ผักอบกรอบได้รับความนิยมอย่างมากในปัจุบัน ด้วยความกรอบอร่อย เคี้ยวเพลิน แถมยังเป็นผักที่ให้ประโยชน์มากมาย รวมถึงมีกากใยอาหารจำนวนมากที่ช่วยทำให้อิ่มท้องนาน ผักอบกรอบจึงดูเหมือนเป็นของทานเล่นแทนขนมกรุบกรอบที่เหมาะกับสำหรับคนที่ไม่ชอบกินผักและต้องการลดน้ำหนัก
ผักอบกรอบคืออะไร
เป็นการแปรรูปอาหารด้วยการนำผักไปผ่านกระบวนการการ “อบด้วยความร้อน ” หรือ “อบแห้งแบบแช่แข็งสูญญากาศ” เพื่อให้ผักกรอบอร่อยและสามารถเก็บได้นาน ซึ่งการอบทั้ง 2 แบบ จะแตกต่างจากการทอดให้กรอบแบบปกติหรือทอดสูญญากาศ ที่แม้จะมีน้ำมันเหลืออยู่น้อยแต่ก็ยังเป็นการใช้น้ำมันเป็นการทำให้สุกและแห้ง ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าการอบนั่นเอง
วิธีการทำผักอบกรอบ
- การอบด้วยเตาอบ/หม้อทอดไร้น้ำมัน
เป็นวิธีที่เราสามารถทำได้เองที่บ้านง่าย ๆ โดยเตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมันจะใช้ลมร้อนเพื่อทำให้อาหารสุก ผักอบจึงมีเนื้อสัมผัสที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่แห้งก็อาจจะทำให้ไหม้ไปเลย ที่สำคัญสารอาหารจะลดลงมาก ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ขาดขนมกรุบกรอบไม่ได้ จึงต้องการหาของทานเล่น ที่แคลอรี่ไม่สูง และไม่ได้ให้ความสำคัญกับสารอาหารมากนัก
- การอบแห้งแบบแช่แข็งสูญญากาศ (Vacuum Freeze Drying)
การอบด้วยวิธีนี้จะเป็นการแช่แข็งจนน้ำเปลี่ยนสถานะเป็นผลึกน้ำแข็ง แล้วลดความดันเพื่อให้ผลึกน้ำแข็งระเหิด เมื่อน้ำแข็งละลายไปหมดแล้ว จะมีความชื้นที่หลงเหลืออยู่ จึงทำให้แห้งด้วยการเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น เพื่อดึงเอาความชื้นที่เหลืออยู่ออก ก็จะได้เป็นผักอบกรอบนั่นเอง โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมอาหารอย่างมากในปัจุบัน เนื่องจากจะกรอบแต่ไม่แข็ง ไม่เหม็นเขียว ไม่ขม และสารอาหารจะเหลือใกล้เคียงกับผักสด
ผักอบกรอบทานแล้วไม่อ้วนจริงไหม
คำตอบ “ทานแล้วจะไม่ทำให้อ้วนขึ้น” เนื่องจาก “ไม่ใช้น้ำมัน” ทำให้แคลอรี่ไม่สูงมาก และยังมี “กากใยอาหาร” คงเหลือ จึงช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยเรื่องการขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น แต่ต้อง “ทานในปริมาณที่พอดี” เนื่องจากบางแบรนด์ได้มีการปรุงรสด้วยเกลือแม้จะใช้เกลือชมพูที่มีโซเดียมต่ำ แต่หากกินในปริมาณที่มากเกินไปก็จะทำให้ร่างกายบวมน้ำและดูอ้วนขึ้นได้
ข้อควรระวัง
เลือกร้านที่น่าที่ไว้วางใจ และสังเกตผักอบกรอบดูว่ามีการอมน้ำมันหรือไม่ เนื่องจากความนิยมจำนวนมาก และการอบกรอบอย่างการ Freeze Drying ค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้บางร้านค้ามีการใช้การทอด แล้วค่อยไล่น้ำมันทิ้งทีหลังนั่นเอง
อย่างไรก็ตามคุณประโยชน์ของผักอบกรอบถึงจะเหลืออยู่มาก แต่ก็ยังน้อยกว่าการทานผักสด ๆ แน่นอนค่ะ หากห้ามใจกินจุบจิบไม่ได้ เรามีตัวช่วยควบคุมความหิวด้วย ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
สมองส่วนกลาง : ทำให้รู้สึกไม่หิว อิ่มนาน ทนน้อย
กระเพาะอาหาร : ย่อยและดูดซึมได้นานขึ้น เพราะหลังทานอาหาร ลำไส้เล็กจะหลั่ง GLP-1 ออกมา เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง โดยจะออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน สามารถลดความหิวและความอยากอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง
ตับอ่อน : ผลิตฮอร์โมนอินซูลินดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ Slim Shape ช่วยการหลั่งฮอร์โมนนี้มีคุณภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10% นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา
