โปรแกรมให้วิตามินผิว เลือกสูตรแบบไหนดี ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม

ให้วิตามินผิวดียังไง แต่ละแบบต่างกันไหม เลือกแบบไหนดี
ให้วิตามินผิวดียังไง ต้องเลือกวิธีไหนดีให้เหมาะกับตัวเอง
การให้วิตามินผิวหรือโปรแกรมดริปวิตามิน กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยม ด้วยแนวคิดของการส่งสารอาหารและวิตามินเข้มข้นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมาสดใส เปล่งปลั่ง และดูมีสุขภาพดี อย่างไรก็ตามหลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่าการให้วิตามินผิวดียังไง บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือที่จะพาทุกคนไปเจาะลึกทุกมิติของการให้วิตามินผิว ตั้งแต่หลักการทำงาน ประโยชน์ที่คาดหวังได้ วิธีการเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเอง ข้อควรระวังที่ต้องทราบ ไปจนถึงการดูแลตนเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

การให้วิตามินผิวคืออะไร
การให้วิตามินผิว คือหัตถการทางการแพทย์ที่นำส่งสารอาหารกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระตามที่แพทย์ได้มีการประเมิน เข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อช่วยบำรุงและฟื้นฟูสุขภาพผิวพรรณจากภายใน ซึ่งการให้วิตามินผิวมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีและดูกระจ่างใสขึ้นตามลำดับ

วิตามินผิว คืออะไร ฉีดวิตามินกับกินวิตามิน แตกต่างกันอย่างไร

หลักการทำงานของการให้วิตามินผิว
หัวใจสำคัญของการให้วิตามินผิว คือการเพิ่มระดับของสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวโดยตรง ทำให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถนำสารอาหารเหล่านั้นไปใช้ในการฟื้นฟูและซ่อมแซมได้ และการให้วิตามินผิวค่อนข้างรวดเร็วกว่าการทานในรูปแบบปกติ โดยมีหลักการทำงาน ดังนี้

• ต่อต้านอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลไม่เสถียรที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและหมองคล้ำ การให้วิตามินผิวที่มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระจึงเข้าไปช่วยยับยั้งและลดปริมาณอนุมูลอิสระโดยตรง ซึ่งเป็นการปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การให้วิตามินผิวที่มีวิตามินซีเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยส่งเสริมกลไกการสร้างคอลลาเจน เนื่องจากวิตามินซีเป็นปัจจัยร่วม ที่จำเป็นในกระบวนการนี้ การมีระดับวิตามินซีที่เพียงพอจึงช่วยสนับสนุนให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึงและเรียบเนียน
• ปรับสมดุลการสร้างเม็ดสี เป้าหมายสำคัญอีกประการของการให้วิตามินผิวคือการปรับสมดุลการสร้างเม็ดสี โดยอาศัยสารอย่างกลูตาไธโอนและวิตามินซีซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้การผลิตเม็ดสีเข้มลดลงและส่งเสริมการสร้างเม็ดสีที่สว่างกว่า ส่งผลให้ผิวโดยรวมดูกระจ่างใสและจุดด่างดำแลดูจางลง

การให้วิตามินผิวมีแบบไหนบ้าง
การดูแลสุขภาพผิวเป็นกระบวนการที่สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งการ ให้วิตามินผิว ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความสนใจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวจากปัจจัยต่างๆ วิธีการเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามหลักการทำงานและการนำส่งสารบำรุงสู่ผิว

การทาบนผิวโดยตรง
วิธีการทาบนผิวโดยตรงเป็นรูปแบบพื้นฐานของการบำรุงผิว ซึ่งเป็นการให้วิตามินผิวผ่านผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทต่างๆ เช่น เซรั่ม หรือครีม โดยสารบำรุงจะซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกเพื่อเข้าบำรุงเซลล์ผิว อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้ระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการดูแลอย่างต่อเนื่อง มากกว่าการการให้วิตามินผิวด้วยหัตถการทางการแพทย์

การทานวิตามิน
การทานวิตามินเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยเป็นการให้วิตามินผิวผ่านการดูดซึมสารอาหารในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจมาในรูปแบบของอาหารที่มีประโยชน์หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่เนื่องจากเป็นการบำรุงแบบองค์รวม สารอาหารจะถูกกระจายไปทั่วร่างกาย จึงอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดได้เท่าวิธีอื่น

