บทความเกี่ยวกับ : หน้าใส


20 วิธีหน้าใส รวมทริคเพื่อผิวฉ่ำ กู้ผิวสวย ดูสุขภาพดีอย่างมั่นใจ
20 วิธีทำให้หน้าใส แจกเคล็ดลับผิวฉ่ำโกลว์ พร้อมหัตถการที่ไม่ควรพลาด
ผิวหน้าใส สุขภาพดี แลดูฉ่ำโกลว์ คือผิวในฝันที่ใคร ๆ ต่างก็ปรารถนา เพราะนอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจแล้ว ยังสะท้อนถึงการมีสุขภาพที่ดีจากภายใน แต่ด้วยปัจจัยในชีวิตประจำวัน ทั้งมลภาวะ ความเครียด และไลฟ์สไตล์ อาจกลายเป็นตัวการทำร้ายผิวให้หมองคล้ำ จุดด่างดำ และเกิดปัญหาสิวได้ บทความนี้ APEX จึงได้รวบรวมทุกเคล็ดลับสำคัญ ตั้งแต่การดูแลผิวขั้นพื้นฐาน การเลือกทานอาหาร ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์ เพื่อเป็นแนวทางสู่การมีผิวสวย หน้าใส แลดูสุขภาพดีมาแชร์ให้แล้ว เช็กเลย

20 วิธีช่วยให้หน้าใส 5 พฤติกรรมต้องห้าม ทำลายผิวหน้าไม่รู้ตัว
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาช่วยให้หน้าใส ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล5 พฤติกรรมต้องห้าม ตัวการทำลายผิวหน้าไม่รู้ตัว
นอกเหนือจากอาหารการกิน หรือวิธีทำให้หน้าใสที่เราได้แนะนำไปแล้ว ก็ยังมีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอีกหลายอย่างที่เราอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่กลับส่งผลเสียต่อผิวหน้าโดยตรง ทำให้การบำรุงผิวไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เช่น
สัมผัสใบหน้าและบีบสิวเป็นประจำ
มือของเราเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก การนำมือไปสัมผัส ลูบ หรือเท้าคางบ่อย ๆ ก็คือการนำเชื้อโรคไปสู่ใบหน้าโดยตรง ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันและสิวอักเสบ ยิ่งไปกว่านั้นการบีบเค้นสิวบนผิวก็จะยิ่งกระตุ้นการอักเสบให้รุนแรงขึ้น ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และอาจทิ้งรอยดำรอยแดงหรือแผลเป็นถาวรไว้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าใครอยากมีหน้าใส ไม่ควรทำพฤติกรรมดังกล่าว
ละเลยการทาครีมกันแดด
หลายคนคิดว่าครีมกันแดดจำเป็นเฉพาะเวลาออกแดดจัด แต่ความจริงแล้วรังสี UVA และ UVB มีอยู่ทุกที่ แม้ในวันฟ้าครึ้มหรือขณะอยู่ในอาคาร เพราะรังสีเหล่านี้คือสาเหตุหลักของการทำลายคอลลาเจน ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่ล่วนแล้วแต่ขัดขวางการมีหน้าใส ดังนั้นการไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเท่ากับเปิดโอกาสให้ผิวถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง
พักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับคือช่วงเวลาทองที่ร่างกายและผิวหนังได้ซ่อมแซมตัวเอง การอดนอนหรือนอนไม่มีคุณภาพจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ซึ่งกระตุ้นการอักเสบและทำลายคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ อิดโรย ขอบตาคล้ำ และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
อาบน้ำร้อนจัดและล้างหน้าแรงเกินไป
น้ำที่ร้อนเกินไปจะชะล้างน้ำมันตามธรรมชาติที่เคลือบปกป้องผิวออกไป ทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอ ผิวจึงแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และระคายเคืองง่าย เช่นเดียวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่รุนแรงเกินไป หรือการขัดถูใบหน้าแรง ๆ ก็เป็นการทำร้ายเกราะป้องกันผิวเช่นกัน
ความเครียดสะสม
ความเครียดไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้หน้ามันและเสี่ยงต่อการเกิดสิว นอกจากนี้ ความเครียดยังทำให้สิวที่เป็นอยู่หายช้าลง หรือกระตุ้นให้โรคผิวหนังอื่นๆ เช่น ผื่นแพ้หรือสะเก็ดเงินกำเริบได้
