ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าได้จริงหรือไม่?
หลายคนอาจเคยได้ยินว่าการร้อยไหมเป็นวิธีที่ช่วยยกกระชับหน้าให้ดูตึงและอ่อนเยาว์ แต่ในบางครั้งผลลัพธ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง บางคนต้องเผชิญกับปัญหาหน้าไม่ตึง ดึงไม่ขึ้น ร้อยไหมปรากฏบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งการบวมช้ำที่ยาวนานเกินควร ซึ่งอาจเกิดจากการขาดประสบการณ์ของแพทย์ หรือไหมที่ไม่ได้คุณภาพ
ที่ APEX Clinic เราเข้าใจถึงปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี ด้วยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามายาวนานกว่า 29 ปี พร้อมตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้ทุกกล่อง ด้วยมาตรฐานสูงสุด เพื่อยกกระชับใบหน้าและคอให้กลับมาเป๊ะ กรอบหน้าชัด มีมิติ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีก
หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่สามารถจบปัญหาหน้าหย่อนคล้อยและทำให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ได้จริง APEX Clinic คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม!
ร้อยไหม คืออะไร ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าได้จริงหรือไม่
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลร้อยไหมคืออะไร และทำงานอย่างไร?
การร้อยไหม (Thread Lift) คือวิธีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่สามารถช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ โดยการใช้เส้นไหมละลายเล็ก ๆ ใส่เข้าไปใต้ผิวหนัง ด้วยการใช้เข็มนำเส้นไหมเหล่านี้เข้าไปในชั้นผิว เพื่อช่วยยกกระชับและปรับรูปหน้า
ทำงานอย่างไร?
หลักการของการร้อยไหมนั้นค่อนข้างง่าย เส้นไหมที่มีเงี่ยงหรือไม่มีเงี่ยงจะถูกสอดเข้าไปในผิวชั้นลึก (SMAS) เมื่อเส้นไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง มันจะทำหน้าที่สองอย่างหลัก ๆ คือ
1.ร้อยไหมช่วยยกกระชับผิว เงี่ยงที่อยู่บนเส้นไหมจะยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิว และช่วยดึงผิวให้ยกขึ้นเหมือนกับการใช้ตะขอเกี่ยว ทำให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยถูกยกขึ้นในทันที
2.ร้อยไหมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เมื่อเส้นไหมถูกฝังอยู่ใต้ผิว มันจะกระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนตามแนวเส้นไหม คอลลาเจนนี้มีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และเรียบเนียนมากขึ้น
ไหมละลายได้ไหม? เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมส่วนใหญ่เป็นไหมละลาย ซึ่งจะสลายไปเองภายใน 6-18 เดือน แต่ผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนจะอยู่ได้นานกว่านั้น ส่งผลให้ผิวที่ได้รับการร้อยไหมดูยกกระชับและสดใสขึ้น แม้เส้นไหมจะสลายไปแล้วก็ตาม
ประโยชน์ของการร้อยไหม
1.ร้อยไหมช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
2.ร้อยไหมช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
3.ร้อยไหมช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
4.ร้อยไหมช่วยทำได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า คอ หรือเหนียง
การร้อยไหมจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว และไม่ต้องพักฟื้นนาน
ข้อดีของการร้อยไหม
1.เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
หลังจากทำการร้อยไหมเสร็จ ผิวจะถูกยกกระชับขึ้นทันที ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ ผิวที่ดูตึงขึ้น รูปหน้าชัดเจนขึ้น ลดความหย่อนคล้อย เช่น บริเวณกรอบหน้า แก้ม หรือเหนียง
2.ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน
การร้อยไหมไม่ต้องใช้การผ่าตัด ทำให้ไม่มีบาดแผลใหญ่ มีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ เท่านั้น หลังจากทำเสร็จสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติในเวลาอันสั้น
3.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
เส้นไหมที่ถูกสอดเข้าไปใต้ผิวจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีในระยะยาว แม้เส้นไหมจะสลายไปแล้วก็ตาม
4.ลดเลือนริ้วรอย
การร้อยไหมสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการยกกระชับ เช่น รอบดวงตา หน้าผาก หรือมุมปาก
5.ปลอดภัยและใช้ไหมละลาย
