บทความเกี่ยวกับ : มาส์กใต้ตา
มาส์กใต้ตากับหัตถการแก้ใต้ตาดำ คล้ำ มีริ้วรอย เลือกอะไรดี ?
มาส์กใต้ตาหรือหัตถการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตา เลือกแบบไหนดี ?
วิธีการแก้ไขปัญหาใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ และดูแลผิวรอบดวงตาซึ่งมีความละเอียดอ่อน ในปัจจุบันจะมีทางเลือกที่ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่การบำรุงด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น การใช้แผ่นมาส์กใต้ตาเฉพาะจุดเพื่อฟื้นฟูใต้ตาให้สดใส ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือการร้อยไหมเพื่อกระชับผิวใต้ตา ซึ่งแต่ละวิธีล้วนมีกลไก จุดเด่น และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “แล้วเราควรเลือกแบบไหน” มาส์กใต้ตาเพียงพอหรือไม่ หรือจำเป็นต้องพึ่งหัตถการ เพื่อแก้ปัญหาของเราได้ตรงจุด คุ้มค่า และตอบโจทย์กับการใช้งาน บทความนี้เปรียบเสมือนคู่มือที่จะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงประสิทธิภาพ ข้อดีและข้อจำกัดของทั้งมาส์กใต้ตาและหัตถการยอดนิยมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่ใช่ และเหมาะสมกับปัญหาผิวรอบดวงตาของตัวเองได้ มาเช็กไปพร้อมกันได้เลย
ทำความเข้าใจปัญหาผิวรอบดวงตาที่พบบ่อย
ผิวบอบบางรอบดวงตา สามารถแสดงสัญญาณความกังวลได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละปัญหาก็อาจมีสาเหตุและต้องการแนวทางการดูแลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนที่จะด่วนตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหาด้วยมาส์กใต้ตา หรือวิธีการใดก็ตาม การทำความเข้าใจลักษณะปัญหาที่เราเผชิญอยู่ เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เพื่อให้สามารถเลือกวิธีที่ตรงจุด โดยปัญหาผิวรอบดวงตาที่มักพบได้บ่อย ได้แก่
รอยคล้ำใต้ตา (Dark Circles)
หนึ่งในปัญหาผิวรอบดวงตาที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคนคือรอยคล้ำใต้ตา ซึ่งทำให้บริเวณใต้ดวงตาดูหมองคล้ำ ไม่สดใส บดบังความเปล่งปลั่ง และอาจทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนล้ากว่าความเป็นจริง ปัญหานี้มีความซับซ้อนและสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยที่หลากหลาย
• ลักษณะ บริเวณผิวหนังใต้ดวงตาปรากฏเป็นสีที่เข้มกว่าผิวส่วนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจมีเฉดสีแตกต่างกันไปตั้งแต่สีน้ำตาลคล้ำ สีเทาหม่น ไปจนถึงสีม่วงอมน้ำเงิน ทำให้ดูไม่สดใส โดยความเข้มของสีและขอบเขตอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล บางคนอาจคล้ำเป็นวงกว้าง ในขณะที่บางคนอาจเห็นชัดเฉพาะบริเวณหัวตาหรือร่องน้ำตา
• สาเหตุ อาจเกิดจากพันธุกรรม (ผิวบางเห็นเส้นเลือดฝอยชัด) เม็ดสีสะสม (จากการขยี้ตา ภูมิแพ้ แสงแดด) โครงสร้างกระดูก (เกิดเงาใต้ตา) การพักผ่อนน้อย หรือการไหลเวียนเลือดไม่ดี
ริ้วรอยเล็กๆ และร่องลึก (Fine Lines & Wrinkles)
ริ้วรอยและร่องลึกบริเวณใต้ตาเป็นสัญญาณแห่งวัยที่พบได้ทั่วไปและเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล เนื่องจากทำให้ผิวใต้ดวงตาดูไม่เรียบเนียน สูญเสียความอ่อนเยาว์ และส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น ริ้วรอยเหล่านี้สามารถปรากฏได้ตั้งแต่เส้นบางๆ จางๆ ไปจนถึงร่องที่ลึกและชัดเจน