แจก 20 วิธีทำให้หน้าใส เพื่อผิวดูสุขภาพดี
การมีสุขภาพผิวที่ดีและผิวหน้าใส เป็นเป้าหมายที่เป็นจริงใจ หากมีความเข้าใจในปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญหลายประการ หัวข้อนี้เราจึงได้รวบรวมแนวทางปฏิบัติซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การดูแลผิวภายนอกอย่างถูกวิธี ไปจนถึงการส่งเสริมสุขภาพจากภายใน เพื่อเป็นแนวทางในการมีหน้าใส แข็งแรง และดูสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
1.ทำให้หน้าใสด้วยการล้างหน้าให้สะอาด
สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์กันแดดซึ่งมีส่วนผสมที่ทนทานต่อน้ำ อาจต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวแบบ Double Cleansing เพื่อการมีหน้าใส โดยเริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นเบส (Oil-based Cleanser) เพื่อสลายอนุภาคเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกที่ตกค้าง จากนั้นจึงตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน เพื่อขจัดสิ่งตกค้าง ลดแนวโน้มการอุดตันในรูขุมขน ช่วยปรับให้หน้าใสขึ้นได้
2.ทำให้หน้าใสด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว
อยากมีหน้าใสจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับผิวแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม เพราะถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญของการมีหน้าใส นอกจากนั้นยังควรเลือกผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนที่ปราศจากส่วนผสมซึ่งอาจรบกวนสมดุลผิว เช่น แอลกอฮอล์หรือสารทำความสะอาดที่รุนแรง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและรักษาความสมบูรณ์ของปราการปกป้องผิว (Skin Barrier) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดโอกาสการเกิดการระคายเคืองและความหมองคล้ำ ส่งผลให้ผิวหน้าใส แลดูสุขภาพดี และดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
3.ทำให้หน้าใสด้วยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์
ผิวที่ชุ่มชื้นคือพื้นฐานของหน้าใส ผิวแข็งแรง แลดูกระจ่างใส แม้แต่ในผู้ที่มีสภาพผิวมัน การเติมเต็มความชุ่มชื้นด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อบางเบาก็ยังคงจำเป็น เพื่อรักษาสมดุลและป้องกันการผลิตซีบัม (Sebum) ส่วนเกิน ซึ่งเป็นกลไกตอบสนองของผิวเมื่อขาดน้ำ ผิวที่มีความชุ่มชื้นสมบูรณ์จะมีปราการปกป้องผิวที่แข็งแรง ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน ลดการระคายเคือง และแลดูกระจ่างใสขึ้น
4.ทำให้หน้าใสด้วยการทาครีมกันแดดทุกวันแม้อยู่บ้าน
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นปัจจัยภายนอกซึ่งสามารถทำร้ายผิวได้แม้ขณะอยู่ในอาคาร เป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดความผิดปกติของเม็ดสี ห่างไกลจากการมีหน้าใส เช่น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ รวมถึงการเสื่อมของคอลลาเจน ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันผิวจากรังสี UV นี้ ช่วยรักษาสีผิวให้สม่ำเสมอและป้องกันความหมองคล้ำ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการมีผิวหน้าใส
5.ทำให้หน้าใสด้วยการสครับหรือผลัดเซลล์ผิว
สำหรับคนที่อยากมีหน้าใส การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนในการช่วยเร่งการขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำและการอุดตัน ซึ่งการเลือกใช้วิธีที่เหมาะสม เช่น สารกลุ่ม AHA, BHA หรือสครับอนุภาคละเอียด จะช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ดูหน้าใสขึ้น เพราะเมื่อชั้นผิวที่หยาบกร้านถูกกำจัดออกไป ผิวจึงสามารถสะท้อนแสงได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าโดยรวมแลดูกระจ่างใสและมีสีผิวสม่ำเสมอ
6.ทำให้หน้าใสด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
การรักษาความชื้นในร่างกายให้มีความสมดุล ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ทั่วร่างกาย ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยส่งเสริมความชุ่มชื้นจากภายในสู่เซลล์ผิวชั้นนอกโดยตรง ทำให้ผิวหน้าใส อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในกระบวนการไหลเวียนโลหิตและการกำจัดของเสีย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดีท็อกซ์ของร่างกาย เมื่อเซลล์ผิวทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและของเสียถูกกำจัดออกไปอย่างเหมาะสม ผิวจึงแลดูเปล่งปลั่ง หน้าใส มีชีวิตชีวาได้ด้วย
7.ทำให้หน้าใสด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
ปัจจัยสำคัญของการมีหน้าใส คือการนอนหลับอย่างเพียงพอ เพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่กลไกทางชีวภาพของร่างกายดำเนินการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงเซลล์ผิว โดยในระหว่างนอนหลับร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) และควบคุมระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ช่วยลดการอักเสบภายในและส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตมายังผิวหนังอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์คือการฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้าใส ลดความอ่อนล้าและความหมองคล้ำ
8.ทำให้หน้าใสด้วยการจัดการความเครียด
ภาวะเครียดทางจิตใจ (Psychological Stress) ถือเป็นศัตรูของหน้าใส เพราะส่งผลต่อการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อและระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนัง เนื่องจากร่างกายจะตอบสนองโดยการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งมีผลกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันและกระบวนการอักเสบ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดสิวอักเสบ ผิวระคายเคืองง่าย และอาจทำให้ความหมองคล้ำปรากฏชัดเจนขึ้น ดังนั้นการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสมจึงเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมปัจจัยกระตุ้นภายใน ซึ่งนำไปสู่การมีผิวหน้าที่แข็งแรงและทำให้หน้าใส
9.ทำให้หน้าใสด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์
โภชนาการมีความสัมพันธ์โดยตรงต่อสุขภาพผิวและการมีหน้าใส เพราะการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ในทางกลับกันการจำกัดอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง และลดอาหารแปรรูปก็ยังสามารถช่วยควบคุมกระบวนการอักเสบภายในร่างกาย
ดังนั้นโภชนาการที่สมดุลจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการเกิดสิวและความหมองคล้ำ ส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดี และนำไปสู่การมีหน้าใสได้
10.ทำให้หน้าใสด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อหน้าใส และสุขภาพผิวโดยรวม โดยช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้การลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังเซลล์ผิวเป็นไปอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันยังช่วยกระตุ้นการระบายของเสียและสารพิษออกจากเซลล์ผิวหนัง กลไกดังกล่าวส่งผลให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความหมองคล้ำและส่งเสริมให้ผิวพรรณแลดูเปล่งปลั่ง หน้าใสขึ้น
11.ทำให้หน้าใสด้วยการห้ามแกะ บีบ หรือเกาสิว
