บทความเกี่ยวกับ : สิวตุ่มแดง

Pico หลุมสิว 6990 ซื้อ 1 แถม 1
AviClear Laser

รู้ทันสาเหตุสิวตุ่มแดง และ 7 วิธีรักษาที่ควรลอง
สิวตุ่มแดง เกิดจากอะไร? พร้อม 7 วิธีรักษาสิวตุ่มแดงให้ยุบไวขึ้น
สิวตุ่มแดงเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่พบบ่อยและสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน สิวตุ่มแดงคือสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ไม่มีหัวหนองที่มองเห็นได้ และมักจะรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส การอักเสบของสิวตุ่มแดงเกิดจากการที่แบคทีเรียเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน จนทำให้เกิดการอักเสบขึ้นใต้ผิวหนัง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม การอักเสบจะทวีความรุนแรงขึ้น และอาจลุกลามจนกลายเป็นสิวหนองหรือสิวหัวช้าง ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหารอยแผลเป็นจากสิวได้ การทำความเข้าใจสาเหตุและรู้วิธีจัดการกับสิวชนิดนี้อย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สิวยุบตัวได้เร็วขึ้นและป้องกันปัญหาผิวที่ตามมาในอนาคต

สิวตุ่มแดง เกิดจากอะไร
สิวตุ่มแดง คือสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่เริ่มต้นจากสิวอุดตัน (Comedones) เมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมัน (Sebum) เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก จะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย P. acnes เมื่อแบคทีเรียเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้น จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองด้วยการสร้างการอักเสบขึ้นใต้ผิวหนัง การอักเสบนี้จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดขึ้นมาเป็นตุ่มนูน ซึ่งเราเรียกว่า สิวตุ่มแดง นั่นเอง สิวประเภทนี้ไม่มีหัวหนองที่มองเห็นได้ แต่เป็นสัญญาณเตือนว่า การอักเสบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และควรรีบรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้สิวลุกลามจนกลายเป็นสิวที่รุนแรงกว่าเดิม เช่น สิวหัวหนองหรือสิวหัวช้าง ซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในที่สุด

สิวตุ่มแดง

สิวตุ่มแดง คืออะไร เกิดจากสาเหตุ แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวตุ่มแดง ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวตุ่มแดง
หลายคนคงเคยเผชิญกับปัญหาสิวตุ่มแดงที่สร้างความรำคาญใจและรู้สึกเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิวตุ่มแดงนั้นเกิดขึ้นบนใบหน้า การทำความเข้าใจสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวตุ่มแดง จึงสามารถช่วยให้เราดูแลและรักษาผิวได้อย่างตรงจุด เพื่อรักษาสิวตุ่มแดงอย่างยั่งยืน ดังนี้

เชื้อแบคทีเรีย C. acnes
แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C. acnes) เป็นเชื้อที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของเราตามปกติ แต่เมื่อใดที่รูขุมขนเกิดการอุดตันและมีสภาวะที่ไร้ออกซิเจน แบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโตมากผิดปกติ จะย่อยสลายไขมันในรูขุมขนและปล่อยสารที่กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนอง ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง จนปรากฏให้เห็นเป็นสิวตุ่มแดงที่เจ็บปวดขึ้นมาบนผิวหนัง ปฏิกิริยานี้คือการต่อสู้ของร่างกายกับเชื้อที่เพิ่มจำนวนมากเกินไป จนกลายเป็นสิวตุ่มแดงที่ไม่มีหัว การควบคุมปริมาณแบคทีเรียจึงช่วยลดโอกาสการเกิด สิวตุ่มแดงที่รุนแรง การรักษาสิวประเภทนี้จึงมักมียาที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียเป็นส่วนประกอบ

ฮอร์โมนที่แปรปรวน
ฮอร์โมนเป็นปัจจัยภายในที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะฮอร์โมนในกลุ่มแอนโดรเจน ซึ่งมีผลโดยตรงในการกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันหรือซีบัมออกมาในปริมาณที่มากขึ้นในช่วงวัยรุ่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือภาวะเครียด ระดับฮอร์โมนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและไม่สมดุล การผลิตน้ำมันที่มากเกินไปนี้เป็นต้นทางของการอุดตันและเป็นอาหารของแบคทีเรีย C. acnes วงจรนี้จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอักเสบและก่อตัวเป็นสิวตุ่มแดง ขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่หลายคนมักเผชิญกับปัญหาสิวตุ่มแดงเห่อขึ้นมาในช่วงเวลาเดิม ๆ ของเดือน การทำความเข้าใจของฮอร์โมนกับสิวตุ่มแดง จะช่วยให้วางแผนการดูแลผิวได้ดีขึ้น

การอุดตันของรูขุมขน
การอุดตันของรูขุมขน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสิวแทบทุกชนิด เกิดจากการที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วไม่ถูกผลัดออกไปตามวงจรปกติ แต่กลับไปรวมตัวกับน้ำมันซีบัมที่ถูกผลิตออกมามากเกินไป ทำให้เกิดเป็นก้อนอุดตันขนาดเล็กอยู่ใต้ผิว ก้อนอุดตันนี้เรียกว่า ไมโครโคมีโดน (Microcomedone) ซึ่งเป็นภาวะที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเมื่อเกิดการอุดตัน แบคทีเรีย C. acnes จะเติบโตได้ดีและกระตุ้นการอักเสบจนกลายเป็นสิวตุ่มแดง การป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตันจึงช่วยตัดวงจรการเกิดสิวตุ่มแดง ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนจึงป้องกันการเกิดสิวตุ่มแดงนั่นเอง

การผลิตไขมันมากเกินไป
ต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีหน้าที่ในการผลิตไขมัน (Sebum) เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว แต่เมื่อมีการผลิตไขมันมากเกินไป ไขมันเหล่านี้จะไปรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ นำไปสู่การอักเสบและทำให้เกิดเป็นสิวตุ่มแดงที่เห็นได้ชัดเจน การควบคุมการผลิตไขมันจึงช่วยป้องกันการเกิดสิวตุ่มแดง และปัญหาผิวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การดูแลผิวให้สะอาดอยู่เสมอสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดการเกิดสิวตุ่มแดงได้

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไป หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน สามารถทำให้รูขุมขนอุดตันและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามมาได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด สิวตุ่มแดง หรือ สิวตุ่มแดง ที่ไม่หายขาด ดังนั้นการตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบและเป็นสิวตุ่มแดง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการผลิตไขมันหรือลดการอักเสบจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ อีกทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า non-comedogenic ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการลดความเสี่ยงของการเกิดสิวตุ่มแดง

ความเครียดและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตไขมันมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดการอุดตันของรูขุมขนและตามมาด้วยการอักเสบ การพักผ่อนไม่เพียงพอและพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็สามารถส่งผลเสียต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวอ่อนแอและมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวตุ่มแดงได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการจัดการความเครียดและการดูแลสุขภาพจึงช่วยลดโอกาสการเกิดสิวตุ่มแดงได้ การพักผ่อนที่เพียงพอและการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาสมดุลของร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวตุ่มแดงได้

ปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้สิวตุ่มแดงอักเสบ
สิวตุ่มแดงมักเกิดจากหลายปัจจัยที่กระตุ้นให้ผิวอักเสบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต ฮอร์โมน หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว ล้วนส่งผลให้สิวตุ่มแดงเกิดง่ายและหายช้า หากไม่ระวังยังอาจทำให้สิวตุ่มแดง กลายเป็นรอยหรือแผลเป็นตามมาได้

การบีบหรือแกะสิว
การบีบหรือแกะสิวเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งที่ทำให้สิวตุ่มแดงมีอาการแย่ลง เมื่อคุณบีบสิวอย่างไม่ถูกวิธีจะเป็นการดันเอาแบคทีเรีย สิ่งสกปรก และหนองที่อยู่ใต้ผิวให้กระจายเข้าไปในเนื้อเยื่อรอบ ๆ ทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงแค่นั้น การบีบแกะยังทำลายผนังรูขุมขนและกระตุ้นให้เกิดสิวตุ่มแดง เม็ดใหม่ขึ้นมาในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นการหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบีบแกะสิวตุ่มแดง จึงสำคัญในการดูแลผิว

