บทความเกี่ยวกับ : AviClear Laser VS Accure Laser
AviClear Laser รักษาสิวแบบไหนได้บ้าง ดีกว่าวิธีรักษาสิวอื่นอย่างไร
ทำความรู้จัก AviClear นวัตกรรมเลเซอร์รักษาสิวรุ่นใหม่ ที่ช่วยปิดจบทุกปัญหาสิวกวนใจได้ถึงต้นตอ เปลี่ยนผิวพังให้กลับมาสวยเรียบเนียนอย่างตรงจุด
สิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ทั้งยังมีปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้สิวลุกลามและรุนแรงขึ้นได้อีกมากมาย ส่งผลให้ผิวไม่เรียบเนียน ขาดความมั่นใจ และอาจกลายเป็นสิวอักเสบที่ทิ้งรอยแผลและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นวันนี้ APEX จะขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ AviClear นวัตกรรมเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการรักษาสิวอย่างตรงจุดและแม่นยำ ซึ่ง AviClear Laser นี้มีหลักการทำงานอย่างไร และสามารถรักษาสิวประเภทไหนได้บ้าง มาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย

วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser แตกต่างกันยังไง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวด้วย AviClear Laser กับ Accure Laser ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลนวัตกรรมสุดล้ำ AviClear Laser คืออะไร
Aviclear Laser คือนวัตกรรมเลเซอร์ซึ่งมีความก้าวหน้าและทันสมัย ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาสิวอย่างตรงจุด เนื่องจากเครื่อง AviClear สามารถลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันใต้ผิวหนังได้อย่างตรงจุด ลดการเกิดสิวซ้ำซาก รักษาสิวได้ทุกระดับจากต้นตอ ให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจน ยาวนาน ทั้งยังมีความปลอดภัย จึงไม่แปลกที่หลายคนจะเริ่มหันมาให้ความสนใจวิธีรักษาสิวด้วยเลเซอร์ประเภทนี้
ต้นตอของสิว เกิดจากอะไรได้บ้าง
สิวเป็นปัญหากวนใจซึ่งพบได้ทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ก็ตาม เนื่องจากสิวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในอยากฮอร์โมนในร่างกาย หรือปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งกระตุ้นให้เกิดสิวได้มากไม่แพ้กัน แต่จะมีสาเหตุไหนบ้างที่เป็นต้นตอของสิวส่วนใหญ่ ตามมาเช็กกันได้เลย
1.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ต้นเหตุของการเกิดสิวในข้อแรกที่พบได้บ่อย ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย เป็นปัจจัยที่พบมากในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายมีการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จนไปอุดตันตามรูขุมขน กระทั่งกลายเป็นปัญหาสิวได้ในที่สุด นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็ยังพบได้บ่อยในช่วงที่มีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือช่วงวัยทอง เป็นต้น
2.น้ำมันส่วนเกิน
น้ำมันจากต่อมใต้ผิวหนัง หรือ Sebum คือไขมันที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยต่อมไขมัน (Sebaceous glands) ซึ่งอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง มีหน้าที่ในการเติมเต็มความชุ่มชื้น และช่วยทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น พบมากบริเวณใบหน้า หนังศีรษะ หน้าอก รวมถึงหลัง ดังนั้นการมีสาร Sebum มากเกินไป ก็จะทำให้ความมันเหล่านั้นสะสมอยู่ในรูขุมขน จนกลายเป็นสิวได้เช่นกัน
3.รูขุมขนอุดตันจากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวเก่าได้เองตามธรรมชาติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กระบวนการดังกล่าวไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ก็อาจจะทำให้เกิดการสะสมเซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านั้นบริเวณรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตัน จนกลายเป็นสิวตามมาได้ นอกจากนั้นเซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านั้นก็ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดสิวอักเสบได้อีกด้วย
4.แบคทีเรียบนผิวหนัง (P.acne/C.acne)
ตามธรรมชาติแล้วร่างกายของคนเราจะมีแบคทีเรียสองชนิด ซึ่งพบมากบริเวณรูขุมขนรวมถึงต่อมไขมัน เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวได้แก่ แบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acne) และ แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C.acne) โดยเชื้อแบคทีเรียทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นตัวการสำคัญซึ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เป็นสิว และทำให้สิวมีระดับความรุนแรงมากขึ้นได้