การแกะ บีบ หรือเกาสิว เป็นพฤติกรรมที่ต้องหลีกเลี่ยงหากอยากมีหน้าใส เพราะการกระทำดังกล่าวอาจไป กระตุ้นให้การอักเสบลุกลามและสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างเนื้อเยื่อโดยรอบ พฤติกรรมดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ และรอยแผลเป็นที่ยากต่อการรักษา การป้องกันไม่ให้เกิดรอยใหม่จึงเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาสีผิวให้สม่ำเสมอ และช่วยทำให้การดูแลผิวเพื่อการมีหน้าใสทำได้ง่ายมากขึ้น
12.ทำให้หน้าใสด้วยการเปลี่ยนปลอกหมอนเป็นประจำ
สุขอนามัยและความสะอาดของสิ่งของซึ่งสัมผัสผิว โดยเฉพาะปลอกหมอน มีความสัมพันธ์โดยตรงต่อสุขภาพผิวและการมีหน้าใส เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของซีบัม, เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ, และจุลินทรีย์ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรค การสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ซ้ำ ๆ ตลอดคืน สามารถกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบได้ ดังนั้นการเปลี่ยนปลอกหมอนเป็นประจำจึงเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดสิว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีผิวหน้าใส สะอาด และลดปัญหาผิวในอนาคต
13.ทำให้หน้าใสด้วยการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า
หลายครั้งสุขอนามัยของอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นตัวขัดขวางการมีหน้าใสที่คาดไม่ถึง เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ต่างเป็นแหล่งสะสมของผลิตภัณฑ์ตกค้าง, ซีบัม, และเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจก่อโรค การนำมาใช้ซ้ำโดยไม่ทำความสะอาด เป็นการส่งผ่านสิ่งสกปรกกลับสู่ผิวโดยตรง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอุดตันและการอักเสบ ดังนั้นใครที่อยากเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ เพื่อการมีหน้าใส ควรเริ่มจากการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วย
14.ทำให้หน้าใสด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
วิธีทำให้หน้าใสแบบง่าย ๆ อย่างการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า เป็นหลักสุขอนามัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมือเป็นสื่อกลางในการสัมผัสสิ่งปนเปื้อนและเชื้อจุลินทรีย์หลากหลายชนิดจากสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งวัน พฤติกรรมการสัมผัสใบหน้าจึงเป็นการส่งผ่านเชื้อโรคมาสู่ผิวโดยตรง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันและการอักเสบ ดังนั้นการลดพฤติกรรมนี้จึงเป็นการตัดวงจรการเกิดสิวและรักษาผิวให้สะอาด เพื่อการมีหน้าใสได้แบบไม่ต้องลงทุนมากนัก
15.ทำให้หน้าใสด้วยการเพิ่มเซรั่มบำรุงเฉพาะจุด
การบำรุงผิวเชิงรุกด้วยเซรั่มที่มีคุณสมบัติในการจัดการปัญหาผิวที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เพื่อปรับให้หน้าใสขึ้น โดยสามารถเลือกสารออกฤทธิ์ที่จำเพาะเจาะจง เช่น วิตามินซีเพื่อลดเลือนจุดด่างดำ หรือไฮยาลูรอนิกแอซิดเพื่อเติมความชุ่มชื้น เพราะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นี้ ช่วยในการแก้ไขข้อบกพร่องของผิวได้อย่างตรงจุด ทำให้สามารถจัดการกับปัญหาได้ เพื่อให้ผิวที่อาจจะหมองคล้ำ หรือดูไม่เรียบเนียนกลายเป็นหน้าใสในแบบที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น
16.ทำให้หน้าใสด้วยการมาสก์หน้าเพื่อบำรุงล้ำลึก
วิธีทำให้หน้าใสด้วยการมาสก์หน้า ถือเป็นการบำรุงผิวนอกเหนือจากการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน โดยสามารถเลือกชนิดของมาสก์ที่จำเพาะต่อสภาพผิว เช่น มาสก์โคลนเพื่อดูดซับซีบัมส่วนเกิน หรือชีทมาสก์เพื่อคืนความชุ่มชื้น กระบวนการนี้ช่วยให้ผิวได้รับสารบำรุงความเข้มข้นสูง เพื่อจัดการปัญหาผิวเฉพาะทางอย่างตรงจุด การฟื้นฟูและปรับสมดุลผิวอย่างล้ำลึกนี้ จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ลดการระคายเคือง และส่งเสริมให้ผิวหน้าใสขึ้น
17.ทำให้หน้าใสด้วยการใช้โทนเนอร์ปรับสภาพผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์ปรับสภาพผิว (Toner) เป็นขั้นตอนสำคัญหลังจากการชำระล้างใบหน้า โดยมีบทบาทหลักในการปรับคืนสมดุลค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของผิว และช่วยขจัดสิ่งสกปรกตกค้างที่อาจหลงเหลืออยู่ ทั้งยังเป็นการเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับการซึมซาบของผลิตภัณฑ์บำรุงในลำดับถัดไป ทำให้มีสุขภาพผิวโดยรวมที่ดีมากขึ้น และตามมาด้วยผลลัพธ์ของหน้าใสอย่างที่ทุกคนตามหา
18.ทำให้หน้าใสด้วยการงดหรือลดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
หลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากอยากมีหน้าใส จำเป็นต้องงดเว้นการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพผิวพรรณ โดยสารประกอบในควันบุหรี่จะเข้าไปเร่งการเสื่อมสลายของคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของผิว ขณะที่แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้เซลล์ผิวเกิดภาวะขาดน้ำและแลดูอ่อนล้า ดังนั้นการงดเว้นพฤติกรรมเหล่านี้จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคงไว้ซึ่งผิวพรรณที่ดูสุขภาพดี และหน้าใสตามวัย
19.ทำให้หน้าใสด้วยการรู้จักสภาพผิวของตัวเอง
การประเมินสภาพผิวของตนเองอย่างถูกต้อง เป็นวิธีทำให้หน้าใส ซึ่งช่วยให้สามารถจำแนกได้ว่าผิวมีลักษณะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม หรือมีความบอบบางแพ้ง่าย เพราะเมื่อเรารู้สภาพผิวของเราในเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะง่ายต่อการเลือกสรรผลิตภัณฑ์และวางแผนการดูแลผิวที่เหมาะสม ซึ่งการดูแลที่ตรงจุดจะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวที่ไม่จำเป็น เช่น การระคายเคืองหรือการอุดตัน ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี และมีผิวหน้าใสขึ้นได้
20.ทำให้หน้าใสด้วยหัตถการทางการแพทย์
สำหรับปัญหาผิวเรื้อรังที่การดูแลเบื้องต้นไม่เพียงพอ เช่น สิวอักเสบรุนแรง หรือฝ้าฝังลึก การปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลคือทางออกที่แม่นยำ นอกจากนั้นในปัจจุบันก็ยังมีหัตถการทางการแพทย์หลายโปรแกรม ที่ช่วยในการบำรุง ดูแล หรือฟื้นฟูปัญหาผิวต่าง ๆ เพื่อให้ผิวหน้าใส ดูมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

20 วิธีช่วยให้หน้าใส 5 พฤติกรรมต้องห้าม ทำลายผิวหน้าไม่รู้ตัว
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาช่วยให้หน้าใส ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลกินอะไรให้หน้าใส ? เช็กลิสต์อาหารผิว ที่หาได้ง่าย ๆ ใกล้ตัว
นอกเหนือจากการบำรุงผิวจากภายนอกแล้ว การมีสุขภาพผิวที่ดีและผิวหน้าใส จำเป็นต้องอาศัยการดูแลจากภายใน ดังนั้นการเลือกทานอาหารและโภชนาการที่เหมาะสม จึงมีบทบาทโดยตรงในการส่งเสริมกลไกสำคัญนี้ โดยทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวและควบคุมกระบวนการอักเสบ ซึ่งจะส่งผลให้ผิวพรรณดูมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน เช่น
อาหารหน้าใสกลุ่ม 1 อาหารที่มีวิตามินซีสูง