เส้นไหมที่ใช้มักเป็นไหมละลายที่สลายไปได้เองในระยะเวลา 6-18 เดือน ซึ่งไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ทำให้กระบวนการนี้ปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
ข้อเสียของการร้อยไหม
1.อาการบวมช้ำหลังทำ
แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่การร้อยไหมก็อาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำได้ในช่วง 2-5 วันแรก หรือบางคนอาจบวมนานกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความไวของร่างกายแต่ละคน
2.ผลลัพธ์อยู่ไม่นานเท่าผ่าตัด
ผลลัพธ์จากการร้อยไหมจะคงอยู่ประมาณ 6-18 เดือน หลังจากนั้นอาจต้องทำซ้ำเพื่อรักษาความกระชับของผิว ซึ่งไม่เหมือนกับการผ่าตัดที่ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานกว่า
3.อาจเกิดการร้อยไหมผิดพลาด
หากทำการร้อยไหมโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้ไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดปัญหา เช่น ผิวไม่เรียบ รอยบุ๋ม หรือไหมเคลื่อน ซึ่งอาจต้องแก้ไขด้วยการทำหัตถการซ้ำ
4.อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากบวมช้ำแล้ว อาจเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ผิวตึงเกินไป หรือเกิดการติดเชื้อหากไม่ได้รับการดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง
5.ไม่เหมาะกับทุกคน
การร้อยไหมไม่เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหลวมมาก หรือผิวบางเกินไป เพราะเส้นไหมอาจไม่สามารถยึดเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดีพอ
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง?
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่วิธีการนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต่อไปนี้คือรายละเอียดของคนที่เหมาะสมและคนที่อาจไม่เหมาะสำหรับการร้อยไหม
คนที่เหมาะกับการร้อยไหม
1.ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น บริเวณกรอบหน้า แก้ม หรือเหนียง ร้อยไหมสามารถช่วยยกกระชับและปรับโครงหน้าให้ดูตึงกระชับขึ้นได้ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
2.ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว V-shape
การร้อยไหมสามารถช่วยปรับโครงหน้าให้ดูเป็น V-shape โดยยกกระชับแก้ม กราม และเหนียง ทำให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น
3.ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด
การร้อยไหมเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดดึงหน้า เนื่องจากการร้อยไหมไม่ต้องใช้การผ่าตัดและพักฟื้นน้อย
4.ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
การร้อยไหมสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องลึก เช่น บริเวณร่องแก้ม หน้าผาก หรือรอบดวงตา โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูเนียนเรียบและตึงขึ้น
5.ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที
หลังจากการร้อยไหม ผิวจะดูยกกระชับทันที และผลลัพธ์จะชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงเวลา 2-3 เดือนหลังการร้อยไหม
6.ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจน การร้อยไหมจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในช่วงอายุนี้
คนไข้ที่อาจไม่เหมาะกับการร้อยไหม
1.ผู้ที่มีผิวบางมากหรือหลวมมาก
คนที่มีผิวหลวมมากเกินไปหรือผิวบางเกินไป อาจไม่เหมาะกับการร้อยไหม เพราะเส้นไหมอาจไม่สามารถยึดเกาะผิวได้ดีพอ ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนหรือตึงเท่าที่ควร
2.ผู้ที่มีโรคผิวหนังหรือติดเชื้อบริเวณใบหน้า
หากมีโรคผิวหนัง เช่น ผิวอักเสบ หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะร้อยไหม ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการนี้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น
3.ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการร้อยไหม เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และลูกในบางกรณี
4.ผู้ที่มีประวัติแพ้เส้นไหมหรือยาชา
หากมีประวัติแพ้วัสดุที่ใช้ในการร้อยไหมหรือยาชา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้หรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
5.ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร
การร้อยไหมไม่ใช่วิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวร ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ดังนั้นหากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า อาจต้องพิจารณาวิธีการอื่น เช่น การผ่าตัดดึงหน้า
ประเภทของไหมที่ใช้ในการร้อยไหม
ในการร้อยไหม มีเส้นไหมหลากหลายประเภทที่แพทย์สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของปัญหาและสภาพผิวของแต่ละคน เส้นไหมแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ตามวัสดุและลักษณะของเส้นไหม ดังนี้
ร้อยไหม คืออะไร ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าได้จริงหรือไม่
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลประเภทของไหมตามวัสดุ
1.ไหม PDO (Polydioxanone)
• คุณสมบัติ ไหม PDO เป็นไหมละลายที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีความปลอดภัยสูงและใช้มาเป็นเวลานานในวงการแพทย์ มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูตึงกระชับขึ้น
• ระยะเวลาการสลาย ไหม PDO จะละลายไปภายใน 6-12 เดือน และสามารถช่วยให้ผิวมีความกระชับต่อเนื่องได้อีกประมาณ 18 เดือนหลังจากไหมละลาย
• เหมาะกับ การกระชับใบหน้า ริ้วรอยเล็กๆ รวมถึงการใช้ในบริเวณที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ใบหน้า คอ และบางส่วนของร่างกาย เช่น แขนหรือต้นขา
2.ไหม PLLA (Polylactic acid)
• คุณสมบัติ ไหม PLLA เป็นไหมที่มีความแข็งแรงมากกว่า PDO และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและตึงกระชับยิ่งขึ้น นิยมใช้เป็นทางเลือกแทนฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ในบางกรณี
• ระยะเวลาการสลาย ไหม PLLA จะใช้เวลาสลายประมาณ 12-18 เดือน และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า PDO
• เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการการยกกระชับอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีผิวหย่อนคล้อย เช่น กรอบหน้า และโครงหน้าที่ต้องการความแข็งแรงของไหม
3.ไหม PCL (Polycaprolactone)
• คุณสมบัติ ไหม PCL มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าไหมชนิดอื่นๆ แต่มีความคงทนมาก ทำให้คอลลาเจนที่สร้างขึ้นมีความแข็งแรงมากกว่า สามารถใช้ในการยกกระชับกรอบหน้าและปรับโครงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ระยะเวลาการสลาย ไหม PCL มีระยะเวลาการสลายที่ยาวที่สุด คือประมาณ 18-24 เดือน
• เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว และการกระชับกรอบหน้า โครงหน้า หรือการยกกระชับจมูก
ร้อยไหม คืออะไร ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าได้จริงหรือไม่
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลประเภทของไหมตามลักษณะของเส้นไหม
1.ไหมแบบเรียบ (Mono threads)
• คุณสมบัติ เป็นไหมเรียบ ไม่มีเงี่ยง นิยมใช้ในการร้อยแบบตาข่ายใต้ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้ผิวกระชับและเรียบเนียนขึ้น แต่ไม่เหมาะกับการยกกระชับมากนัก
• เหมาะกับ การใช้ในบริเวณที่ต้องการความกระชับเล็กน้อย เช่น หน้าผาก ใต้ตา และคอ
2.ไหมแบบเกลียว (Screw threads)
• คุณสมบัติ เป็นไหมที่มีลักษณะบิดเกลียว อาจจะเป็นเกลียวเดี่ยวหรือเกลียวคู่ มีประสิทธิภาพในการกระชับผิวให้หนาขึ้น ช่วยให้ใบหน้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น
• เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการการยกกระชับใบหน้าและปรับโครงหน้าให้ดูมีมิติ เช่น การยกแก้มหรือหน้าผาก
3.ไหมแบบก้างปลา (Cog threads)
• คุณสมบัติ เป็นไหมที่มีเงี่ยงคล้ายก้างปลา เงี่ยงเหล่านี้จะทำหน้าที่เกี่ยวและยึดเนื้อเยื่อใต้ผิวให้ยกขึ้น ช่วยให้การยกกระชับมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้กรอบหน้าและใบหน้าดูชัดเจน
• เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับอย่างเห็นได้ชัด เช่น ยกกระชับกรอบหน้า คาง และลำคอ
การเลือกประเภทไหมที่เหมาะสม
การเลือกใช้ไหมแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและไม่ต้องการการพักฟื้นนาน อาจเลือกไหม PDO หรือ Mono threads สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้าอย่างเข้มข้นและคงทน อาจเลือกไหม PLLA หรือ PCL และไหมแบบก้างปลาเพื่อลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน
กระบวนการร้อยไหม ขั้นตอนและการเตรียมตัว