5.พฤติกรรมการใช้ชีวิต
นอกจากปัจจัยภายในร่างกายและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวได้แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างของคนเรา ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เข้าไปกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นมาได้อย่างไม่รู้ตัว เช่น
• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
• ล้างหน้าไม่สะอาด
• สัมผัสใบหน้าบ่อย
• ทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
• นอนหลับไม่เพียงพอ นอนดึก
• ความเครียด
• ไม่รักษาความสะอาดของผ้าปู ปลอกหมอน หรือสิ่งที่สัมผัสกับผิว
• ใช้เครื่องมือแต่งหน้าที่มีการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
ผลกระทบจากสิวที่คุณอาจคาดไม่ถึงมาก่อน
ในความคิดของบางคน สิวอาจจะเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่ไม่ได้อันตรายอะไรมากนัก ทั้งยังไม่ได้ทำให้การใช้ชีวิตต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงสิวถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผิวอีกมากมายถ้าไม่ได้มีการรักษาสิวอย่างถูกวิธี ที่สำคัญมันก็ยังส่งผลต่อความมั่นใจ รวมถึงความสะอาดของผิวโดยรวมอีกด้วย ซึ่งในหัวข้อนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้อัปเดตกันแล้วว่าผลกระทบจากสิวสามารถทำให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้าง เช่น
เกิดรอยแผลเป็น รอยแดงและรอยดำได้ง่าย
สิวคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอยแดง รอยแผลเป็น หรือรอยดำได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวช้าง แล้วไม่ได้ทำการรักษาสิวอย่างถูกวิธี ทั้งยังแกะ เกา บีบ กด ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงหนักเข้าไปอีก ทำให้ผิวถูกทำร้ายและทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้สิวจะหายแล้วก็ตาม ซึ่งรอยเหล่านี้อาจกินเวลานานหลายสัปดาห์ หรือใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะจางลงตามธรรมชาติ หากไม่ได้มีการเลเซอร์สิวหรือทำ AviClear Laser
เกิดรอยหลุมลึกบนผิวหนัง
สิวอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ อาจทำให้เกิดรอยหลุมลึกที่เรียกว่าหลุมสิว (Acne Scars) หากไม่ได้วิธีรักษาสิวที่เหมาะสม หรือไม่ได้ทำเลเซอร์แบบ AviClear ก็มีโอกาสที่รอยหลุมเหล่านี้จะไม่หายไป และทำให้ผิวดูขรุขระและไม่เรียบเนียน แก้ไขยาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวในระยะยาว
เกิดความรู้สึกเจ็บปวดและระคายเคือง
สิวอักเสบทำให้ผิวรู้สึกเจ็บปวดและระคายเคือง โดยเฉพาะสิวที่ขึ้นบริเวณผิวหน้าบางส่วน เช่น บริเวณคาง กราม หรือแก้ม สิ่งเหล่านี้ทำให้การทำกิจวัตรประจำวันเช่น การล้างหน้า ทาครีม หรือแม้แต่การนอนหลับอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ความเจ็บปวดที่เกิดจากสิวอักเสบทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่สัมผัสหรือจัดการกับบริเวณที่เป็นสิวมากเกินไป เพราะอาจทำให้สิวอักเสบเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ผิวหน้าเกิดความอ่อนแอ
ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจ
สิวทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คนหรือถ่ายรูป เนื่องจากสิวมักปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนผิวหน้า ทำให้หลายคนรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของตนเองด้อยลงและไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนอื่น สิวเรื้อรังหรือสิวที่มีลักษณะรุนแรงอาจทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม เลี่ยงการร่วมงานหรือกิจกรรมที่ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและอาจทำให้รู้สึกเครียด
กระทบต่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว/เครื่องสำอาง
สำหรับคนที่กำลังเป็นสิว หรือมีปัญหาผิวจากสิว ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องระมัดระวังการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมากเป็นพิเศษ เนื่องจากผสมบางชนิดที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อาจเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดการอักเสบ หรือเกิดอาการ ‘สิวเห่อ’ ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องเน้นคุณสมบัติแบบไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) หรือไม่มีน้ำมัน (Oil-Free) เป็นหลัก มากกว่าการเลือกผลิตภัณฑ์แบบที่ถูกใจ
