บทความเกี่ยวกับ : รอยตีนกา , ตีนกา




ลดรอยตีนกา คืนผิวอ่อนเยาว์ จัดการริ้วรอยรอบดวงตา ฉบับ APEX
หยุดตีนกา ปกป้องผิวรอบดวงตาจากริ้วรอยก่อนวัย
สังเกตไหมว่ารอยยิ้มที่สดใส มักมาพร้อมกับริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหางตา หรือที่เรียกกันว่า "ตีนกา" นั่นเอง แม้จะเป็นสัญญาณแห่งความสุข แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าริ้วรอยเหล่านี้ ทำให้ใครหลายคนขาดความมั่นใจ อย่าเพิ่งกังวลใจไป บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดตีนกา พร้อมวิธีที่จะช่วยปกป้องผิวรอบดวงตา ให้ดูอ่อนเยาว์ ไร้รอยตีนกาก่อนวัย
รอยตีนกา คืออะไร
รอยตีนกา คือ ริ้วรอยที่มีลักษณะเป็นเส้นขีดเล็ก ๆ อยู่บริเวณหางตา มักจะเห็นได้ชัดเจนเวลายิ้มหรือหัวเราะ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงวัยที่เพิ่มขึ้น และการเสื่อมสภาพของผิว แบ่งเป็น 2 ชนิด ดังนี้
1.รอยตีนกาชนิดตื้น มักเกิดบริเวณผิวที่โดนแดดบ่อย ๆ ซึ่งผิวบริเวณนั้นจะบางกว่าจุดอื่น ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
2.รอยตีนกาชนิดลึก เกิดจากความหย่อนคล้อยของโครงสร้างผิวในชั้นหนังแท้ หรืออาจพัฒนามาจากรอยตีนกาตื้นๆ ที่ไม่ได้รับการดูแล ทำให้ริ้วรอยลึกขึ้นเรื่อย ๆ

รอยตีนกา คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษารอยตีนกา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรอยตีนกา มีตำแหน่งไหนบ้างบนใบหน้า
เมื่อพูดถึง "ตีนกา" หลายคนมักนึกถึงริ้วรอยเล็กๆ บริเวณหางตาที่ปรากฏขึ้นเวลายิ้มหรือหัวเราะ แต่ความจริงแล้ว ตีนกาสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายตำแหน่งบนใบหน้า ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็มีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ลองมาสำรวจริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เพื่อทำความเข้าใจและดูแลผิวได้อย่างตรงจุดกันค่ะ
• ตีนกาหน้าผาก ริ้วรอยตีนกาบริเวณหน้าผาก มักเกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การเลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว เมื่อทำซ้ำๆ เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดเป็นรอยพับและกลายเป็นริ้วรอยในที่สุด
• ตีนกาหัวคิ้ว ริ้วรอยตีนกาบริเวณระหว่างคิ้ว มักเกิดจากการขมวดคิ้วเป็นประจำ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความเครียด, การจ้องมองสิ่งต่างๆ หรือการมองในที่แสงจ้า
• ตีนกาใต้ตา/รอบดวงตา ริ้วรอยตีนกาที่คุ้นเคยกันดี มักเกิดจากการยิ้ม หัวเราะ หรือหรี่ตา ซึ่งการแสดงอารมณ์เหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดวงตาหดตัว ทำให้เกิดริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด
• ตีนกาสันจมูก ริ้วรอยตีนกาบริเวณสันจมูก อาจเกิดจากการย่นจมูก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอาการภูมิแพ้, การขยี้จมูกแรงๆ, หรือแม้กระทั่งความเครียด
• ตีนการ่องแก้ม/มุมปาก ริ้วรอยตีนกาบริเวณร่องแก้มและมุมปาก มักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณนี้บ่อยๆ เช่น การยิ้ม, การพูด, หรือการเคี้ยวอาหาร

รอยตีนกา คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษารอยตีนกา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรอยตีนกา เกิดจากอะไร
รู้หรือไม่ว่า รอยตีนกาไม่ได้เกิดจากอายุเพียงอย่างเดียว? พฤติกรรมบางอย่างที่เราทำในชีวิตประจำวัน ก็มีส่วนเร่งให้ริ้วรอยรอบดวงตาปรากฏเร็วกว่าที่ควรจะเป็น มาดูกันว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เกิดรอยตีนกา
• รอยตีนกาจากอายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ เมื่อคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง ผิวบริเวณรอบดวงตา (ซึ่งเป็นบริเวณที่บอบบาง) จะเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยตีนกาได้ง่าย
• รอยตีนกาจากแสงแดด (รังสี UV)
แสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว! รังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการปกป้อง จะเร่งให้เกิดริ้วรอยและรอยตีนกาอย่างรวดเร็ว
• รอยตีนกาจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ
การแสดงสีหน้า เช่น การยิ้ม, หัวเราะ, ขมวดคิ้ว, หรี่ตา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่การทำซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาหดตัวและเกิดเป็นรอยพับ เมื่อผิวสูญเสียความยืดหยุ่น รอยพับเหล่านี้ก็จะกลายเป็นริ้วรอยตีนกาถาวร
