิโคน ทำให้มีการพัฒนาและปรับปรุงวัสดุอย่างเข้มงวด
• ช่วงปี 2000 การใช้ซิลิโคนเจลกลับมาอีกครั้ง โดยผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงขึ้น

การพัฒนาของการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการวิจัย พัฒนาวัสดุและเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพื่อให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอกได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด

การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกครั้งแรกของโลก มีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี 1895 โดยนายแพทย์ Vincenz Czerny ในประเทศเยอรมนี เขาใช้เนื้อเยื่อไขมันจากบริเวณต้นขาของผู้ป่วยในการเติมเต็มช่องว่างในหน้าอก ที่เกิดจากการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก นี่ถือเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้

ในช่วงทศวรรษที่ 1960 การพัฒนาซิลิโคนเจลสำหรับเสริมหน้าอกโดยแพทย์โทมัส โครนิน (Thomas Cronin) และแพทย์แฟรงก์ เกอร์โร (Frank Gerow) ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การศัลยกรรมเสริมหน้าอกเป็นที่นิยมมากขึ้นในวงการแพทย์และศัลยกรรมเสริมความงาม

เลือกสถานพยาบาลศัลยกรรม เสริมหน้าอกที่ไหนดี ?
ซึ่งในปัจจุบันการเสริมหน้าอกเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้หญิง และผู้มีความหลากหลายทางเพศ

จึงทำให้มีหลายคลินิกหรือสถานพยาบาลออกมาช่วงชิงการการตลาดอย่างมากมาย รวมไปถึงหมอกระเป๋าซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งอาจจะอันตรายถึงชีวิต

ปัจจุบันคลินิกและสถานพยาบาลในประเทศไทยเปิดให้บริการมากมาย ซึ่งเราอาจจะไม่ทราบเลยว่าคลินิก หรือสถานพยาบาลที่เราเห็นนั้นปลอดภัยหรือไม่? เพราะฉะนั้นการเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลเสริมหน้าอก จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงในอันดับต้น ๆ โดยผู้เข้ารับบริการควรคำนึงถึงความเป็นมืออาชีพ และความปลอดภัยเป็นหลัก

อย่างเช่น APEX Surgery Hospital : โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ และถ้าวันนี้ลูกค้าจะต้องเลือก ควรจะใช้เหตุผลทั้งหมด 5 ข้อในการตัดสินใจ ตามนี้เลยค่ะ

โรงพยาบาลศัลยกรรม APEX Surgery Hospital : โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ ยินดีให้บริการลูกค้าทุกท่าน พร้อมให้คำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ ห้องผ่าตัดสะอาดปลอดภัยด้วยมาตรฐานความสะอาดห้องผ่าตัดปลอดเชื้อระดับ 10K 

"แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา"

ที่ APEX Surgery Hospital, ผู้รับบริการจะได้รับการให้คำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษา และศัลยกรรมที่เหมาะสมกับผู้รับบริการ

"พื้นที่รับรองกว้างขวางห้องพักฟื้นหรูหรา ระดับ VVIP"

APEX Surgery Hospital มีพื้นที่รับรองที่กว้างขวางเพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจ และสะดวกสบายตลอดการรักษา พื้นที่ในโรงพยาบาลถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจ เพื่อให้มีความสะอาด สะดวกสบาย

APEX Surgery Hospital มีห้องพักฟื้นที่หรูหราระดับ VVIP ที่ให้บริการดูแลหลังการผ่าตัด มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การที่สบายใจและปลอดภัยที่สุด

"ดมยาวิสัญญีแพทย์แบบ 1:1"

ที่ APEX Surgery Hospital, ทางโรงพยาบาลเราให้ความสำคัญต่อการดมยาสลบ โดยใช้แพทย์วิสัญญีแพทย์แบบ 1:1 ซึ่งจะคอยดูแลและประคับประคองคุณในทุกขั้นตอนของการดมยา เพื่อให้คุณรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ

ซึ่งโรงพยาบาลของเราให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การดูแล และเทคโนโลยีการผ่าตัดเสริมหน้าอก รวมถึงความพึงพอใจของผู้เข้าใช้บริการ