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีผิวหน้าใส โดยทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นผลมาจากรังสียูวีและมลภาวะ นอกจากนี้ วิตามินซียังเป็นปัจจัยร่วม (Co-factor) ที่จำเป็นในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และดูหน้าใสขึ้น
แหล่งอาหารหน้าใส กลุ่ม 1
• ผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม, มะนาว, สับปะรด
• ผลไม้อื่น ๆ ฝรั่ง, กีวี, มะละกอ, สตรอว์เบอร์รี
• ผัก มะเขือเทศ , พริกหวาน, บรอกโคลี, คะน้า
อาหารหน้าใส กลุ่ม 2 วิตามินเอและเบต้าแคโรทีน
ร่างกายสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีน (ซึ่งเป็นสารตั้งต้น) ให้เป็นวิตามินเอได้ วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง (Keratinocytes) ช่วยส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิวที่ปกติเพื่อเผยผิวหน้าใส และควบคุมการผลิตซีบัม (Sebum) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญสู่การมีผิวหน้าใสไร้สิว เพราะหากผลิตมากเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดสิวได้
แหล่งอาหารหน้าใส กลุ่ม 2
• ผักและผลไม้สีเหลือง/ส้ม แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, มะม่วงสุก
• ผักใบเขียวเข้ม ตำลึง, ผักบุ้ง, คะน้า
อาหารหน้าใส กลุ่ม 3 กรดไขมันโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acids) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ผิว ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้แข็งแรง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีผิวหน้าใส นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) ซึ่งสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบต่างๆ รวมถึงสิวอักเสบ เผยผิวหน้าใสสุขภาพดี
แหล่งอาหารหน้าใส กลุ่ม 3
• ปลาทะเลน้ำลึก แซลมอน, ทูน่า, ปลาทู, ปลาซาร์ดีน
• ถั่วและเมล็ดพืช วอลนัท, เมล็ดเจีย, เมล็ดแฟลกซ์
อาหารหน้าใส กลุ่ม 4 สังกะสี (Zinc)
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทในการควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวหน้าใสไร้สิว นอกจากนี้ยังจำเป็นต่อกระบวนการซ่อมแซมและสมานแผลของผิวหนัง เพื่อคืนสภาพผิวให้กลับมาเรียบเนียนหน้าใสได้อีกครั้ง การขาดสังกะสีอาจส่งผลให้แผลหายช้าและอาจมีความเชื่อมโยงกับการเกิดสิวอักเสบ
แหล่งอาหารหน้าใส กลุ่ม 4
• ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต
• เมล็ดพืช เมล็ดฟักทอง, เมล็ดทานตะวัน
• ถั่วต่าง ๆ ถั่วลิสง, อัลมอนด์
• อาหารทะเล หอยนางรม
อาหารหน้าใส กลุ่ม 5 โพรไบโอติกส์ (Probiotics)
โพรไบโอติกส์เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับสู่การมีผิวหน้าใส การมีสมดุลของจุลินทรีย์+ที่ดีในลำไส้จะช่วยลดการอักเสบในระบบต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดความรุนแรงของภาวะผิวหนังอักเสบและสิว ถือเป็นการดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายในเพื่อผิวที่ดูหน้าใสและสุขภาพดียิ่งขึ้น
แหล่งอาหารหน้าใส กลุ่ม 5
• ผลิตภัณฑ์นมหมัก โยเกิร์ต (สูตรธรรมชาติที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต), นมเปรี้ยว, คีเฟอร์
• อาหารหมักดอง กิมจิ, มิโสะ, เทมเป้
กลุ่มอาหารที่ควร ‘เลี่ยง’ ถ้าอยากหน้าใส
เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้าใส ไร้สิว และดูสุขภาพดี ซึ่งหลายคนอาจทุ่มเงินไปกับบรรดาสกินแคร์ราคาแพง แต่กลับมองข้ามปัจจัยสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด นั่นก็คือ ‘อาหาร’ ที่เราทานเข้าไปในทุกๆ วัน เพราะอาหารบางชนิดก็เป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดสิว และทำลายคอลลาเจนใต้ผิวโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น