• รอยตีนกาจากพันธุกรรม
บางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยตีนกามากกว่าคนอื่น เนื่องจากพันธุกรรมมีส่วนกำหนดโครงสร้างผิว, ปริมาณคอลลาเจน, และความสามารถในการซ่อมแซมผิว ถ้าคนในครอบครัวมีริ้วรอยก่อนวัย คุณก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยตีนกาได้เร็วกว่าคนอื่น
• รอยตีนกาจากการสูบบุหรี่
สารเคมีในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวแห้งกร้านและขาดความยืดหยุ่น นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยตีนกาได้ง่าย
• รอยตีนกาจากมลภาวะ
มลภาวะในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง, ควันพิษ, และสารเคมีต่าง ๆ สามารถทำลายผิวและเร่งกระบวนการแก่ชราของผิวได้ สารอนุมูลอิสระในมลภาวะจะทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวอ่อนแอและเกิดริ้วรอยตีนกา
• รอยตีนกาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ, แห้งกร้าน, และขาดความยืดหยุ่น ในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว การอดนอนจะขัดขวางกระบวนการนี้ ทำให้ผิวอ่อนแอและเกิดริ้วรอยตีนกาได้ง่าย
• รอยตีนกาจากความเครียด
ความเครียดกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งสามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยตีนกา นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อพฤติกรรมการดูแลตัวเอง ทำให้ละเลยการดูแลผิวและรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
5 วิธีปกป้องผิวรอบดวงตา ป้องกันตีนกา ก่อนสายเกินแก้
1.ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันป้องกันตีนกา
แสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว ! เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ ขึ้นไป ทาบริเวณรอบดวงตาเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินที่ทำให้เกิดตีนกา
2.สวมแว่นกันแดดป้องกันตีนกา
นอกจากครีมกันแดดแล้ว แว่นกันแดดก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ เลือกแว่นกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ได้ 100% เพื่อปกป้องผิวรอบดวงตาจากการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และช่วยลดการหรี่ตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดริ้วรอย
3.ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาป้องกันตีนกา
ผิวรอบดวงตาต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เลือกครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น, ลดเลือนริ้วรอย, และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น เรตินอล, เปปไทด์, วิตามินซี ทาครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำเช้า-เย็น เพื่อบำรุงผิวให้แข็งแรงและลดเลือนริ้วรอย
4.พักผ่อนให้เพียงพอป้องกันตีนกา
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวโดยรวม ในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว การอดนอนจะทำให้ผิวดูหมองคล้ำ, แห้งกร้าน, และเกิดริ้วรอยได้ง่าย พยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
5.หลีกเลี่ยงการขยี้ตาป้องกันตีนกา
การขยี้ตาบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวรอบดวงตาเกิดการระคายเคืองและอักเสบ นอกจากนี้ การขยี้ตายังเป็นการทำร้ายผิวโดยตรง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่าย หากรู้สึกคันหรือระคายเคืองตา ควรใช้น้ำตาเทียมหรือปรึกษาแพทย์

รอยตีนกา คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษารอยตีนกา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรวมหัตถการแก้ไขปัญหารอยตีนกา
โปรแกรมโบท็อกซ์ ลดการทำงานของกล้ามเนื้อแก้ตีนกา
หลักการทำงาน ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ ริ้วรอยตีนกาที่เกิดจากการแสดงสีหน้าก็จะดูจางลง
เหมาะสำหรับ
• ผู้ที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า (Dynamic Wrinkles) เช่น รอยตีนกา, รอยขมวดคิ้ว, รอยย่นหน้าผาก
• ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยตีนกา (สามารถฉีดเป็นประจำเพื่อชะลอการเกิดริ้วรอย)
ข้อดี
• ริ้วรอยตีนกาดูตื้นขึ้นอย่างชัดเจน
• ใช้เวลาในการทำหัตถการไม่นาน (ประมาณ 15-30 นาที)
• ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสีย
• ผลลัพธ์ไม่ถาวร ก็อาจเกิดรอยตีนกาใหม่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและการดูแลตัวเอง
• ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ลดรอยตีนกา
• อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยช้ำ, ปวดศีรษะ เป็นต้น
ข้อควรระวัง
• ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์เป็นผู้ฉีดให้
• แจ้งประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว, และยาที่กำลังรับประทานให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษารอยตีนกา
• หลีกเลี่ยงการนวดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดภายใน 4 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดตีนกา
• งดการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึกลดตีนกา
หลักการทำงาน ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มร่องลึก ช่วยเพิ่มและปรับรูปทรงให้ใบหน้า จึงช่วยลดรอยตีนกาที่เป็นร่องลึกได้
เหมาะสำหรับ
• ผู้ที่มีร่องลึกบริเวณใต้ตา (ขอบตาดำ ตีนกา), ร่องแก้ม, ร่องมุมปาก
• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า ให้ดูเต็มขึ้น ลดรอยตีนกาและร่องลึก
• ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและความอิ่มฟูให้กับผิว
ข้อดี
• เห็นผลลัพธ์ได้ไว
• สามารถปรับรูปหน้าเติมเต็มร่องรอยตีนกาได้
• เป็นสารที่ปลอดภัยและสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
ข้อเสีย
• ผลลัพธ์ไม่ถาวร ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด และการดูแลของแต่ละบุคคล
• ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไม่ให้ริ้วรอยตีนกากลับมาเห็นชัด
• อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยที่หายได้เอง เช่น บวมหรือมีรอยช้ำ บริเวณที่ฉีด
ข้อควรระวัง
• ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ดูแล
• แจ้งประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว, และยาที่กำลังรับประทานให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
• หลีกเลี่ยงการสัมผัส, นวด, หรือกดบริเวณที่ฉีดภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดตีนกา
• งดการทำทรีตเมนต์ผิว หรือการสัมผัสความร้อนบริเวณที่ฉีดในช่วง 2 สัปดาห์แรก
โปรแกรม Ultraformer III ยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอยตีนกา
หลักการทำงานUltraformer III เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) ซึ่งเป็นการส่งคลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูงลงสู่ผิวหนังชั้นลึก โดยคลื่นเสียงนี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ รวมถึงทำให้เนื้อเยื่อ SMAS หดตัว ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ผิวริ้วรอยตีนกาเกิดการยกกระชับขึ้น
เหมาะสำหรับ
• ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
• ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า, คอ, หรือบริเวณรอบดวงตา เช่น ตีนกา
• ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด
ข้อดี
• ไม่ต้องผ่าตัด
• ใช้เวลาในการทำหัตถการไม่นาน (ประมาณ 30-60 นาที)
• เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-3 เดือน
ข้อเสีย
• อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะทำ ขึ้นอยู่กับความทนทานของแต่ละบุคคล และระดับพลังงานที่ใช้
• อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวแดง, บวม, หรือรู้สึกตึงๆ บริเวณที่ทำ (อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน)
• ผลลัพธ์เรื่องรอยตีนกาอาจไม่ชัดเจนเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า ในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก
ข้อควรระวัง
• ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง
• แจ้งประวัติการฉีดฟิลเลอร์ หรือการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้าให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน (เช่น ซาวน่า, อบไอน้ำ) หรือการทำทรีตเมนต์ผิวที่รุนแรงในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ
ผ่าตัดยกคิ้ว (Brow Lift)
หลักการทำงานการผ่าตัดยกคิ้ว เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับตำแหน่งของคิ้วให้สูงขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และลดริ้วรอยตีนกาบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อดึงผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากขึ้น แล้วเย็บตรึงไว้ในตำแหน่งใหม่
เหมาะสำหรับ
• ผู้ที่มีคิ้วตก ทำให้ใบหน้าดูเศร้าและมีอายุ
• ผู้ที่มีผิวหนังบริเวณหน้าผากหย่อนคล้อย ทำให้เกิดริ้วรอยตีนกา
• ผู้ที่มีหนังตาตก (ในบางกรณี การยกคิ้วสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตกได้)