โดยเราให้ความสำคัญการดมยาโดยวิสัญญีแพทย์แบบ 1:1 เพราะวิสัญญีแพทย์ คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่บริหาร และควบคุมการให้ยาชาและยาสลบแก่ผู้ป่วยในระหว่างการผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือขั้นตอนทางการแพทย์อื่น ๆ

เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวในระหว่างขั้นตอนเหล่านั้น รวมถึงดูแลและตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้ป่วย ในระหว่างการผ่าตัดและช่วงเวลาหลังการผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย

หน้าที่หลักของวิสัญญีแพทย์ประกอบด้วย
• เตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอก ประเมินสภาพร่างกายของผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการได้รับยาสลบ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
• การให้ยาสลบระหว่างเสริมหน้าอก เลือกและให้ยาชา หรือยาสลบตามประเภทของการผ่าตัด หรือขั้นตอนที่กำลังจะดำเนินการ โดยมีการตรวจสอบ และปรับปรุงยาตามสภาวะของผู้ป่วย
• ตรวจสอบการทำงานของร่างกาย ในระหว่างการผ่าตัดเสริมหน้าอก วิสัญญีแพทย์จะตรวจสอบการทำงานของหัวใจ ปอด และระบบอื่น ๆ ของร่างกาย เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย
• การดูแลหลังการผ่าตัด ดูแลผู้ป่วยในช่วงเวลาหลังการผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าการฟื้นตัวเป็นไปได้ดี และไม่มีผลข้างเคียงจากการได้รับยาสลบ

วิสัญญีแพทย์ เป็นบุคคลที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยในระหว่างและหลังการผ่าตัด ซึ่งทำให้ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอกสามารถดำเนินไปได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น

และนอกจากนั้นทีมแพทย์การผ่าตัดเสริมหน้าอกก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่หมอที่สามารถผ่าตัดได้ แต่ต้องเป็นหมอที่ชำนาญเฉพาะด้านศัลยกรรมด้านความงามเสริมหน้าอก โดยเฉพาะเป็นอาจารย์แพทย์ที่จะคอยให้คำปรึกษา

เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ เกี่ยวกับการรักษา และศัลยกรรมที่เหมาะสมกับผู้รับบริการ

ซิลิโคนเสริมหน้าอกที่เรามั่นใจเลือกใช้
นอกจากทีมแพทย์ที่มีรางวัลการันตีความสามารถแล้ว Apex เรายังเลือกใช้ซิลิโคนที่มีคุณภาพให้คุณได้เลือก หลายคนที่กำลังจะตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก และกำลังคิดว่าเลือกใช้ ซิลิโคนยี่ห้ออะไรดีที่สุด? ทางเรามีให้คุณลูกค้าเลือกทั้งหมด 2 รุ่น คือ Motiva  และ Mentor

1.ซิลิโคน Motiva
ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva เป็นผลิตภัณฑ์เสริมหน้าอกที่ได้รับการยอมรับในวงการศัลยกรรมพลาสติก และความงามทั่วโลก ผลิตโดยบริษัท Establishment Labs ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองมหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ซิลิโคน Motiva ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการมีหน้าอกที่ดูเป็นธรรมชาติและสวยงาม

คุณสมบัติของซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva
• การออกแบบตามสรีระ ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะผิวเรียบ 100% และเนื้อเจลที่มีความนุ่ม สามารถเคลื่อนไหวได้ตามสรีระของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วย Motiva รู้สึกสบายและมั่นใจมากขึ้น
• เทคโนโลยีทันสมัย การผลิตซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังการเสริมหน้าอก
• ความปลอดภัย ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งรวมถึงองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในความปลอดภัย และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
• การรับประกัน ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva มาพร้อมกับการรับประกันที่ครอบคลุม เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจในการรักษา เพื่อความสวยงาม และสุขภาพของตนเอง

ข้อดีของการใช้ซิลิโคน Motiva
• ความเป็นธรรมชาติ การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน Motiva ทำให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ และมีความนุ่มเหมือนกับเนื้อเยื่อจริง
• ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคน
• การปรับตัวเข้ากับร่างกาย เนื้อเจลของซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva สามารถเคลื่อนไหวได้ตามสรีระ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบาย และเป็นธรรมชาติ

ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอก และต้องการความมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้ นอกจากการเพิ่มความสวยงามแล้ว ซิลิโคน Motiva ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสุขภาพจิตที่ดีให้กับผู้หญิงทุกคนที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์นี้

2.ซิลิโคน Mentor
ซิลิโคนเสริมหน้าอก Mentor ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำในวงการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 30 ปี Mentor ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และปลอดภัย สำหรับผู้หญิงที่ต้องการเสริมหน้าอกให้ดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ

การควบรวมกิจการโดย Johnson & Johnson ในปี 2009 บริษัท Johnson & Johnson ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทด้านการดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ทำการควบรวมกิจการกับ Mentor ทำให้ Mentor กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่มีเครือข่าย และทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ซิลิโคนเสริมหน้าอกของ Mentor

คุณสมบัติและความเป็นเอกลักษณ์ของซิลิโคนเสริมหน้าอก Mentor
• ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี Mentor ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ และศัลยกรรมความงาม ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย
• การรับรองคุณภาพ ซิลิโคนเสริมหน้าอกของ Mentor ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในความปลอดภัย และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
• การพัฒนานวัตกรรม Mentor มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย และตอบสนองความต้องการของผู้หญิงทั่วโลก

ข้อดีซิลิโคนเสริมหน้าอก Mentor
• สามารถทนทานต่อความกดอากาศ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ไม่มีปัญหาการกดเพิ่มเติมที่อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่จะได้
• เมื่อซิลิโคนเสริมหน้าอกถูกบีบอัด จะสามารถคืนรูปเดิมได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ทำให้เสียรูปหรือแพ้ง่าย
• มีโครงสร้างที่ยึดติดกันแน่นระหว่างโมเลกุล ไม่มีการรั่วซึม เมื่อเกิดการฉีกขาด
• เจลที่มี 98% มีประสิทธิภาพในการลดการเกิด Rippling มากกว่าซิลิโคนทั่วไป
• ออกแบบมาเพื่อเหมาะสำหรับสรีระคนเอเชีย ให้ความพอใจ และความเหมาะสมในการใช้งาน
• เสริมหน้าอกให้มีลักษณะทรงพุ่งที่เน้นเนินหน้าอก เพิ่มความเต็มให้กับหน้าอก เหมาะสำหรับการใช้ในเคสที่มีเนื้อน้อย
• มีผิวซิลิโคนที่บางและยืดหยุ่นสูง ช่วยทำให้ทรงหน้าอกสวย ไม่เป็นบล็อก มีความเป็นธรรมชาติ
• เสริมหน้าอกแล้วมีลักษณะที่สัมผัสนิ่ม และไม่ต้องนวดหน้าอกหลังทำ ดูเหมือนหน้าอกจริง

เทคนิควางซิลิโคนเสริมหน้าอกแบบไหน เหมาะกับเรา?
ปัจจุบันมีอยู่ 3 แบบ แบ่งตามลักษณะการวางของซิลิโคนเสริมหน้าอก ดังนี้
1.เสริมหน้าอกโดยการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular) เป็นวิธีที่ผ่าตัดง่ายที่สุด มักจะวางซิลิโคนไว้ในชั้นหนังและใต้เนื้อไขมันหน้าอก แบบนี้มักจะเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ จะช่วยทำให้หน้าอกดูทรงกลมสวยชัด ได้ทรงตามที่ต้องการ และยังใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน แต่ในอนาคตอาจเกิดพังผืดได้

2.เสริมหน้าอกโดยการวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular) เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการศัลยกรรมเสริมหน้าอก โดยการวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย เทคนิคนี้จะได้ทรงหน้าอกที่สวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด ช่วยลดโอกาสการคลำเจอขอบซิลิโคน แต่เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเสริมหน้าอกกล้ามเนื้อจะทำให้ฟื้นตัวหลังทำได้ช้า และอาจเกิดหน้าอกหย่อนคล้อยได้ในอนาคต

3.เสริมหน้าอกโดยการวางซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อ
การเสริมหน้าอกโดยการวางซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อ เป็นวิธีที่ชื่อว่า "Dual Plane" ศัลยแพทย์ที่ผ่าตัดต้องมีประสบการณ์สูง เนื่องจากเป็นเทคนิคพิเศษ โดยจะวางซิลิโคนเสริมหน้าอกไว้ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน เทคนิคนี้จะเหมาะสำหรับคนทุกสรีระ ได้ทรงหน้าอกสวยเป็นธรรมชาติ ช่วยลดโอกาสการเกิดพังผืด และปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยในอนาคต

เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบส่องกล้อง ดีไหม?
เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบส่องกล้อง (Endoscopic Surgery)
สำหรับการเสริมหน้าอกเป็นวิธีที่ทันสมัยและได้รับความนิยม เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ เช่น การบาดเจ็บน้อยลง การฟื้นตัวเร็ว และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังเสริมหน้าอก

คุณสมบัติของเทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบส่องกล้อง
• การใช้กล้องส่องทางการแพทย์ ใช้กล้องที่มีความละเอียดสูง และเครื่องมือส่องสว่างที่สามารถมองเห็นภายในได้ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถเสริมหน้าอกได้อย่างแม่นยำ
• การทำแผลขนาดเล็ก การผ่าตัดเสริมหน้าอกจะทำผ่านแผลขนาดเล็ก ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อรอบ ๆ และลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด
• ลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน การใช้เทคนิคนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังทำเสริมหน้าอก เช่น การติดเชื้อ การสูญเสียเลือด และการบาดเจ็บของเส้นประสาท
• การฟื้นตัวเร็วขึ้น ผู้ป่วยเสริมหน้าอกสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากการแผลมีขนาดเล็ก และเนื้อเยื่อได้รับความเสียหายน้อย

ขั้นตอนของการผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบส่องกล้อง
1.การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจสุขภาพ และคำแนะนำจากแพทย์ เกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอก เช่น การงดอาหาร และเครื่องดื่มก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอก
2.การทำแผลเสริมหน้าอก แพทย์จะทำแผลเล็ก ๆ บริเวณที่ต้องการวางซิลิโคนเสริมหน้าอก โดยการใช้กล้องส่องทางการแพทย์ และเครื่องมือพิเศษในการผ่าตัด
3.การวางซิลิโคนเสริมหน้าอก ซิลิโคนเสริมหน้าอกจะถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ต้องการโดยใช้เทคนิคที่แม่นยำ โดยมีการควบคุมจากกล้องส่องทางการแพทย์
4.การเย็บแผลเสริมหน้าอก หลังจากวางซิลิโคนเสริมหน้าอกเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเย็บแผลเล็ก ๆ และทำการตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนปิดแผลเสริมหน้าอก

ข้อดีของการผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบส่องกล้อง
• ความแม่นยำสูง การมองเห็นภายในที่ชัดเจนช่วยให้แพทย์ทำงานได้อย่างแม่นยำ
• แผลขนาดเล็ก ลดขนาดแผล และลดรอยแผลเป็น
• ลดความเจ็บปวด ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บน้อยลงหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• ฟื้นตัวเร็ว การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกรวดเร็ว และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วขึ้น

การผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบส่องกล้อง เป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้การเสริมหน้าอกเป็นไปอย่างราบรื่น และได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และเรายังใช้อุปกรณ์ผ่าตัดที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ซึ่งอุปกรณ์นั้นเรียกว่า Keller Funnel เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในกระบวนการศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีลักษณะเป็นกระดาษกรองที่มีรูปทรงกระเบื้อง ที่ช่วยในการฉีดซิลิโคนเข้าไปในหน้าอกของผู้ป่วยได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเครื่องมือช่วยให้แพทย์สามารถนำซิลิโคนเสริมหน้าอกไปวางในตำแหน่งที่ถูกต้อง และมั่นใจได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับผิวหนังของผู้ป่วยโดยตรง

• ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ Keller Funnel ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จากการสัมผัสของซิลิโคนเสริมหน้าอกกับผิวหนังของผู้ป่วย เนื่องจากไม่ต้องมีการสัมผัสโดยตรง
• ความสะดวกและความเร็ว การใช้ Keller Funnel ช่วยให้แพทย์สามารถนำซิลิโคนเสริมหน้าอกเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการได้ง่ายและเร็วขึ้น ลดเวลาในการทำศัลยกรรม
• ลดความเจ็บปวด ผู้ป่วยมักจะรู้สึกเจ็บน้อยลงหลังจากการใช้ Keller Funnel เนื่องจากการทำแผลที่เล็ก และการใช้ซิลิโคนเสริมหน้าอกที่มีการสัมผัสน้อยลงกับผิวหนัง
• ผลลัพธ์ที่ดีกว่า การใช้ Keller Funnel ช่วยให้ซิลิโคนเสริมหน้าอกถูกวางลงในตำแหน่งที่เหมาะสม และสมบูรณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและธรรมชาติมากขึ้น

แผลผ่าตัดเสริมหน้าอก มีกี่จุด?
การเลือกตำแหน่งของแผลผ่าตัดในกระบวนการเสริมหน้าอกเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และการฟื้นตัวที่รวดเร็วที่สุด มีตำแหน่งหลัก ๆ ที่ใช้ในการวางแผลผ่าตัดเสริมหน้าอก ได้แก่

ใต้ราวนม
การผ่าตัดเสริมหน้าอกแผลใต้ราวนม เป็นที่นิยมเนื่องจากมีข้อดีมากมาย ที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ได้แก่|
• การจัดวางที่ถูกต้อง การวางซิลิโคนในตำแหน่งนี้ช่วยให้การเสริมหน้าอกได้รับการจัดวางที่ถูกต้อง และสามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนซิลิโคนได้โดยง่าย
• เสียเลือดน้อย การผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้ราวนมมักจะเสียเลือดน้อยกว่าตำแหน่งอื่น ๆ
• ฟื้นตัวรวดเร็ว แผลผ่าตัดขนาดเล็กทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เสริมหน้าอกแผลใต้ราวนมยังเหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการทำการแก้ไข หรือเปลี่ยนซิลิโคนเสริมหน้าอกในภายหลัง ด้วยความสะดวกสบาย และมีความเหมาะสมทางทรัพย์สิน

ใต้รักแร้หรือรอบปานนม
การใช้แผลผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้รักแร้ หรือรอบปานนม มีความยากลำบากมากกว่า และมีข้อเสียที่จะต้องพบเจอ ได้แก่
• ความเจ็บปวดและการบาดเจ็บ การผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้รักแร้และบริเวณหัวนม มักจะทำให้เกิดความเจ็บปวด และมีการเสียเลือดมากขึ้น
• การพักฟื้นที่ยากลำบาก ผู้ป่วยอาจจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว และมีความเสี่ยงที่สูงกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน

การเลือกตำแหน่งแผลผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญที่แพทย์จะพิจารณาตามสภาพการประเมินของผู้ป่วย และวัตถุประสงค์ของการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและการฟื้นตัวที่รวดเร็วในที่สุด และไม่ต้องกังวลเรายังมีเทคโนโลยีการสร้างภาพ 3 มิติ และ AR แพทย์ของเราสามารถแสดงภาพจำลองผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ให้ทันที ลูกค้าสามารถเห็นภาพเสมือนจริงของตนเอง หลังจากการเสริมหน้าอก ทำให้การตัดสินใจมีความมั่นใจมากขึ้น

การดูแลหลังเสริมหน้าอก ต้องทำอย่างไร?
• การดูแลแผลผ่าตัดเสริมหน้าอก ในช่วงสัปดาห์แรกสามารถอาบน้ำได้ เนื่องจากแพทย์จะปิดฟิล์มกันน้ำไว้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการแช่ในน้ำหรือว่ายน้ำในสระน้ำ เมื่อแพทย์ตรวจเช็กและแผลหายดีแล้ว จะมีการแนะนำให้ใช้ครีมทาแผลเป็น หรือแผ่นซิลิโคนปิดแผลเป็นเพื่อช่วยในการฟื้นฟู
• การดูแลหน้าอกหลังใส่ซิลิโคนเสริมหน้าอก แนะนำให้สวมบราแบบไม่มีโครงอย่างน้อย 1 เดือน ควรหลีกเลี่ยงการกดทับหรือกระแทกที่หน้าอก และงดการออกกำลังกายที่ใช้แขนมากในช่วง 1 เดือนแรก
• การดูแลร่างกาย 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก ควรงดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงอาหารหมักดอง 
• การดูแลในระยะยาว หลังเสริมหน้าอกตรวจเช็กหน้าอกด้วยตัวเองเป็นประจำ และตรวจแมมโมแกรมตามที่แพทย์กำหนด และคอยเช็กความผิดปกติของหน้าอกอยู่เสมอ

ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น