• ลักษณะ ปรากฏเป็นเส้นหรือรอยย่นบนผิวหนังใต้ดวงตา โดยริ้วรอยเล็ก ๆ จะมีลักษณะตื้นและเล็ก ส่วนร่องลึก จะมีความลึกและเห็นได้ชัดเจนกว่า บางครั้งอาจเห็นเป็นเส้นที่กระจายออกบริเวณหางตาซึ่งอาจลามมาถึงใต้ตาได้
• สาเหตุ เกิดจากกระบวนการชราตามธรรมชาติ (การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน) การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ (เช่น การยิ้ม การหยีตา) ความเสียหายจากแสงแดด (รังสี UV ทำลายคอลลาเจน) ภาวะผิวขาดน้ำ การสูบบุหรี่ และปัจจัยทางพันธุกรรม
รอบดวงตาหย่อนคล้อยตามวัยหรือพันธุกรรม
ความหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณรอบดวงตา เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มักมาพร้อมกับวัยที่เพิ่มขึ้น หรืออาจเป็นลักษณะทางพันธุกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสวยงามอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดวงตาดูไม่สดใสเหมือนเดิม ดูเหนื่อยล้า หรือดูเศร้า และในบางกรณีอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้
• ลักษณะ ผิวหนังบริเวณเปลือกตาบนดูตกลงมาเป็นชั้น อาจหย่อนลงมาบดบังชั้นตาหรือขอบตา ทำให้ตาดูเล็กลง หรือดูเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา ในส่วนของใต้ตา อาจเห็นเป็นถุงใต้ตาที่นูนออกมา หรือผิวหนังที่ดูย่นและไม่กระชับ มีลักษณะเป็นเนื้อเกินที่ห้อยลงมา
• สาเหตุ เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและกระชับ นอกจากนี้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพังผืดที่ช่วยพยุงโครงสร้างรอบดวงตาก็อ่อนแอลงตามวัยได้ด้วย
ผิวใต้ตาแห้งกร้าน
ปัญหาผิวใต้ตาแห้งกร้านเป็นภาวะที่ผิวบริเวณรอบดวงตาขาดความชุ่มชื้น ซึ่งพบได้บ่อยและอาจสร้างความรู้สึกไม่สบายผิวได้ ผิวที่แห้งมักจะดูไม่สดใส หมองคล้ำ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ หรือรอยย่นต่างๆ ดูชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้การแต่งหน้าเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเครื่องสำอางอาจเกาะเป็นคราบหรือไม่เรียบเนียน
• ลักษณะ ผิวบริเวณใต้ตาจะรู้สึกตึง อาจมีอาการคัน ลอกเป็นขุย หรือเป็นสะเก็ดเล็กๆ ผิวสัมผัสจะหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน ขาดความยืดหยุ่นและดูไม่เปล่งปลั่งเหมือนผิวที่มีสุขภาพดี
• สาเหตุ เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การขาดน้ำในร่างกาย สภาพอากาศที่แห้งและเย็น การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือบำรุงผิวที่รุนแรงเกินไป การเช็ดถูผิวบริเวณนั้นบ่อย ๆ โรคผิวหนังบางชนิด เช่น ผิวหนังอักเสบ ภูมิแพ้ หรือแม้แต่การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ซึ่งปัญหาผิวบริเวณใต้ตาในแต่ละแบบ ก็จะมีข้อกำจัดในการบำรุงรักษาต่างกันออกไป ดังนั้นการจะเลือกว่าควรใช้มาส์กใต้ตา หรือหัตถการที่ออกแบบมาเพื่อการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก แบบไหนเหมาะสมกว่า ควรสอบถามแพทย์ หรือประเมินความรุนแรงของอาการอย่างรอบคอบด้วย
มาส์กใต้ตา คืออะไร วิธีใช้ กี่นาที แบบไหนดีที่สุด
ผลลัพธ์หลังรับบริการ มาส์กใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลมาส์กใต้ตาคืออะไร ?
