บทความเกี่ยวกับ : มอยส์เจอไรเซอร์
มอยส์เจอไรเซอร์ ตัวช่วยลดผิวแห้งกร้านให้หน้าฉ่ำแบบ Glass Skin
มอยส์เจอไรเซอร์คืออะไร รู้จักตัวช่วยลดผิวแห้งกร้าน
มอยส์เจอไรเซอร์ก็คือไอเทมพื้นฐานที่เป็นสิ่งสำคัญให้ผิวฉ่ำวาวสุขภาพดีแบบ Glass Skin ที่ถือเป็นเป้าหมายผิวในฝันของใครหลายคน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการไปถึงจุดนั้นคือการมีพื้นฐานผิวที่แข็งแรงและชุ่มชื้น บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของมอยส์เจอไรเซอร์ตั้งแต่ความหมายพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการเลือกใช้ให้เหมาะกับผิว การจับคู่กับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ตลอดจนนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่เสมือนมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อตอบทุกข้อสงสัยและสร้างผิวสุขภาพดีในแบบของคุณ
มอยส์เจอไรเซอร์คืออะไร
มอยส์เจอไรเซอร์คือสารบำรุงผิวที่มีหน้าที่หลักในการเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยลดปัญหาผิวแห้งกร้าน ลอก เป็นขุยและริ้วรอยที่เกิดจากความแห้ง โดยมอยส์เจอไรเซอร์จะทำหน้าที่สร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น เพื่อลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม อิ่มน้ำและดูสุขภาพดี มอยส์เจอไรเซอร์ถือเป็นขั้นตอนการบำรุงผิวที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกสภาพผิว
มอยส์เจอไรเซอร์ทำงานอย่างไร
มอยส์เจอไรเซอร์ไม่ได้ทำงานเพียงแค่การเติมน้ำให้ผิว แต่มีกลไกหลักเพื่อช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ยาวนาน การทำงานของมอยส์เจอไรเซอร์จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของผิวแห้ง
ขั้นตอนการทำงานของมอยส์เจอไรเซอร์
• ดึงความชุ่มชื้น ส่วนผสมในมอยส์เจอไรเซอร์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำจากอากาศและชั้นผิวหนังแท้ขึ้นมาสู่ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดี
• เติมเต็มและทำให้ผิวเรียบเนียน มอยส์เจอไรเซอร์จะมีสารที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่แห้งกร้านกลับมาเรียบเนียนและนุ่มขึ้น การทำงานของมอยส์เจอไรเซอร์ในส่วนนี้ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
• สร้างเกราะป้องกันและกักเก็บ เป็นขั้นตอนสำคัญของมอยส์เจอไรเซอร์โดยจะสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ จึงเป็นการล็อคความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวได้
มอยส์เจอไรเซอร์มีแหล่งกำเนิดจากอะไร
มอยส์เจอไรเซอร์ไม่ได้หมายถึงสารประกอบเพียงชนิดเดียวที่พบได้ในธรรมชาติ แต่คือการผสมผสานส่วนผสมจากหลากหลายแหล่งกำเนิดทั้งจากพืช สัตว์และการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเกิดเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิว ดังนั้นส่วนผสมในมอยส์เจอไรเซอร์จึงมาจากแหล่งต่าง ๆ ดังนี้
• แหล่งกำเนิดจากพืช น้ำมันและสารสกัดจากพืช เช่น Shea Butter Jojoba Oil Squalane เป็นส่วนประกอบหลักที่พบได้บ่อยในมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของมอยส์เจอไรเซอร์หลาย ๆ แบรนด์
• แหล่งกำเนิดจากสัตว์ ส่วนผสมอย่าง Lanolin หรือ Beeswax ถูกนำมาใช้ในมอยส์เจอไรเซอร์บางสูตรเพื่อช่วยเคลือบผิวและกักเก็บความชุ่มชื้น
• แหล่งกำเนิดจากปิโตรเลียม สารกลุ่ม Occlusive ยอดนิยมอย่าง Petrolatum หรือ Mineral Oil เป็นส่วนประกอบสำคัญในมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวแห้งมากเพราะช่วยสร้างเกราะป้องกันการสูญเสียน้ำได้ดี
• การสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ มอยส์เจอไรเซอร์มาที่มาจากสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Hyaluronic Acid Glycerin และ Ceramides มักถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการเพื่อให้มีความบริสุทธิ์และทำงานได้ดี
• กระบวนการหมักชีวภาพ สารที่ได้จากการหมักเช่น จุลินทรีย์หรือยีสต์ เป็นอีกแหล่งที่นิยมในมอยส์เจอไรเซอร์ยุคใหม่เพราะช่วยเสริมการฟื้นฟูผิวและปรับสมดุลผิวได้
มอยส์เจอไรเซอร์เหมาะกับใคร