การทำหัตถการทางการแพทย์
หัตถการทางการแพทย์เป็นวิธีการนำส่งสารบำรุงสู่ผิวโดยตรงภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะการทำโปรแกรมดริปวิตามิน (Program IV Drip) ซึ่งเป็นการให้วิตามินผิวผ่านทางหลอดเลือดดำ ทำให้ร่างกายสามารถนำวิตามินและสารอาหารไปใช้ได้โดยไม่ผ่านกระบวนการย่อย นอกจากนี้ยังมีหัตถการอื่น ๆ เช่น โปรแกรมเมโสเทอราปี เป็นต้น

โปรแกรมดริปวิตามินราคาเท่าไหร่ 14 สูตร ราคาแตกต่างกันอย่างไร

ส่วนประกอบที่นิยมใช้ในการให้วิตามิน
การดูแลสุขภาพและผิวพรรณเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจ โดยหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมคือการบำรุงร่างกายด้วยการให้วิตามินผิว ซึ่งเป็นการเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์และระบบต่าง ๆ ของร่างกายโดยตรง โดยส่วนประกอบสำคัญของการให้วิตามินผิวที่นิยมใช้มีหลากหลายชนิด ดังนี้

วิตามินซี
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งการให้วิตามินผิวประเภทนี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับโครงสร้างผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ส่งผลให้ผิวดูสม่ำเสมอและดูกระจ่างใสขึ้น

กลูตาไธโอน
กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระและช่วยในกระบวนการขจัดสารพิษ การให้วิตามินผิวที่มีส่วนผสมของกลูตาไธโอนจะช่วยปรับกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงอาจส่งผลให้สีผิวโดยรวมแลดูสว่างและกระจ่างใสขึ้นเมื่อได้รับในปริมาณที่เหมาะสม

วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวมคือกลุ่มวิตามินที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมและการทำงานของเซลล์ทั่วร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวหนัง การให้วิตามินผิวด้วยวิตามินบีรวมอย่างเพียงพอจะช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดโอกาสการเกิดการอักเสบ และบำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน ส่งผลให้ผิวดูมีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

กรดอัลฟาไลโปอิก
กรดอัลฟาไลโปอิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถทำงานได้ทั้งในสภาวะน้ำและไขมัน จึงช่วยปกป้องเซลล์ผิวได้อย่างครอบคลุม ดังนั้นในการให้วิตามินผิวสูตรต่าง ๆ จึงมักนำมาใช้ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่น ๆ เช่น วิตามินซีและกลูตาไธโอน เพื่อเสริมฤทธิ์ให้มีประสิทธิภาพยาวนานขึ้น จึงมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวได้

คอลลาเจน
คอลลาเจนคือโปรตีนซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่น การให้วิตามินผิวและสารตั้งต้นกลุ่มกรดอะมิโนที่ได้จากคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย เพื่อสนับสนุนกระบวนการสร้างและซ่อมแซมเส้นใยคอลลาเจนตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้ผิวคงความกระชับและเรียบเนียน

สารสกัดอื่น ๆ
นอกเหนือจากการให้วิตามินผิวที่เป็นส่วนประกอบหลัก ยังมีการใช้สารสกัดจากแหล่งธรรมชาติอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบร่วม เช่น สารสกัดจากพืช หรือพลาเซนต้า ซึ่งสารสกัดแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติเฉพาะทางที่แตกต่างกันไป อาทิ การช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ หรือให้วิตามินผิวที่จำเป็นต่อเซลล์ การเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับสูตรและดุลยพินิจของแพทย์เป็นสำคัญ

แนวทางการให้วิตามินผิวในแต่ละช่วงวัย
ความต้องการในการบำรุงและฟื้นฟูผิวพรรณอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย ดังนั้นแนวทางให้วิตามินผิวจึงมุ่งเน้นการดูแลที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองต่อปัญหาและส่งเสริมสุขภาพผิวอย่างเหมาะสม โดยทั้งหมดนี้ควรอยู่ภายใต้การประเมินและคำแนะนำจากแพทย์ ซึ่งคำแนะนำของการให้วิตามินผิวเบื้องต้นมีดังนี้

การให้วิตามินผิวในช่วงอายุ 20-30 ปี
สำหรับบุคคลในวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งระบบต่าง ๆ ของร่างกายยังทำงานได้ดี การให้วิตามินผิวในช่วงวัยนี้จึงมักมุ่งเน้นไปที่การป้องกันและฟื้นฟู เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด มลภาวะ และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำและช่วยคงความสดใสของผิวไว้

