อาหารที่ดีเหมาะสมจะช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น ช่วยเพิ่มพลังงาน สุขภาพดี และช่วยรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้อีกด้วย แต่ร่างกายของผู้หญิงนั้นจะมีความแตกต่างกับของผู้ชาย การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักจึงมีความแตกต่างกันไปบ้าง วันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักสำหรับผู้หญิงมาฝากกัน
ความต้องการแคลอรีต่อวัน
ความต้องการแคลอรี่ต่อวันของผู้หญิงประมาณ 1500–2000 แคลอรี และของผู้ชายประมาณ 2000–2500 แคลอรี แค่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่เกี่ยวข้อง เช่น อายุ เพศ น้ำหนัก ทำให้แต่ละคนต้องการพลังงานในแต่ละวันแตกต่างกัน โดยหากอยากรักษาน้ำหนัก ต้องกินวันละ 1700 แคลอรี แต่หากต้องการลดน้ำหนักต้องกินน้อยกว่าวันละ 1700 แคลอรี่ แต่ไม่ควรน้อยกว่า วันละ 1200 แคลอรี เพราะจะทำให้ระบบเผาผลาญเสียสมดุล
ความต้องการทางโภชนาการของผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายอย่างไร
ในวัยเด็กความต้องการอาหารของเด็กชายและเด็กหญิงมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่เมื่อเข้าสู่วัยแรกรุ่น ผู้หญิงก็เริ่มมีความต้องการทางโภชนาการที่ไม่เหมือนใคร และเมื่อเราอายุมากขึ้นและร่างกายของเราต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและฮอร์โมนมากขึ้น แม้ว่าผู้หญิงมักจะต้องการแคลอรีน้อยกว่าผู้ชาย แต่ความต้องการวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดของเรานั้นสูงกว่ามาก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับสารอาหาร เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 9 (โฟเลต) มากกว่า
ดังนั้น เคล็ดลับการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักสำหรับผู้หญิง จึงเน้นไปที่การกิรอาหารที่ไม่เกินความต้องการแคลอรีต่อวัน โดยเน้นการได้รับสารอาหารอย่างเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 9 (โฟเลต) มากขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมอาหารได้อย่างสุขภาพดีนั่นเอง
เคล็ดลับเคล็ดลับควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักสำหรับผู้หญิง
-
เพิ่มปริมาณแคลเซียม
จากน้ำนมที่มีโปรตีนสูง เสริมสร้างกล้ามเนื้อที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน โดยควรเลือกนมที่มีไขมันต่ำลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน พร้อมกับวิตามินดีและแมกนีเซียม เพื่อสนับสนุนสุขภาพกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน
-
ลดการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง
ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการไปสะสมกลายเป็นไขมัน ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน นอกจากนี้ ยังเสี่ยงเกิดสิว เพราะน้ำตาลทำให้ฮอร์โมนแอนโดรเจนถูกหลั่งออกมามากขึ้น ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น และเสี่ยงเกิดการอักเสบมากขึ้น และยังทำให้เกิดริ้วรอยเป็นสัญญาณของความชราได้อีกด้วย
-
กินไขมันดีให้มากขึ้น
ผู้หญิงมีไขมันดีที่น้อยกว่า 50 มก./เดซิลิตร ทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงแต่ปัญหาสุขภาพ จึงควรกินไขมันดีให้มากขึ้นให้ระดับไขมันดีอยู่ในระดับ 60 มก/เดซิลิตร หรือมากกว่านั้น โดยไขมันดีสามารถช่วยกำจัดไขมันไม่ดี สามารถเพิ่มการผลิตฮอร์โมน และทำให้ผิวของเราเปล่งปลั่งสุขภาพดี
-
กินถั่วเหลืองมากขึ้น
ถั่วเหลืองเป็นแหล่งของไอโซฟลาโวนส์ตามธรรมชาติสูงนั้น มีประโยชน์ต่อผู้หญิงหลายประการ เช่น ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ยิ่งไปกว่านั้นโปรตีนถั่วเหลืองยังสามารถลดความหิว สร้างกล้ามเนื้อ เผาผลาญไขมันได้อีกด้วย
โปรแกรมลดน้ำหนักกระชับสัดส่วน
-
ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape น้ำหนักลง เราก็รู้สึกได้ผลเร็วดี
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
- Slim Shape ใช้เทคโนโลยีเปปไทด์ลดหิว (Liraglutide) ซึ่งเป็นสารโปรตีนสกัดที่สามารถเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ตามธรรมชาติของร่างกาย โดยจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณความอิ่มไปที่ “สมองส่วนกลาง” ทำให้รู้สึกอิ่มได้ยาวนานถึง 24 ชม.