Eyes Mask หรือมาส์กใต้ตา คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเฉพาะจุด ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับผิวบอบบางบริเวณใต้ดวงตา มักมีลักษณะเป็นแผ่นแปะ (Patches) รูปทรงโค้งมนคล้ายพระจันทร์เสี้ยวหรือหยดน้ำ ช่วยให้สามารถวางทาบไปตามส่วนโค้งใต้ตาได้อย่างพอดี ช่วยในการบำรุงและฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น มุ่งเน้นจัดการปัญหาเฉพาะจุด เช่น ความหมองคล้ำ และอาการบวมใต้ตา
โดยแผ่นมาส์กใต้ตาเหล่านี้ จะถูกชุบหรืออัดแน่นไปด้วยสารสกัด รวมถึงส่วนผสมบำรุงเข้มข้นที่มีส่วนช่วยในเรื่องของใต้ตาดำหรือใต้ตาคล้ำ ซึ่งอาจจะมีคุณสมบัติหรือให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปบ้างตามสูตรของมาส์กใต้ตาแต่ละแบบ ที่สามารถเลือกใช้งานได้ตามปัญหาผิวที่พบ
มาส์กใต้ตาทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของมาส์กใต้ตานั้นอาศัยกลไกหลัก คือการนำส่งสารบำรุงเข้มข้น ควบคู่ไปกับการสร้างสภาวะปิดกั้น (Occlusion) บนผิวหนังบริเวณใต้ตา เมื่อวางแผ่นมาส์กใต้ตาที่ชุ่มไปด้วยเซรั่มหรือเอสเซนส์ลงบนผิว แผ่นมาส์กเหล่านี้จะทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันชั่วคราว ช่วยลดการระเหยของความชุ่มชื้น ทั้งจากตัวเซรั่มในมาส์กเองและจากความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว (Trans-Epidermal Water Loss - TEWL)
ทำให้สารบำรุงต่าง ๆ ที่อยู่ในมาส์กใต้ตา เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด วิตามินซี เปปไทด์ คาเฟอีน หรือสารสกัดจากธรรมชาติอื่น ๆ มีเวลาและโอกาสในการซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี มากกว่าการทาครีมหรือใช้เซรั่มบำรุงผิวทั่วไปที่อาจระเหยหรือถูกเช็ดออกไปได้ง่าย นอกจากนั้นการที่ผิวถูกปิดกั้น ยังอาจช่วยเพิ่มอุณหภูมิผิวเล็กน้อย ซึ่งส่งเสริมการดูดซึมสารสำคัญได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวใต้ตาได้รับการบำรุงอย่างเร่งด่วนและตรงจุดตามคุณสมบัติของสารสกัดในมาส์กใต้ตาที่ใช้
ประเภทของมาส์กใต้ตา
การดูแลผิวรอบดวงตากลายเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนให้ความสำคัญ มาส์กใต้ตาจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไป เพราะปัจจุบันมาส์กใต้ตาเหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้มีหลากหลายประเภท ทั้งเนื้อสัมผัสและวัสดุ เพื่อเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาผิว ความสะดวกสบาย และรองรับกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุม เช่น
• มาส์กใต้ตาชนิดไฮโดรเจล (Hydrogel Eye Masks) เป็นมาส์กใต้ตาประเภทที่นิยมมากที่สุด มีลักษณะเป็นแผ่นเจลลี่นุ่มๆ ยืดหยุ่น เกาะติดผิวได้ดี ให้ความรู้สึกเย็นสบายขณะมาส์ก ช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดอาการบวมได้ดีเยี่ยม
• มาส์กใต้ตาชนิดแผ่น (Sheet/Fabric Eye Masks) คล้ายกับแผ่นมาส์กหน้าทั่วไป แต่มีขนาดเล็กกว่า และมีรูปทรงโค้งรับใต้ตา โดยมาส์กใต้ตาแบบนี้นิยมทำจากวัสดุต่างๆ เช่น คอตตอน หรือเส้นใยอื่น ๆ ที่ชุ่มไปด้วยเอสเซนส์หรือเซรั่ม เน้นการส่งผ่านสารบำรุงสู่ผิว
• มาส์กใต้ตาชนิดครีม/เจล (Cream/Gel Eye Masks) มาในรูปแบบมาส์กใต้ตาที่มีเนื้อครีมหรือเจลเข้มข้น ที่ต้องทาทิ้งไว้บริเวณใต้ตาตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วเช็ดหรือล้างออก (Wash-off) หรือบางชนิดอาจเป็นแบบทาทิ้งไว้ข้ามคืน (Leave-on/Sleeping Mask)
• มาส์กใต้ตาแบบซิลิโคน (Silicone Patches) มักไม่มีสารบำรุงในตัวเอง แต่ใช้มาส์กใต้ตาแปะทับอายครีมหรือเซรั่ม เพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้นและส่งเสริมการซึมซาบของผลิตภัณฑ์ที่ทาก่อนหน้า
• มาส์กใต้ตาแบบเจล/เม็ดบีดส์ (Gel/Bead Masks) สามารถนำมาส์กใต้ตาไปแช่เย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมและความอ่อนล้า หรือนำไปอุ่นเล็กน้อยเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา
มาส์กใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
มาส์กใต้ตาได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาผิวรอบดวงตาที่พบบ่อยหลายประการ โดยอาศัยการนำส่งสารบำรุงเข้มข้น ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวโดยตรง แม้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและผลิตภัณฑ์ แต่โดยทั่วไปแล้ว มาส์กใต้ตาสามารถช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้
• มาส์กใต้ตาช่วยเติมความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก (Deep Hydration) ปัญหาผิวใต้ตาแห้งกร้าน ขาดน้ำ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ ดูชัดเจนขึ้น ซึ่งมาส์กใต้ตามักอุดมไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) กลีเซอรีน (Glycerin) จะทำหน้าที่เข้าไปช่วยเติมน้ำให้ผิวอย่างตรงจุด ทำให้ผิวใต้ตาดูอิ่มฟูและเรียบเนียนขึ้นหลังใช้• มาส์กใต้ตา ช่วยลดอาการบวม (Reducing Puffiness) สำหรับอาการบวมใต้ตาที่เกิดจากการสะสมของเหลวชั่วคราว เช่น หลังตื่นนอน มาส์กใต้ตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน (Caffeine) หรือสารสกัดที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนอย่างชาเขียว รวมถึงความเย็นจากตัวมาส์กใต้ตาเอง สามารถช่วยลดอาการบวม ทำให้ใต้ตาดูยุบลงและสดใสขึ้นได้
• มาส์กใต้ตาช่วยลดเลือนรอยคล้ำ (Brightening / Reducing Dark Circles) ปัญหาใต้ตาดำหรือใต้ตาคล้ำที่เกิดจากเม็ดสีสะสม หรือการไหลเวียนเลือดไม่ดี อาจดูจางลงได้ด้วยมาส์กใต้ตาที่มีส่วนผสมช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส เช่น วิตามินซี ไนอะซินาไมด์ อาร์บูติน หรือสารสกัดจากชะเอมเทศ อย่างไรก็ตามมาส์กใต้ตา อาจไม่สามารถช่วยลดเลือนรอยคล้ำที่เกิดจากโครงสร้างกระดูกได้มากนัก
• มาส์กใต้ตาช่วยช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง (Smoothing Fine Lines) การเติมความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น ช่วยให้ผิวใต้ตาที่แห้งดูอิ่มฟูขึ้นชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากความแห้งกร้านดูตื้นและจางลง นอกจากนี้มาส์กใต้ตาบางสูตรอาจมีส่วนผสมกลุ่มเปปไทด์ (Peptides) หรือเรตินอล (Retinol) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวได้ในระดับหนึ่ง
• มาส์กใต้ตาช่วยฟื้นฟูความสดใสและลดความอ่อนล้า (Revitalizing & Refreshing) การใช้มาส์กใต้ตา โดยเฉพาะชนิดไฮโดรเจลที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย สามารถช่วยปลอบประโลมผิวและมอบความรู้สึกสดชื่น ลดความรู้สึกอ่อนล้าบริเวณดวงตา ทำให้ดวงตาดูตื่นตัวและสดใสขึ้นได้
ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในมาส์กใต้ตา
เพื่อให้มาส์กใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกสูตรของมาส์กใต้ตาที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ซึ่งเหมาะสมกับปัญหาที่กังวลก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลากหลาย เช่น
มาส์กใต้ตาที่มีกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid)
กรดไฮยาลูรอนิกในมาส์กใต้ตา ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (Humectant) ที่มีความสามารถโดดเด่นในการดึงดูดและอุ้มน้ำไว้ในผิวได้ปริมาณมาก ส่งผลให้ผิวรอบดวงตาที่แห้งกร้านกลับมาชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู และช่วยฟื้นฟูใต้ตา ให้สามารถลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ที่เกิดจากภาวะขาดน้ำได้มากขึ้น
มาส์กใต้ตาที่มีคาเฟอีน (Caffeine)
คาเฟอีนในมาส์กใต้ตา มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยให้หลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ตาหดตัวลง พร้อมกับช่วยขับของเหลวส่วนเกินออกได้เล็กน้อย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ส่งผลโดยตรงในการช่วยลดอาการบวมหรือถุงใต้ตาที่เกิดจากการคั่งของน้ำหรือการไหลเวียนที่ไม่ดี และอาจช่วยให้รอยคล้ำที่เกิดจากเส้นเลือดที่ขยายตัวดูจางลงได้