การให้วิตามินผิวในช่วงอายุ 30-40 ปี
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 30 ปี สัญญาณการเปลี่ยนแปลงของผิวเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น ดังนั้นการให้วิตามินผิวจึงมีเป้าหมายเพื่อการบำรุงเชิงรุกและชะลอความเสื่อมของเซลล์ โดยการให้วิตามินผิวจะเน้นการเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่เริ่มลดลงตามธรรมชาติ เพื่อช่วยรักษาความยืดหยุ่นและฟื้นฟูความเปล่งปลั่งของผิวพรรณ

การให้วิตามินผิวในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป
ในวัย 40 ปีขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและกระบวนการซ่อมแซมของร่างกายที่ช้าลง ส่งผลให้การให้วิตามินผิวจำเป็นต้องเน้นการฟื้นฟู เพื่อจัดการกับปัญหาริ้วรอย ความแห้ง และการขาดความกระชับของผิวโดยตรง รวมถึงการให้วิตามินผิวเพื่อส่งเสริมสุขภาพองค์รวมเพื่อความแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก

ให้วิตามินผิวดียังไง มีข้อดีอะไรบ้าง
การให้วิตามินผิวเป็นอีกหนึ่งแนวทางการดูแลสุขภาพ ที่ส่งผลดีต่อผิวพรรณและสุขภาพโดยรวมได้ในหลายด้าน โดยประโยชน์หลักที่สามารถคาดหวังได้จากการให้วิตามินผิว มีดังต่อไปนี้

• ฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าและหมองคล้ำ วิตามินและสารอาหารจากการให้วิตามินผิว จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูเซลล์ ทำให้ผิวที่ดูโทรมจากการพักผ่อนน้อย ความเครียด หรือมลภาวะ กลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น
• เพิ่มความกระจ่างใสและปรับสีผิว สำหรับผู้ที่ต้องการลดความเข้มของจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว การให้วิตามินผิวเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้สีผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอและเปล่งปลั่งขึ้น
• เสริมสร้างความแข็งแรงของผิว การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเสริมเกราะป้องกันผิวเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการให้วิตามินผิว ซึ่งส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง และชุ่มชื้นขึ้น
• ปกป้องผิวจากปัจจัยทำร้ายภายนอก สารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการให้วิตามินผิว จะช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวีและมลภาวะ อันเป็นส่วนหนึ่งของการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
• ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม นอกเหนือจากประโยชน์ด้านผิวพรรณโดยตรง วิตามินและแร่ธาตุบางชนิดที่ใช้ในการให้วิตามินผิว ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดความอ่อนเพลีย และทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น

การให้วิตามินผิวเหมาะกับใครบ้าง
การให้วิตามินผิวเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพผิวที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากปัจจัยในชีวิตประจำวัน เช่น ความเครียด การพักผ่อน และมลภาวะ ล้วนส่งผลกระทบต่อผิวพรรณโดยตรง ดังนั้นการบำรุงด้วยการให้วิตามินผิวนี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ที่มีปัญหาผิวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงผู้ที่ต้องการเสริมการดูแลในด้านต่าง ๆ เช่น

• การให้วิตามินผิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าผิวดูโทรมจากการทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเผชิญกับความเครียดสะสม การให้วิตามินผิวจะช่วยคืนความสดใสและเติมชีวิตชีวาให้กับผิวได้
• การให้วิตามินผิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผู้ที่กังวลเรื่องรอยสิว จุดด่างดำ หรือสีผิวที่คล้ำเสียจากแสงแดด การให้วิตามินผิวถือเป็นทางเลือกที่ช่วยปรับสภาพสีผิวโดยรวมให้ดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอขึ้น
• การให้วิตามินผิวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟู ในกรณีที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน เช่น ก่อนออกงานสำคัญ หรือหลังจากการเจ็บป่วย การให้วิตามินผิวสามารถช่วยให้ร่างกายและผิวพรรณฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น
• การให้วิตามินผิวเหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยในเมืองและต้องเผชิญมลภาวะ สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญมลภาวะเป็นประจำ การให้วิตามินผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยเสริมเกราะป้องกันและลดผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ได้
• การให้วิตามินผิวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการบำรุงเสริมจากการดูแลผิวปกติ ผู้ที่ดูแลผิวเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ต้องการการบำรุงที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น การให้วิตามินผิวจะเป็นการเสริมประสิทธิภาพการดูแลผิวจากภายใน

