บทความเกี่ยวกับ : Plasma Acne

ลดสิววิธีไหนดี เห็นผลเร็ว หน้าใส ไร้สิวอักเสบ สิวอุดตัน
สิว (Acne) คืออะไร
สิว (Acne) เป็นภาวะของผิวหนังที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณรูขุมขน สิวสามารถเกิดได้ทั้งบริเวณใบหน้า หน้าอก หลัง และไหล่ และสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น สิวอุดตัน (Comedonal Acne), สิวอักเสบ (Inflammatory Acne), สิวหัวหนอง (Pustules), และสิวซีสต์ (Cystic Acne)

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวมีหลายประการ ได้แก่
1.การผลิตน้ำมันมากเกินไป ต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) ผลิตน้ำมัน (Sebum) ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แต่การผลิตมากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้
2.ฮอร์โมน ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการผลิตน้ำมัน ซึ่งมักจะสูงขึ้นในช่วงวัยรุ่น หรือมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงรอบเดือนของผู้หญิง
3.แบคทีเรีย แบคทีเรียที่ชื่อว่า Cutibacterium acnes (หรือ Propionibacterium acnes) เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในรูขุมขน
4.ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม สภาพอากาศ อาหาร ความเครียด และการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภทที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดสิวได้

การดูแลรักษาสิวสามารถทำได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และในกรณีที่สิวรุนแรงอาจจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยยาที่เหมาะสม

สิวเกิดจากอะไร
สิวเกิดจากหลายปัจจัยที่มีผลต่อการอุดตันและการอักเสบของรูขุมขน ซึ่งรวมถึง

1.การผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum Overproduction) ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว แต่การผลิตมากเกินไปสามารถทำให้รูขุมขนอุดตัน จึงเป็นสาเหตุให้สิวเกิดขึ้น
2.การอุดตันของรูขุมขน (Clogged Pores) เมื่อเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่สามารถหลุดออกไปได้ตามธรรมชาติและเกาะกับน้ำมัน ก็จะทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน และกลายเป็นสิวอุดตัน
3.การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย (Bacterial Growth) แบคทีเรีย Cutibacterium acnes ที่อยู่ในรูขุมขนสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่มีน้ำมันมาก ส่งผลให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง
4.ฮอร์โมน (Hormones) การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนในวัยรุ่นหรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน เช่น รอบเดือนหรือช่วงตั้งครรภ์ สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้นและเพิ่มโอกาสการเกิดสิว
5.ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม (Environmental and Behavioral Factors)
- การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรืออาหารที่มีไขมันสูงบางประเภท
- ความเครียด ซึ่งสามารถทำให้ฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
- การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ซึ่งสามารถทำให้รูขุมขนอุดตันได้ง่ายขึ้น

สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้

สิวมีกี่ประเภท
สิวสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.สิวอุดตัน (Comedonal Acne) เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนโดยไม่มีการอักเสบ แบ่งออกเป็น
- สิวหัวขาว (Whiteheads) เกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนปิดอยู่ ทำให้เกิดตุ่มขาวขนาดเล็ก ๆ บนผิว
- สิวหัวดำ (Blackheads) เกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนเปิด ทำให้น้ำมันและเซลล์ผิวที่อุดตันสัมผัสอากาศจนออกซิไดซ์และกลายเป็นสีดำ

2.สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เป็นสิวที่มีการอักเสบและแดง บวม มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียและการระคายเคือง
- สิวตุ่มแดง (Papules) ตุ่มสิวเล็ก ๆ สีแดงที่ไม่มีหัวหนอง
- สิวหัวหนอง (Pustules) ตุ่มสิวที่มีหัวหนองสีขาวอยู่ด้านบน เกิดจากการติดเชื้อและการอักเสบมากขึ้น

3.สิวซีสต์ (Cystic Acne) เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มใหญ่ มีหนองมากและลึกในชั้นผิว ซึ่งมักทำให้รู้สึกเจ็บและมักทิ้งรอยแผลเป็นไว้หากไม่รักษาอย่างถูกวิธี

4.สิวเม็ดใหญ่หรือสิวนูนแข็ง (Nodules) เป็นสิวขนาดใหญ่และแข็งที่อยู่ลึกในชั้นผิว ไม่มีหัวหนองเหมือนสิวซีสต์ แต่ทำให้เจ็บและเป็นแผลเป็นได้เช่นกัน

