บทความเกี่ยวกับ : Coolsculpting

Coolsculpting ช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างสวยได้ไหม?
CoolSculpting ช่วยปรับรูปร่างได้จริงไหม ? มีข้อดีอะไรบ้างที่ควรรู้
การมีรูปร่างเฟิร์มกระชับ ไร้ไขมันกวนใจ เป็นสิ่งที่หลายคนต่างก็ต้องการ แต่ในบางครั้งแม้เราจะคุมอาหาร หรือออกกำลังกายจนน้ำหนักลดลงแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าไขมันเจ้าปัญหา ก็ยังไม่หายไปสักที จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเกิดความรู้สึกท้อ และหมดหวังกับการมีหุ่นสวย ไร้ไขมันส่วนเกิน ดังนั้นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting จึงกลายมาเป็นตัวช่วยยอดนิยม

สำหรับคนที่ต้องการลดไขมัน และเปลี่ยนรูปร่างที่ดูย้วย ไม่กระชับ ให้กลับมาเฟิร์มสวย และได้สัดส่วนขึ้นโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เห็นผลเร็ว และเพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจ รวมถึงเลือกวิธีปรับรูปร่างที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น วันนี้ Apex Clinic จะชวนทุกคนมาหาคำตอบกันว่า CoolSculpting ลดไขมันได้จริงไหม? มีข้อดีอะไรบ้างที่ทำให้มันแตกต่างจากการลดน้ำหนักแบบอื่น รวมถึงควรดูแลตัวเองหลังทำ CoolSculpting อย่างไร ให้หุ่นสวย สมใจ ตามมาอ่านกันเลยได้

ออกกำลังกายแล้วหุ่นไม่เฟิร์ม เพราะอะไร
แต่ละคนอาจจะมีแรงบันดาลใจ ในการออกกำลังหาย ลดน้ำหนัก หรือปรับเปลี่ยนรูปร่างให้ได้สัดส่วนแตกต่างกันออกไป บางคนอยากมีสุขภาพดี บางคนอยากเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง หรือบางคนก็อาจต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม เพื่อใส่เสื้อผ้าตัวโปรดได้อย่างมั่นใจ

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับหลายคนก็อาจเจอปัญหา ที่แม้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ แต่รูปร่างก็ยังไม่เฟิร์มกระชับเท่าที่ควร จนหันมาเลือกวิธีการทำ CoolSculpting ซึ่งความจริงแล้วมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง นอกเหนือจากการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว เช่น

1.โปรแกรมออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม
การออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม อย่างการคาร์ดิโอ แม้จะช่วยในการเผาผลาญ แต่ถ้าเน้นคาร์ดิโอมากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อลดลงได้ ซึ่งส่งผลให้รูปร่างไม่กระชับและดูไม่เฟิร์ม หรือไม่มีการฝึกความแข็งแรงด้วยการยกน้ำหนัก หรือใช้แรงต้าน ทำให้เกิดปัญหาในการรักษามวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีส่วนช่วยให้รูปร่างดูเฟิร์มกระชับและมีสัดส่วนมากขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำ ๆ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญได้น้อยลง

2.พฤติกรรมการทานอาหารไม่สมดุล
พฤติกรรมการทาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนมีปัญหาไขมันสะสม และอาจนำไปสู่รูปร่างที่ไม่เฟิร์มกระชับตามต้องการ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ คนที่อยากมีรูปร่างเพรียวบางก็จะทำการ ‘อดอาหาร’ หรือทานให้น้อยที่สุด เพราะคิดว่าจะทำให้กลับมาผอม สมส่วน ได้เร็ว แต่ในความเป็นจริง การอดอาหารอาจทำให้ร่างกายขาดโปรตีน ทำให้กล้ามเนื้อไม่เติบโตและทำให้การเผาผลาญไขมันลดลง นอกเหนือจากการทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อภาวะอ้วน และไขมันสะสมในระยะยาว