ของหวานและอาหารที่มีน้ำตาลสูง
การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ เช่น เค้ก เบเกอรี่ และชานมไข่มุก ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการมีผิวหน้าใส เนื่องจากน้ำตาลจะกระตุ้นกระบวนการอักเสบและเร่งการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า นอกจากนั้นโมเลกุลน้ำตาลยังเข้าไปทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวโดยตรง ส่งผลให้ผิวขาดความกระชับ เกิดริ้วรอยก่อนวัย และบั่นทอนสุขภาพผิวที่ดีซึ่งเป็นพื้นฐานของผิวหน้าใส
อาหารไขมันสูงและของทอด
การบริโภคอาหารทอดและอาหารที่มีไขมันทรานส์สูง เช่น ไก่ทอดและโดนัท เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำลายสุขภาพผิวและบั่นทอนการมีผิวหน้าใส เนื่องจากไขมันประเภทดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ส่งผลโดยตรงให้สิวที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น และยังอาจส่งเสริมให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ผิวขาดความสมดุลและห่างไกลจากการมีผิวหน้าใสอย่างแท้จริง
อาหารแปรรูปและฟาสต์ฟู้ด
อาหารแปรรูปและอาหารจานด่วน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและไส้กรอก ถือเป็นการรวมปัจจัยทำร้ายผิวที่ขัดขวางการมีผิวหน้าใส เนื่องจากอาหารเหล่านี้มักอุดมไปด้วยแป้งขัดขาว ไขมันทรานส์ และโซเดียมปริมาณสูงในคราวเดียว โดยเฉพาะโซเดียมที่ส่งผลให้ใบหน้าบวมและผิวขาดน้ำ ทั้งยังทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีสุขภาพดีและดูหน้าใส
วิธีทำหน้าใสธรรมชาติ VS หัตถการช่วยหน้าใส เลือกแบบไหนตอบโจทย์
ในปัจจุบันมีแนวทางสำหรับบำรุงและฟื้นฟูให้หน้าใสอยู่หลากหลาย ตั้งแต่การดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างหัตถการต่าง ๆ ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่น ข้อจำกัด และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจในรายละเอียดของทั้งสองแนวทางจะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวและไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ดีที่สุด ดังนี้
วิธีทำให้หน้าใสด้วยวิธีธรรมชาติ
เป็นแนวทางการดูแลผิวแบบองค์รวมที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายในและดูแลอย่างสม่ำเสมอจากภายนอก รวมถึงเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต (Lifestyle Modification) และการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน (Skincare Routine) ให้ถูกต้อง
ข้อดีของวิธีทำให้หน้าใสด้วยธรรมชาติ
• ค่อนข้างมีความปลอดภัย
• ประหยัดค่าใช้จ่าย
• ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
ข้อจำกัดของวิธีทำให้หน้าใสด้วยธรรมชาติ
• เห็นผลช้า ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ
• ต้องมีวินัยสูงมาก จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
• อาจไม่ทันใจ สำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หน้าใสที่รวดเร็ว
วิธีทำให้หน้าใสด้วยหัตถการทางการแพทย์
การทำหน้าใสด้วยหัตถการทางการแพทย์ คือการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อดูแลปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น การใช้โปรแกรมเลเซอร์เพื่อลดเลือนรอยสิวและจุดด่างดำ การทำทรีตเมนต์เพื่อบำรุงผิว หรือการผลัดเซลล์ผิวเพื่อความเรียบเนียน ซึ่งเป็นวิธีที่มุ่งเน้นการจัดการปัญหาอย่างตรงจุด และอาจช่วยให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าการดูแลผิวหน้าใสแบบธรรมชาติทั่วไป
ข้อดีของวิธีทำให้หน้าใสด้วยหัตถการทางการแพทย์