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการให้วิตามินผิว
การให้วิตามินผิวจัดเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อสุขภาพ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีสภาวะร่างกายหรือโรคประจำตัวบางประเภท จึงจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่แนะนำให้ทำการให้วิตามินผิว เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ

• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคตับ
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังรับการรักษา
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเหล็กเกิน (Iron Overload)
• การให้วิตามินผิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ส่วนประกอบในสูตรวิตามินนั้น ๆ อย่างรุนแรง

ข้อควรระวังก่อนให้วิตามินผิว
แม้ว่าการให้วิตามินผิวจะเป็นวิธีที่ช่วยบำรุงผิวได้ค่อนข้างเร็วและได้รับความนิยม แต่ก็ถือเป็นหัตถการที่ต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการเพื่อฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมาสดใส จึงควรศึกษาข้อควรระวังและเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนให้วิตามินผิวอย่างรอบคอบ

• เลือกสถานพยาบาลที่ดูแลให้ปลอดภัยได้ ต้องเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง ดำเนินการให้วิตามินผิวโดยแพทย์ และใช้วิตามินที่ผ่านการรับรองจาก อย.
• ประเมินความจำเป็น การให้วิตามินผิวเป็นการเสริม ไม่ใช่การรักษาหลัก จึงควรพิจารณาควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
• ตรวจสอบประวัติการแพ้ แจ้งแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้วิตามินทุกชนิด
• แจ้งข้อมูลสุขภาพตามจริง โรคประจำตัว ยาที่ทานเป็นประจำ อาหารเสริม สมุนไพร เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างให้วิตามินผิว
• ตั้งความคาดหวังที่สมเหตุสมผล การให้วิตามินผิวไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวโดยกำเนิดได้ และผลลัพธ์ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังให้โปรแกรมผิว
การดูแลสุขภาพผิวด้วยการให้วิตามินผิว เพื่อมุ่งเน้นการบำรุงจากภายใน อย่างไรก็ตามก่อนการตัดสินใจเข้ารับบริการ ควรทำความเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งผลลัพธ์หลังการให้วิตามินผิวแบบทั่วไปและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรงที่อาจตามมาได้ เช่น

ผลข้างเคียงทั่วไป
ภายหลังการให้วิตามินผิว อาจเกิดปฏิกิริยาของร่างกายบางประการได้ โดยส่วนใหญ่มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองในระยะเวลาสั้น ๆ อาการเหล่านี้เป็นผลตอบสนองโดยตรงของผิวหนังต่อหัตถการที่เกี่ยวข้องกับการใช้เข็มในการให้วิตามินผิว ซึ่งผู้รับบริการควรทราบเพื่อการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม

• บริเวณที่ให้วิตามินผิว อาจเกิดรอยแดงหรือชมพูระเรื่อ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักหายไปเอง
• หลังการให้วิตามินผิว อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลจากการใช้เข็มและตัวยา
• เนื่องจากเป็นการใช้เข็มการให้วิตามินผิวจึงอาจทำให้เกิดรอยช้ำ ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไป
• อาจรู้สึกเจ็บหรือระบมเล็กน้อยเมื่อสัมผัสผิวในบริเวณที่ทำการให้วิตามินผิว
• ผิวแห้งลอกพบได้ค่อนข้างน้อย แต่การให้วิตามินผิวบางสูตรอาจส่งผลให้ผิวแห้งลงได้
• ในช่วงแรกหลังให้วิตามินผิว ผิวอาจมีความไวต่อแสงแดดเพิ่มขึ้น จึงควรเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

ผลข้างเคียงรุนแรง
แม้ว่าการให้วิตามินผิวโดยทั่วไปจะค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ในบางกรณี อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญซึ่งบ่งบอกถึงภาวะผิดปกติที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์ หากพบความผิดปกติดังต่อไปนี้หลังให้วิตามินผิว ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษาโดยทันที

• อาจมีอาการปวดรุนแรงในบริเวณที่ให้วิตามินผิว และอาการไม่ทุเลาลงแม้จะทานยาแก้ปวดแล้ว
• อาการบวมในบริเวณที่ให้วิตามินผิวมีลักษณะรุนแรงผิดปกติ หรือบวมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
• เกิดสัญญาณการติดเชื้อบริเวณที่ให้วิตามินผิว เช่น มีหนองไหล หรือมีไข้ร่วมด้วย
• สีผิวบริเวณที่ให้วิตามินผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ซีดขาวผิดปกติ หรือกลายเป็นสีม่วงคล้ำ
• เกิดอาการแพ้อหลังการให้วิตามินผิว เช่น มีผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว หายใจลำบาก

