หลุมสิวเป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากสิวอักเสบ ที่ลงลึกไปถึงเนื้อในจนทำให้กลายเป็นหลุมบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าเป็นรอย ไม่เรียบเนียน เรียกได้ว่าสร้างความหนักใจให้กับคนที่กำลังเป็นสิวเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่เพียงแต่ทิ้งรอยดำ รอยแดงไว้ให้เท่านั้น แต่บางครั้งยังทิ้งสิ่งที่เรียกว่าหลุมสิวให้อีกด้วย
ในบทความนี้เพ็กซี่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลุมสิวแต่ละประเภท พร้อมแนะนำโปรแกรรักษาหลุมสิวจากทาง Apex Medical Center ที่หลายคนอยากหาวิธีรักษาหลุมสิว ถ้าอยากรู้แล้วไปดูกันเลยค่ะ
หลุมสิวเกิดจากอะไร?
หลุมสิวเกิดจากการอักเสบของสิวบนผิวหน้าของเรา โดยปกติหลังจากสิวหายแล้วจะมีกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังโดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน หลังจากสิวหาย จะมีการสร้างเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนล้อมรอบบริเวณที่มีการอักเสบ ซึ่งหากสิวที่เกิดขึ้น เกิดในชั้นผิวหนังที่ลึกลงไปมาก อาจส่งผลให้คอลลาเจนในชั้นผิวถูกทำลาย ซึ่งถ้ากระบวนการนี้เกิดได้อย่างสมบูรณ์ก็จะไม่มีรอยแผลเป็นจากการเกิดสิว แต่ถ้ากระบวนการนี้ไม่สมบูรณ์หรือผิวเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนทำให้ผิวยุบลง สร้างคอลลาเจนใหม่ได้ไม่เพียงพอต่อคอลลาเจนที่ถูกทำลายไป เซลล์เนื้อเยื่อเกิดการหดรัดตัว ทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมจากสิวได้
สิวชนิดไหนที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้
- สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ (Cyst) เป็นสิวขนาดใหญ่ที่มีหนองปนเลือดอยู่ภายในหัวสิว ใช้เวลาในการรักษานาน
- สิวอักเสบรุนแรง (Pustule) หรือสิวหัวหนอง อักเสบเรื้อรัง
- สิวที่ติดเชื้อแบคทีเรียจนลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว (Nodule)
วิธีการรักษาหลุมสิว
เนื่องจากหลุมสิวมีหลายประเภท อีกทั้งมีระดับความรุนแรงต่างกัน จังต้องรักษาในวิธีที่ต่าง หรือทำร่วมกันถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งการรักษาที่ช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นมีหลายวิธีเลยค่ะ แต่ยังไม่มีวิธีที่ได้ผล 100% ผลการรักษาจึงขึ้นอยู่กับชนิดของหลุมสิว
การใช้กลุ่มยาอนุพันธ์วิตามินเอ
การรักษาหลุมสิวด้วยการใช้ยากลุ่มวิตามินเอ หรืออนุพันธุ์วิตามินเอ เช่น Retin A (เรตินเอ), Retinoid (เรตินอยด์), Retinol (เรตินอล) โดยตัวยากลุ่มนี้จะมีคุณสมบัติในการช่วยปรับโครงสร้างผิวชั้นบน (ผิวหนังชั้นเคราติน) ให้เรียบเนียน ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น ใช้ได้กับหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก
ทั้งนี้ข้อควรระวังเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ผิวแห้ง แสบ หน้าแดง ผิวลอก ทำให้ผิวระคายเคือง เลี่ยงการโดนแสงแดด เพราะผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ข้อสำคัญคือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ห้ามใช้สารในกลุ่มนี้ ดังนั้นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัช
การตัดพังผืด (Subcision)
การตัดพังผืดหลุมสิว หรือ subcision หลุมสิว เป็นวิธีการใช้เข็มขนาดเล็กตัดเลาะพังผืดใต้ผิวหนังออก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวมานาน และกระจายเต็มผิวหน้า เป็นหลุมสิวชนิด rolling scar และ box car หรือแผลเป็นที่มีขอบชัดและมีขนาดลึก
- ข้อดี หลังทำสามารถเห็นเปลี่ยนแปลงได้ทันทีระดับหนึ่ง แต่จะเห็นผลชัดเจนเมื่อทำติดต่อกัน 3-5 ครั้ง โดยเว้นระยะในการทำแต่ละครั้ง 3 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
- ข้อระวัง หลังทำอาจมีอาการบวม เขียว ช้ำ และหากคนไข้ดูแลรักษาแผลไม่ดีพอ อาจติดเชื้อ หรือมีรอยแผลใหม่จากการรักษาได้
คลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF)
การใช้คลื่นวิทยุ RF รักษาหลุมสิวคล้ายกับการใช้เลเซอร์แต่จะปล่อยพลังงานให้เกิดความร้อนที่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนที่ผิวชั้นล่าง แต่ก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน เช่น หน้าบวม แดง รวมถึงอาศัยระยะเวลาในการพักฟื้น เทียบกับเลเซอร์พักฟื้นสั้นกว่า โดยที่ผลของการรักษาหลุมสิวไม่ค่อยต่างกันมาก
โปรแกรม Clear Smooth
Clear Smooth เป็นโปรแกรมใหม่ล่าสุดจากทาง Apex Clear ที่เหมาะสำหรับคนที่มีหลุมสิว ไม่ว่าจะหลุมสิวชั้นลึก หรือหลุมสิวชั้นตื้น เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมากกว่าการเลเซอร์บนชั้นผิว แต่ยังช่วยตัดเซาะพังผืด “ใต้” ชั้นผิวหนัง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาหลุมสิวได้เห็นผลที่สุด พร้อมบูสต์ผิวพัง เยียวยารอยแผลเป็นจากสิว เพื่อผิวใหม่ที่เรียบเนียน ไร้ความขรุขระให้สมูทเหมือนได้ผิวใหม่ โปรแกรม Clear Smooth มีด้วยกัน 3 ขั้นตอน
เลเซอร์หลุมสิว – เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ดีที่สุดโดยทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกตามปัญหาของผู้รับบริการ ใช้เทคนิคพิเศษโดยใช้เลเซอร์ตัดเซาะพังผืดหลุมสิวพร้อมกับเลเซอร์หลุมสิว
Scar booster – ดีเอ็นเอบริสุทธิ์(PDRN) อย่างดี ที่ไม่มีส่วนประกอบของสารที่มีความหนืด ช่วยฟื้นฟูผิวระดับเซลล์ เพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เผยผิวใหม่ เรียบเนียน ทำให้ผิวหนังเราฟูขึ้นเพื่อเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น อีกทั้งยังส่วนผสมของสารไฮยาลูโรนิค แอซิค ทำให้เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า มีผลทำให้ผิวหน้าเราสุขภาพดีขึ้นสดใสขึ้น ขาวขึ้นอีกด้วย
ฉายแสง Light Therapy – การฉายแสง LED เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบำบัดการดูแลผิวพรรณ โดยใช้ความเข้มแสงสูงมากพอในระดับ จูลล์/ตารางเซนติเมตร และจะต้องมีค่าความสว่าง (Milicandela Rating) ในอัตราที่สูง จึงจะสามารถทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิวได้ โดยแสงที่ใช้รักษาจะมีหลายสี ซึ่งแสงแต่ละสีจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อบำบัดผิว แก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ช่วยบำบัดผิว ปลอบประโลม ลดการอักเสบ จะช่วยเรื่อง กระตุ้นคอลลาเจน ยับยั้งการเกิดสิว และ ให้รอยดำรอยแดงลดลงได้ไวมากขึ้น
ประโยชน์ของ Light Therapy การบำบัดผิวด้วยแสง LED ที่นิยมใช้กันมีอยู่ 4 สี ประกอบด้วย สีฟ้า สีแดง สีเขียว และสีเหลือง โดยในการบำบัดแสง Light Therapy จะฉายแสง LED เพียงสีเดียว หรือ 2 สีก็ได้ ซึ่งแพทย์จะประเมินจากปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลก่อน
- แสงสีฟ้า (Blue light) ช่วยรักษาสิวและลดการอักเสบของสิว ทั้งสิวอักเสบที่เกิดจากสารสเตียรอยด์ สิวอุดตัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว (P.Acne) และลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ อีกทั้งยังช่วยควบคุมความมันได้อีกด้วย
- แสงสีเหลือง (Yellow light) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำเพราะแสงสีเหลืองมีคุณสมบัติที่ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใส ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ อีกทั้งยังรักษาเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง และช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น