การบริโภคอาหารบางชนิด
อาหารบางประเภทอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิวตุ่มแดงได้ โดยเฉพาะอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารแปรรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมวัวบางชนิด ซึ่งอาหารเหล่านี้อาจกระตุ้นการผลิตไขมันและฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการอักเสบ การหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณอาหารเหล่านี้จึงอาจช่วยลดการอักเสบของสิวตุ่มแดงได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ผักและผลไม้ จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวตุ่มแดงได้ นอกจากนี้ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและลดการเกิดสิวตุ่มแดง

การเสียดสีและมลภาวะ
ผิวที่ต้องเผชิญกับการเสียดสีเป็นประจำ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน การใส่หมวกกันน็อก หรือการใช้โทรศัพท์มือถือที่สกปรก จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ ฝุ่นละอองและมลภาวะในอากาศยังสามารถเข้าไปอุดตันรูขุมขนและทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้สิวตุ่มแดงที่มีอยู่แล้วมีอาการอักเสบรุนแรงขึ้น การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน จึงช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดสิวตุ่มแดง และการพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวตุ่มแดงได้

การทำความสะอาดผิวที่ไม่ถูกต้อง
การทำความสะอาดผิวหน้าไม่เพียงพอจะทำให้สิ่งสกปรกและไขมันสะสมในรูขุมขน ก่อให้เกิดการอุดตันและทำให้สิวตุ่มแดงมีอาการแย่ลง ในทางกลับกันการทำความสะอาดผิวหน้าที่รุนแรงเกินไป เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้ง หรือการถูหน้าแรงๆ ก็สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งทำให้ สิวตุ่มแดง ลุกลามได้

ดังนั้นการรักษาสมดุลในการทำความสะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน สิวตุ่มแดง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวตุ่มแดง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้งเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกส่วนเกินและช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้เป็นอย่างดี

ความแตกต่างระหว่างสิวตุ่มแดงกับสิวประเภทอื่น
ปัญหาสิวที่พบได้บ่อยมีอยู่หลายประเภท แต่การเข้าใจความแตกต่างของแต่ละชนิดจะช่วยให้รักษาได้อย่างถูกจุด โดยเฉพาะสิวตุ่มแดงซึ่งเป็นสิวอักเสบที่หลายคนสับสนกับสิวประเภทอื่น ๆ มาเจาะลึกถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสิวตุ่มแดงกับสิวชนิดอื่น เพื่อให้สามารถแยกแยะและดูแลผิวได้ถูกต้อง

สิวอุดตัน (Comedones)
สิวอุดตันเป็นสิวที่ไม่รุนแรงและยังไม่มีการอักเสบ จึงแตกต่างจากสิวตุ่มแดงอย่างชัดเจน สิวอุดตันแบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ คือ สิวหัวดำและสิวหัวขาว โดยสิวหัวดำจะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ มีจุดสีดำอยู่ตรงกลาง เกิดจากไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วทำปฏิกิริยากับอากาศ ในขณะที่สิวหัวขาวเป็นตุ่มนูนสีขาวหรือสีเดียวกับผิวหนังที่ปิดสนิทอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งสิวอุดตันเหล่านี้ไม่มีอาการเจ็บหรือบวมแดงเหมือนกับสิวตุ่มแดงทำให้การรักษาทำได้ง่ายกว่า เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือเรตินอยด์เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและละลายสิ่งอุดตัน สรุปง่าย ๆ คือ สิวตุ่มแดงเป็นสิวที่เริ่มมีการอักเสบแล้ว ในขณะที่สิวอุดตันยังไม่มีการอักเสบใด ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวอุดตัน สิวอุดตัน คืออะไร เกิดจากสาเหตุ สิวหัวปิดกับไม่มีหัวแตกต่างกันอย่างไร

สิวหัวหนอง (Pustules)
สิวหัวหนองเป็นสิวอักเสบที่พัฒนามาจากสิวอุดตันหรือสิวตุ่มแดง มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิวตุ่มแดง แต่มีความรุนแรงมากกว่า สิวหัวหนองจะเป็นตุ่มบวมแดงที่มีหัวหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายสร้างหนองขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรีย การบีบหรือกดสิวหัวหนองอาจทำให้การอักเสบกระจายตัวและทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่ายกว่าการบีบสิวตุ่มแดงที่ไม่มีหัวหนอง ดังนั้นการดูแลสิวหัวหนองจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มักจะใช้ยาแต้มสิวที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบเข้ามาช่วย ซึ่งต่างจากสิวตุ่มแดงตรงที่สิวหัวหนองมีหนองให้เห็นอย่างชัดเจน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวหัวหนอง สิวหัวหนอง คืออะไร เกิดจากสาเหตุ แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร

สิวหัวช้าง (Cysts)
สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงที่สุดและแตกต่างจากสิวตุ่มแดงอย่างสิ้นเชิง สิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ แข็งและเจ็บปวดอย่างรุนแรงอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ใช่แค่ตุ่มเล็ก ๆ เหมือนกับสิวตุ่มแดงภายในมีโพรงหนองขนาดใหญ่และอาจมีเลือดปนอยู่ด้วย สิวหัวช้างเกิดจากการอักเสบที่ลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่ออย่างรุนแรงและมักทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวลึกเอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากสิวตุ่มแดง ที่ส่วนใหญ่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหากไม่ไปบีบหรือแกะ สรุปคือสิวหัวช้างเป็นสิวที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ไม่สามารถรักษาได้ด้วยตัวเองเหมือนกับสิวตุ่มแดงทั่วไป

พฤติกรรมที่ทำให้สิวตุ่มแดงไม่หายสักที
พฤติกรรมบางอย่างที่เราทำเป็นประจำอาจทำให้สิวตุ่มแดงที่ควรจะหายไป กลับกลายเป็นเรื้อรังและอักเสบรุนแรงขึ้นได้ หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ลองสำรวจดูว่าพฤติกรรมเหล่านี้ตรงกับคุณหรือไม่

• การบีบ แกะ หรือกดสิว เป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะการบีบสิวตุ่มแดงที่ไม่มีหัว ไม่ได้ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น แต่กลับยิ่งทำร้ายผิว ทำให้เชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปันที่อยู่ภายในแตกกระจายลงไปในผิวชั้นลึกขึ้น ส่งผลให้สิวอักเสบ บวมแดง และเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหรือหลุมสิวถาวรตามมา ถือเป็นการทำร้ายผิวที่ ไม่ควรทำ
• ล้างหน้าบ่อยเกินไป การล้างหน้าเพื่อขจัดความมันเป็นสิ่งที่ดี แต่การล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง จะทำให้ผิวหน้าแห้งตึง ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่หายไป ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวตุ่มแดงได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างพอเหมาะจึงเป็นสิ่งสำคัญ
• การพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียด เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ จะส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอุดตันและสิวตุ่มแดง ดังนั้นการจัดการความเครียดและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การดูแลผิวภายนอก เพราะร่างกายที่สมดุลจะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
• ไม่เปลี่ยนปลอกหมอนหรือผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอนและผ้าเช็ดหน้าเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย น้ำมัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เรามองไม่เห็น หากไม่เปลี่ยนบ่อย ๆ สิ่งสกปรกเหล่านี้ก็จะกลับมาสัมผัสกับผิวหน้าซ้ำ ๆ ทำให้เกิดการสะสมและกระตุ้นให้สิวตุ่มแดงอักเสบขึ้นได้ จึงควรทำความสะอาดเครื่องนอนและผ้าเช็ดหน้าอย่าง สม่ำเสมอ

สิวตุ่มแดง

สิวตุ่มแดง คืออะไร เกิดจากสาเหตุ แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวตุ่มแดง ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

7 วิธีรักษาสิวตุ่มแดงให้ยุบไวขึ้น
สิวตุ่มแดงนอกจากจะทำให้รู้สึกเจ็บแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดรอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิวตามมาได้ การรักษาสิวตุ่มแดงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สิวหายเร็วขึ้นและลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็น โดยมี 7 วิธีรักษาสิวตุ่มแดงให้ยุบไวขึ้น ดังนี้

ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid เป็นที่รู้จักกันดีในการรักษาสิว โดยเฉพาะสิวตุ่มแดง สารเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไม่ให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน การใช้เป็นประจำจะช่วยให้สิวตุ่มแดงยุบลงและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ ควรเลือกใช้ความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ และควรทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวตุ่มแดงเท่านั้น การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมและรักษาสิวตุ่มแดงให้ดีขึ้น

ประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบของสิวตุ่มแดง
การประคบเย็นเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบของสิวตุ่มแดง เมื่อสิวอักเสบ บวมแดง การประคบเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณนั้น ทำให้ลดอาการบวมและแดงลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดที่เกิดจากสิวตุ่มแดงได้เป็นอย่างดี เพียงใช้ก้อนน้ำแข็งห่อด้วยผ้าสะอาดแล้วประคบเบาๆ บนสิวประมาณ 5-10 นาที ทำซ้ำได้หลายครั้งต่อวัน การประคบเย็นเป็นวิธีที่ลดความเสี่ยงและสามารถทำได้เองที่บ้านเพื่อช่วยให้สิวตุ่มแดงยุบเร็วขึ้นและลดความไม่สบายตัว

หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวตุ่มแดง
การบีบหรือแกะสิวตุ่มแดงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะยิ่งทำให้อาการอักเสบแย่ลง เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณข้างเคียง ทำให้เกิดสิวใหม่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ การบีบแกะสิวอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็น หลุมสิว หรือรอยดำที่รักษายากตามมาได้ การปล่อยให้สิวตุ่มแดงหายเองตามธรรมชาติ หรือรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ แม้จะรู้สึกคันหรืออยากบีบแค่ไหน ก็ต้องอดทนและปล่อยให้สิวค่อยๆ ยุบตัวลงไปเอง เพื่อผิวหน้าที่เรียบเนียนและปราศจากรอยแผลเป็นจากสิวตุ่มแดง

ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน
การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลรักษาสิวตุ่มแดง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารลดแรงตึงผิวที่รุนแรง การล้างหน้าควรทำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า ไม่ควรขัดถูผิวหน้าแรงๆ เพราะจะยิ่งกระตุ้นการอักเสบของสิวตุ่มแดงได้ หลังจากล้างหน้าแล้วควรซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูที่สะอาดและนุ่มนวล การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวตุ่มแดงและช่วยให้ผิวหน้าสะอาดและสุขภาพดีขึ้น

สิวตุ่มแดง

สิวตุ่มแดง คืออะไร เกิดจากสาเหตุ แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวตุ่มแดง ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรม Aviclear Laser
โปรแกรม AviClear Laser ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ โดยจะเข้าไปจัดการกับต่อมไขมันที่ทำงานมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวตุ่มแดง โปรแกรม Aviclear Laser จะปล่อยพลังงานลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อลดขนาดและการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวตุ่มแดงและการอุดตันในรูขุมขน เลเซอร์ชนิดนี้มีข้อดีคือเจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น ทำให้สามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติทันทีหลังการรักษา โปรแกรม Aviclear Laser จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาสิวตุ่มแดงที่เรื้อรังและรุนแรง

โปรแกรม Accure Laser
โปรแกรม Accure Laser เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีโปรแกรมเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการรักษาสิว โดยเฉพาะสิวตุ่มแดงที่เกิดจากการอักเสบ โปรแกรม Accure Laser ทำงานโดยการส่งพลังงานเลเซอร์ไปที่ชั้นผิวหนัง เพื่อลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและลดรอยแดงจากสิวได้ การรักษาด้วยโปรแกรม Accure Laser มักจะทำเป็นคอร์สเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ผู้ที่รักษาสิวตุ่มแดงด้วยวิธีนี้จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สิวจะยุบตัวลงเร็วขึ้น รอยแดงจางลง และผิวหน้าโดยรวมดูสุขภาพดีขึ้น Accure Laser จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีรักษาสิวตุ่มแดง

โปรแกรมฉีดสิวตุ่มแดง
โปรแกรมฉีดสิว หรือ Steroid Injection เป็นวิธีการรักษาสิวตุ่มแดงที่อักเสบรุนแรงและมีขนาดใหญ่ ให้ยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยแพทย์จะฉีดสารละลายสเตียรอยด์ในปริมาณที่เหมาะสมเข้าไปในหัวสิวโดยตรง สเตียรอยด์จะช่วยลดการอักเสบ บวมแดง และอาการเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สิวตุ่มแดงยุบลงประมาณ 24-48 ชั่วโมง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้สิวยุบตัวอย่างเร่งด่วน เช่น มีนัดสำคัญ หรือสิวอักเสบมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม โปรแกรมฉีดสิวควรทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผิวบุ๋มลงชั่วคราว การฉีดสิวเป็นทางเลือกที่จัดการกับสิวตุ่มแดงที่ดื้อต่อการรักษาแบบอื่น ๆ