หลายคนมักเข้าใจผิดว่ามอยส์เจอไรเซอร์จำเป็นสำหรับคนผิวแห้งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมอยส์เจอไรเซอร์ เป็นขั้นตอนการบำรุงผิวที่สำคัญสำหรับทุกคนเพราะผิวทุกประเภทสามารถขาดน้ำได้ การใช้มอยส์เจอไรเซอร์จึงเป็นพื้นฐานสู่ผิวสุขภาพดี
มอยส์เจอไรเซอร์เหมาะกับบุคคลดังนี้
• ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน เป็นกลุ่มที่จำเป็นเพราะมอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดอาการลอกเป็นขุยได้โดยตรง
• ผู้ที่มีผิวมัน การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยปรับสมดุลผิว ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อยลง
• ผู้ที่มีผิวผสม ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ส่วนที่แห้งและควบคุมความมันในบริเวณทีโซน
• ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยนจะช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
• ผู้ที่มีปัญหาสิว ผิวที่เป็นสิวมักอ่อนแอและต้องการความชุ่มชื้น การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่อุดตันจะช่วยฟื้นฟูผิวได้ดี
• ผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอย ผิวที่ชุ่มชื้นและอิ่มฟูจะทำให้ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลง การใช้มอยส์เจอไรเซอร์จึงช่วยชะลอวัยได้
• คนที่ทำงานในห้องแอร์เป็นประจำ อากาศแห้งในห้องแอร์จะดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว การทา มอยส์เจอไรเซอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็น
• ผู้ที่ใช้สกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA BHA หรือ Retinoids ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ควบคู่ไปด้วยเสมอเพื่อลดการระคายเคือง
• ผู้ชายที่ต้องการดูแลผิว ผิวของผู้ชายก็ต้องการความชุ่มชื้นจากมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อลดความหยาบกร้านและทำให้ผิวดูสุขภาพดี
• ทุกคนที่แต่งหน้า การลงมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนแต่งหน้าจะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนและดูเรียบเนียนขึ้น
มอยส์เจอไรเซอร์ไม่เหมาะกับใคร
โดยทั่วไปแล้วมอยส์เจอไรเซอร์ถือเป็นพื้นฐานการดูแลผิวที่สำคัญ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ต้องพิจารณาเลือกใช้ มอยส์เจอไรเซอร์อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้อาการทางผิวหนังแย่ลง
มอยส์เจอไรเซอร์อาจไม่เหมาะหรือต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในกลุ่มคนเหล่านี้
• ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อหนักหรือส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขนอาจกระตุ้นให้สิวเห่อมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
• ผู้ที่เป็นสิวเชื้อรา ส่วนผสมบางชนิดในมอยส์เจอไรเซอร์ ทั่วไป เช่น Fatty Acids หรือ Esters บางตัว สามารถเป็นอาหารของเชื้อราได้ ผู้ที่มีภาวะนี้จึงควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีฉลากว่า Fungal Acne Safe
• ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนผสมบางชนิด หากเคยมีอาการแพ้ส่วนผสมอย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสียบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมเหล่านั้นและควรทดสอบมอยส์เจอไรเซอร์บริเวณกรอบหน้าหรือท้องแขนก่อนใช้เสมอ
• ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด ในผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบรอบปาก การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง และมีคุณสมบัติอุดคลุมผิวอาจทำให้อาการกำเริบได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อเลือกชนิดของมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสม

มอยส์เจอไรเซอร์ คืออะไร มีกี่แบบ เลือกอย่างไร ให้เหมาะกับผิวตัวเอง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ บทความมอยส์เจอไรเซอร์ ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์แล้วหน้ามันเป็นสิว ? เช็กด่วนว่าคุณทำอะไรผิด