มาส์กใต้ตาที่มีเซราไมด์ (Ceramides)
เซราไมด์เป็นลิปิดตามธรรมชาติที่เปรียบเสมือนโครงสร้างสำคัญของเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) การเติมเซราไมด์ด้วยมาส์กใต้ตา จึงช่วยเสริมความแข็งแรงให้ปราการผิวรอบดวงตา ส่งผลให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ดียิ่งขึ้น ลดการสูญเสียน้ำ และปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
มาส์กใต้ตาที่มีวิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีในมาส์กใต้ตา ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน อันเป็นสาเหตุของรอยคล้ำ จึงช่วยลดเลือนรอยคล้ำที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสี ปกป้องผิวจากความเสียหายของแสงแดดและมลภาวะ พร้อมปรับให้ผิวรอบดวงตาโดยรวมดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น
มาส์กใต้ตาที่มีไนอะซินาไมด์ (Niacinamide - Vitamin B3)
ไนอะซินาไมด์ (วิตามินบี 3) เป็นส่วนผสมที่โดดเด่นในการช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และยังสามารถยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีเมลานินขึ้นสู่ชั้นผิว ส่งผลให้มาส์กใต้ตาที่มีส่วนผสมนี้ช่วยลดเลือนปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดำ ช่วยปลอบประโลมผิวที่ระคายเคืองหรือมีรอยแดง พร้อมทั้งช่วยให้ผิวรอบดวงตาแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น
มาส์กใต้ตา ที่มีเปปไทด์ (Peptides)
เปปไทด์ในมาส์กใต้ตาคือสายของกรดอะมิโนขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณสำคัญ กระตุ้นให้เซลล์ผิวเร่งสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน หรือช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเล็กๆ ใต้ผิว ผลลัพธ์ที่ได้คือการช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ รอบดวงตา ดังนั้นหากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ จะสามารถช่วยเพิ่มความกระชับยืดหยุ่นให้กับผิวบริเวณนั้นได้
มาส์กใต้ตา ที่มีเรตินอยด์ (Retinoids)
เรตินอยด์ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินเอในมาส์กใต้ตา มีความสามารถโดดเด่นในการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ พร้อมส่งสัญญาณกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ เพื่อผิวแข็งแรงยืดหยุ่น ส่งผลให้สามารถลดเลือนริ้วรอยเล็กและร่องตื้น ปรับสีผิวหมองคล้ำให้สม่ำเสมอและสว่างขึ้น พร้อมมอบผิวสัมผัสที่เรียบเนียนยิ่งขึ้นผ่านการใช้งานมาส์กใต้ตา
มาส์กใต้ตา ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ (Natural Extracts)
สารสกัดจากธรรมชาติในมาส์กใต้ตา เช่น แตงกวาและว่านหางจระเข้ มอบความชุ่มชื้นพร้อมปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน ในขณะที่ชาเขียวช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ นอกจากนี้สารสกัดจากชะเอมเทศยังเข้ามาช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี ทำให้รอยคล้ำใต้ตาแลดูจางลง เผยผิวรอบดวงตาที่สดใสและรู้สึกสบายขึ้นได้
ข้อดีของมาส์กใต้ตา
มาส์กใต้ตาถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุม ด้วยคุณสมบัติอันหลากหลายที่พร้อมดูแลผิวบริเวณที่บอบบาง รวมถึงฟื้นฟูใต้ตาในเบื้องต้นได้ โดยมีข้อดีดังนี้
• มาส์กใต้ตาช่วยเติมความชุ่มชื้นเข้มข้นและรวดเร็ว ช่วยฟื้นฟูผิวใต้ตาที่แห้งกร้านให้กลับมาอิ่มฟูได้หลังใช้งาน
• มาส์กใต้ตาช่วยลดอาการบวมและถุงใต้ตาชั่วคราว ส่วนผสมและความเย็นจากมาส์กใต้ตาช่วยลดการสะสมของเหลว ทำให้ใต้ตาดูยุบลง
• มาส์กใต้ตาช่วยลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา เพราะมาส์กใต้ตาส่วนใหญ่มักมีสารสกัดหลายชนิด ที่มีส่วนช่วยปรับสีผิวและกระตุ้นการไหลเวียน ทำให้รอยคล้ำดูจางลง