- ลดการบีบตัวของ “กระเพาะอาหาร“ จึงช่วยทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น การย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้นานขึ้น จึงทำให้เราทานอาหารได้น้อยลง
- Slim Shape ยังช่วยกระตุ้นให้ “ตับอ่อน” ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อดึงน้ำตาลเข้าเซลล์มีคุณภาพดีขึ้น จึงทำให้สามารถเก็บและนำพลังงานที่สะสมออกมาใช้ได้มีคุณภาพมากขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10%
นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา
-
IV WEIGHT LOSS
จะเพิ่มการเผาผลาญไขมัน เปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยควมคุมความหิวและลดความอยากอาหาร ฟื้นตัวได้รวดเร็วจากการออกกำลังกาย ไม่ดูเหนื่อย ไม่โทรม ช่วยให้ดูสดใส และมีชีวิตชีวา รวมส่วนผสมที่เป็นสูตรเฉพาะของ Apex ซึ่งประกอบไปด้วย
Vitamin B Complex : ช่วยลดภาวะเครียด เพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน หากขาดจะทำให้เกิดการเหนื่อยล้า ความหงุดหงิด สมาธิไม่ดี มีความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
Vitamin C : ช่วยให้ร่างกายนำไขมันมาใช้ประโยชน์ ลดความเหนื่อยล้า ออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น ช่วยการทำงานของต่อมหมวกไต ลดความเครียดและความเหนื่อยล้า
Lipotropic : ช่วยสลายไข เปลี่ยนไขมันสะสมไปเป็นพลังงานส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ
Vitamin B 12 : เป็นขุมพลังสำหรับร่างกาย ช่วยสร้าง DNA เส้นประสาท และเซลล์เม็ดเลือด ระบบเผาผลาญไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีวิตามิน Vitamin B 12 หากขาดจะทำให้อ่อนเพลียเหนื่อยล้า
L-carnitine : ช่วยการเผาผลาญ สลายไขมันส่วนเกิน (ไตรกลีเซอร์ไรด์) ในเลือด ทำให้การเผาผลาญกลูโคสดีขึ้น ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอัตราการเผาผลาญ ช่วยลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักด้วย IV Weight Loss ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนได้อย่างรวดเร็ว และดูดซึมได้ถึง 100 % สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ จึงเป็นผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรวดเร็ว และสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ นอกจากนี้สารอาหารต่าง ๆ อย่างกรดอะมิโนแอซิดและวิตามินหลายชนิด เมื่อต้องผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ก็อาจจะทำให้เกิดแก๊สหรืออาการปวดกระเพราะ และอีกหลาย ๆ ปัญหาตามมา ในขณะที่ทำการให้สารอาหารผ่านทาง IV จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น
สามารถกระชับผิวด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ใช้เวลาเพียง 30 นาที เป็นเทคโนโลยีแรก และเทคโนโลยีเดียวที่ผสมผสานพลังงานคลื่นวิทยุเข้ากับพลังเสียงอัตร้าซาวด์ ส่งพลังงานเข้าถึงเนื้อเยื่อผิวในหลายระดับความลึก จึงสามารถกำจัดไขมันและฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวตั้งแต่ในระดับลึกจนถึงระดับผิวชั้นบน มีหัวส่งความเย็นที่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมสอดคล้องกับการทำงานตลอดเวลา จึงปลอดภัยสูงสุด ไม่เจ็บ ตลอดการทำทรีทเมนท์
ทำสัปดาห์ละครั้ง ต่อเนื่องทั้งหมด 4 ครั้งต่อเดือน ผลลัพธ์หลังทำกระชับทันที และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำครั้งสุดท้าย 1-3 เดือน ทำได้ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ทั่วใบหน้า ลำคอ แขน ขา ก้น หน้าท้อง และอวัยวะเพศหญิง ซึ่งมีหลายหัวที่ใช้ทำ เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