ความเชื่อที่ว่ามอยส์เจอไรเซอร์ทำให้หน้ามันและเกิดสิวถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนโดยเฉพาะคนผิวมันกลัวการบำรุงผิว แต่ปัญหามักไม่ได้อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์เสมอไปอาจเกิดจากความผิดพลาดเล็กน้อยที่เรามองข้าม ลองมาเช็กกันว่าคุณกำลังทำข้อไหนอยู่
• เลือกเนื้อสัมผัสผิด คุณอาจเลือกเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์ที่หนักเกินไปสำหรับสภาพผิว เช่น คนผิวมันแต่กลับใช้สูตรเนื้อครีมที่เข้มข้น
• ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ปริมาณมากเกินไป การทามอยส์เจอไรเซอร์ในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็น ทำให้ผิวดูดซึมไม่หมดและเหลือตกค้างจนเกิดความมันเยิ้ม
• ไม่ทำความสะอาดผิวก่อน การทามอยส์เจอไรเซอร์ลงบนผิวที่ยังมีสิ่งสกปรกหรือน้ำมันเก่าสะสมอยู่ จะยิ่งเป็นการล็อคสิ่งสกปรกไว้จนเกิดการอุดตัน
• ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมที่อุดตัน มอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้อาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เช่น น้ำมันบางชนิดหรือซิลิโคนหนัก ๆ
• ขาดการผลัดเซลล์ผิว เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจะขวางกั้นการซึมซาบทำให้มอยส์เจอไรเซอร์กองอยู่บนผิวชั้นนอกและรู้สึกเหนอะหนะ
• ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่รุนแรง การล้างหน้าจนผิวแห้งเอี๊ยดจะกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ พอทามอยส์เจอไรเซอร์ทับจึงยิ่งทำให้หน้ามัน
• ลำดับการลงสกินแคร์ผิด หากคุณลงมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันก่อนเซรั่มที่เป็นน้ำ จะทำให้เซรั่มซึมลงผิวไม่ได้
• สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ในวันที่อากาศร้อนชื้นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรเดิมที่เคยใช้ในฤดูหนาวอาจจะหนักเกินไป
• ทาบนผิวที่แห้งสนิท การลงมอยส์เจอไรเซอร์บนผิวหมาด ๆ จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมซาบได้ดีกว่าและไม่ทิ้งความมันไว้บนผิว
จับคู่มอยส์เจอไรเซอร์ผิวแบบไหนควรใช้เนื้อสัมผัสอะไร
การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ไม่ใช่แค่การเลือกตามแบรนด์ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกเนื้อสัมผัสให้ตรงกับความต้องการของผิวเพราะผิวที่ต่างกันต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมให้ผิวสุขภาพดีและแก้ปัญหาได้
• มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลหรือโลชั่นสูตร Oil-free ที่ซึมไว ไม่ทิ้งความมัน การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ถูกต้องจะช่วยควบคุมความมันแทนที่จะทำให้มันเพิ่มขึ้น
• มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวแห้งและขาดน้ำ มองหามอยส์เจอไรเซอร์เนื้อครีมหรือบาล์มที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นและสร้างเกราะป้องกันผิวได้อย่างยาวนาน มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทนี้จะช่วยลดอาการลอกเป็นขุยได้ดี
• มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวผสม มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อโลชั่นหรือเจลครีมเพราะให้ความชุ่มชื้นที่พอเหมาะโดยไม่ทำให้โซนทีมันเยิ้ม และยังบำรุงโซนแก้มที่แห้งได้ดี
• มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย ควรเน้นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์และมีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว เช่น Ceramides หรือ Panthenol เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิว
• มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวธรรมดา เป็นสภาพผิวที่ดูแลง่ายสามารถเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อโลชั่นเพื่อคงความสมดุลของผิวให้สุขภาพดีอย่างสม่ำเสมอ
เทคนิคการใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบปี 2025 ให้ผิวฉ่ำ