ทำไมต้องให้วิตามินผิว
การให้วิตามินผิวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและบำรุงร่างกายจากภายในสู่ภายนอก ด้วยหลักการทำงานที่เฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพ จึงทำให้หัตถการนี้มีเหตุผลที่น่าสนใจสำหรับการพิจารณาในหลายด้าน ทั้งในด้านการดูแลผิวพรรณและสุขภาพองค์รวม เช่น

การดูดซึมที่ดีและค่อนข้างรวดเร็ว
หลักการสำคัญของการให้วิตามินผิวคือการนำส่งสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งไม่ผ่านกระบวนการย่อยและการดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถนำวิตามินและแร่ธาตุไปใช้ประโยชน์ได้ค่อนข้างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพมากกว่าการทาน

ฟื้นฟูผิวได้อย่างตอบโจทย์
การให้วิตามินผิวด้วยปริมาณและความเข้มข้นที่เหมาะสม ทำให้สารอาหารสำคัญสามารถเข้าถึงเซลล์เป้าหมายได้โดยตรง ซึ่งเอื้อต่อการฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยเสริมการบำรุงร่างกายและผิวพรรณควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพพื้นฐานด้านอื่น ๆ

ปรับสูตรให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้
การให้วิตามินผิวมีข้อดีที่แพทย์สามารถประเมินและออกแบบสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคลได้ โดยอาจมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพผิวโดยตรง หรือปรับส่วนประกอบเพื่อช่วยลดภาวะอ่อนล้าและสนับสนุนการทำงานของร่างกายในด้านอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

การบำรุงจากภายในสู่ภายนอก
การให้วิตามินผิวเป็นการดูแลสุขภาพจากระดับเซลล์ ซึ่งเป็นการบำรุงจากภายในอย่างเป็นระบบ จึงเป็นอีกแนวทางที่ช่วยส่งเสริมการดูแลควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายนอก (Topical Treatment) ซึ่งเน้นการทำงานที่ผิวชั้นนอก ทำให้เกิดการดูแลสุขภาพผิวที่มีประโยชน์

การส่งเสริมสุขภาพองค์รวม
นอกเหนือจากประโยชน์โดยตรงต่อผิวพรรณแล้ว การให้วิตามินผิวที่มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ยังมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น การสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน การช่วยลดภาวะอ่อนเพลีย และส่งเสริมความสดชื่น ซึ่งถือเป็นประโยชน์ของการให้วิตามินผิวต่อสุขภาพองค์รวม

หลังให้วิตามินผิวครั้งแรกจะเห็นผลทันทีไหม
ผลลัพธ์หลังการให้วิตามินผิวครั้งแรกอาจไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ชัดเจนในทันที แต่ผู้รับบริการบางท่านอาจรู้สึกสดชื่นหรือกระปรี้กระเปร่าขึ้นจากการให้วิตามินผิว ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณที่ชัดเจนขึ้นจำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการเข้ารับบริการ เนื่องจากเป็นการฟื้นฟูสุขภาพจากภายในซึ่งต้องใช้ระยะเวลาและขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

การให้วิตามินผิวเจ็บไหม
ความรู้สึกระหว่างการให้วิตามินผิวจะคล้ายคลึงกับการเจาะเลือดหรือการให้น้ำเกลือทั่วไป โดยจะรู้สึกเล็กน้อยในขั้นตอนการแทงเข็มเพื่อเปิดเส้นเลือดในการการให้วิตามินผิวครั้งแรกเท่านั้น หลังจากนั้นระหว่างที่วิตามินงเข้าสู่ร่างกาย ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ทั้งนี้แนวทางการให้บริการของแพทย์หรือพยาบาลผู้ทำหัตถการจะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้เป็นอย่างดี

ผลลัพธ์จากการให้วิตามินผิวอยู่นานไหม
ระยะเวลาของผลลัพธ์จากการให้วิตามินผิวจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะบุคคลเป็นสำคัญ เช่น การดูแลตนเอง การทานอาหาร การพักผ่อน และการปกป้องผิวจากแสงแดด โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ระยะหนึ่งและจะค่อย ๆ ลดลงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้นการเข้ารับการให้วิตามินผิวอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาสภาพผิวที่ดีไว้