5.สิวจากการระคายเคือง (Acne Mechanica) เกิดจากการเสียดสีหรือแรงกดทับบนผิว เช่น จากการใส่หมวก แว่น หรือหน้ากาก ซึ่งทำให้ผิวอักเสบและเกิดสิวได้ง่าย

ประเภทสิวเหล่านี้มีความรุนแรงและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การดูแลรักษาสิวอย่างเหมาะสมจึงควรคำนึงถึงประเภทของสิวและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น

10 วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง
การรักษาสิวด้วยตัวเองสามารถทำได้หลากหลายวิธี เพื่อช่วยลดการอักเสบ ลดการอุดตัน และป้องกันการเกิดสิวใหม่ โดยวิธีที่สามารถทำได้เองมีดังนี้

1.ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอม ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง และหลังจากเหงื่อออก เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและระคายเคือง
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า การสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็นอาจทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียจากมือมาอุดตันรูขุมขน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสและไม่บีบสิวด้วยตัวเอง
3.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid หรือ Benzoyl Peroxide ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการอักเสบ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
4.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมันและมีข้อความ “non-comedogenic” เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
5.ใช้น้ำมัน Tea Tree Oil น้ำมันทีทรีมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ควรใช้เจือจางแล้วทาบาง ๆ บนสิวเพื่อลดการอักเสบ
6.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันสูง อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นการเกิดสิว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม หรืออาหารทอด
7.พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด ความเครียดอาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการเกิดสิว ควรนอนหลับอย่างเพียงพอและฝึกการจัดการกับความเครียด
8.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายขับของเสียทางเหงื่อ ซึ่งช่วยเปิดรูขุมขน แต่ควรล้างหน้าและอาบน้ำทันทีหลังการออกกำลังกาย
9.ใช้มาสก์หน้าจากธรรมชาติ มาสก์หน้า เช่น มาสก์น้ำผึ้ง หรือโยเกิร์ต ที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและลดสิวได้
10.ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการผลิตน้ำมันที่เกินความจำเป็น ช่วยให้รูขุมขนไม่อุดตันและลดความเสี่ยงในการเกิดสิว

การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและปรับพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันและลดการเกิดสิวได้ในระยะยาว

เป็นสิวไม่หายสักทีเกิดจากอะไร
สิวที่ไม่หายสักทีอาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกที่ทำให้การรักษาสิวไม่เห็นผลหรือสิวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุที่พบได้บ่อยมีดังนี้

1.ฮอร์โมนไม่สมดุล การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนแอนโดรเจนที่สูงขึ้นในวัยรุ่นหรือการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในช่วงรอบเดือน สามารถทำให้สิวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2.พันธุกรรม คนที่มีครอบครัวหรือพ่อแม่ที่เป็นสิวหนักก็อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวที่รักษายากหรือหายช้า
3.การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันสูง หรือไม่มีข้อความ “non-comedogenic” อาจทำให้สิวยังคงเกิดอยู่
4.การล้างหน้ามากเกินไป ล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงอาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น จนทำให้สิวไม่หายสักที
5.แบคทีเรียบนใบหน้า การสะสมของแบคทีเรีย Cutibacterium acnes บนผิวสามารถทำให้เกิดการอักเสบซ้ำซ้อน การสัมผัสใบหน้า หรือการใช้ผ้าขนหนู หมอนที่ไม่สะอาด อาจทำให้สิวไม่หาย
6.ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการเกิดสิวเพิ่มขึ้น รวมถึงการนอนน้อยก็ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง ทำให้สิวเรื้อรัง
7.การรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือผลิตภัณฑ์นมบางชนิดอาจกระตุ้นการเกิดสิวได้ในบางคน
8.การรักษาสิวไม่สม่ำเสมอ การขาดความสม่ำเสมอในการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อย ๆ อาจทำให้สิวไม่หายดีขึ้น
9.การใช้มือบีบสิว บีบสิวโดยไม่ได้ใช้เครื่องมือที่สะอาดอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อซ้ำซ้อน ซึ่งอาจทำให้สิวไม่หายและเกิดรอยแผลเป็นได้
10.การไม่ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่อสิวรุนแรง สำหรับบางคน สิวอาจมีความรุนแรงเกินกว่าจะรักษาด้วยตัวเอง ควรพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาหรือการรักษาที่เหมาะสม