3.การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอ อาจเป็นต้นเหตุที่ถึงแม้หลายคนจะเริ่มคุมอาหาร และออกกำลังสม่ำเสมอแล้ว แต่ยังไม่ทำให้ไขมันหายไป หรือไม่ทำให้หุ่นกลับมาเฟิร์มสวยได้เท่าที่ควร เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอ นอกจากจะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญ และการสร้างกล้ามเนื้อ ก็อาจเป็นหนึ่งในต้นเหตุของความเครียด ที่ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งอาจทำให้ไขมันสะสมที่บริเวณหน้าท้อง ทั้งยังส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกายได้อีกด้วย

4.ปัจจัยทางพันธุกรรม
สำหรับคนที่ออกกำลังกายหรือคุมอาหารแล้วรู้สึกว่าหุ่นไม่สวย ไม่กระชับได้เท่าที่ควร อาจเกิดมาจากปัญหาโครงสร้างภายในร่างกาย ซึ่งมีเหตุมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม ทำให้การสร้างกล้ามเนื้อทำได้ยากกว่าคนอื่น หรือมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันในบางบริเวณมากกว่า เป็นต้น

CoolSculpting

โปรแกรม Coolsculpting ช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างสวยได้ไหม?

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรม CoolSculpting ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

CoolSculpting คืออะไร ช่วยปรับหุ่นสวยได้จริงไหม ?
Coolsculpting คือเทคโนโลยีสลายไขมันแบบ Non-invasive Fat Reduction ซึ่งเป็นเทคนิคกำจัดไขมัน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจาะผ่านผิวหนัง แต่จะใช้หลักการ Cryolipolysis หรือกระบวนการสลายไขมันด้วยความเย็นที่ควบคุมได้ (Controlled Cooling) เพื่อทำลายเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) ให้ออกจากร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยทำให้รูปร่างได้สัดส่วน และกระชับขึ้นอย่างช้า ๆ แลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ดังนั้นจึงไม่ต้องฟื้นตัว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำ CoolSculpting

หลักการทำงานของ CoolSculpting
CoolSculpting ใช้ความเย็นเฉพาะจุด ผ่านความเย็นระดับจุดเยือกแข็ง 4 - 7 องศาเซลเซียส เพื่อเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง โดยความเย็นจะทำให้เซลล์ไขมันเกิดกระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์ ซึ่งร่างกายจะขจัดเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายออกไปตามระบบน้ำเหลืองในระยะเวลา 1-3 เดือนหลังการรักษา ผลลัพธ์คือรูปร่างได้สัดส่วนโดยไม่มีผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ที่สำคัญการลดไขมัน CoolSculpting ก็ยังสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ในจุดที่การลดน้ำหนักทั่วไปไม่สามารถทำได้ เช่น บริเวณเอวด้านข้าง หรือไขมันที่สะสมในต้นขาด้านใน

กระบวนการ Cryolipolysis มีผลต่อการสลายไขมันยังไง
Cryolipolysis เป็นกระบวนการสลายไขมัน CoolSculpting โดยใช้ความเย็นในระดับที่สามารถทำลายเซลล์ไขมันได้ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่ออื่น ๆ โดยความเย็นจะลดอุณหภูมิของเซลล์ไขมันจนถึงจุดที่เกิดการแข็งตัวและถูกทำลายอย่างถาวร ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ขจัดเซลล์ไขมันที่เสียหายออกไปทางระบบน้ำเหลือง และช่วยปรับให้รูปร่างได้สัดส่วนมากขึ้น โดยกระบวนการนี้ไม่เจ็บปวด และมักให้ผลลัพธ์ที่คงทนในระยะยาวหากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังทำ CoolSculpting โดยการทำ Cryolipolysis หนึ่งครั้งสามารถลดความหนาของชั้นไขมันได้ประมาณ 20% เลยทีเดียว

CoolSculpting

โปรแกรม Coolsculpting ช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างสวยได้ไหม?