การจะทำให้ผิวให้ฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ในปี 2025 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีมอยส์เจอไรเซอร์ราคาแพง แต่อยู่ที่การรู้จักเทคนิคการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้ได้ประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยดึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ออกมาได้อย่างเต็มที่
• Moisture Sandwiching เทคนิคการลงสกินแคร์เป็นชั้น ๆ เพื่อขังความชุ่มชื้นไว้ในผิว เริ่มต้นด้วยการฉีดสเปรย์น้ำแร่บนผิวหมาด ๆ ตามด้วยเซรั่มแล้วรีบลงมอยส์เจอไรเซอร์ทับทันที อาจปิดท้ายด้วยออยล์อีกชั้นสำหรับคนผิวแห้งมาก
• Skin Cycling เทรนด์การดูแลผิวแบบหมุนเวียนโดยมีวันใช้ Active Ingredients เช่น ผลัดเซลล์ผิว เรตินอล สลับกับวันพักผิว 2 วัน ซึ่งในวันพักผิวนี้จะเน้นใช้เพียงมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรง
• กฎ 3 นาทีหลังล้างหน้า เคล็ดลับพื้นฐานคือการทามอยส์เจอไรเซอร์ภายใน 3 นาทีหลังซับหน้าเบา ๆ ในขณะที่ผิวยังคงความชุ่มชื้น จะทำให้มอยส์เจอไรเซอร์สามารถซึมซาบ และล็อคความชุ่มชื้นได้ดีกว่าการทาบนผิวที่แห้งสนิท
จับคู่มอยส์เจอไรเซอร์กับ Active Ingredients ใช้อย่างไรให้ผิวไม่พัง
การใช้ Active Ingredients อย่างเรตินอลหรือกรดผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย การจับคู่กับ มอยส์เจอไรเซอร์ที่ถูกต้องจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้ผิวพังและยังช่วยเสริมประสิทธิภาพกันอีกด้วย
• เมื่อใช้มอยส์เจอไรเซอร์กับเรตินอล ให้ใช้เทคนิค Sandwich Method โดยลงมอยส์เจอไรเซอร์ บาง ๆ ก่อนเพื่อเป็นเบสจากนั้นตามด้วยเรตินอล แล้วปิดท้ายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์อีกชั้นเพื่อลดการระคายเคืองและล็อคความชุ่มชื้น
• เมื่อใช้มอยส์เจอไรเซอร์กับกรดผลัดเซลล์ผิว หลังทากรดผลัดเซลล์ผิวควรรอประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้สารทำงานเต็มที่ จากนั้นจึงค่อยทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เน้นปลอบประโลมและซ่อมแซมผิวทับลงไป การใช้มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยลดความแห้งตึงได้ดี
• เมื่อใช้มอยส์เจอไรเซอร์กับวิตามินซี วิตามินซีควรทาเป็นขั้นตอนแรกๆ หลังล้างหน้าบนผิวที่แห้งสนิท รอให้ซึมสักครู่แล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยล็อคประสิทธิภาพและเพิ่มความชุ่มชื้น การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีจะเสริมให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
• เมื่อใช้มอยส์เจอไรเซอร์กับไนอะซินาไมด์ เป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีสามารถใช้เซรั่มก่อนแล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือจะเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์อยู่แล้วเพื่อความสะดวกก็ได้
• กฎสำคัญที่ต้องจำ ไม่ว่าจะใช้อะไรก็ตามควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์สูตรที่เน้นการเสริมเกราะป้องกันผิวและปราศจากน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์เพื่อลดโอกาสการระคายเคืองซ้ำซ้อน

มอยส์เจอไรเซอร์ คืออะไร มีกี่แบบ เลือกอย่างไร ให้เหมาะกับผิวตัวเอง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ บทความมอยส์เจอไรเซอร์ ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ประเภทของมอยส์เจอไรเซอร์มีกี่แบบ
การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมด้วย ซึ่งเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันนี้เกิดจากสัดส่วนของน้ำและน้ำมันที่ไม่เท่ากัน ทำให้มอยส์เจอไรเซอร์แต่ละประเภทมีคุณสมบัติในการเติมและล็อคความชุ่มชื้นที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งประเภทของมอยส์เจอไรเซอร์ตามเนื้อสัมผัสหลัก ๆ ได้ดังนี้
มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทเจล
เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อเบามีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักและมักจะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำให้มอยส์เจอไรเซอร์ซึมซาบเร็วไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิวให้ความรู้สึกสดชื่นสบายผิว หน้าที่หลักคือการเติมน้ำให้ผิวด้วยสารกลุ่ม Humectant เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวเป็นสิวง่ายหรือใช้ในสภาพอากาศร้อนชื้น
มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทโลชั่น
มอยส์เจอไรเซอร์แบบโลชั่นมีเนื้อสัมผัสอยู่กึ่งกลางระหว่างเจลและครีมมีส่วนผสมของน้ำมันมากกว่าเจลแต่ยังคงความบางเบาและซึมซาบได้ดีทำหน้าที่เติมน้ำและช่วยให้ผิวนุ่มไปพร้อมกัน มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทนี้จึงเป็นตัวเลือกที่สมดุลและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวผสมหรือคนผิวมันที่ต้องการความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นในบางช่วงเวลา
มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทครีม
มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดครีมมีเนื้อเข้มข้นเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันในสัดส่วนที่สูงกว่าน้ำ เน้นการบำรุงและสร้างเกราะป้องกันผิวเพื่อล็อคความชุ่มชื้น เนื้อสัมผัสมอยส์เจอไรเซอร์อาจจะหนักกว่าแต่ให้ความชุ่มชื้นยาวนานเหมาะสำหรับคนผิวแห้ง ผิวขาดน้ำหรือใช้ในช่วงอากาศหนาวเย็น
มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทบาล์ม
เป็นมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อสัมผัสที่หนักและเข้มข้นสูง มีน้ำมัน ไขมันหรือแว็กซ์เป็นส่วนประกอบหลักเกือบทั้งหมด ทำหน้าที่เป็นฟิล์มเคลือบผิวเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิวได้ดี มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดนี้มักใช้สำหรับผิวที่แห้งกร้าน แตก ลอกเป็นขุยอย่างรุนแรงหรือใช้บำรุงเฉพาะจุดเช่น ริมฝีปาก ข้อศอกหรือส้นเท้า
มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายแตกต่างจากผิวหน้าไหม
แม้ว่าจะมีจุดประสงค์เพื่อให้ความชุ่มชื้นเหมือนกัน แต่มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายและผิวหน้าถูกออกแบบมาให้แตกต่างกัน การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้ถูกกับประเภทของผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายและผิวหน้ามีดังนี้
• ความหนาของเนื้อสัมผัส โดยทั่วไปมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายจะมีเนื้อสัมผัสที่หนาและเข้มข้นกว่า เพื่อรับมือกับผิวที่หนากว่า ในขณะที่มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้าจะเน้นความบางเบาเพื่อไม่ให้อุดตันรูขุมขน
• การอุดตันรูขุมขน (Comedogenic) เนื่องจากผิวหน้ามีต่อมไขมันเยอะและบอบบางกว่า มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้าจึงถูกออกแบบมาให้มีโอกาสอุดตันน้อย (Non-Comedogenic) ซึ่งต่างจาก มอยส์เจอไรเซอร์ทาตัวที่อาจมีส่วนผสมที่หนักกว่า
• ส่วนผสมและสารออกฤทธิ์ (Active Ingredients) มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้ามักมีส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ซับซ้อนและมีราคาสูงกว่า เช่น เรตินอล หรือเปปไทด์ เพื่อดูแลปัญหาผิวเฉพาะจุด ส่วน มอยส์เจอไรเซอร์ผิวกายจะเน้นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นสูงเป็นหลัก
• ความอ่อนโยนและน้ำหอม มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายหลายชนิดมักมีส่วนผสมของน้ำหอมเพื่อความเพลิดเพลินในการใช้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าที่บอบบางได้ง่าย
• บรรจุภัณฑ์และราคา มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายมักมาในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ และราคาเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อเทียบกับปริมาณ เพื่อให้สามารถใช้ได้ทั่วร่างกายเป็นประจำ
มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายเลือกอย่างไร
การดูแลผิวกายก็สำคัญไม่แพ้ผิวหน้า การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน คันหรือหมองคล้ำได้ และยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงในระยะยาว ลองใช้หลักเกณฑ์เหล่านี้ในการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายของคุณ
• พิจารณาจากสภาพผิวเป็นหลัก ผิวแห้งมากควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อครีมหรือบาล์มเข้มข้น ส่วนผิวธรรมดาถึงผิวมันอาจเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อโลชั่นที่บางเบาเพื่อความสบายผิว
• เลือกเนื้อสัมผัสที่ชอบและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ หากคุณไม่ชอบความเหนอะหนะการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์รูปแบบโลชั่นหรือเจลที่ซึมไวจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
• มองหาส่วนผสมที่ช่วยแก้ปัญหาผิว หากต้องการความชุ่มชื้นสูง มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเซราไมด์เชียบัตเตอร์ แต่หากต้องการผิวกระจ่างใสลองมองหามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือไนอะซินาไมด์
• สำหรับผิวแพ้ง่าย ควรเลือกสูตรอ่อนโยน ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงในการระคายเคือง
• เลือกมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับปัญหาเฉพาะจุด สำหรับผิวหยาบกร้านเป็นพิเศษหรือมีปัญหาขนคุด ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA หรือยูเรีย เพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
หัตถการที่เพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวมาแรงปี 2025
เทรนด์ผิวฉ่ำวาวในปี 2025 ทำให้หัตถการที่ช่วยเรื่องงานผิวกำลังเป็นที่นิยม หัตถการจะทำหน้าที่เสมือนเป็นลมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวโดยตรงแก้ปัญหาผิวขาดน้ำได้ล้ำลึกกว่าการทาครีมมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไป ซึ่งมีแนะนำอัปเดตในปี 2025 ดังนี้
• โปรแกรม Profhilo ฟื้นฟูโครงสร้างผิวด้วยสาร HA ทำงานเสมือนเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชีวภาพใต้ชั้นผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูจากภายใน
• โปรแกรม Belotero Revive โปรแกรมฟิลเลอร์งานผิวที่ผสาน HA และ Glycerol ซึ่งทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์สองชั้นช่วยล็อกความชุ่มชื้น ลดรอยแดงและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
• โปรแกรม Juvederm Volite การฉีดสาร HA ด้วยเทคโนโลยี Vycross ที่ให้ผลลัพธ์เหมือนการทามอยส์เจอไรเซอร์คุณภาพสูงที่ติดทนนานหลายเดือน ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและดูสุขภาพดี
• โปรแกรม Rejuran การใช้ Polynucleotide จาก DNA ปลาแซลมอน เพื่อซ่อมแซมเซลล์ผิวกระตุ้นให้ผิวสร้างเกราะป้องกันและกักเก็บมอยส์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติได้ดีขึ้น
• โปรแกรม Exosome นวัตกรรมการฟื้นฟูผิวระดับเซลล์ เปรียบเสมือนการสั่งให้เซลล์ผิวผลิตมอยส์เจอไรเซอร์ได้ด้วยตัวเอง ทำให้ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นอย่างยั่งยืน
• โปรแกรม Chanel โปรแกรมชาแนลเปรียบเป็นการฉีดมอยส์เจอไรเซอร์สูตรเข้มข้น ที่ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุเพื่อผิวฉ่ำวาว
• โปรแกรม Made Collagen โปรแกรมฉีดวิตามิน 16 จุดทั่วใบหน้าเพื่อดีท็อกซ์ผิวและฟื้นฟูเซลล์ ทำให้ผิวสามารถสร้างและกักเก็บมอยส์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติได้อย่างสมดุล
• โปรแกรม Restylane Skinboosters โปรแกรมฉีด HA โมเลกุลเล็กเพื่อทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ใต้ผิวโดยตรง ช่วยเติมเต็มร่องตื้น ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำ
• โปรแกรม Jet Peel เทคโนโลยีที่ใช้แรงดันสูงผลักสารบำรุงที่เป็นเหมือนมอยส์เจอไรเซอร์เข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกพร้อมทำความสะอาดรูขุมขนไปในตัว
• โปรแกรม HydraFacial ทรีตเมนต์ทำความสะอาดผิวหน้าพร้อมเติมสารบำรุงและมอยส์เจอไรเซอร์สูตรเฉพาะของแบรนด์ต่าง ๆ เข้าสู่ผิว ทำให้ผิวสะอาดและชุ่มชื้น
รีวิวผลลัพธ์หลังทำหัตถการเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์
ใครที่เหมาะกับการทำหัตถการเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์