การรักษาสิวให้ได้ผลในระยะยาวจำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของสิว และปรับการดูแลผิวให้เหมาะสม

Plasma Acne

Plasma Acne นวัตกรรมรักษาสิวแบบใหม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

ผลลัพธ์หลังรับบริการ นวัตกรรมรักษาสิว Plasma Acne ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Plasma Acne นวัตกรรมรักษาสิวแบบใหม่
Plasma Acne เป็นนวัตกรรมเลเซอร์สำหรับรักษาสิวที่ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีพลาสมาเพื่อจัดการปัญหาสิวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย กระบวนการนี้ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิว ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้น Plasma Acne เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการรักษาสิวในระยะยาว ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและดูสุขภาพดีขึ้น

Plasma Acne คืออะไร ลดสิวได้อย่างไร
Plasma Acne คือ นวัตกรรมการรักษาสิวแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีพลาสมาในการจัดการกับปัญหาสิว โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดการอักเสบ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง กระบวนการรักษาด้วยพลาสมานี้เหมาะสำหรับการรักษาสิวที่เป็นๆ หายๆ และสิวที่เกิดจากการอักเสบ
การทำงานของ Plasma Acne อาศัยพลาสม่าไอออนซึ่งจะส่งพลังงานที่ปล่อยประจุไฟฟ้าเบาๆ ไปยังบริเวณที่มีปัญหาสิว โดยพลาสม่าจะช่วย

• ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสิว โดยเฉพาะแบคทีเรีย Cutibacterium acnes
• ลดการอักเสบ ทำให้สิวที่เป็นอยู่ยุบตัวลงและป้องกันการอักเสบใหม่
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและลดรอยแผลเป็นจากสิวในระยะยาว

ข้อดีของการรักษาด้วย Plasma Acne คือไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ไม่ทำให้ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย จึงปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยและไม่เจ็บปวด

ข้อดีของนวัตกรรมรักษาสิว Plasma Acne
นวัตกรรม Plasma Acne มีข้อดีหลายประการในการรักษาสิว ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดสิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยข้อดีหลัก ๆ ของการรักษาด้วย Plasma Acne ได้แก่

1.ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสิว พลาสมามีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว เช่น Cutibacterium acnes จึงช่วยลดปัญหาสิวอักเสบได้อย่างตรงจุด
2.ลดการอักเสบของผิว Plasma Acne ช่วยลดการอักเสบและบวมแดง ทำให้สิวที่เป็นอยู่ยุบตัวเร็วขึ้น โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือแห้งเกินไป
3.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พลาสมาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นและช่วยฟื้นฟูรอยแผลเป็นจากสิว ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น
4.ไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง การรักษาด้วย Plasma Acne ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่แรงหรือทำให้เกิดการระคายเคือง จึงปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่ายและไม่ทำให้ผิวบอบบางลง
5.ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือเป็นขุย ต่างจากการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่อาจทำให้ผิวแห้ง Plasma Acne ไม่ทำให้ผิวแห้งและยังคงความชุ่มชื้นของผิวได้ดี
6.ลดการเกิดสิวใหม่ การฆ่าเชื้อและทำความสะอาดรูขุมขนด้วยพลาสมาช่วยป้องกันการอุดตันและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้
7.กระบวนการรักษาไม่เจ็บปวดและใช้เวลาน้อย การรักษาด้วย Plasma Acne เป็นกระบวนการที่ไม่เจ็บปวดและใช้เวลาไม่นาน ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่มีเวลาในการรักษาจำกัด
8.ผลข้างเคียงน้อย เนื่องจากเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ใช่การฉีดสารเข้าสู่ผิวหนัง ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยพลาสมาจึงมีน้อย และมักไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น

Plasma Acne เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เหมาะสำหรับทั้งการรักษาสิวในระยะยาวและการฟื้นฟูผิว

Plasma Acne

Plasma Acne นวัตกรรมรักษาสิวแบบใหม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

ผลลัพธ์หลังรับบริการ นวัตกรรมรักษาสิว Plasma Acne ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Plasma Acene เหมาะกับใคร
การรักษาด้วย Plasma Acne เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและต้องการวิธีการรักษาที่ไม่ต้องใช้สารเคมีหรือวิธีการที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มคนต่อไปนี้

1.ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบหรือสิวเรื้อรัง Plasma Acne ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบหรือสิวที่ไม่สามารถรักษาได้ง่าย
2.ผู้ที่มีปัญหาสิวซ้ำซาก การรักษาด้วยพลาสมาช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่โดยการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอุดตันของรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวขึ้นซ้ำๆ และต้องการลดการเกิดสิวในระยะยาว
3.ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื่องจาก Plasma Acne ไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรงและไม่ทำให้ผิวแห้ง การรักษานี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวทั่วไปที่มีสารเคมีแรง ๆ ได้
4.ผู้ที่มีรอยแผลเป็นจากสิว พลาสมาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลดรอยแผลเป็นจากสิวและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนมากขึ้น
5.ผู้ที่ต้องการวิธีการรักษาที่สะดวกและไม่เจ็บปวด Plasma Acne เป็นการรักษาที่ไม่ต้องเจ็บตัวและใช้เวลาไม่นาน ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่มีเวลาไม่มากหรือไม่ต้องการพักฟื้นหลังการรักษา
6.ผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยารักษาสิว หากคุณไม่สามารถหรือไม่ต้องการใช้ยารักษาสิวเนื่องจากผลข้างเคียง Plasma Acne เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเห็นผลโดยไม่ต้องใช้ยา

การรักษาด้วย Plasma Acne เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนเริ่มการรักษาเพื่อให้แน่ใจว่าการรักษานี้เหมาะกับสภาพผิวของตน

Plasma Acne

Plasma Acne นวัตกรรมรักษาสิวแบบใหม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

ผลลัพธ์หลังรับบริการ นวัตกรรมรักษาสิว Plasma Acne ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองหลังทำ Plasma Acne
หลังการทำ Plasma Acne การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การดูแลผิวหลังการทำ Plasma Acne ประกอบด้วย

1.หลีกเลี่ยงแสงแดด หลังทำควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด เนื่องจากผิวอาจบอบบางเป็นพิเศษในช่วงนี้ หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงและสวมหมวกหรือใช้ร่มเพื่อปกป้องผิว
2.งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด AHA/BHA ในช่วงแรกๆ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งหรือลอก
3.บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและคงความชุ่มชื้น ลดความเสี่ยงในการเกิดการระคายเคือง
4.งดการขัดถูหรือสครับผิว การขัดถูหรือสครับผิวในช่วงที่ผิวยังฟื้นตัวอยู่จะทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
5.ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในและช่วยให้การฟื้นตัวของผิวเป็นไปอย่างรวดเร็ว
6.เลี่ยงการแต่งหน้าหนัก หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักในช่วง 1-2 วันแรกหลังการรักษา เพื่อให้ผิวหายใจและฟื้นตัวเร็วขึ้น
7.หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ การสัมผัสหรือการกดที่ผิวบ่อยๆ อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดการอักเสบซ้ำได้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
8.รักษาความสะอาดของหมอนและผ้าเช็ดหน้า เนื่องจากผิวบอบบางและเปิดรับการดูแลหลังการทำ Plasma Acne ควรเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าเช็ดหน้าเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและสิ่งสกปรกที่อาจกระตุ้นการเกิดสิวใหม่

การดูแลผิวหลังการทำ Plasma Acne จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดการระคายเคือง และทำให้ผลลัพธ์การรักษาเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ Plasma Acne นวัตกรรมรักษาสิวแบบใหม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร,Plasma Acne หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

วิธีรักษาสิว ลดสิวมีอะไรบ้าง ทำ Plasma Acne ดีไหม คืออะไร รวบรวมข้อมูลน่ารู้ เพื่อจัดการสิวได้อยู่หมัดถึงต้นตอของปัญหาสิว กลับมามีผิวหน้าเนียนใสไร้สิว ลดสิววิธีไหนดี เห็นผลเร็ว หน้าใส ไร้สิวอักเสบ สิวอุดตัน

1068
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น