• มาส์กใต้ตาช่วยให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง มีการเติมความชุ่มชื้นทำให้ผิวฟูขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ จากความแห้งจึงดูเรียบเนียนขึ้น
• มาส์กใต้ตาใช้งานง่ายและสะดวกสบาย เพียงแค่แปะทิ้งไว้ ไม่ต้องล้างออก เหมาะกับการดูแลเร่งด่วน ทั้งยังสามารถพกพาง่าย สามารถนำติดตัวเพื่อไปใช้ได้ทุกที่
• มาส์กใต้ตามอบความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น ความเย็นและสัมผัสของมาส์กใต้ตาในบางรุ่น จะช่วยปลอบประโลมผิวและลดความอ่อนล้าได้ดี
ข้อจำกัดของมาส์กใต้ตา
แม้ว่ามาส์กใต้ตาจะเป็นตัวเลือกในการฟื้นใต้ตา และช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาได้ดีในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการให้ความชุ่มชื้นและลดอาการบวมชั่วคราว แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวที่ซับซ้อนหรืออยู่ในชั้นลึกได้ทั้งหมด การทำความเข้าใจข้อจำกัดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
• มาส์กใต้ตาให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว การลดบวม ลดคล้ำ หรือทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น มักเห็นผลชัดเจนหลังใช้ แต่ผลอาจไม่คงอยู่ยาวนานตลอดวันหรือหลายวัน
• มาส์กใต้ตาไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยลึก ไม่สามารถแก้ไขริ้วรอยถาวร (Static Wrinkles) ที่เกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจนหรือการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
• มาส์กใต้ตาไม่สามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาจากไขมัน หากถุงใต้ตาเกิดจากไขมันที่ปูดนูนออกมา มาส์กใต้ตาไม่สามารถทำให้ไขมันนั้นยุบลงได้ อาจจำเป็นต้องอาศัยหัตถการเพื่อฟื้นฟูใต้ตาแทน
• มาส์กใต้ตาไม่สามารถแก้รอยคล้ำจากโครงสร้างหรือพันธุกรรม รอยคล้ำที่เกิดจากเงาของกระดูกเบ้าตาลึก หรือผิวบางเห็นเส้นเลือดชัดจากพันธุกรรม มาส์กใต้ตาอาจช่วยได้น้อยมาก
• มาส์กใต้ตาอาจเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ ส่วนผสมบางอย่างหรือน้ำหอมในมาส์กใต้ตาอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ แสบ แดง หรือคัน ในผู้ที่มีผิวบอบบางได้
• มาส์กใต้ตาอาจสิ้นเปลืองหากใช้เป็นประจำ การใช้มาส์กใต้ตาทุกวันหรือบ่อยครั้ง อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาในระยะยาว
• มาส์กใต้ตาอาจสร้างขยะ (กรณีใช้แบบแผ่น) มาส์กใต้ตาแบบแผ่นส่วนใหญ่เป็นแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทำให้เกิดขยะทั้งจากตัวแผ่นมาส์กและบรรจุภัณฑ์
• มาส์กใต้ตาให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปตามคุณภาพและชนิดของสารสกัดที่ใช้ในแต่ละยี่ห้อ/สูตร
• มาส์กใต้ตาไม่สามารถทดแทนการดูแลพื้นฐานได้ การใช้มาส์กใต้ตาไม่สามารถทดแทนการพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำ การทาครีมกันแดด หรือการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพได้
• มาส์กใต้ตาอาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะ เซรั่มหรือเอสเซนส์ที่เข้มข้นในมาส์กใต้ตาอาจทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิวหลังลอกออกในบางผลิตภัณฑ์
มาส์กใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง
มาส์กใต้ตาถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลผิวรอบดวงตาเบื้องต้น หรือแก้ปัญหาที่ไม่รุนแรง เช่น ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดำ หรือริ้วรอยเล็ก ๆ ทั้งยังมีความสะดวกสบาย ทำให้มาส์กใต้ตาเป็นที่นิยมและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนจำนวนมาก เช่น
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีผิวใต้ตาแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ต้องการการเติมน้ำให้ผิวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ผิวดูอิ่มฟูและสดใสขึ้น