- แสงสีแดง (Red light) ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีสาสตินในชั้นเซลล์ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ดๆ บนใบหน้า ปรับผิวให้เรียบเนียน อิ่มฟู อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบของผิว หากใครเป็นสิวแสงสีแดงจะช่วยให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวแข็งแรงขึ้นโดยไม่ทิ้งรอยแดง
- แสงสีเขียว (Green light) มีคุณสมบัติในการรักษารอยดำ ช่วยลดการสร้างเม็ดสี ปรับสีผิวให้กระจ่างใส รักษารอยแดง เช่นเดียวกับแสงสีเหลือง แต่จะนิยมใช้ลดรอยดำมากกว่า อีกทั้งยังช่วยรักษาอาการแพ้ต่างๆ ได้ด้วยค่ะ
ทำไมต้องรักษาหลุมสิวเป็นที่ APEX
Apex เรามีทีมแพทย์ผิวหนังของเราที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี Apex เจ้าของรางวัล “LUMINARY EXELLENCE” อันดับ 1 เทคโนโลยีเลเซอร์ล่าสุด การกำจัดเม็ดดี รวมถึงได้รับการอบรมเทคนิคใหม่ๆ และความรู้ใหม่ๆ ในการรักษาอย่างสม่ำเสมอ จึงสามารถวินิจฉัยปัญหาและเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา จึงมีเข้าใจปัญหาของผิวหนังเป็นอย่างดีในทุกมิติ เพราะโครงสร้างผิว มีการเชื่อมโยงกันในหลายองค์ประกอบ ทั้งเนื้อเยื่อผิว เส้นเลือดฝอย เม็ดสี ตำแหน่งและการกระจายของเม็ดสี คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิว การรักษาแผลเป็น จึงไม่สามารถแยกส่วนทำลายเฉพาะเม็ดสีเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าทำเช่นนั้นไม่นานเม็ดสีที่ถูกทำลายก็จะกลับมาใหม่ Apex จึงได้ออกแบบโปรแกรมการรักษาแผลเป็น 3 มิติ ใน 3 ขั้นตอน เพื่อให้การรักษาแผลเป็นได้ผลอย่างชัดเจน
5 เหตุผล ทำไมต้องทำ Clear Smooth ที่ APEX
- ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยนวัตกรรมที่มีพลังสูงที่สุดและเสถียร ปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว
- เป็นเครื่องที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก การันตีด้วยมาตรฐาน US FDA จากสหรัฐอเมริกา
- การรักษาแบบตรงจุดตรวจวิเคราะห์ Pigment โดยละเอียด เพื่อออกแบบการรักษาแผลเป็นเฉพาะของแต่ละรายบุคคล
- ได้รับผลลัพธ์การรักษาที่น่าประทับใจเห็นผลชัดเจน
- ใส่ใจ จริงใจ และความเข้าใจในการแก้ปัญหาผิวพรรณของผู้เข้ารับบริการ
รีวิวโปรแกรม Clear Smooth
“สวัสดีครับ ผมปลื้มนะครับ วันนี้ผมก็มาอัปเดตอาการ หลังจากที่ทำเลเซอร์ไป 6 ครั้ง ก็คือค่อนข้างดีขึ้นครับ สำหรับใครที่คิดว่าหลุมสิว รอยแผลเป็นพวกนี้ทำไปครั้งสองครั้งแล้วยังไม่เห็นผล จริงๆ ต้องบอกก่อนว่า ผมทำทั้งหมด 6 ครั้ง ใน 3 ครั้งแรกเนี่ยจะเห็นชัดเจนในเรื่องของรูขุมขุน แต่ว่าถ้าจะเอาเรื่องของหลุมสิว รอยแผลเป็นเนี่ย มันต้องรอประมาณครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 เพราะมันต้องใช้เวลาในการสร้างคอลลาเจนนิดนึงนะครับ”
“และอีกอยากหนึ่งนะครับ หลังเลเซอร์ไปแล้วก็อยากลืมดูแลผิวตามคำแนะนำของคุณหมอหลังผิวหลังเลเซอร์กันด้วยนะ นอกจากเราจะดูแลภายนอกกันแล้วเนี่ย เราก็ยังต้องดูแลเรื่องการกินกันด้วยมันจะได้หายไวขึ้นนั่นเอง อย่างบางคนเนี่ยรักษาเรื่องสิวไปถ้าเรายังคงกินของมันเหมือนเดิมสุดท้ายสิวก็กลับขึ้นมาเหมือนเดิม ดังนั้นแล้วหลังจากให้คลินิกช่วยดูแลเราแล้วเราต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ ประกอบร่วมกันมันก็จะดีที่สุดครับผม”
สำหรับใครที่มีปัญหาหลุมสิวเกิดขึ้นแล้ว หากต้องการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี รวดเร็ว เข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่ Apex Medical Center เพื่อให้ประเมินความรุนแรงและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม ช่องทางการติดต่อได้ด้านล่างนี้เลยค่ะ
💥พิเศษ ราคาเปิดตัว💥
เริ่มต้น ครอส 3 ครั้ง ราคา 29,900 (จาก 68,970 บาท)