ให้วิตามินผิวแพงไหม
อัตราค่าบริการสำหรับการให้วิตามินผิวอาจเริ่มต้นประมาณหลักพันเป็นต้นไป ทั้งนี้ก็จะมีความแตกต่างกันในแต่ละสถานพยาบาล โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น มาตรฐานของคลินิก ส่วนประกอบและความเข้มข้น นอกจากนี้แผนการดูแลที่แพทย์แนะนำก็มีผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวมเช่นกัน จึงควรปรึกษาและสอบถามข้อมูลโดยตรงจากสถานพยาบาลเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับตนเอง

การดูแลหลังให้วิตามินผิว เพื่อคงสภาพผลลัพธ์
การดูแลตนเองหลังให้วิตามินผิว เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อผลลัพธ์ของหัตถการ ทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และส่งเสริมให้ผลลัพธ์ของหัตถการมีประสิทธิภาพและคงอยู่ได้ยาวนาน โดยแบ่งข้อควรปฏิบัติออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้

การดูแลในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสรุนแรง งดการถู นวด หรือเกาบริเวณที่ได้รับการให้วิตามินผิว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเกิดรอยช้ำ
• การประคบเย็น ในกรณีที่มีอาการบวมหรือรอยช้ำจากการให้วิตามินผิว สามารถใช้แผ่นเจลเย็นหรือน้ำแข็งห่อด้วยผ้าสะอาดประคบบริเวณดังกล่าวเป็นเวลาสั้น ๆ เพื่อช่วยลดอาการบวม
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายนำพาสารอาหารต่างๆ จากการให้วิตามินผิวไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
• งดกิจกรรมที่ส่งผลต่ออุณหภูมิร่างกาย ในช่วงแรกหลังการให้วิตามินผิว ควรงดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนัก การเข้าห้องซาวน่า หรือการอบไอน้ำ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดรอยแดงได้มากขึ้น
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ควรงดเว้นปัจจัยเหล่านี้ เพื่อให้กระบวนการฟื้นฟูผิวหลังการให้วิตามินผิวเป็นไปอย่างสมบูรณ์
• การดูแลผิวอย่างอ่อนโยน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวบริเวณที่เพิ่งผ่านการให้วิตามินผิวมา

การดูแลในระยะยาว
• การป้องกันผิวจากแสงแดด เพื่อรักษาผลลัพธ์จากการให้วิตามินผิว การป้องกันผิวจากรังสียูวีด้วยผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง
• การบำรุงผิวอย่างเหมาะสม พิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพจากการให้วิตามินผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการเติมความชุ่มชื้นและสารต้านอนุมูลอิสระ
• การรับประทานอาหาร การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวจากภายใน ซึ่งสนับสนุนผลลัพธ์ที่ได้จากการให้วิตามินผิว
• การพักผ่อน ผิวที่ได้รับการบำรุงจากการให้วิตามินผิว จะสามารถฟื้นฟูตนเองได้ดีที่สุดในช่วงเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้ให้บริการ เพื่อให้ผลลัพธ์จากการให้วิตามินผิวมีความต่อเนื่องและชัดเจน ควรเข้ารับบริการในครั้งถัดไปตามช่วงเวลาที่แพทย์หรือผู้ให้บริการได้ให้คำแนะนำไว้

สรุปให้วิตามินผิวดีไหม เลือกแบบไหนดี
การให้วิตามินผิวในปัจจุบันมีหลายวิธี ซึ่งการให้วิตามินโดยโปรแกรมดริปวิตามินเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่นำส่งสารอาหารเข้าสู่ร่างกายโดยตรงเพื่อการฟื้นฟูบำรุงผิวพรรณ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและมีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน ทั้งนี้การเลือกวิธีการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทา การทาน หรือทำหัตถการ ควรพิจารณาจากสภาพปัญหาผิว ความต้องการ และเป้าหมายของแต่ละบุคคล โดยจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การประเมินและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมให้วิตามินผิว หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ ให้วิตามินผิว เลือกสูตรแบบไหนดี ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม,ให้วิตามินผิว หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

ให้วิตามินผิวดียังไง ทำความรู้จักการให้วิตามินผิวแต่ละวิธี พร้อมข้อควรระวังที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ ให้วิตามินผิวดียังไง แต่ละแบบต่างกันไหม เลือกแบบไหนดี