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดอาการบวมใต้ตาอย่างรวดเร็ว เช่น หลังตื่นนอน หลังร้องไห้ หรือทานอาหารรสเค็มจัด ต้องการให้ใต้ตายุบลงเพื่อความสดใส
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาจากความเหนื่อยล้า การพักผ่อนน้อยหรือการไหลเวียนไม่ดี ทำให้ใต้ตาดูหมองคล้ำ ต้องการความกระจ่างใสเร่งด่วน
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอยเล็กๆ ตื้นๆ (Fine Lines) โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากความแห้งกร้าน การมาส์กช่วยให้ผิวฟูขึ้น ทำให้ริ้วรอยเหล่านี้ดูจางลงชั่วคราว
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ต้องการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า หรือก่อนวันสำคัญ เพื่อให้ผิวใต้ตาเรียบเนียน ชุ่มชื้น และกระจ่างใสขึ้น ทำให้แต่งหน้าติดทนและดูดีขึ้น
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่เดินทางบ่อยครั้ง ต้องการฟื้นฟูผิวรอบดวงตาจากความเหนื่อยล้า ความกดอากาศ หรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ต้องการการผ่อนคลายและปรนนิบัติผิวเป็นพิเศษ การมาส์กให้ความรู้สึกเย็นสบาย ช่วยลดความอ่อนล้าและมอบความรู้สึกสดชื่น
• มาส์กใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ต้องการการบำรุงเพิ่มเติม นอกเหนือจากการใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำ เพื่อเป็นการดูแลอย่างเข้มข้นเป็นครั้งคราว
มาส์กใต้ตา คืออะไร วิธีใช้ กี่นาที แบบไหนดีที่สุด
ผลลัพธ์หลังรับบริการ มาส์กใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลมาส์กใต้ตา VS หัตถการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาต่างกันอย่างไร ?
กลไกการทำงาน
• มาส์กใต้ตา มาส์กใต้ตาทำงานโดยส่งผ่านสารบำรุง (เช่น ไฮยาลูรอน, วิตามิน, สารสกัดธรรมชาติ) จากแผ่นมาส์กที่ชุ่มเซรั่ม ให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นนอกบริเวณใต้ตา สารเหล่านี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการบวม หรือทำให้ผิวดูสดใสขึ้นชั่วคราว เป็นการบำรุงผิวจากภายนอกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุดในระยะสั้น
• หัตถการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตา หัตถการรอบดวงตา มักทำงานลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ไขมัน หรือกล้ามเนื้อ เพื่อแก้ปัญหาโครงสร้าง โดยมีหลากหลายหัตถการให้เลือก เช่น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ โปรแกรมเลเซอร์ การร้อยไหม หรือการผ่าตัดศัลยกรรม ตามสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันไป
การแก้ปัญหาผิว
• มาส์กใต้ตา เหมาะสำหรับแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาที่ไม่รุนแรงและเป็นครั้งคราว เช่น อาการบวมเล็กน้อย ใต้ตาคล้ำชั่วคราว ผิวแห้ง หรือริ้วรอยตื้น ๆ โดยมาส์กใต้ตาช่วยเติมความชุ่มชื้นชั่วคราวแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ถุงใต้ตาแท้ หรือรอยคล้ำถาวรได้
• หัตถการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตา ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ชัดเจนและคงอยู่ถาวร เช่น รอยคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอยลึก และความหย่อนคล้อย เป็นการแก้ไขที่ตรงจุดกว่าสำหรับปัญหาเชิงโครงสร้าง เม็ดสี ไขมันสะสม หรือความเสื่อมของผิวบริเวณนั้น
ระดับการทำงาน
• มาส์กใต้ตา มาส์กใต้ตาออกฤทธิ์จำกัดอยู่เพียงผิวชั้นนอกสุด หรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เท่านั้น ซึ่งสารบำรุงที่อยู่ในมาส์กใต้ตาหรือเนื้อครีมสามารถซึมผ่านลงไปได้ในระดับตื้น ๆ หน้าที่หลักคือการให้ความชุ่มชื้น เติมสารอาหารแก่ผิวชั้นบน และปลอบประโลมผิวเพียงชั่วคราว
• หัตถการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตา มักทำงานลงลึกไปถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอลลาเจนและอีลาสติน ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ชั้นกล้ามเนื้อ หรือในบางกรณีอาจช่วยในการปรับโครงสร้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาจากภายในสู่ภายนอก
ผลลัพธ์ที่ได้
• มาส์กใต้ตา ให้ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ค่อนข้างเร็วหลังใช้ โดยเฉพาะเรื่องความชุ่มชื้นและความรู้สึกสดชื่น ผิวอาจดูสว่างขึ้นเล็กน้อยและอาการบวมลดลง แต่ผลลัพธ์ของมาส์กใต้ตาเหล่านี้มักจะอยู่ได้ไม่นาน เป็นเพียงการปรับปรุงสภาพผิวชั่วคราว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิวอย่างถาวรได้
• หัตถการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตา ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า สามารถลดปัญหาใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ ร่องลึก ถุงใต้ตา หรือยกกระชับผิวได้ค่อนข้างชักเจน ที่สำคัญผลลัพธ์ในการฟื้นฟูใต้ตามักจะอยู่ได้นานกว่า ซึ่งอาจยาวนานตั้งแต่หลักหลายเดือนไปจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการและการดูแลตัวเองหลังทำ
มาส์กใต้ตา คืออะไร วิธีใช้ กี่นาที แบบไหนดีที่สุด
ผลลัพธ์หลังรับบริการ มาส์กใต้ตา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลควรเลือกวิธีแก้ปัญหา ใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอยใต้ตาอย่างไรดี
การเลือกวิธีแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำและริ้วรอยใต้ตาให้ได้ผลดีที่สุด หรือตัดสินใจว่าจะเลือกมาส์กใต้ตาหรือหัตถการฟื้นฟูผิวใต้ตาดี ควรพิจารณาจากสาเหตุ ความรุนแรงของปัญหา และผลลัพธ์ที่คาดหวัง ซึ่งใครที่กำลังสับสน และไม่รู้ว่าควรเลือกวิธีแก้ปัญหาแบบไหนดี หัวข้อนี้ Apex มีแนวทางการตัดสินใจในเบื้องต้นมาแชร์ให้ลองไปปรับใช้กันได้ ดังนี้
• วิเคราะห์ปัญหาและหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อจะได้รู้ว่าปัญหาที่เป็นควรเลือกมาส์กใต้ตาดีไหม
• ประเมินความรุนแรงของปัญหา เพราะมาส์กใต้ตาอาจไม่ได้ตอบโจทย์ทุกปัญหา
• พิจารณาเรื่องงบประมาณ เวลาพักฟื้น และความคาดหวัง
• ปรึกษาแพทย์หรือผู้ให้บริการ เพื่อประเมินแนวทางการทำหัตถการ หรือเลือกการแก้ปัญหาด้วยมาส์กใต้ตา
สรุปมาส์กใต้ตาตอบโจทย์การแก้ปัญหาผิวใต้ตาได้ไหม
แม้ว่ามาส์กใต้ตาสูตรต่างๆ ในปัจจุบันจะช่วยดูแลผิวรอบดวงตาได้ดีระดับหนึ่ง แต่ก็มักมีข้อจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่าการบำรุงชั่วคราว หรือเมื่อต้องการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนกว่าแค่ความชุ่มชื้น เช่น รอยคล้ำฝังลึก หรือริ้วรอยที่ชัดเจน
ในขณะเดียวกันหัตถการทางการแพทย์ เช่น โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ หรือการร้อยไหม อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุดกว่าสำหรับปัญหาเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตามการตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำหรือริ้วรอยที่ดีที่สุด ควรมาจากการพิจารณาความต้องการส่วนบุคคล ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ควบคู่ไปกับปัจจัยอื่น ๆ อย่างความสะดวก งบประมาณ และระดับความรุนแรงของปัญหา เพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาในการแก้ปัญหาใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ค่ะ
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ มาส์กใต้ตา คืออะไร แก้ใต้ตาดำ วิธีใช้แบบไหนดีที่สุด,มาส์กใต้ตา หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
มาส์กใต้ตาหรือหัตถการ เลือกวิธีไหนแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาดีที่สุด Apex เปรียบเทียบ ทั้งข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสม เพื่อช่วยคุณตัดสินใจฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน