บทความเกี่ยวกับ : ปัสสาวะเล็ด

เลเซอร์รีแพร์ 9900
เลเซอร์รีแพร์ 9900
เลเซอร์รีแพร์ 1 แถม 2

ทำไมไอ จาม แล้วปัสสาวะเล็ด รวมทุกเรื่องที่ผู้หญิงควรรู้
ไอ จาม แล้วปัสสาวะเล็ด สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาที่ผู้หญิงต้องรู้
อาการปัสสาวะเล็ดเวลาที่ผู้หญิงไอ จาม หรือแม้แต่หัวเราะแรง ๆ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด หลายคนอาจรู้สึกเขินอาย ไม่กล้าพูดถึง ทั้งที่จริงแล้วสามารถรักษาและบรรเทาได้ หากเข้าใจสาเหตุและเลือกวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง ปัญหานี้มักเกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง ภาวะหลังคลอด อายุที่มากขึ้น หรือแม้แต่พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ควบคุมการขับปัสสาวะได้ยากขึ้น หากปล่อยไว้นานอาจกระทบทั้งสุขภาพกายและความมั่นใจในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้วิธีป้องกันและฟื้นฟูอาการปัสสาวะเล็ด จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกวัย และยังมีทางเลือกในการรักษาที่ลดความเสี่ยงและได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การปรับพฤติกรรม หรือหัตถการทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ ไร้ความกังวลเรื่องปัสสาวะเล็ดอีกต่อไป

รู้จักภาวะปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม
ภาวะปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม (Stress Urinary Incontinence) คืออาการที่ปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่ตั้งใจ เมื่อมีความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ขณะไอ จาม หัวเราะ ยกของหนัก หรือออกกำลังกาย สาเหตุหลักเกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะที่อ่อนแอลง ทำให้ไม่สามารถปิดท่อปัสสาวะได้สนิทเมื่อมีแรงดันเกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดตามมา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร อายุที่เพิ่มขึ้น ภาวะอ้วน และการผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน ซึ่งปัญหาเชิงโครงสร้างของกล้ามเนื้อเหล่านี้คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับปัญหา ปัสสาวะเล็ด ในชีวิตประจำวัน

ปัสสาวะเล็ด

ปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม สาเหตุเกิดจากอะไร รวมทุกเรื่องที่ผู้หญิงควรรู้

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาปัสสาวะเล็ด ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สาเหตุการเกิดปัสสาวะเล็ด
อาการปัสสาวะเล็ดเกิดได้จากหลายปัจจัยที่ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและหูรูดท่อปัสสาวะอ่อนแอลง ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดันในช่องท้อง มาทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุสำคัญ ดังนี้

• กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ กล้ามเนื้อส่วนนี้คือแกนหลักในการควบคุมการปัสสาวะ เมื่ออ่อนแอลงจึงเป็นสาเหตุโดยตรงของอาการปัสสาวะเล็ด การไม่สามารถพยุงท่อปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดัน และการฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคือสิ่งสำคัญในการรักษาอาการปัสสาวะเล็ด
• ผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน การผ่าตัดบางชนิด เช่น การผ่าตัดมดลูก อาจกระทบต่อเส้นประสาทหรือโครงสร้างที่พยุงกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดปัญหาปัสสาวะเล็ดหลังการผ่าตัดได้ ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าตนเองมีอาการปัสสาวะเล็ดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรืออาจทำให้อาการปัสสาวะเล็ดเดิมรุนแรงขึ้น
• ผู้หญิงวัยกลางคนและวัยทอง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้เนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกรานหย่อนยานลง เพิ่มความเสี่ยงของภาวะปัสสาวะเล็ดได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงวัยนี้มักต้องเผชิญกับปัญหาปัสสาวะเล็ดบ่อยครั้ง และจำเป็นต้องหาวิธีจัดการกับอาการปัสสาวะเล็ดอย่างเหมาะสม
• ความผิดปกติของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ การที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไปหรือไม่เป็นเวลา ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะกะทันหันจนกลั้นไม่อยู่และเกิดอาการปัสสาวะเล็ดตามมา ภาวะนี้เรียกว่า ปัสสาวะเล็ดชนิดเร่งรีบ (Urge Incontinence) ซึ่งการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมกล้ามเนื้อเพื่อลดปัญหาปัสสาวะเล็ด
• ผู้หญิงที่น้ำหนักตัวเยอะ น้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะสร้างแรงกดทับอย่างต่อเนื่องลงบนกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ง่าย การลดน้ำหนักจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความรุนแรงของภาวะปัสสาวะเล็ด เพราะจะลดแรงกดที่ทำให้เกิดการปัสสาวะเล็ดโดยไม่ตั้งใจ
• ไอ จาม เรื้อรัง การไอหรือจามบ่อย ๆ ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องสูงซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของอาการปัสสาวะเล็ดในระยะยาว การกระทำซ้ำๆ นี้จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดอ่อนแอลง ส่งผลให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดได้ง่ายขึ้น และทำให้ควบคุมอาการปัสสาวะเล็ดได้ยาก
• ผู้หญิงที่คลอดลูกธรรมชาติ การคลอดบุตรทางช่องคลอดอาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและเส้นประสาทเสียหาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดมีอาการปัสสาวะเล็ดได้ หลายท่านอาจมีภาวะปัสสาวะเล็ดชั่วคราว แต่บางรายก็อาจมีอาการปัสสาวะเล็ดต่อเนื่องในระยะยาว
• ผู้หญิงที่ยกของหนักเป็นประจำ การยกของหนักเป็นประจำทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ทันที ผู้ที่ต้องยกของหนักบ่อยครั้งจึงมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะปัสสาวะเล็ด เนื่องจากกล้ามเนื้อถูกใช้งานหนักเกินไปจนนำไปสู่ปัญหาปัสสาวะเล็ดเรื้อรัง
• ผู้หญิงที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง การเบ่งอุจจาระแรง ๆ จากอาการท้องผูกเรื้อรัง เป็นการเพิ่มแรงดันต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอย่างมาก ทำให้เสี่ยงต่อภาวะปัสสาวะเล็ดได้ การจัดการอาการท้องผูกจึงช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ทางอ้อม เพราะการเบ่งน้อยลงจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดตามมา

ปัสสาวะเล็ดชนิดต่าง ๆ ที่พบบ่อย
อาการปัสสาวะเล็ดไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่สามารถแบ่งออกได้หลายชนิดตามลักษณะอาการและสาเหตุที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจชนิดของภาวะปัสสาวะเล็ดที่เราเป็นอยู่ จะช่วยให้สามารถเลือกแนวทางการรักษาและจัดการได้อย่างตรงจุด โดยชนิดที่พบบ่อยมีดังนี้

• ปัสสาวะเล็ดขณะออกแรง (Stress Urinary Incontinence) เป็นปัสสาวะเล็ดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง ทำให้ไม่สามารถรองรับแรงดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้องได้ เมื่อมีกิจกรรมที่เพิ่มแรงดัน เช่น ไอ จาม หัวเราะ หรือออกกำลังกาย ก็จะทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดออกมาได้
• ปัสสาวะเล็ดจากแรงบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะไวเกิน (Urge Urinary Incontinence) ปัสสาวะเล็ดชนิดนี้เกิดจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวอย่างกะทันหันและรุนแรง ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันและควบคุมไม่ได้ มักเกิดร่วมกับภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder)
• ปัสสาวะเล็ดจากภาวะปัสสาวะล้น (Overflow Incontinence) ปัสสาวะเล็ดประเภทนี้มักเกิดจากการที่กระเพาะปัสสาวะไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด ทำให้มีปัสสาวะค้างอยู่ในปริมาณมาก เมื่อมีปัสสาวะใหม่เข้ามา ก็จะทำให้ปัสสาวะส่วนเกินค่อย ๆ ล้นออกมาโดยไม่รู้สึกปวด
• ปัสสาวะเล็ดแบบผสม (Mixed Incontinence) เป็นภาวะที่มีทั้งอาการปัสสาวะเล็ดขณะออกแรงและปัสสาวะเล็ดจากแรงบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะไวเกินร่วมกัน ซึ่งเป็นปัสสาวะเล็ดที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และมักเป็นอาการที่ซับซ้อนกว่าการรักษาเพียงชนิดเดียว เนื่องจากมีปัจจัยหลายร่วมกัน

ปัญหาปัสสาวะเล็ดกระทบการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
ปัสสาวะเล็ดไม่ใช่แค่ปัญหาทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันและสภาพจิตใจของผู้ที่เผชิญกับภาวะนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่ดูเล็กน้อย แต่ปัญหาปัสสาวะเล็ดอาจทำให้เกิดความอับอายและลดความมั่นใจ จนต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เคยทำ

ผลกระทบทางด้านจิตใจ
การต้องรับมือกับภาวะปัสสาวะเล็ดอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างความเครียดและความวิตกกังวลได้ ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าตนเองไม่ปกติหรือไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกไร้ค่าและสิ้นหวัง ในบางรายความเครียดสะสมอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ ภาวะปัสสาวะเล็ดจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาสุขภาพจิตที่ไม่กล้าบอกใคร การได้รับการดูแลที่เหมาะสมจึงมีบทบาทสำคัญในการลดผลกระทบทางจิตใจจากภาวะปัสสาวะเล็ด

ผลกระทบด้านการเข้าสังคม
ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ดมักรู้สึกอับอายและไม่กล้าทำกิจกรรมในที่สาธารณะ เพราะกลัวว่าจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือเกิดอุบัติเหตุที่น่าอับอาย ภาวะปัสสาวะเล็ดนี้ทำให้หลายคนเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว เช่น การออกกำลังกาย การเดินทาง หรือการไปชมภาพยนตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การแยกตัวทางสังคมในที่สุด

ผลกระทบต่อชีวิตคู่
ปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคู่ครองได้ ความกังวลเรื่องกลิ่นหรือการเกิดอุบัติเหตุขณะมีกิจกรรมทางเพศ อาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดและห่างเหินกันได้ การเปิดใจพูดคุยกับคู่ครองเกี่ยวกับปัญหาปัสสาวะเล็ดนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อทำความเข้าใจและหาทางแก้ไขร่วมกัน

ผลกระทบต่อการทำงาน
ภาวะปัสสาวะเล็ดอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้ป่วยอาจต้องเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งหรือกังวลเรื่องการควบคุมปัสสาวะตลอดเวลา ซึ่งทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงานได้อย่างเต็มที่ หากงานที่ทำต้องมีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ครูฝึกสอน หรือต้องเดินทางบ่อยครั้ง อาการปัสสาวะเล็ดก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานมากขึ้นไปอีก และอาจนำไปสู่ความเครียดหรือความไม่มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่

ผลกระทบทางกายภาพ
การสัมผัสกับปัสสาวะเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ผื่น และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้การใช้แผ่นซึมซับปัสสาวะหรือผ้าอ้อมอย่างไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ผิวหนังอับชื้นและเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้อีกเช่นกัน ภาวะปัสสาวะเล็ดจึงต้องอาศัยการดูแลสุขอนามัยอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดและเปลี่ยนอุปกรณ์อย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและลดการเกิดปัญหาผิวหนัง

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับปัสสาวะเล็ดที่ควรรู้
ภาวะปัสสาวะเล็ดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ผู้หญิงหลายคนอาจไม่กล้าปรึกษาใคร ทำให้เกิดความเชื่อผิดๆ ที่ส่งผลเสียต่อการรักษาและการใช้ชีวิต การทำความเข้าใจและแก้ไขความเชื่อเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาปัสสาวะเล็ดได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ปัสสาวะเล็ดเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุและหลังคลอด
แม้ว่าภาวะปัสสาวะเล็ดจะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุและหลังคลอด แต่ไม่ใช่เรื่องปกติที่ต้องยอมรับโดยไม่ทำอะไร ภาวะปัสสาวะเล็ดเป็นอาการของปัญหาสุขภาพที่สามารถรักษาหรือบรรเทาให้ดีขึ้นได้ การปล่อยไว้โดยไม่แก้ไขอาจทำให้อาการแย่ลงและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว การหาวิธีจัดการที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความกังวลจากปัญหานี้ได้

การดื่มน้ำให้น้อยลงจะช่วยป้องกันปัสสาวะเล็ด
การลดปริมาณการดื่มน้ำมากเกินไปไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด แต่กลับจะทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะแทน การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมยังคงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม การขาดน้ำจะทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติและยิ่งควบคุมอาการปัสสาวะเล็ดได้ยากขึ้น

การออกกำลังกายหนัก ๆ จะช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดได้
การออกกำลังกายบางชนิด เช่น การยกน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงกระแทกสูง อาจเพิ่มแรงดันในช่องท้องและทำให้อาการปัสสาวะเล็ดแย่ลงได้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงคือการเน้นการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นวิธีแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดที่มีประสิทธิภาพและถูกจุดที่สุด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เข้าใจวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องสำหรับภาวะปัสสาวะเล็ด

ปัสสาวะเล็ดเกิดขึ้นได้เฉพาะในผู้หญิงเท่านั้น
แม้ว่าจะพบปัญหาปัสสาวะเล็ดในผู้หญิงได้บ่อยกว่า แต่ภาวะนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ชายเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ชายที่มีภาวะต่อมลูกหมากโตหรือเคยเข้ารับการผ่าตัดต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของปัญหาปัสสาวะเล็ดในเพศชาย การทำความเข้าใจสาเหตุในแต่ละเพศจะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมและช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดได้

เมื่อมีอาการปัสสาวะเล็ด ต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ตลอดเวลา
การใส่ผ้าอ้อมเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการจัดการกับอาการปัสสาวะเล็ดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความกังวล แต่ไม่ใช่ทางแก้ไขหลักและอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังตามมา การรักษาที่แท้จริงคือการหาสาเหตุและแก้ไขจากต้นตอ เช่น การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือการรักษาทางการแพทย์ตามคำแนะนำของแพทย์ การพึ่งพาเพียงผ้าอ้อมไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดที่ยั่งยืน

ปัญหาปัสสาวะเล็ดเกิดจากความไม่สะอาด
ปัญหาปัสสาวะเล็ดไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสะอาดโดยตรง แต่เป็นภาวะทางการแพทย์ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบปัสสาวะหรือกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน แม้การรักษาความสะอาดจะช่วยป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นจากปัสสาวะที่รั่วซึมได้ แต่ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากสุขอนามัยที่ไม่ดี การรักษาอย่างถูกวิธี จึงต้องเน้นไปที่การแก้ไข สาเหตุของภาวะปัสสาวะเล็ด มากกว่าการทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว

วิธีบริหารกล้ามเนื้อแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด
การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือ Kegel Exercise เป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ด การทำอย่างถูกวิธีจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่สำคัญในการควบคุมการไหลของปัสสาวะ การฝึกท่าเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณรับมือกับภาวะปัสสาวะเล็ดได้ ดังนี้

• การขมิบแบบช้า (Slow Kegels) เพื่อควบคุมปัสสาวะเล็ด ท่านั่งสบายๆ หรือนอนราบลงบนพื้น ค่อยๆ ขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขึ้นช้าๆ เหมือนกำลังกลั้นปัสสาวะและอุจจาระในเวลาเดียวกัน ค้างไว้ 5-10 วินาที จากนั้นคลายออกและพัก 10 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้งต่อเซ็ต ท่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยให้คุณเรียนรู้การควบคุมภาวะปัสสาวะเล็ดได้ดีขึ้นอีกด้วย
• การขมิบแบบเร็ว (Fast Kegels) เพื่อป้องกันปัสสาวะเล็ดท่านอนราบลงบนพื้น ค่อยๆ ขมิบและคลายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอย่างรวดเร็ว ทำสลับกันไปมาโดยไม่หยุดพัก ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซ็ต การฝึกแบบเร็วจะช่วยให้กล้ามเนื้อตอบสนองได้ทันทีเมื่อคุณไอ จาม หรือหัวเราะ ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดภาวะปัสสาวะเล็ดในสถานการณ์ที่ต้องใช้แรงกดดันอย่างฉับพลัน
• ท่าสะพาน (Bridge Pose) สำหรับจัดการกับปัสสาวะเล็ด นอนหงายชันเข่าขึ้นทั้งสองข้าง เท้าวางห่างกันประมาณช่วงสะโพก วางแขนไว้ข้างลำตัว ค่อยๆ ยกสะโพกขึ้นพร้อมกับขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไปด้วย ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นค่อยๆ วางสะโพกลงช้าๆ และคลายกล้ามเนื้อ ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ท่านี้เป็นการฝึกใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องและสะโพกไปพร้อมกับการจัดการปัสสาวะเล็ด
• ท่านอนหงายยกขา (Leg Lifts) เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่อ่อนแอจากปัสสาวะเล็ด นอนหงายราบกับพื้น ยกขาขึ้นมาทำมุม 90 องศา หรือสูงเท่าที่ทำได้โดยที่หลังยังติดพื้น จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ค้างไว้ 5 วินาที แล้วคลายออก ทำซ้ำ 10 ครั้งต่อขา ท่านี้นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถควบคุมภาวะปัสสาวะเล็ดได้ดีขึ้นโดยรวม
• ท่าสควอท (Squat) แบบเกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด ให้ยืนตรงกางขาออกเท่าช่วงไหล่ จากนั้นค่อยๆ ย่อตัวลงเหมือนกำลังจะนั่งเก้าอี้ พร้อมกับขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ค้างไว้ 5 วินาทีแล้วค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ทำซ้ำ 10 ครั้ง การฝึกสควอทร่วมกับการขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนล่างทั้งหมด ซึ่งส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ด

การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการปัสสาวะเล็ด
เมื่อเริ่มมีอาการปัสสาวะเล็ด การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันและการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขอนามัยเป็นสิ่ง ที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถใช้ชีวิตได้ ดังนี้

• ปรับเปลี่ยนการดื่มน้ำและอาหาร เครื่องดื่มและอาหารบางชนิด เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และอาหารรสจัด สามารถกระตุ้นกระเพาะปัสสาวะให้ทำงานไวเกินไป ซึ่งจะทำให้อาการปัสสาวะเล็ดแย่ลงได้ ลองสังเกตและลดปริมาณสิ่งเหล่านี้ลง เพื่อดูว่าช่วยบรรเทาภาวะปัสสาวะเล็ดของคุณได้หรือไม่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยควบคุมอาการปัสสาวะเล็ดได้ด้วยตนเอง
• ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ น้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะสร้างแรงกดทับอย่างต่อเนื่องลงบนกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปัสสาวะเล็ด การลดน้ำหนักแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยลดแรงกดดันนี้ และทำให้ภาวะปัสสาวะเล็ดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การควบคุมน้ำหนักจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการกับอาการปัสสาวะเล็ดในระยะยาว
• ฝึกการเข้าห้องน้ำเป็นเวลา การฝึกกระเพาะปัสสาวะโดยการกำหนดตารางเวลาเข้าห้องน้ำ เช่น ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง จะช่วยให้สมองและกระเพาะปัสสาวะทำงานประสานกันได้ดีขึ้น วิธีนี้จะช่วยลดความรู้สึกปวดปัสสาวะกะทันหันซึ่งนำไปสู่ปัสสาวะเล็ดได้ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกลั้นปัสสาวะและป้องกันภาวะปัสสาวะเล็ดที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะทำให้คุณควบคุมอาการปัสสาวะเล็ดได้ดีขึ้น
• การใช้แผ่นซึมซับเพื่อความมั่นใจ ในระหว่างที่กำลังรักษาหรือปรับพฤติกรรม การใช้แผ่นอนามัยหรือแผ่นซึมซับที่ออกแบบมาสำหรับปัสสาวะเล็ดโดยเฉพาะ จะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยจัดการกับความเปียกชื้นและกลิ่น ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับภาวะปัสสาวะเล็ดเมื่อต้องออกไปนอกบ้าน การมีตัวช่วยที่ดีจะทำให้คุณรับมือกับอาการปัสสาวะเล็ดได้อย่างสบายใจขึ้น

ปัสสาวะเล็ด

ปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม สาเหตุเกิดจากอะไร รวมทุกเรื่องที่ผู้หญิงควรรู้

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาปัสสาวะเล็ด ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

วิธีรักษาอาการปัสสาวะเล็ด
การรักษาภาวะปัสสาวะเล็ดมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและสาเหตุของแต่ละคน การทำความเข้าใจแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่เผชิญปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมและเห็นผลจริง ทั้งการใช้เทคโนโลยี หัตถการ และการผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด ได้แก่