วิธีการผ่าตัด มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหาและความต้องการของคนไข้ เช่น
• Endoscopic Brow Lift เป็นการผ่าตัดโดยใช้กล้อง Endoscope สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง ทำให้แผลเล็ก และฟื้นตัวเร็ว
• Coronal Brow Lift เป็นการผ่าตัดโดยกรีดตามแนวไรผม (แต่เดิม) ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมทำเพราะแผลยาว
• Direct Brow Lift เป็นการผ่าตัดโดยกรีดเหนือคิ้วโดยตรง (มักใช้ในผู้สูงอายุที่มีคิ้วตกมาก)
ข้อดี
• ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
• สามารถแก้ไขปัญหาคิ้วตก, หนังตาตก, และริ้วรอยบริเวณหน้าผากได้พร้อมกัน
ข้อเสีย
• เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้เวลาพักฟื้น
• อาจมีอาการบวม, ช้ำ, หรือชา บริเวณที่ผ่าตัด
• มีความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น (ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและลักษณะผิวของแต่ละบุคคล)
ข้อควรระวัง
• ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการผ่าตัดยกคิ้ว
• แจ้งประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว, และยาที่กำลังรับประทานให้ศัลยแพทย์ทราบก่อนทำการผ่าตัด
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
วิธีดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ตีนกา
1.ประคบเย็น ลดบวม ช้ำหลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ตีนกา
ทันทีหลังฉีด ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเบา ๆ ด้วยเจลประคบเย็น หรือผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น ประมาณ 15-20 นาที เพื่อลดอาการบวมและช้ำ
ทำซ้ำ ทำซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ทำโปรแกรมฟิลเลอร์ตีนกา
ป้องกันการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
งดแต่งหน้า งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวได้พักฟื้น
3.งดการนวด กด คลึง บริเวณที่ทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ตีนกา
ป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ งดการนวด กด คลึง บริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ และให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้อย่างเหมาะสม
4.หลีกเลี่ยงความร้อนบริเวณที่ทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ตีนกา
งดการทำกิจกรรมที่สัมผัสความร้อน เช่น การอบไอน้ำ, ซาวน่า, หรือการทำเลเซอร์ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด
เลี่ยงแสงแดดจัด หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด หากจำเป็นต้องออกแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และสวมแว่นกันแดด
5.ดื่มน้ำให้เพียงพอบริเวณที่ทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ตีนกา
ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
6.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
ลดอาการบวม ช้ำ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ในช่วง 2-3 วันแรกหลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ตีนกา เพื่อลดอาการบวม ช้ำ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
วิธีดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมโบท็อกริ้วรอย
การดูแลตัวเองหลังการฉีดรอยตีนกา ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยปังอย่างที่ตั้งใจ และคงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดูนะคะ
• งดนอนราบ รักษาสภาพศีรษะให้ตั้งตรง งดนอนราบ หรือก้มศีรษะต่ำ 4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันยาโบท็อกซ์กระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
• ขยับกล้ามเนื้อเบา ๆ ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดตีนกาเล็กน้อย เช่น ยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้ว เพื่อให้ยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
• งดออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพื่อป้องกันการไหลเวียนโลหิตที่อาจส่งผลต่อการกระจายตัวของยา 1-2 วัน
• สัญญาณที่ควรปรึกษาแพทย์ทันทีหากพบปัญหาหลังฉีดตีนกา เช่น หนังตาตก,กลืนลำบาก,หายใจลำบาก,มีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หรือบวม
วิธีดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรม Ultraformer III ลดตีนกา
• ประคบเย็น ลดบวม แดง ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ประคบเย็นบริเวณที่ทำ ด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น หรือเจลประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
• ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เพื่อช่วยฟื้นฟูผิว และลดความแห้งกร้านที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ
• ปกป้องผิวจากแสงแดด ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย
• หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด นวด คลึง บริเวณที่ทำป้องกันการระคายเคือง
• งดการทำทรีตเมนต์ผิวที่ใช้ความร้อน งดการทำทรีตเมนต์ผิวที่ใช้ความร้อน เช่น การอบไอน้ำ ซาวน่า หรือการทำเลเซอร์ ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังการทำ
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก ในช่วง 2-3 วันแรกหลังการทำ เพื่อลดการไหลเวียนโลหิตที่อาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดยกคิ้ว ลดรอยตีนกา
การผ่าตัดยกคิ้วเพื่อลดรอยตีนกา เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แผลหายเร็ว ลดอาการบวมช้ำ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ รับรองว่าจะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
1.ประคบเย็น ลดบวม ช้ำ
ช่วง 48 ชั่วโมงแรก ประคบเย็นบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา ด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น หรือเจลประคบเย็น ครั้งละ 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ
ยกศีรษะสูง นอนยกศีรษะสูงเล็กน้อย โดยใช้หมอนหนุน เพื่อช่วยลดอาการบวม
2.ดูแลแผลผ่าตัด
ทำความสะอาดแผล ทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยใช้สำลีก้านชุบน้ำเกลือ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์แนะนำ เช็ดทำความสะอาดเบาๆ
ทายา ทายาปฏิชีวนะบริเวณแผลผ่าตัด ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น
3.รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
ยาแก้ปวด รับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง เพื่อบรรเทาอาการปวด
ยาปฏิชีวนะ รับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
ลดความดันโลหิต หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
5.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
ส่งเสริมการหายของแผล งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด เพื่อส่งเสริมการหายของแผล
6.หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด
ป้องกันรอยดำ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และสวมหมวก หรือแว่นกันแดด เมื่อต้องออกแดด
7.พบแพทย์ตามนัดหมาย
ติดตามผลการรักษา กลับไปพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามผลการรักษา ตัดไหม และปรึกษาข้อสงสัยต่างๆ
8.อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารรสจัด หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หรืออาหารหมักดอง ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง
อาหารทะเล ในบางราย อาจมีอาการแพ้อาหารทะเลได้ ควรสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์
สรุป หมดปัญหารอยตีนกา ที่ APEX
การแก้ปัญหารอยตีนกาสามารถทำได้หลายวิธีมีทั้งวิธีที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่หากวิธีเบื้องต้นนั้นไม่ได้ผล ลองมาปรึกษาที่ APEX สิคะ ทางเราบริการหลากหลายรูปแบบเพื่อลดรอยตีนกา ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมโบท็อกซ์ริ้วรอยตีนกา,โปรแกรมฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอยตีนกา,โปรแกรม Ultraformer III เพื่อยกกระชับลดรอยตีนกา ไปจนถึงการผ่าตัดศัลยกรรม APEX พร้อมแนะนำให้คุณได้เลือกวิธีการลดริ้วรอยตีนกาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
หากคุณกำลังมองหาวิธีลดเลือนริ้วรอยตีนกาและคืนความสดใสให้ดวงตา APEX ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกขั้นตอนของการรักษา เพื่อให้คุณกลับมามีดวงตาที่ดูอ่อนเยาว์และเปล่งประกายอย่างที่ต้องการ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ทุกช่องทาง

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
ตีนกากวนใจ ? APEX ช่วยได้ ไขทุกปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา สาเหตุ, วิธีป้องกัน และหัตถการลดริ้วรอย พร้อมวิธีดูแลหลังทำ ปรึกษาเราได้ที่ APEX ! เพื่อผิวอ่อนเยาว์ มั่นใจกว่าเดิม