หัตถการที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยตรงให้ผิวเป็นทางเลือกเหมาะสมสำหรับผู้ที่การทาครีมบำรุงอาจไม่เพียงพอ การเติมสารบำรุงมอยส์เจอไรเซอร์สู่ชั้นผิวจะช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างเห็นได้ชัดค่อนข้างไวกว่า
กลุ่มคนที่เหมาะกับการทำหัตถการเพื่อเติมมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวโดยตรงได้แก่
• ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำเป็นพิเศษ รู้สึกว่าทาครีมเท่าไหร่ผิวก็ยังไม่ชุ่มชื้น การเติมมอยส์เจอไรเซอร์โดยตรงจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้จากภายใน
• ผู้ที่มีผิวมันแต่ขาดน้ำ สภาพผิวที่หน้ามันแต่ลอกเป็นขุย บ่งบอกว่าผิวต้องการมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อปรับสมดุลการผลิตน้ำมัน
• ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ริ้วรอยที่เกิดจากความแห้งกร้าน การเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยให้ผิวฟูขึ้นและริ้วรอยดูจางลง
• ผู้ที่รู้สึกว่าผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส การเติมมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นจะช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งฉ่ำวาว มีชีวิตชีวาขึ้น
• ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง เมื่อผิวได้รับมอยส์เจอไรเซอร์ที่เพียงพอ จะทำให้ผิวดูอิ่มฟูและรูขุมขนแลดูเล็กลง
• ผู้ที่แต่งหน้าไม่ติดทน การเตรียมผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ระดับลึกจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนและเครื่องสำอางติดทนนานขึ้น
• ผู้ที่มีเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ผิวที่แพ้ง่ายและสูญเสียความชุ่มชื้นเร็ว การเติมมอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรง
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สำหรับคนที่ต้องการให้ผิวดูดีที่สุดก่อนออกงานสำคัญ การฉีดมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
• ผู้ที่ผ่านการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่น การเสริมมอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูและปลอบประโลมผิวหลังการรักษา
• ผู้ที่ต้องการดูแลผิวเชิงป้องกัน สำหรับผู้ที่ไม่อยากรให้ผิวแห้งกร้านก่อนวัย การลงทุนกับมอยส์เจอไรเซอร์คุณภาพสูงให้ผิวถือเป็นทางเลือกที่ดี
ใครที่ไม่เหมาะกับการทำหัตถการเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์
แม้ว่าหัตถการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์จะได้รับความนิยมแต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับทุกคน การประเมินสภาพผิวและสุขภาพโดยรวมจะช่วยลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการทำหัตถการเพื่อเติมมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวโดยตรงได้แก่
• สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่เพียงพอต่อทารก การฉีดสารมอยส์เจอไรเซอร์เข้าสู่ร่างกายจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
• ผู้ที่มีการติดเชื้อบนผิวหนัง บริเวณที่จะทำหัตถการ เช่น เป็นเริม สิวอักเสบติดเชื้อรุนแรง การทำหัตถการเติมมอยส์เจอไรเซอร์อาจทำให้การติดเชื้อลุกลามได้
• ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนผสมในตัวยา เช่นแพ้กรดไฮยาลูรอนิกหรือยาชา หากฉีดมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมนั้นเข้าไป อาจก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้
• ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรค SLE หรือ Scleroderma เพราะร่างกายอาจตอบสนองต่อสารมอยส์เจอไรเซอร์ที่ฉีดเข้าไปผิดปกติและกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบ
• ผู้ที่มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นคีลอยด์ง่าย การใช้เข็มเพื่อนำส่งมอยส์เจอไรเซอร์อาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนผิดปกติจนเกิดเป็นแผลเป็นนูนได้
• ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือมีภาวะเลือดออกง่าย เพราะจะมีความเสี่ยงเลือดออกใต้ผิวหนังและเกิดรอยช้ำนานกว่าปกติจากการฉีดมอยส์เจอไรเซอร์