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ เพื่อให้กระบวนการร้อยไหมประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงต่าง ๆ การรู้จักขั้นตอนและการเตรียมตัวอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่ากระบวนการร้อยไหมมีขั้นตอนอะไรบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไร
ขั้นตอนการร้อยไหม
1.ปรึกษาแพทย์และการประเมินใบหน้า
ก่อนทำการร้อยไหม แพทย์จะทำการตรวจสอบใบหน้า ประเมินโครงหน้า และปัญหาผิวของผู้รับบริการ เพื่อกำหนดจำนวนเส้นไหมที่จะใช้และเลือกชนิดของไหมที่เหมาะสม โดยแพทย์จะอธิบายถึงผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
2.การเตรียมพื้นที่ทำการร้อยไหม
เมื่อเริ่มขั้นตอน แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ บางคลินิกอาจใช้ทรีตเมนต์หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวหน้าพร้อมสำหรับการร้อยไหม
3.การทายาชาและฉีดยาชา
ก่อนทำการร้อยไหม แพทย์จะทายาชาบริเวณที่ต้องการร้อยไหม จากนั้นอาจฉีดยาชาเฉพาะจุดเพื่อทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายและลดความเจ็บปวดระหว่างการทำ โดยยาชาจะออกฤทธิ์ภายในไม่กี่นาที
4.ขั้นตอนการร้อยไหม
• เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มทำการร้อยไหมโดยใช้เข็มเล็ก ๆ สอดไหมละลายลงไปในชั้นผิวหนังใต้ผิวในแนวที่กำหนดไว้ บริเวณที่ร้อยไหมมักจะเป็นกรอบหน้า แก้ม เหนียง หรือจุดที่ต้องการยกกระชับ
• การร้อยไหมใช้เวลาเฉลี่ย 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมและบริเวณที่ทำ ระหว่างการร้อยไหม อาจรู้สึกถึงแรงดึงหรือแรงยกเล็กน้อย แต่ไม่ควรรู้สึกเจ็บมากเพราะยาชาจะยังคงออกฤทธิ์
5.การตรวจสอบผลลัพธ์
หลังจากการร้อยไหมเสร็จสิ้น แพทย์จะตรวจสอบความเรียบร้อยและความตึงของผิว บางครั้งอาจทำการนวดเบา ๆ เพื่อให้เส้นไหมเรียบและเข้ากับผิวหนังอย่างสมบูรณ์
6.การดูแลหลังทำเสร็จ
หลังจากร้อยไหมเสร็จ คุณสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น แต่แพทย์จะแนะนำการดูแลตัวเองหลังทำ เช่น การประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวม และควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกระตุกผิวในบริเวณที่ทำ
การเตรียมตัวก่อนการร้อยไหม
1.หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด
ควรงดการใช้ยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา, ไอบูโพรเฟน หรือยาอื่น ๆ ที่ทำให้เลือดไหลไม่หยุด โดยควรหยุดยาเหล่านี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพื่อลดโอกาสในการเกิดรอยช้ำและเลือดออกมากเกินไป
2.งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการร้อยไหม เพราะสารเหล่านี้จะทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดช้ำและบวมหลังทำ
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับให้เพียงพอก่อนการทำหัตถการจะช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟื้นตัวหลังการร้อยไหม ควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงในคืนก่อนทำ
4.ล้างหน้าให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า
ในวันที่ทำหัตถการ ควรล้างหน้าให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีเข้มข้น เพื่อให้การร้อยไหมดำเนินไปได้อย่างแม่นยำ และลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อ
5.เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ
หากคุณมีโรคประจำตัวหรือเคยมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาประจำที่อาจมีผลต่อการทำหัตถการ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือปัญหาการแข็งตัวของเลือด
ร้อยไหม คืออะไร ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าได้จริงหรือไม่
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการดูแลตัวเองหลังการร้อยไหม
หลังจากทำการร้อยไหม การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและช่วยให้การยกกระชับอยู่ได้นานขึ้น มาดูกันว่าคุณควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังการร้อยไหม
1.การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
หลังการร้อยไหม อาจเกิดอาการบวมบริเวณที่ทำเป็นเรื่องปกติ ควรประคบเย็นในบริเวณที่ทำการร้อยไหมประมาณ 10-15 นาที ในช่วง 1-2 วันแรกหลังทำ จะช่วยลดอาการบวมและช้ำได้ หากอาการบวมไม่หายภายใน 3-4 วัน ควรปรึกษาแพทย์
2.หลีกเลี่ยงการนวดหรือสัมผัสใบหน้า
หลังจากการร้อยไหม ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขยี้ หรือสัมผัสใบหน้าแรง ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้เส้นไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการยกกระชับและทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียน
3.งดกิจกรรมที่เพิ่มความร้อนให้กับใบหน้า
หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนมาก เช่น การอบซาวน่า การอาบน้ำอุ่น หรือการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำ เพราะความร้อนจะทำให้ผิวบวมและกระบวนการฟื้นตัวช้าลง
4.หลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้างหรือขยับหน้าแรงๆ
ควรระวังการอ้าปากกว้าง เช่น การเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ การยิ้มกว้าง หรือการแสดงสีหน้าแรง ๆ ในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เพราะการขยับกล้ามเนื้อหน้าอย่างรุนแรงอาจทำให้ไหมหลุดหรือเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
5.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เนื่องจากทั้งสองอย่างนี้สามารถทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีและลดการฟื้นตัวของผิว
6.หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์และเลเซอร์
ควรงดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า เลเซอร์ หรือการทำหัตถการอื่น ๆ เช่น โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ เป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่และผลลัพธ์ของการร้อยไหมอยู่ได้นานขึ้น
7.การนอนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม
ในช่วง 2-3 วันแรกหลังการร้อยไหม ควรนอนหนุนหมอนสูงเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและลดอาการบวม โดยการนอนหนุนหมอนสูงจะช่วยให้อาการบวมยุบเร็วขึ้น
8.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยในการฟื้นตัวของผิว เช่น อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินซี และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น และเสริมการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
9.ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการร้อยไหมที่เหมาะสมกับแต่ละคน ซึ่งอาจรวมถึงการรับประทานยาต้านการอักเสบหรือลดอาการบวม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยงจากอาการข้างเคียงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
10.หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ
หากพบอาการผิดปกติ เช่น รอยช้ำหรือบวมที่ไม่ยุบลงภายใน 1-2 สัปดาห์ ผิวไม่เรียบ หรือเกิดการติดเชื้อ เช่น มีหนอง หรือผิวอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงและวิธีการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังการร้อยไหม
แม้ว่าการร้อยไหมจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง และเป็นที่นิยมในการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงหรือปัญหาบางอย่างได้ เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมและเข้าใจวิธีจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น มาดูรายละเอียดของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและวิธีรับมืออย่างละเอียดกัน
1.อาการบวมและช้ำ
อาการ บวมและช้ำเป็นอาการที่พบบ่อยหลังการร้อยไหม ซึ่งเกิดจากการที่เข็มผ่านเข้าสู่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนอง การบวมอาจเกิดขึ้นบริเวณที่ร้อยไหมและคงอยู่ประมาณ 3-5 วัน บางคนอาจบวมมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย
วิธีจัดการ
• ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการร้อยไหมเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
• หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรง ๆ หรือสัมผัสใบหน้าในบริเวณที่บวม
• หากบวมไม่หายไปในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์
2.รอยบุ๋มหรือรอยย่นบนใบหน้า
อาการ หลังการร้อยไหม ผิวหนังบางส่วนอาจเกิดรอยบุ๋มหรือรอยย่น ซึ่งเกิดจากการที่ไหมดึงผิวหนังขึ้นหรือตึงเกินไปในช่วงแรก อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นเองเมื่อไหมเริ่มเข้าที่และผิวปรับตัวกับเส้นไหม
วิธีจัดการ
• รอประมาณ 2-4 สัปดาห์จนไหมเซ็ตตัวและผิวเข้ารูปมากขึ้น หากรอยบุ๋มไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์
• ไม่ควรนวดหรือดึงรอยบุ๋มเอง เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนของไหมได้
3.การติดเชื้อ
อาการ แม้การร้อยไหมจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ แต่ถ้าหากมีการติดเชื้อ คุณอาจสังเกตเห็นอาการบวมแดง เจ็บ ปวด หรืออาจมีหนองบริเวณที่ร้อยไหม
วิธีจัดการ
• ปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการดังกล่าว เพื่อรับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและการดูแลที่เหมาะสม
• การรักษาความสะอาดใบหน้าหลังการร้อยไหมเป็นสิ่งสำคัญ ควรล้างหน้าเบา ๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ร้อยไหมด้วยมือที่ไม่สะอาด
4.อาการไหมขาด
อาการ เมื่อไหมขาด คุณอาจได้ยินเสียง "เปี๊ยะ" หรือรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นบริเวณที่ร้อยไหม ปัญหานี้มักเกิดจากการแสดงสีหน้าที่แรงหรือการเคลื่อนไหวที่ก่อให้เกิดแรงกดบนไหม
วิธีจัดการ
• หากไหมขาดและทำให้ใบหน้าผิดรูปหรือเกิดอาการเจ็บ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไข
• ควรหลีกเลี่ยงการแสดงอารมณ์ที่ต้องขยับใบหน้าแรง ๆ เช่น การอ้าปากกว้าง ยิ้ม หรือหัวเราะแรง ๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการร้อยไหม
5.อาการไหมเคลื่อนที่
อาการ เมื่อไหมเคลื่อนที่ คุณอาจรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใต้ผิวหนัง อาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลหรือมีอาการบวมมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการไม่รักษาความระมัดระวังหลังการร้อยไหม เช่น การนวดหน้าแรง ๆ หรือการเคี้ยวอาหารแข็ง
วิธีจัดการ
• หลีกเลี่ยงการนวดหน้า การถูหน้า หรือการเคี้ยวอาหารแข็งในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
• หากรู้สึกว่าไหมเคลื่อนผิดตำแหน่ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและแก้ไข
6.อาการผิวหน้าไม่ตึงหรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจน
อาการ ในบางกรณี ผลลัพธ์ของการร้อยไหมอาจไม่ชัดเจนหรือผิวหน้าไม่ตึงอย่างที่คาดหวัง อาจเกิดจากการใช้จำนวนเส้นไหมไม่เพียงพอ หรือใช้ไหมที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
ผลข้างเคียงจากการร้อยไหมเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้ง่าย หากเกิดอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที การดูแลตัวเองหลังการร้อยไหมอย่างถูกวิธี และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้การฟื้นตัวรวดเร็ว ผลลัพธ์จากการร้อยไหมก็จะคงอยู่ได้นาน
ผลลัพธ์ระยะยาวจากการร้อยไหม นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับใบหน้าและปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ของการร้อยไหมสามารถเห็นได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าผลลัพธ์จะเห็นได้เมื่อใดและจะอยู่ได้นานแค่ไหน มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลลัพธ์ระยะยาวจากการร้อยไหมกัน
1.เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการร้อยไหม
หนึ่งในข้อดีที่ชัดเจนของการร้อยไหมคือคุณสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ผิวหน้าจะถูกยกขึ้นในทันทีหลังจากที่เส้นไหมถูกสอดเข้าไปในผิวหนัง การยกกระชับนี้เกิดจากการที่เส้นไหมและเงี่ยงบนเส้นไหมยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิว ช่วยดึงผิวหนังที่หย่อนคล้อยขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีนี้ยังเป็นเพียงขั้นแรกของกระบวนการทั้งหมด
2.ผลลัพธ์จะชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรก
แม้ว่าจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับได้ทันทีหลังทำ แต่ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในช่วงเวลา 2-3 เดือนหลังการร้อยไหม ซึ่งเป็นช่วงที่กระบวนการฟื้นตัวของผิวและการสร้างคอลลาเจนเริ่มทำงานอย่างเต็มที่
การร้อยไหมไม่เพียงแค่ยกกระชับผิวโดยตรงเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่ร้อยไหม คอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นจะช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียน ตึง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเดือนที่ 2-3
3.ผลลัพธ์ระยะยาว อยู่ได้นานแค่ไหน?
ระยะเวลาที่ผลลัพธ์จากการร้อยไหมจะคงอยู่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของไหมที่ใช้ การดูแลหลังทำ และสภาพผิวของผู้ที่เข้ารับบริการ โดยทั่วไปผลลัพธ์จากการร้อยไหมจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ
• ประเภทของไหม ไหมแต่ละชนิดมีระยะเวลาการสลายที่แตกต่างกัน เช่น ไหม PDO จะละลายและสลายตัวใน 6-12 เดือน ขณะที่ไหม PCL หรือ PLLA อาจคงอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
• การดูแลหลังทำ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังการร้อยไหม เช่น หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรง ๆ หรือการสัมผัสใบหน้า จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น
• การสร้างคอลลาเจน การร้อยไหมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว คอลลาเจนนี้จะช่วยยกกระชับผิวได้ในระยะยาว แม้เส้นไหมจะสลายไปแล้ว การสร้างคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพจะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานขึ้น
4.เมื่อไรควรกลับมาทำซ้ำ?
เนื่องจากผลลัพธ์ของการร้อยไหมไม่ได้คงอยู่อย่างถาวร และเส้นไหมจะละลายไปตามระยะเวลา หากคุณต้องการรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน ควรกลับมาทำการร้อยไหมซ้ำหรือทำหัตถการเพิ่มเติมหลังจากผลลัพธ์เริ่มลดลง โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก 12-18 เดือน เพื่อรักษาความกระชับของใบหน้า
ในบางกรณี การทำหัตถการอื่น ๆ ร่วมกับการร้อยไหม เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือทำเลเซอร์ยกกระชับผิว จะช่วยเสริมผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานขึ้นและเพิ่มความกระชับของผิว
5.ปัจจัยที่มีผลต่อความยาวนานของผลลัพธ์
หลายปัจจัยสามารถส่งผลต่อระยะเวลาที่ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะคงอยู่
• อายุและสภาพผิว ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากหรือมีอายุมาก อาจต้องการการดูแลเพิ่มเติมเพื่อรักษาผลลัพธ์ เนื่องจากผิวสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่ายกว่า
• การดูแลผิวหลังทำ การดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอหลังการร้อยไหม เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเสริมคอลลาเจน และการปกป้องผิวจากแสงแดด จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานขึ้น
• การเลือกแพทย์และเทคนิคการร้อยไหม การร้อยไหมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดความเสี่ยงของผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ และช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมสามารถเห็นได้ทันทีหลังทำ และจะชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังจากนั้น ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของไหมและการดูแลตัวเองหลังทำ การทำซ้ำหรือทำหัตถการเสริม จะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ร้อยไหมที่ไหนดี? สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกคลินิก
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ดังนั้น การเลือกคลินิกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก มาดูกันว่าควรพิจารณาอะไรบ้างในการเลือกคลินิกสำหรับการร้อยไหม และทำไม APEX Clinic ถึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการร้อยไหม
1.ความเชี่ยวชาญของแพทย์
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในการร้อยไหมคือความชำนาญของแพทย์ที่ทำการรักษา เนื่องจากการร้อยไหมต้องการทักษะเฉพาะทางในการประเมินใบหน้า วางตำแหน่งของไหม และควบคุมเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ
• APEX Clinic มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในการปรับรูปหน้าและการยกกระชับใบหน้า แพทย์ที่นี่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการร้อยไหมอย่างแม่นยำ ทำให้มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่คาดหวัง และยังปลอดภัยจากปัญหาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
• นอกจากนี้ ทีมแพทย์ของ APEX Clinic ยังมีประสบการณ์ในการดูแลรักษาผู้เข้ารับบริการมาอย่างยาวนาน และได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในด้านการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งช่วยให้การร้อยไหมมีประสิทธิภาพและเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว
2.เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย
การร้อยไหมต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่เพียงแต่ไหมที่ใช้ในการยกกระชับจะต้องมีคุณภาพดีเท่านั้น แต่เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาก็มีความสำคัญไม่น้อย
• APEX Clinic เป็นคลินิกที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการร้อยไหมอย่างต่อเนื่อง เครื่องมือที่ใช้ในการร้อยไหมได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าการรักษาจะมีความปลอดภัยสูงและได้ผลลัพธ์ที่ดี เทคโนโลยีการร้อยไหมที่ทันสมัยยังช่วยลดอาการบวมช้ำและทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
• นอกจากนี้ ที่ APEX Clinic ยังมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อให้การยกกระชับหน้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การผสมผสานการร้อยไหมเข้ากับการใช้เทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความกระชับและผลลัพธ์ที่คงทนยาวนาน
3.รีวิวและผลลัพธ์จากผู้ใช้บริการ
การตรวจสอบรีวิวและผลลัพธ์จากผู้ใช้บริการจริงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อให้คุณมั่นใจในคุณภาพของคลินิกและความเชี่ยวชาญของแพทย์
APEX Clinic มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนและได้รับความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก หลายคนที่เข้ารับการร้อยไหมที่ APEX Clinic ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ใบหน้ากระชับ มีรูปหน้าที่ชัดเจน และยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างที่ต้องการ โดยผู้ใช้บริการหลายท่านได้รีวิวผลลัพธ์และประสบการณ์ดี ๆ จากการร้อยไหมที่คลินิกนี้
4.ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตรวจสอบได้
ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมมีหลายประเภทและคุณภาพแตกต่างกัน การเลือกคลินิกที่ใช้ไหมคุณภาพดีและสามารถตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์ได้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะไหมที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือปัญหาต่าง ๆ ได้
• ที่ APEX Clinic ใช้ไหมที่มีคุณภาพสูงและได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ทั้งนี้ ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมทุกชนิดสามารถตรวจสอบได้ และมีเลขทะเบียนที่ชัดเจน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าไหมที่ใช้ในการรักษาเป็นของแท้และมีคุณภาพสูงสุด
• นอกจากนี้ APEX Clinic ยังให้ความสำคัญกับการใช้ไหมที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความเฉพาะตัวและตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
5.การบริการระดับมืออาชีพและความปลอดภัย
การเลือกคลินิกที่มีการบริการที่ได้มาตรฐานเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึง ความสะอาด ความปลอดภัย และการบริการที่เป็นมืออาชีพ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และทำให้คุณมั่นใจในการรักษา
• APEX Clinic ให้บริการด้วยมาตรฐานสากล มีการดูแลเอาใจใส่ผู้ใช้บริการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปรึกษา การตรวจสอบสุขภาพผิว การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลหลังการร้อยไหม และการติดตามผลหลังการรักษา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้รับบริการจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
• นอกจากนี้ คลินิกยังมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการคัดเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูง
ทำไมควรเลือก APEX Clinic สำหรับการร้อยไหม?
เมื่อพิจารณาจากความเชี่ยวชาญของแพทย์ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการดูแลที่มีมาตรฐานระดับสากล APEX Clinic จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการร้อยไหมอย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้า หรือแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย APEX Clinic มีทีมแพทย์ที่มีความชำนาญ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้บริการที่ดีที่สุด