วิธีดูแลผิวในช่วงที่เป็นสิวตุ่มแดง
ช่วงที่มีปัญหาสิวตุ่มแดง ไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาสิวให้หายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการดูแลผิวอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้สิวตุ่มแดงลุกลามและเกิดซ้ำ ซึ่งการดูแลผิวในช่วงนี้ต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงและพร้อมรับมือกับปัญหาสิวตุ่มแดง

ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น
หลายคนเข้าใจผิดว่าในช่วงที่เป็นสิวตุ่มแดงควรงดใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพราะกลัวว่าผิวจะมันขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมาเพื่อชดเชย ทำให้เกิดการอุดตันและกระตุ้นการเกิดสิวมากขึ้น ดังนั้น ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรสำหรับคนเป็นสิวตุ่มแดงโดยเฉพาะ หรือสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดโอกาสในการเกิดสิวตุ่มแดงใหม่ได้

หลีกเลี่ยงการใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง
การสครับผิวหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเม็ดบีดส์ในช่วงที่มีสิวตุ่มแดงจะยิ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบและเป็นแผลมากขึ้น เพราะการเสียดสีจะไปกระตุ้นให้สิวตุ่มแดงอักเสบรุนแรงกว่าเดิม หากต้องการผลัดเซลล์ผิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ที่มีความเข้มข้นต่ำ และควรใช้เป็นบางวันเพื่อให้ผิวได้มีเวลาปรับตัว ไม่ควรใช้ทุกวัน เพราะจะทำให้ผิวบางและไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น และจะส่งผลกระทบให้การรักษาสิวตุ่มแดงเป็นไปได้ยากขึ้น

งดแต่งหน้าในช่วงที่เป็นสิวตุ่มแดงหนัก
เครื่องสำอางบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการอุดตันและระคายเคือง ซึ่งจะยิ่งทำให้สิวตุ่มแดงอักเสบมากขึ้น การงดแต่งหน้าในช่วงที่เป็นสิวตุ่มแดงจะช่วยให้ผิวได้พักและหายใจได้อย่างเต็มที่ หากจำเป็นต้องแต่งหน้าจริงๆ ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ระบุว่า Non-comedogenic หรือสูตรสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ และควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจดทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน เพราะเครื่องสำอางที่ตกค้างจะไปกระตุ้นให้เกิดสิวตุ่มแดงเพิ่มขึ้น

ใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวตุ่มแดงเฉพาะจุด
การใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวตุ่มแดงเฉพาะจุดที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid จะช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวตุ่มแดงยุบลงได้ค่อนข้างรวดเร็ว ควรใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวเท่านั้น และใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะการใช้มากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งลอกและระคายเคืองได้ การใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่เหมาะสม จะช่วยย่นระยะเวลาในการรักษาและทำให้สิวตุ่มแดงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้

สรุป สิวตุ่มแดงอย่างไรให้ยุบไวขึ้น
การจัดการกับปัญหาสิวตุ่มแดงเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นที่หลากหลาย ทั้งจากการผลิตไขมันส่วนเกิน การอุดตันของรูขุมขน แบคทีเรีย และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมเพื่อนำไปสู่ผิวที่แข็งแรงและปราศจากสิว สำหรับการรักษาสิวตุ่มแดงให้ยุบไวขึ้นนั้น มีทั้งการดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะสม การประคบเย็น และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอย่างการบีบสิว รวมถึงการรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์ อย่าง โปรแกรม Aviclear Laser โปรแกรม Accure Laser หรือโปรแกรมฉีดสิว ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบได้ถูกจุด การผสมผสานการดูแลผิวอย่างถูกวิธีกับการปรึกษาผู้แพทย์ผิวหนังจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาสิวตุ่มแดงได้อย่างยั่งยืน

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ สิวตุ่มแดง คืออะไร เกิดจากสาเหตุ ต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร,สิวตุ่มแดง หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

สิวตุ่มแดงรักษายังไงดี? แนะนำ 7 วิธีดูแลสิวตุ่มแดงให้ยุบเร็ว พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ รู้ทันสาเหตุสิวตุ่มแดง และ 7 วิธีรักษาที่ควรลอง

204
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น