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรม CoolSculpting ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ทำไมต้องสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting
เหตุผลที่ทำให้ CoolSculpting ได้รับความนิยม และกลายเป็นตัวเลือกของคนที่อยากมีหุ่นสวย ตอบโจทย์การสลายไขมันมากกว่าวิธีการแบบเดิมมีอยู่หลายข้อ ได้แก่

• CoolSculpting ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด
• CoolSculpting ให้ผลลัพธ์ยาวนาน เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาอีก (หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม) ทำให้ผลลัพธ์ของการรักษามีความยั่งยืน
• CoolSculpting ไม่ออกกำลังกายก็ทำได้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย แต่อยากมีสัดส่วนที่เฟิร์มกระชับ ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ตรงจุด

นอกจากนี้ CoolSculpting ยังสามารถ กำจัดไขมันเฉพาะจุด ช่วยลดไขมันในบริเวณที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือใต้คาง และยัง ใช้เวลาน้อย เพราะใช้เวลาในการทำหัตถการต่อเคสเพียง 35-60 นาทีต่อจุด (ขึ้นอยู่กับผู้รับบริการ CoolSculpting แต่ละคน) ทำให้สะดวกและประหยัดเวลาได้มากกว่า

ข้อดีของการทำ CoolSculpting
CoolSculpting เป็นนวัตกรรมการสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพราะนอกจากจะไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ชัดเจน สะดวกสบาย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ก็ยังเป็นการใช้เทคโนโลยีความเย็นในระดับที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีข้อดีอีกมากมาย ดังนี้

• CoolSculpting ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนของร่างกายก็ตาม
• CoolSculpting ไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น ลดโอกาสการเกิดแผลและผลข้างเคียงรุนแรง
• CoolSculpting ช่วยปรับรูปร่างได้สัดส่วน และสลายไขมันในระยะยาว
• CoolSculpting ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
• CoolSculpting สะดวกสลาย ใช้เวลาในการรักษาเพียง 35-60 นาทีต่อจุด (ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไป)
• CoolSculpting ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 1-3 เดือน
• CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในทุกช่วงอายุ
• CoolSculpting มีเทคโนโลยี และหัว CoolSculpting ที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบริเวณของร่างกายได้หลากหลาย
• CoolSculpting ช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดและการใช้ยาสลบ

*ผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting อาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย รวมถึงปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล

CoolSculpting

โปรแกรม Coolsculpting ช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างสวยได้ไหม?

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรม CoolSculpting ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

CoolSculpting ช่วยลดไขมันส่วนไหนของร่างกายได้บ้าง
เมื่อพูดถึงการทำ CoolSculpting หลายคนอาจสงสัยว่า วิธีการลดไขมันและรูปร่างได้สัดส่วนโดยไม่ต้องลดน้ำหนักนี้ สามารถลดไขมันได้เฉพาะส่วนจริงหรือไม่ และบริเวณใดบ้างที่สามารถใช้ CoolSculpting ได้ ในหัวข้อนี้ APEX Clinic มีคำตอบมาให้แล้ว

• CoolSculpting ใต้คาง ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณใต้คางและกรอบหน้า ซึ่งอาจทำให้หน้าใหญ่ มีเหนียง หรือบวม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้ดูเรียวขึ้น
• CoolSculpting หน้าท้อง แก้ปัญหามีพุง เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องดูแบนราบและกระชับขึ้น แม้จะเป็นจุดที่ลดได้ยากจากการออกกำลังกาย
• CoolSculpting ต้นขา ช่วยลดไขมันที่ต้นขาด้านในและด้านนอก ทำให้ขาดูเรียวเล็กและสมดุลกับรูปร่างโดยรวม
• CoolSculpting ต้นแขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต้นแขนใหญ่หรือหย่อนคล้อย CoolSculpting ช่วยให้ต้นแขนดูเพรียวและกระชับขึ้น
• CoolSculpting ด้านข้างลำตัว สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณเอวด้านข้างได้ ทำให้รูปร่างดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งและสมส่วนยิ่งขึ้น
• CoolSculpting บริเวณใต้บั้นท้าย ช่วยลดไขมันที่สะสมใต้บั้นท้าย ทำให้บริเวณนี้ดูสมดุลและได้สัดส่วนมากขึ้น
• CoolSculpting บริเวณหลังส่วนบน เหมาะกับการลดไขมันที่สะสมในบริเวณหลังส่วนบน ทำให้แผ่นหลังดูเรียบเนียนขึ้น
• CoolSculpting แนวกราม ช่วยปรับกรอบหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น โดยกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณแนวกราม ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนและมีมิติ
• CoolSculpting สะโพก การทำ CoolSculpting ช่วยลดไขมันบริเวณสะโพกที่อาจสะสมจนดูไม่สมดุล สวยงาม
• CoolSculpting เอวด้านข้าง เหมาะสำหรับการลดไขมันส่วนเกินบริเวณเอว ทำให้เอวดูเพรียวบางและมีความเว้าโค้งที่ชัดเจน