• ผู้ที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงหรือสิวหัวช้าง การฉีดสารมอยส์เจอไรเซอร์ลงไปในบริเวณที่มีการอักเสบอาจทำให้สิวเห่อและเกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อน
• ผู้ที่มีโรคผิวหนังกำเริบในบริเวณที่จะทำ เช่น โรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ การเติมมอยส์เจอไรเซอร์ด้วยเข็มอาจรบกวนผิวที่อ่อนแออยู่แล้ว
• ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริง ควรเข้าใจว่าหัตถการเหล่านี้เน้นการเติมมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มคุณภาพผิว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าได้
• ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำโปรแกรมเลเซอร์หรือหัตถการที่รุนแรง ควรเว้นระยะให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ก่อนจะเติมมอยส์เจอไรเซอร์ด้วยหัตถการอื่นซ้ำซ้อน
การดูแลผิวหลังทำหัตถการด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
การดูแลผิวหลังทำหัตถการเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวที่บอบบางให้กลับมาแข็งแรง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมโดยเฉพาะสารให้ความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์จึงเป็นหัวใจหลักในการดูแลผิวช่วงนี้
• เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีสูตรอ่อนโยน ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์และสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผิว
• ทามอยส์เจอไรเซอร์ให้บ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงประมาณ 3-7 วันแรกหลังทำหัตถการ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้งลอก
• ลูบไล้มอยส์เจอไรเซอร์ลงบนผิวอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการถูหรือขัดผิวแรง ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ
• ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทันที หลังล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ในขณะที่ผิวยังหมาดๆ เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้นไว้ในผิว
• หามอยส์เจอไรเซอร์ที่ปลอบประโลมผิว เช่น เซราไมด์หรือไฮยาลูรอนิก แอซิด
• ตอนเช้าให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อน แล้วจึงตามด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี
• อาการไม่สบายผิว หากต้องการความรู้สึกสบายผิวสามารถนำมอยส์เจอไรเซอร์ไปแช่เย็นก่อนนำมาทา จะช่วยลดอาการแดงหรือร้อนที่ผิวได้ดี
• งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์แรงในช่วงแรก ให้เน้นแค่การทำความสะอาดและทามอยส์เจอไรเซอร์ก็เพียงพอ
• ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ซ้ำ สำหรับผิวที่แห้งมากเป็นพิเศษสามารถทามอยส์เจอไรเซอร์ซ้ำเป็นชั้นบาง ๆ 2-3 รอบได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้น
• ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สม่ำเสมอ การใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
สรุปมอยส์เจอไรเซอร์สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ให้ผิวใส สุขภาพดี
มอยส์เจอไรเซอร์ไม่ได้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิวแห้ง แต่เป็นสิ่งสำคัญของการดูแลผิวสำหรับทุกคน ทุกสภาพผิว การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมและใช้ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการทาบำรุงหรือการทำหัตถการล้วนเป็นบันไดขั้นสำคัญที่จะนำคุณไปสู่ผิวสุขภาพดี ชุ่มชื้นและฉ่ำวาวแบบ Glass Skin ได้
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ มอยส์เจอไรเซอร์ คืออะไร มีกี่แบบ เลือกอย่างไร ให้เหมาะกับผิว,มอยส์เจอไรเซอร์ หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
เจาะลึกเรื่องมอยส์เจอไรเซอร์ ตัวช่วยผิวแห้งสู่ผิวฉ่ำ Glass Skin พร้อมวิธีเลือกใช้ เทคนิคในการใช้มอยส์เจอไรเซอร์และหัตถการที่แพทย์แนะนำสำหรับผวแห้งกร้าน อ่านได้ที่นี่ มอยส์เจอไรเซอร์ ตัวช่วยลดผิวแห้งกร้านให้หน้าฉ่ำแบบ Glass Skin