• มีแนวโน้มเห็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างรวดเร็ว
• ช่วยจัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทำให้หน้าใสขึ้น
• เป็นทางเลือกสำหรับปัญหาผิวที่จัดการได้ยาก
• กระบวนการทำหัตถการอยู่ภายใต้การประเมินและดูแลโดยแพทย์
ข้อจำกัดของวิธีทำให้หน้าใสด้วยหัตถการทางการแพทย์
• มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
• อาจมีผลข้างเคียงและต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้น
• ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอยู่กับการดูแลและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม
• ผลลัพธ์ของการมีหน้าใสอาจไม่ถาวรและต้องทำซ้ำ
แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การดูแลผิวหน้าใสที่มีประสิทธิภาพ ควรเริ่มจากการสร้างพื้นฐานผิวที่แข็งแรงด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การปรับพฤติกรรมการบริโภคและการพักผ่อน ควบคู่ไปกับการพิจารณาใช้หัตถการทางการแพทย์เป็นทางเลือกเสริม ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการปัญหาผิวที่ยากต่อการดูแลด้วยวิธีพื้นฐาน เช่น รอยสิว จุดด่างดำ และฝ้า เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการมีหน้าใส
ทำไมอยู่ดี ๆ หน้าหมอง
ภาวะหน้าหมองคล้ำ ขัดขวางการมีหน้าใส สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยหนึ่งในสาเหตุหลักคือการสะสมของเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และมลภาวะ รวมถึงการที่ผิวขาดความชุ่มชื้นและการละเลยการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสาเหตุร่วมด้วยเช่นกัน
อยู่แต่บ้านทำไมดำ
แม้จะอยู่ในอาคาร แต่รังสี UVA จากแสงแดดยังสามารถส่องผ่านกระจกเข้ามามีผลต่อผิวได้ อีกทั้งแสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการมีผิวหน้าใส และอาจส่งผลให้สีผิวดูเข้มขึ้นได้เมื่อได้รับอย่างต่อเนื่อง
หัตถการหน้าใสเลือกยังไงดี
การเลือกหัตถการควรเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวโดยละเอียด และวินิจฉัยปัญหาที่แท้จริง เช่น รอยสิว จุดด่างดำ หรือความหมองคล้ำจากสาเหตุใด จากนั้นแพทย์จะสามารถแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาและประเภทผิวของแต่ละบุคคลได้
สรุปวิธีหน้าใสมีอะไรบ้าง แบบไหนที่เหมาะสมกับผิวเรามากที่สุด
ในปัจจุบันมีวิธีการช่วยให้ผิวหน้าใสอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ หรือเลือกใช้บริการกับคลินิกความงามต่าง ๆ ซึ่งการจะมีผิวหน้าใส มักจะต้องประกอบด้วยการดูแลผิวในชีวิตประจำวัน ควบคู่ไปกับการเลือกใช้หัตถการทางการแพทย์ โดยหลักการพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดคือ การประเมินสภาพและปัญหาผิวที่แท้จริงของแต่ละบุคคล ดังนั้นการปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์และวางแผนการดูแลจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ
ซึ่งที่ APEX ของเรามีหัตถการและเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด ช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ต้องการ สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการหัตถการเพื่อหน้าใส หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ค่ะ
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ 20 วิธีช่วยให้หน้าใส 5 พฤติกรรมต้องห้าม ทำลายผิวหน้าไม่รู้ตัว,หน้าใส หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
รวม 20 วิธีทำให้หน้าใส พร้อมเผยเคล็ดลับผิวฉ่ำโกลว์ ดูสุขภาพดี พร้อมอัปเดตหัตถการน่าทำที่เห็นผลจริง อยากมีผิวสวยห้ามพลาด 20 วิธีหน้าใส รวมทริคเพื่อผิวฉ่ำ กู้ผิวสวย ดูสุขภาพดีอย่างมั่นใจ