Coolsculpting แต่ละแบบให้ผลยังไง เหมาะกับจุดไหนบ้าง
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายและลดไขมันสะสม ที่ทำให้รูปร่างไม่กระชับ ไม่ได้สัดส่วน ซึ่งมีหัวแอปพลิเคเตอร์หลายแบบ ช่วยให้สามารถปรับการทำงานของ CoolSculpting ในแต่ละบริเวณของร่างกายได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใหญ่ พื้นที่เล็ก จุดที่เข้าถึงยาก หรือบริเวณที่มีไขมันสะสมหนาแน่นเป็นพิเศษ ก็สามารถจัดการได้ ทำให้ CoolSculpting กลายเป็นหัตถการซึ่งให้ผลลัพธ์ตรงจุดและแม่นยำ

* หัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) คืออุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับเครื่อง CoolSculpting เพื่อทำการส่งความเย็นไปยังบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน โดยจะมีหลายรูปแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานต่างกัน

Cool Advantage
CoolSculpting แบบ Cool Advantage ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการกำจัดไขมัน สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมปานกลาง นิยมใช้เพื่อลดไขมัน 7 จุด ได้แก่ ท้อง เอว แขน หน้าอก ปีกหลัง ขาด้านใน ใต้ก้น ทั้งยังมีรูปทรงที่โค้งรับกับรูปร่างตามธรรมชาติของร่างกาย ทำให้ CoolSculpting สามารถส่งความเย็นลงสู่เซลล์ไขมันระดับที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี

CoolAdvantage Petite
CoolSculpting แบบ CoolAdvantage Petite ออกแบบมาสำหรับพื้นที่เล็ก เช่น ต้นแขนและไขมันใต้รักแร้ หัวแอปพลิเคเตอร์ CoolAdvantage Petite ช่วยให้การรักษาเสร็จเร็วขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อจุด นอกจากนี้ก็ยังลดไขมันในจุดที่มีเนื้อเยื่ออ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ CoolSculpting เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดและต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

CoolSmooth PRO
CoolSculpting แบบ CoolSmooth PRO เหมาะสำหรับบริเวณที่มีไขมันสะสมแน่นหนา เช่น ต้นขาด้านนอก เป็นหัวแอปพลิเคเตอร์แบบแบน ซึ่งไม่ต้องใช้แรงดูด ช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างอ่อนโยนต่อผิว ทั้งยังสามารถลดไขมันในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก หรือจุดที่ไม่มีเนื้อเยื่อหนาพอสำหรับการใช้แรงดูดจาก CoolSculpting ได้

CoolMini
CoolSculpting แบบ CoolMini เป็นหัวแอปพลิเคเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการไขมันเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่ง CoolSculpting แบบนี้จะมีลักษณะหัวที่เล็ก และสามารถเข้าถึงพื้นที่ซึ่งต้องการความละเอียดอ่อนได้ เช่น ใต้คาง แนวกราม หรือบริเวณหัวเข่า ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในจุดที่มองเห็นได้ง่าย

CoolAdvantage Plus
CoolSculpting แบบ CoolAdvantage Plus ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการลดไขมันในพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นพิเศษ เช่น หน้าท้องส่วนบนและล่าง ช่วยลดไขมันในพื้นที่กว้างได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาในการทำ CoolSculpting เพียง 45-60 นาที (ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส)

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ CoolSculpting
CoolSculpting เป็นนวัตกรรมเพื่อคนที่ต้องการหุ่นสวย เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดยากแม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างเฉพาะส่วน โดยไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องมีรอยแผล รวมถึงตอบโจทย์คนอีกหลากหลายกลุ่ม ดังนี้

• CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มี BMI ปกติ แต่มีไขมันส่วนเกินที่หน้าท้อง ต้นขา หรือใต้คาง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายคน
• CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้ดูดีขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
• CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลดน้ำหนักโดยรวม แต่ต้องการลดไขมันเฉพาะส่วน เพื่อให้รูปร่างได้สัดส่วนมากขึ้น
• CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะส่วน ซึ่งไม่สามารถกำจัดได้โดยการออกกำลังกาย หรือคุมอาหาร

CoolSculpting VS การลดน้ำหนักทั่วไป ต่างกันอย่างไร
เพื่อให้ทุกคนที่อยากมีหุ่นสวย ช่วยสลายไขมันได้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์มากที่สุด ในหัวข้อนี้เราจะพาทุกคนไปดูความแตกต่าง ระหว่างการปรับรูปร่างด้วยการลดน้ำหนักทั่วไปและการทำ CoolSculpting ว่าให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร เพื่อให้ทุกคนเข้าใจความแตกต่างและตัดสินใจเลือกวิธีการต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น เช็กเลย

การลดน้ำหนักทั่วไป เป็นการออกกำลังกายด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น วิ่ง แอโรบิก หรือควบคุมอาหาร ช่วยลดทั้งไขมันและกล้ามเนื้อพร้อมกัน จึงอาจทำให้รูปร่างไม่กระชับในช่วงแรก และอาจทำให้เสียมวลกล้ามเนื้อไปด้วย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและระบบเผาผลาญ

ข้อมูลการลดน้ำหนักเพิ่มเติม ลดน้ำหนักผิดวิธี เช็ก 9 ข้อผิดพลาดที่ควรต้องระวัง

CoolSculpting เป็นวิธีการลดไขมันเฉพาะจุด ไม่กระทบกล้ามเนื้อ ช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้นและได้สัดส่วน โดยเน้นการกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร โดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ

ซึ่งจากความแตกต่างของวิธีการลดไขมันและปรับรูปร่างทั้งสองแบบนี้ จะทำให้เห็นได้เลยว่าการลดน้ำหนักโดยทั่วไป อาจต้องใช้เวลาและความพยายามมาก รวมทั้งอาจไม่สามารถจัดการกับไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การทำ CoolSculpting สามารถช่วยจัดการกับไขมันเฉพาะจุดได้มากกว่า รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ หรือโยโย่เอฟเฟกต์ (Yo-Yo Effect)

Coolsculpting กับ Coolsculpting Elite เลือกแบบไหนดี
Coolsculpting Elite มีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกับ Coolsculpting แต่จะเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยมีหัวแอปพลิเคเตอร์ที่ครอบคลุมพื้นที่การรักษามากขึ้น ทำให้ลดไขมันได้ในเวลาที่น้อยลง ช่วยประหยัดเวลา และทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ซึ่งรวดเร็วมากกว่า

ดังนั้น CoolSculpting Elite จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มองหาผลลัพธ์ที่รวดเร็วและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า CoolSculpting รุ่นเดิม แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ และขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจทำหัตถการ CoolSculpting ทุกครั้ง

ทำ CoolSculpting ครั้งแรก มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
CoolSculpting ผลข้างเคียงที่อาจพบได้เล็กน้อย เช่น รอยแดง ชา บวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน และไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ผลข้างเคียงเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้ง่าย ดังนั้น CoolSculpting จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่ร้ายแรง

รีวิวผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting จากผู้ใช้งานจริงที่ APEX

CoolSculpting

โปรแกรม Coolsculpting ช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างสวยได้ไหม?