โปรแกรม Vaginal Lift
การรักษาด้วยโปรแกรม Vaginal Lift เป็นหัตถการที่ใช้พลังงานเลเซอร์หรือคลื่นพลังงานในการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อช่องคลอด กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่แข็งแรงขึ้นสามารถช่วยควบคุมการกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยลดอาการปัสสาวะเล็ดในชีวิตประจำวัน โปรแกรมนี้เหมาะกับผู้หญิงที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ดจากการคลอดบุตรหรืออายุที่มากขึ้น การทำอย่างต่อเนื่องช่วยลดความถี่ของปัสสาวะเล็ดและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้หญิงกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

ยกกระชับช่องคลอด Vaginal Lift คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

โปรแกรม Emsella เก้าอี้สร้างสุข
โปรแกรม Emsella คือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง (High-Intensity Focused Electromagnetic Technology) หรือ HIFEM ที่สามารถกระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้เกิดการหดตัวและคลายตัวได้ถึง 11,200 ครั้งในเวลาประมาณ 30 นาที การฝึกอย่างเข้มข้นนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการฝึก Kegel เป็นหมื่นครั้ง ช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานกลับมาแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูภาวะปัสสาวะเล็ดอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเจ็บตัว

การใช้โปรแกรมเลเซอร์หรือคลื่นพลังงานเพื่อกระชับช่องคลอด
ในกรณีที่อาการปัสสาวะเล็ดเกิดจากภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน แพทย์อาจพิจารณาจ่ายยาในกลุ่ม anticholinergics หรือ beta-3 agonists เพื่อช่วยลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและเพิ่มความสามารถในการกักเก็บปัสสาวะ ทำให้ความถี่ในการปัสสาวะลดลงและความรู้สึกปวดปัสสาวะฉับพลันลดลงด้วย การใช้ยาควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมจะช่วยจัดการกับอาการปัสสาวะเล็ดประเภทนี้ได้ดีขึ้น

การฉีดโปรแกรมสารเติมเต็ม (Bulking Agent Injection)
วิธีนี้เป็นหัตถการที่ใช้การฉีดสารเสริมเข้าไปบริเวณรอบท่อปัสสาวะเพื่อเพิ่มแรงกดและป้องกันการรั่วซึม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ดเรื้อรังในระดับปานกลางถึงมากและยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดใหญ่ การรักษาปัสสาวะเล็ดด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือเห็นผลชัดเจนหลังทำ ฟื้นตัวไว และสามารถทำซ้ำได้ในอนาคตหากอาการกลับมาอีก ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมปัสสาวะเล็ดได้ดีขึ้นและใช้ชีวิตประจำวันอย่างมั่นใจมากกว่าเดิม

การผ่าตัดฝังอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Artificial Sphincter or Balloon)
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงหรือล้มเหลวจากการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดฝังอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น หูรูดเทียม (Artificial Sphincter) หรือบอลลูน (Balloon) เพื่อควบคุมการไหลของปัสสาวะ อุปกรณ์เหล่านี้จะถูกฝังไว้รอบท่อปัสสาวะและสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้ป่วยสามารถสั่งการให้ท่อปัสสาวะเปิด-ปิดได้ตามต้องการ วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดที่ให้ผลลัพธ์ดีในระยะยาวและช่วยฟื้นฟูการควบคุมการปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรง

การฟื้นฟูด้วยกายภาพบำบัดและการปรับพฤติกรรม
แม้จะเป็นวิธีพื้นฐาน แต่ก็มีความสำคัญอย่างมากในผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ด การฝึกกายภาพ เช่น Kegel Exercise ร่วมกับการปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำและการขับถ่าย สามารถช่วยควบคุมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ดลดความถี่และความรุนแรงของอาการลงได้ การทำต่อเนื่องเป็นประจำยังช่วยป้องกันการเกิดปัสสาวะเล็ดในอนาคต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการรักษาเพื่อลดความเสี่ยงและไม่ต้องพึ่งพาหัตถการหรือการผ่าตัด

เคล็ดลับป้องกันปัญหาปัสสาวะเล็ดสำหรับผู้หญิงทุกวัย
ภาวะปัสสาวะเล็ดสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและดูแลสุขภาพของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอย่างสม่ำเสมอ การเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาปัสสาวะเล็ดในอนาคต และช่วยให้ผู้หญิงทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจในทุกช่วงวัย

• ออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise) การฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นประจำช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง สามารถควบคุมการกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้น ผู้หญิงที่ฝึกอย่างต่อเนื่องจะลดความเสี่ยงของอาการปัสสาวะเล็ดในระยะยาว การออกกำลังกายลักษณะนี้ยังช่วยเสริมสุขภาพทางเพศและลดโอกาสปัสสาวะเล็ดซ้ำหลังคลอด
• หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน การฝืนกลั้นปัสสาวะนานเกินไปอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เมื่อเกิดปัญหาสะสมอาจนำไปสู่อาการปัสสาวะเล็ดได้ การจัดตารางเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาและไม่รอจนรู้สึกปวดมากเกินไปช่วยลดโอกาสการเกิดปัสสาวะเล็ด การสร้างวินัยที่ดีนี้เป็นการดูแลสุขภาพทางเดินปัสสาวะ
• ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม แม้ว่าการดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้ปัสสาวะเข้มข้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่การดื่มน้ำมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดได้เช่นกัน การดื่มน้ำในปริมาณที่สมดุลช่วยให้ร่างกายสดชื่นและลดความถี่ในการปัสสาวะเล็ดโดยไม่กดดันกระเพาะปัสสาวะ การเลือกดื่มน้ำอย่างพอเหมาะและสม่ำเสมอในแต่ละวันเป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ในการป้องกันปัญหาปัสสาวะเล็ด
• หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไป คาเฟอีนและแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะและกระตุ้นกระเพาะปัสสาวะ ทำให้บางคนมีอาการปัสสาวะเล็ดได้บ่อยขึ้น การลดปริมาณกาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและลดโอกาสเกิดปัสสาวะเล็ด การดูแลสุขภาพด้วยการเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมจึงเป็นหนึ่งในวิธีป้องกัน
• เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง เช่น โยคะหรือพิลาทิส มีส่วนช่วยในการพยุงกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและลดโอกาสเกิดอาการปัสสาวะเล็ด ผู้หญิงที่ฝึกอย่างต่อเนื่องจะสังเกตว่าปัญหาปัสสาวะเล็ดลดลง การเสริมความแข็งแรงของร่างกายส่วนกลางยังช่วยให้การทรงตัวดีขึ้นและลดภาวะปัสสาวะเล็ดเมื่ออายุมากขึ้น
• ใส่ใจสุขภาพหลังคลอดบุตร ผู้หญิงหลายคนมีปัญหาปัสสาวะเล็ดหลังคลอดเนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง การฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสมและการเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ช่วยลดปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ การดูแลสุขภาพตั้งแต่ช่วงหลังคลอดจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะปัสสาวะเล็ดเรื้อรัง การให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูร่างกายเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาว
• เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพทางนรีเวชและระบบทางเดินปัสสาวะเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ หากมีอาการปัสสาวะเล็ดในระยะเริ่มต้น แพทย์สามารถให้คำแนะนำวิธีดูแลและรักษาได้ทันท่วงที การพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาปัสสาวะเล็ดและทำให้ผู้หญิงทุกวัยใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

สรุป ปัสสาวะเล็ดสามารถแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง
ปัญหาปัสสาวะเล็ดไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังหรือยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงเสมอไป เพราะภาวะปัสสาวะเล็ดนี้สามารถรักษาและบรรเทาให้ดีขึ้นได้ด้วยหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การควบคุมน้ำหนัก และที่สำคัญคือการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือ Kegel Exercise ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด ในกรณีที่อาการรุนแรงขึ้น

ปัจจุบันมีการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ไขภาวะปัสสาวะเล็ดได้อย่างตอบโจทย์และลดความเสี่ยง ทำให้ผู้หญิงทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ ไร้ความกังวลเรื่องปัสสาวะเล็ด สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับปัสสาวะเล็ด หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ ปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม สาเหตุเกิดจากอะไร รวมทุกเรื่องที่ควรรู้,ปัสสาวะเล็ด หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอจามไม่ใช่เรื่องปกติ บทความนี้จะพาไปรู้จักสาเหตุจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ พร้อมวิธีป้องกันและรักษาที่เห็นผล ทำไมไอ จาม แล้วปัสสาวะเล็ด รวมทุกเรื่องที่ผู้หญิงควรรู้

9
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น