AviClear Laser รักษาสิวประเภทไหนได้บ้าง
เลเซอร์ AviClear คือนวัตกรรมเลเซอร์รูปแบบใหม่ ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการรักษาสิว รักษาสิวอุดตัน รวมถึงจัดการปัญหาสิวได้ถึงต้นตอ ด้วยความยาวคลื่นเฉพาะ ทำให้ AviClear แตกต่างและตอบโจทย์ได้มากกว่าวิธีการรักษาสิวทั่วไป แต่ AviClear Laser จะเหมาะสำหรับใช้รักษาสิวประเภทไหนบ้าง APEX รวมมาให้แล้ว ดังนี้
• AviClear รักษาสิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวอักเสบเป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยจะมีอาการบวม แดง และอักเสบอย่างชัดเจน สิวอักเสบมักเกิดขึ้นจากน้ำมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูขุมขน ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย AviClear Laser ช่วยลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน ลดการสะสมของน้ำมันในรูขุมขน และลดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวอักเสบค่อย ๆ ลดลงและบรรเทาอาการบวม หรือรอยแดงจากสิวได้
• AviClear รักษาสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน (Oily Skin-Related Acne)
ผิวมันเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่าย เนื่องจากน้ำมันที่ผลิตออกมามากเกินไปจะเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว AviClear Laser สามารถลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้การผลิตน้ำมันลดลงและผิวมันน้อยลง เมื่อลดความมันบนผิวหน้า ปัญหาสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกินก็ลดลงตามไปด้วย ช่วยให้ผิวมีความสมดุลและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่
• AviClear รักษาสิวอุดตัน (Comedonal Acne)
สิวอุดตันคือสิวที่เกิดจากการอุดตันบริเวณรูขุมขน มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว น้ำมัน และสิ่งสกปรก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วสิวอุดตันมักไม่แสดงอาการอักเสบหรือเจ็บปวด แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมก็อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเพื่อลดระดับความรุนแรง และรักษาสิวได้อย่างทันท่วงที AviClear Laser จึงตอบโจทย์ และเป็นวิธีรักษาสิวอุดตันที่น่าสนใจทีเดียว
• AviClear รักษาสิวซีสต์/สิวหัวช้าง (Cystic Acne/Nodular Acne)
สิวซีสต์และสิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน โดยมีลักษณะเป็นก้อน มีขนาดใหญ่ ทำให้รู้สึกเจ็บปวด ทั้งยังทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่าย ดังนั้น AviClear Laser ที่สามารถยับยั้งการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ลดการสะสมของน้ำมันในชั้นผิวที่ลึก ช่วยลดความรุนแรงของสิวได้ จึงช่วยทำให้สิวยุบตัวลงโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหรือลดโอกาสเกิดหลุมสิวในระยะยาวได้ด้วย
• AviClear รักษาสิวเรื้อรัง (Chronic Acne)
สิวเรื้อรังคือลักษณะของสิวที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทำให้รักษาให้หายขาดได้ยาก ทั้งยังไม่ตอบสนองต่อการรักษาสิวทั่วไป พบมากในกลุ่มคนที่มีผิวมันมากเป็นพิเศษ ดังนั้นเพื่อจัดการกับความมันดังกล่าวอย่างตรงจุด ช่วยลดการเกิดสิวเรื้อรังซ้ำซาก เลเซอร์ AviClear จึงเป็นวิธีรักษาสิวที่ตอบโจทย์ได้มากกว่านั่นเอง
ข้อดีของการรักษาสิวด้วย AviClear
• AviClear เป็นวิธีรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพ จัดการสิวตรงจุด ลึกถึงต้นตอ
• AviClear ช่วยรักษาสิวได้รวดเร็ว เห็นผลชัดเจน
• AviClear ช่วยรักษาสิวได้ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่เริ่มต้น ปานกลาง ถึงระดับที่มีความรุนแรงมาก
• AviClear สามารถช่วยลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ช่วยให้ผิวมีความมันน้อยลง และสิวไม่เกิดซ้ำซาก
• AviClear สามารถรักษาสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวซีสต์ สิวหัวช้าง และสิวเรื้อรังได้
• AviClear เป็นวิธีรักษาสิวที่ไม่ต้องพักฟื้น
• AviClear เป็นวิธีรักษาสิวที่ลดโอกาสเกิดรอยแผลหรือหลุมสิว