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรม CoolSculpting ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

เคล็ดลับดูแลรูปร่างหลังทำ CoolSculpting
เพื่อให้ผลลัพธ์จากการทำ CoolSculpting คงความสวย เฟิร์ม กระชับ เอาไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น ทุกคนควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ ดังนี้

• หลังทำ CoolSculpting ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมดุลของร่างกายหลังทำ CoolSculpting
• หลังทำ CoolSculpting ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหลังทำ CoolSculpting เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และช่วยให้รูปร่างกระชับมากยิ่งขึ้น โดยควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
• หลังทำ CoolSculpting ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารไขมันสูงหลัง CoolSculpting เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ และรักษาน้ำหนักให้คงที่ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่
• หลังทำ CoolSculpting ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายสามารถรักษารูปร่างได้สัดส่วนยาวนาน เพิ่มประสิทธิภาพหลังทำ CoolSculpting
• หลังทำ CoolSculpting ควรลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเครียด เช่น นอนหลับให้เพียงพอ หางานอดิเรกทำ หรือหาเวลาผ่อนคลายจากงาน จะช่วยรักษาผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting ได้ดียิ่งขึ้น

รวมคำถามเกี่ยวกับ Coolsculpting ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
CoolSculpting เจ็บไหม
CoolSculpting เป็นวิธีการลดไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งไม่ต้องผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ช่วยจัดการไขมันส่วนเกินได้ตรงจุด ด้วยเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ทำให้ผู้รับบริการจะรู้สึกถึงความเย็นและแรงดูดเบา ๆ ในช่วงเริ่มต้นของการรักษา หรืออาจรู้สึกชามากขึ้นหลังทำหัตถการ

ทำ CoolSculpting ไม่ได้ผล เกิดจากอะไร
หากทำ CoolSculpting แล้วไม่ได้ผล อาจมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเลือกบริเวณที่ไม่เหมาะสมสำหรับการลดไขมัน การไม่ทำตามคำแนะนำของแพทย์หลังการรักษา หรือคาดหวังผลลัพธ์ที่เร็วเกินไป ทั้งนี้ CoolSculpting ต้องใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนในการแสดงผลลัพธ์ และในบางกรณีอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

CoolSculpting สามารถทำให้ไขมันหายไปถาวรได้จริงไหม
CoolSculpting สามารถทำลายเซลล์ไขมันบางส่วนในบริเวณที่ทำการรักษาได้อย่างถาวร โดยเซลล์ที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาใหม่ อย่างไรก็ตาม เซลล์ไขมันที่ยังเหลืออยู่สามารถเพิ่มขนาดได้หากน้ำหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้น การดูแลน้ำหนักและปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพจึงสำคัญต่อการรักษาผลลัพธ์ของ CoolSculpting ในระยะยาว

CoolSculpting ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
ผลลัพธ์จาก CoolSculpting มักเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-4 สัปดาห์หลังการรักษาเพียงครั้งเดียว และชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน ในบางกรณีอาจต้องทำ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน สภาพร่างกาย และบริเวณที่ทำ CoolSculpting โดยแพทย์ผู้ให้บริการจะประเมินจำนวนครั้งที่เหมาะสมให้

Coolsculpting ช่วยลดน้ำหนักไหม
CoolSculpting ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการลดน้ำหนัก แต่เน้นไปที่การลดไขมันเฉพาะจุด ซึ่งยากจะจัดการด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ดังนั้นถึงแม้หลังทำหัตถการจะช่วยให้มีรูปร่างได้สัดส่วน หรือกระชับมากขึ้น แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำให้ตัวเลขน้ำหนักลดลงเหมือนกับการลดน้ำหนักวิธีอื่นนั่นเอง

สรุป CoolSculpting ดีจริงไหม ทำแล้วให้ผลลัพธ์ยังไงบ้าง
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งสามารถลดไขมันเฉพาะจุดที่ลดยากได้จริง ทั้งยังมีมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ช่วยลดโอกาสของการเกิดแผล หรือผลข้างเคียงรุนแรงจากการผ่าตัดใหญ่ กระบวนการ Cryolipolysis ของ CoolSculpting ก็ยังสามารถทำลายเซลล์ไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้โดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อ ทำให้รูปร่างได้สัดส่วน และกระชับขึ้นในระยะยาว

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาในการทำ CoolSculpting หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ค่ะ

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ Coolsculpting ช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างสวยได้ไหม?,Coolsculpting หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

Coolsculpting คือเทคโนโลยีลดไขมันและสลายไขมันด้วยความเย็น ช่วยปรับให้รูปร่างได้สัดส่วน แม้ไม่ได้ลดน้ำหนัก ใช้งานได้หลายจุด ด้วยหัวเฉพาะที่หลากหลาย

778
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น