บทความเกี่ยวกับ : ฉีดสิว , รักษาสิว
เคลียร์ทุกปัญหาสิวด้วยการฉีดสิว! รู้ลึกทุกขั้นตอน สวยใสไวทันใจแบบปลอดภัย
การฉีดสิวเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสิวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็วทันใจ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกแง่มุมเรื่องของการฉีดสิว ตั้งแต่ประโยชน์ ข้อควรระวัง ไปจนถึงเคล็ดลับการดูแลผิวหลังฉีด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
การรักษาสิวด้วยการฉีดสิวคืออะไร และมีหลักการทำงานอย่างไร?
การฉีดสิว (Acne Injection) คือการใช้สารยาหรือสารลดการอักเสบฉีดลงไปยังบริเวณตุ่มสิว เพื่อยับยั้งกระบวนการอักเสบและลดอาการบวมแดง ทำให้สิวค่อย ๆ ยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว
สารที่นิยมใช้ในการฉีดสิวอักเสบ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบได้ดี วิธีนี้มักเหมาะกับการรักษาสิวที่มีอาการอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวหนอง สิวอักเสบขนาดใหญ่
การฉีดสิวจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน หรือผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั่วไป
ฉีดสิวช่วยลดการอักเสบได้อย่างไร?
การฉีดสิวสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ด้วยวิธีการใช้สารสเตียรอยด์ เช่น ตัวยา Triamcinolone Acetonide ซึ่งเป็นยาต้านการอักเสบ ที่แพทย์มักใช้เพื่อฉีดสิวที่อักเสบและมีขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้างหรือสิวอักเสบที่ก่อให้เกิดอาการบวมแดงและเจ็บ
วิธีการทำงานของการฉีดสิวเพื่อการรักษาสิว
1.ยาจะต้านการอักเสบของสิว
เมื่อฉีดสิวด้วยสารสเตียรอยด์เข้าสู่บริเวณที่อักเสบ ตัวยาจะทำหน้าที่ลดการอักเสบโดยตรง ด้วยการยับยั้งสารเคมีในร่างกายที่เป็นต้นเหตุของการอักเสบ ลดอาการบวมแดงและช่วยรักษาสิวให้ยุบลงอย่างรวดเร็ว
2.ลดการสะสมของเซลล์อักเสบ
การฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์จะช่วยลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สะสมอยู่ในบริเวณสิว ทำให้ลดการตอบสนองของร่างกายที่มักก่อให้เกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่อง
3.ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
หลังการฉีดสิว มักจะเห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมง สิวจะยุบลงและอาการเจ็บจะลดลง ซึ่งช่วยให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียนได้ไวกว่าเดิมเมื่อเทียบกับวิธีการรักษาอื่น

ฉีดสิว คืออะไร รักษาสิวราคาเท่าไหร่ กี่วันเห็นผล
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการฉีดสิวเหมาะกับการรักษาสิวประเภทใดบ้าง?
รักษาสิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวอักเสบเป็นสิวที่มีอาการบวมแดงและปวดซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียภายในรูขุมขน สิวอักเสบประเภทนี้มักจะตอบสนองดีต่อการฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการฉีดสิวอักเสบรุนแรง
รักษาสิวหัวหนอง (Pustules)
สิวหัวหนองเป็นสิวที่เกิดจากการอักเสบและการสะสมของหนองในตุ่มสิว การฉีดสิวในบริเวณนี้สามารถช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวหัวหนองแห้งและยุบลงอย่างรวดเร็ว
รักษาสิวซีสต์ (Cystic Acne)
สิวซีสต์เป็นสิวขนาดใหญ่และลึกที่เกิดจากการติดเชื้อรุนแรงในชั้นผิวหนัง การฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์สามารถช่วยลดขนาดของสิวซีสต์และบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รักษาสิวตุ่ม (Nodules)
สิวตุ่มเป็นสิวชนิดอักเสบที่อยู่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง มีลักษณะเป็นก้อนแข็งแต่ไม่มีหัวหนอง การฉีดสิวในกรณีนี้ช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวตุ่มยุบลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สิวบางประเภทก็ไม่เหมาะกับวิธีรักษาสิวด้วยการฉีดสิว เช่น สิวหัวดำ (Blackheads) และสิวหัวขาว (Whiteheads) ซึ่งเป็นสิวที่ไม่มีการอักเสบ การฉีดสิวในกรณีเหล่านี้จะไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากสิวเหล่านี้เป็นการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น เช่น การกดสิว การใช้ยาแต้มสิว หรือการผลัดเซลล์ผิว
ใครที่ควรพิจารณาการฉีดสิว?
• ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง
หากคุณมีสิวที่มีอาการบวมแดงและปวด ซึ่งเป็นสิวอักเสบที่ไม่สามารถรักษาสิวได้ด้วยการทายาหรือการกินยา การฉีดสิวจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบและทำให้สิวยุบลงได้รวดเร็วขึ้น
• ผู้ที่มีสิวหัวหนองขนาดใหญ่
สิวหัวหนองที่มีขนาดใหญ่และสะสมหนองอยู่ในตุ่มสามารถฉีดสิวได้เพื่อลดอาการบวมและป้องกันไม่ให้สิวแตกเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำตามมาได้
• ผู้ที่มีสิวซีสต์
สิวซีสต์เป็นสิวที่มีการอักเสบและมีลักษณะเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง มักมีอาการปวดและเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลถาวร การฉีดสิวสามารถช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวค่อย ๆ ยุบลง การฉีดจึงเป็นวิธีรักษาสิวที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน
หากคุณมีงานสำคัญที่ต้องการให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน เช่น งานแต่งงาน การประชุมสำคัญ ผู้ที่ต้องการรักษาสิวแบบเร่งด่วนจะพบว่าการฉีดสิวเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วและตอบโจทย์ได้ดี
• ผู้ที่มีสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาสิวแบบทั่วไป
หากคุณได้ลองใช้วิธีการรักษาแบบทั่วไป เช่น การทายา การกินยา หรือการดูแลผิวประจำวันแล้ว แต่สิวยังคงไม่ดีขึ้น การฉีดสิวอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
การฉีดสิวไม่เหมาะกับใคร?
• ผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย
การฉีดสิวอาจทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย หากฉีดสิวอาจทำให้เกิดผื่นแดง ผิวแห้ง หรืออาจมีอาการแพ้บริเวณที่ฉีด จึงควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาสิวแบบที่เหมาะสม
• ผู้ที่มีสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว
การฉีดสิวเหมาะกับสิวที่มีการอักเสบ เช่น สิวอักเสบ สิวหัวหนอง หรือสิวซีสต์ แต่ไม่เหมาะกับการักษาสิว ที่เป็นสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว ซึ่งเป็นสิวอุดตันที่ไม่มีอาการอักเสบ การฉีดสิวในกรณีนี้จะไม่ได้ผลและอาจทำให้ผิวระคายเคืองขึ้นมากกว่าเดิม
• ผู้ที่มีประวัติแพ้สเตียรอยด์
สเตียรอยด์ที่ใช้ในการฉีดสิวเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ แต่หากผู้ที่มีประวัติแพ้สเตียรอยด์อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียง เช่น ผิวบวมแดง รอยด่างขาว หรือผิวบาง หากมีประวัติการแพ้สเตียรอยด์ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดสิวและปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาสิวแบบอื่นที่ปลอดภัย
• ผู้ที่มีปัญหาผิวบางหรือเป็นแผลเป็นง่าย
การฉีดสิวอาจทำให้ผิวบางลงชั่วคราวและอาจเกิดรอยบุ๋มหรือรอยแผลได้ในบางกรณี โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางหรือเป็นแผลเป็นง่าย ซึ่งการฉีดสิวอาจทำให้เกิดรอยบุ๋มถาวรหรือรอยแผลเป็นหลังจากการรักษา
• หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
แม้ว่าการรักษาสิวโดยการฉีดสิวจะถือว่าปลอดภัย แต่ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้สเตียรอยด์เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากสารบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่ดื่มนมมารดา

ฉีดสิว คืออะไร รักษาสิวราคาเท่าไหร่ กี่วันเห็นผล
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเปรียบเทียบการรักษาสิวด้วยการฉีดสิวกับการรักษาสิวแบบอื่น
1.การฉีดสิว
• เหมาะกับ รักษาสิวอักเสบขนาดใหญ่ สิวหัวช้าง หรือสิวที่อักเสบมาก
• ข้อดี ลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว เห็นผลใน 24-48 ชั่วโมง ช่วยให้สิวยุบลงไว ลดอาการเจ็บ และลดการเกิดรอยแผลเป็น
• ข้อจำกัด ไม่เหมาะสำหรับสิวที่ไม่อักเสบหรือสิวขนาดเล็ก และควรทำโดยแพทย์เท่านั้น หากฉีดสิวบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวบางหรือเกิดรอยหลุมได้
• ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น อาจเกิดการบางของผิวหนัง รอยหลุม หรือผิวที่ไม่เรียบเนียนบริเวณที่ฉีดสิว
2.รักษาสิวด้วยยาทา
• เหมาะกับ รักษาสิวที่ไม่อักเสบ สิวอุดตัน และสิวขนาดเล็ก
• ข้อดี มีหลายรูปแบบ เช่น ครีม เจล โลชั่น ที่สามารถทาได้เองที่บ้าน ทำให้เหมาะสำหรับการรักษาสิวในระยะยาวและควบคุมสิวได้อย่างต่อเนื่อง
• ข้อจำกัด อาจใช้เวลาในการรักษาสิวหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล และบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น ผิวแห้งหรือเป็นขุย
• ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผิวระคายเคืองหรือแห้งแตก โดยเฉพาะถ้าใช้ยาที่มีส่วนผสมของกรด เช่น Salicylic Acid หรือ Benzoyl Peroxide
3.รักษาสิวด้วยยารับประทาน
• เหมาะกับ รักษาสิวที่มีอาการรุนแรง สิวฮอร์โมน หรือสิวที่เกิดการอักเสบมาก
• ข้อดี สามารถรักษาสิวจากภายใน ช่วยลดสิวและการอักเสบได้ทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะสิวในบริเวณที่ใช้ยาทาได้ยาก
• ข้อจำกัด ต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล และมีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง
• ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผลข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ วิงเวียน หรือตับอักเสบสำหรับยาในกลุ่มของยา Isotretinoin หรือผลข้างเคียงอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิด
4.การรักษาสิวด้วยเลเซอร์
• เหมาะกับ สิวที่มีรอยแดง รอยดำหลังสิว สิวอักเสบ และรอยแผลเป็นจากสิว
• ข้อดี ช่วยลดสิว ลดรอยแดง และรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
• ข้อจำกัด ค่าใช้จ่ายสูง และต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งกว่าจะเห็นผลชัดเจน
• ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น อาการระคายเคือง บวมแดง ผิวแห้ง และอาจต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด
5.รักษาสิวโดยการบำรุงผิวด้วยสารเคมี
• เหมาะกับ รักษาสิวอุดตัน สิวผด และผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิว ลดรอยสิว
• ข้อดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยลดการอุดตันและปรับสีผิวให้เรียบเนียน
• ข้อจำกัด อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองหลังการรักษา ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว และต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังการทำ
• ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผิวบวมแดง ระคายเคือง ผิวบางลงและไวต่อแสง
ขั้นตอนการฉีดสิว
1.การประเมินสภาพผิวและสิว
แพทย์จะตรวจสอบสภาพผิวและลักษณะของสิว เพื่อตัดสินใจว่าสิวประเภทนั้นเหมากับการรักษาสิวโดยการฉีดสิวหรือไม่ โดยปกติจะเลือกฉีดสิวที่มีอาการอักเสบชัดเจน เช่น สิวหัวหนอง สิวซีสต์ หรือสิวตุ่ม
2.การทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการฉีดสิว
ก่อนการฉีดสิวแพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณสิวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้การรักษาสิวโดยการฉีดมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
3.การฉีดยาเข้าไปในตุ่มสิว
แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กในการฉีดสิว ฉีดสารลดการอักเสบ เช่น สเตียรอยด์ เข้าไปในตุ่มสิวโดยตรง สารที่ฉีดเข้าไปจะช่วยลดอาการบวมแดงและยับยั้งการอักเสบภายในสิว ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
4.การให้คำแนะนำหลังการฉีด
หลังจากการฉีดสิว แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิว เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อหรือรอยแผลเป็นหลังรักษาสิวด้วยการฉีด
5.การติดตามผลการรักษา
ในบางกรณีแพทย์อาจนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษาหลังฉีดสิว หากสิวมีการอักเสบซ้ำหรือยังคงมีตุ่มเล็ก ๆ คงอยู่ แพทย์อาจแนะนำการรักษาสิวเพิ่มเติม หรือปรับเปลี่ยนแผนการรักษาตามความเหมาะสม
การรักษาสิวด้วยการฉีดสิวปลอดภัยแค่ไหน?
การรักษาสิวด้วยการฉีดสิวเป็นวิธีการที่ปลอดภัย เมื่อทำโดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยความปลอดภัยของการฉีดสิวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการฉีดสิว
1.ความเชี่ยวชาญของผู้ฉีด
การฉีดสิวควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการรักษาสิวโดยเฉพาะ เนื่องจากการฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้
2.คุณภาพของยาที่ใช้ฉีดสิว
การใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีคุณภาพ และปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการฉีดสิวเพื่อลดการอักเสบ ยาที่มีความเข้มข้นเกินไป หรือการใช้สเตียรอยด์บ่อยเกินไปอาจส่งผลให้ผิวบางลงและเกิดผลข้างเคียงได้
3.การดูแลหลังการฉีดสิว
การดูแลผิวหลังการฉีดสิวช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้อ การล้างหน้าอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนัก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีดจะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการฉีดสิว
1.ผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์
การฉีดสิวมักใช้สารสเตียรอยด์ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดการอักเสบ แต่การใช้สเตียรอยด์มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวบางลง การรักษาสิวด้วยสเตียรอยด์จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเหล่านี้
2.ความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
แม้ว่าการฉีดสิวจะช่วยลดการอักเสบได้เร็ว แต่หากฉีดผิดตำแหน่งหรือใช้สารที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือรอยบุ๋มได้
3.ผลลัพธ์ที่ชั่วคราว
การฉีดสิวเป็นการรักษาสิวที่เห็นผลรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของการฉีดสิวอาจคงอยู่เพียงชั่วคราว ซึ่งหมายความว่าสิวอาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีกครั้ง การรักษาสิวด้วยการฉีดจึงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่แก้ปัญหาสิวในระยะยาว ควรพิจารณาใช้ร่วมกับการรักษาสิวแบบอื่นเพื่อป้องกันสิวในระยะยาว
4.การติดเชื้อหลังฉีดสิว
แม้การฉีดสิวจะเป็นการรักษาที่ปลอดภัย แต่หากทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ ดังนั้นการรักษาสิวด้วยการฉีดควรทำในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและได้รับการรับรองมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยเท่านั้น
5.ไม่ได้เหมาะกับสิวทุกประเภท
การฉีดสิวนั้นไม่ได้เหมาะกับสิวทุกประเภท เช่น สิวอุดตันหรือสิวหัวขาว การรักษาสิวด้วยวิธีการฉีดสิวจึงต้องเลือกใช้กับสิวประเภทที่เหมาะสมเท่านั้น
การดูแลผิวหน้าหลังฉีดสิว
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าหลังจากฉีดสิว
ควรงดสัมผัสหรือถูใบหน้าแรง ๆ หลังจากฉีดสิว เนื่องจากการสัมผัสผิวอาจนำเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าสู่บริเวณที่ฉีดได้
2.งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจระคายเคือง
หลังจากฉีดสิว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่รุนแรง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำในช่วงแรก
หลังการฉีดสิว แนะนำให้งดล้างหน้าหรือโดนน้ำในบริเวณที่ฉีดประมาณ 4-6 ชั่วโมงแรก เพื่อให้สารที่ใช้ฉีดสิวได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
4.บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
หลังจากฉีดสิวผิวอาจมีความแห้งเล็กน้อย การทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและป้องกันการลอกหรือแห้ง
5.ทาครีมกันแดดเสมอ
หลังการฉีดสิวผิวจะมีความบอบบางกว่าปกติ การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นสิ่งสำคัญ โดยเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวเป็นสิวง่ายและไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
6.ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
การดื่มน้ำและการพักผ่อนที่เพียงพอช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและลดการอักเสบของผิว การดูแลสุขภาพภายในมีผลต่อการฟื้นตัวของผิวหลังฉีดสิวอย่างมาก
7.ติดตามผลการรักษากับแพทย์
หากคุณพบอาการผิดปกติหลังการฉีดสิว เช่น อาการบวมแดงที่ไม่ลดลง หรือมีความเจ็บปวดมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที
หลังฉีดสิวจะเห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่?
ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลลัพธ์
หลังจากการฉีดสิว ส่วนมากผู้เข้ารับการรักษาสิวจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก โดยสิวจะเริ่มยุบลง อาการบวมแดงและปวดจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับบางคนอาจเห็นผลเร็วขึ้นภายใน 12 ชั่วโมงแรกหลังฉีดสิว ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของสิว
ผลลัพธ์ในระยะต่อมา
หลังจากการฉีดสิวประมาณ 3-5 วัน สิวที่ฉีดจะยุบลงอย่างเต็มที่ โดยตุ่มสิวจะค่อยๆ แห้งลงและผิวบริเวณนั้นจะเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ผลลัพธ์จากการฉีดสิวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำ
ข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังฉีดสิว
• ดูแลผิวให้สะอาดและบำรุงผิวอย่างเหมาะสมหลังฉีดสิว
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้า การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ อาจนำเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวใหม่
• ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอหลังการรักษาสิว แสงแดดสามารถทำให้รอยสิวและรอยดำเข้มขึ้นได้ ควรใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวที่เป็นสิวง่าย
• หลังฉีดสิวควรควบคุมการรับประทานอาหารและการพักผ่อน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการพักผ่อนที่เพียงพอมีผลดีต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและลดโอกาสเกิดสิวใหม่
ฉีดสิวเพื่อรักษาสิวระยะยาวได้หรือไม่?
การฉีดสิวสามารถเป็นวิธีการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบของสิวขนาดใหญ่และสิวที่มีความรุนแรง แต่ไม่ควรใช้เป็นวิธีหลักสำหรับการรักษาสิวระยะยาว เนื่องจากการฉีดสิวบ่อยเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
ควรฉีดสิวบ่อยแค่ไหน
• ฉีดสิวเมื่อจำเป็นเท่านั้น
การฉีดสิวมักจะเหมาะกับสิวที่อักเสบหนัก ๆ เช่น สิวหัวช้างหรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องฉีดสิวทุกครั้งที่มีสิวขึ้น แต่ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
• ไม่ควรฉีดสิวถี่เกินไป
แพทย์มักจะแนะนำให้เว้นช่วงการฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวได้รับผลกระทบจากสเตียรอยด์ซ้ำ ๆ หากฉีดบ่อยเกินไปอาจเกิดปัญหาผิวบางและรอยหลุมได้
คำแนะนำในการรักษาสิวระยะยาวควบคู่กับการฉีดสิว
หากต้องการรักษาสิวในระยะยาว การใช้การฉีดสิวเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรใช้วิธีการรักษาที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผลที่ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น
• ใช้ยาทารักษาสิว
ยาทารักษาสิวเฉพาะที่ เช่น Benzoyl Peroxide หรือ Retinoids สามารถช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้เมื่อใช้เป็นประจำ
• การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิว
การล้างหน้าและการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่ายสามารถช่วยป้องกันสิวได้
• รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
สำหรับผู้ที่มีสิวที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน แพทย์อาจพิจารณาสั่งยารับประทานเพื่อรักษาสิว เช่น ยาปรับฮอร์โมนหรือยาปฏิชีวนะ
• การทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ
หลังการฉีดสิวอาจมีการไปรักษาสิวด้วยเครื่อง เช่น เลเซอร์หรือการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า สามารถช่วยลดการเกิดสิวและลดรอยแดง รอยดำได้
ช่วงราคาโดยประมาณของการฉีดสิว
• ฉีดสิวที่คลินิกทั่วไป
ราคาการฉีดสิวในคลินิกความงามหรือสถานเสริมความงามทั่วไปมักอยู่ที่ประมาณ 100-300 บาทต่อจุด หรือประมาณ 300-1,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับจำนวนสิวและยาที่ใช้
• ฉีดสิวที่คลินิกเฉพาะทางด้านผิวหนัง
คลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางและให้บริการด้วยมาตรฐานสูง เช่น สถาบันผิวหนังหรือคลินิกที่มีชื่อเสียง อาจมีราคาอยู่ที่ประมาณ 500-1,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและการรักษาสิวที่แนะนำ
• ฉีดสิวที่โรงพยาบาลเอกชน
การรักษาสิวในโรงพยาบาลเอกชนที่มีแพทย์เฉพาะทางมักมีราคาสูงกว่าคลินิกทั่วไป อาจเริ่มต้นที่ 1,000-3,000 บาทต่อครั้ง และอาจสูงกว่านี้หากมีการใช้ยาพิเศษหรือมีการดูแลเฉพาะ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาการฉีดสิว
• ประเภทของสิว
สิวที่มีขนาดใหญ่และอักเสบมากอาจต้องใช้ปริมาณยาและความระมัดระวังในการฉีดสิวมากขึ้น ทำให้ราคาสูงขึ้นตามความซับซ้อนของการรักษาสิว
• ชนิดของยา
ยาที่ใช้ในการฉีดสิวมักเป็นยาสเตียรอยด์ ซึ่งมีหลายยี่ห้อและหลายระดับความเข้มข้น คลินิกบางแห่งอาจใช้ยาคุณภาพสูงหรือยาที่เห็นผลเร็วกว่า ทำให้ราคาต่อการรักษาเพิ่มขึ้น
• จำนวนสิว
หากต้องการฉีดสิวหลายจุด ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนสิวที่ต้องการรักษา
• บริการเสริมหลังการรักษาสิว
คลินิกบางแห่งอาจมีบริการดูแลผิวหลังฉีดสิว เช่น การทำทรีตเมนต์ลดการระคายเคืองหรือการให้คำแนะนำเฉพาะ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ฉีดสิว คืออะไร รักษาสิวราคาเท่าไหร่ กี่วันเห็นผล
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลฉีดสิวเองที่บ้าน เสี่ยงแค่ไหน และควรทำหรือไม่?
การฉีดสิวเองที่บ้านเป็นเรื่องที่หลายคนสนใจ เพราะอาจดูเหมือนเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทางไปคลินิก แต่ในความเป็นจริง การฉีดสิวเองที่บ้านมีความเสี่ยงหลายประการ และอาจส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาวได้
ความเสี่ยงของการฉีดสิวเองที่บ้าน
1.ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาดหรือไม่ได้รับการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม การฉีดสิวเองอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ผิวได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้สิวอักเสบหนัก หรือ กลายเป็นหนองได้
2.การใช้ยาที่ไม่เหมาะสม
ยาที่ใช้ในการฉีดสิว เช่น สเตียรอยด์ ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและภายใต้คำแนะนำของแพทย์ การใช้ยาเกินขนาดหรือไม่เหมาะสมอาจทำเกิดปัญหาผิวได้ในระยะยาว
3.ความเสี่ยงต่อการเกิดรอยหลุมและแผลเป็น
หากฉีดสิวลึกเกินไปหรือในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผิวเกิดรอยบุ๋ม รอยหลุม ซึ่งจะรักษาให้หายได้ยาก
4.ขาดความเชี่ยวชาญ
การฉีดสิวต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการระบุชนิดของสิวและตำแหน่งที่ควรฉีดอย่างเหมาะสม การฉีดผิดจุดอาจทำให้สิวไม่ยุบหรือเกิดผลข้างเคียงได้
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่า การฉีดสิวควรทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อแนะนำในการเลือกคลินิกฉีดสิว
• เลือกคลินิกที่มีใบรับรองและมาตรฐาน
ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง และได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย
• ศึกษารายละเอียดและรีวิวจากผู้ใช้บริการ
ดูรีวิวหรือคำแนะนำจากผู้ใช้บริการจริง เพื่อให้มั่นใจว่าคลินิกนั้นมีคุณภาพและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
• สอบถามโปรโมชั่น
หลายคลินิกอาจมีโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจการฉีดสิวในราคาพิเศษ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้
การฉีดสิวเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการรักษาสิวที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน ช่วยให้สิวอักเสบ ยุบลงในเวลาไม่นาน แต่เพื่อความปลอดภัย ควรได้รับการฉีดจากแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
หากคุณกำลังมองหาวิธีจัดการกับปัญหาสิวอักเสบอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ลองมาที่ Apex ที่พร้อมให้บริการดูแลผิวอย่างครบวงจร ทีมแพทย์เฉพาะทางของเราจะช่วยให้สิวอักเสบของคุณยุบลงอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมั่นใจในผลลัพธ์ ด้วยเทคนิคการฉีดสิวที่ทันสมัยและสะอาดทุกขั้นตอน
ที่ Apex เราเข้าใจปัญหาผิวที่คุณต้องการแก้ไข มาพบกันที่ Apex ให้บริการฉีดสิว ผิวสวยใส ไร้สิว ได้ตั้งแต่วันนี้!
สิวบางประเภทก็ไม่เหมาะกับวิธีรักษาสิวด้วยการฉีดสิว เช่น สิวหัวดำ (Blackheads) และสิวหัวขาว (Whiteheads) ซึ่งเป็นสิวที่ไม่มีการอักเสบ