• AviClear สามารถรักษาสิวได้ทุกสีผิว ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ
• AviClear เป็นเลเซอร์รักษาสิวที่ลดการเกิดสิวใหม่ในระยะยาวได้
ข้อควรระวังในการรักษาสิวด้วย AviClear
• ผลลัพธ์ที่ยาวนานของ AviClear อาจต้องใช้เวลา รวมถึงการทำซ้ำตามระยะเวลาที่กำหนด
• AviClear อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีรักษาสิวทั่วไป
• ผลลัพธ์จากการทำ AviClear อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
• AviClear เป็นวิธีรักษาสิวซึ่งตอบโจทย์สิวหลากหลายประเภท แต่สิวที่มีสาเหตุเฉพาะอาจจำเป็นต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
เครื่อง AviClear Laser ทำงานอย่างไร
เครื่องเลเซอร์รักษาสิว AviClear Laser เป็นนวัตกรรมสุดทันสมัย ซึ่งเน้นการรักษาสิวอย่างล้ำลึกถึงต้นตอ โดยลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนัง หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว ซึ่งจะใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,726 นาโนเมตร ยิงเข้าสู่ผิวหนัง เพื่อเจาะลึกถึงต่อมไขมันโดยตรง เมื่อคลื่นเลเซอร์ถูกดูดซับโดยน้ำมัน (Sebum) ก็จะทำให้เกิดความร้อน ช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดการผลิตน้ำมัน และลดโอกาสในการเกิดสิวใหม่ได้ในระยะยาว

วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser แตกต่างกันยังไง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวด้วย AviClear Laser กับ Accure Laser ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล4 คุณสมบัติเด่นที่ทำให้ AviClear ต่างจากการรักษาสิวทั่วไป
AviClear เป็นเครื่องเลเซอร์รักษาสิวซึ่งเน้นการยับยั้งต้นตอในการเกิดสิวอย่างตรงจุด ทั้งยังตอบโจทย์ด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย ซึ่งจะมีคุณสมบัติเด่นหลัก ๆ หลายข้อ ที่ทำให้ AviClear ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกในการรักษาสิวและรักษาสิวอุดตันที่หลายคนเชื่อมั่น เช่น
1.เทคโนโลยีทำความเย็น AviCool Technology
AviCool เป็นเทคโนโลยีการทำความเย็นเฉพาะของ AviClear ถูกออกแบบมาเพื่อลดอาการระคายเคืองและความเจ็บปวดขณะทำเลเซอร์รักษาสิว โดยระบบทำความเย็นนี้จะทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการเลเซอร์ ทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น ลดความเจ็บปวด ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการผิวไหม้จาก AviClear ที่สำคัญก็ยังป้องกันความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้การทำหัตถการปลอดภัยยิ่งขึ้น ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ AviClear แตกต่างจากการรักษาด้วยเลเซอร์ทั่วไปที่อาจทำให้ผู้รับการรักษารู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองได้ง่าย
2.รักษาสิวได้ทุกระดับ All acne severities
AviClear ถูกออกแบบมาให้สามารถรักษาสิวได้ทุกระดับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสิวระดับเริ่มต้นที่ไม่ได้มีความรุนแรงอย่างสิวอุดตัน สิวหัวดำ หรือจะเป็นสิวระดับปานกลางอย่างสิวอักเสบทั่วไป รวมไปถึงสิวระดับรุนแรงอย่างสิวซีสต์และสิวหัวช้าง ซึ่งมักทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ซึ่งการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ AviClear นั้นสามารถรักษาสิวได้หลายระดับช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการรักษา และทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรังทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีสิวในระดับเริ่มต้น ไม่ได้รุนแรงมากนัก ต้องการรักษาสิวอุดตัน หรือแม้แต่ผู้มีสิวรุนแรงจำเป็นต้องใช้ AviClear รักษาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ครอบคลุมมากกว่าก็ตาม
3.ผลลัพธ์ที่ยาวนาน Long-term Acne Clearance
AviClear ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานในการลดสิวโดยการรักษาที่ต้นเหตุ ซึ่งคือการลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้การผลิตน้ำมันส่วนเกินลดลง ส่งผลให้สิวไม่เกิดซ้ำซาก การรักษาด้วย AviClear มุ่งเน้นการแก้ปัญหาสิวในระยะยาว ซึ่งผู้ที่รับการรักษาสิวด้วย AviClear สามารถเห็นผลการลดสิวได้ยาวนานถึง 1-2 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังเลเซอร์) ดังนั้นการเลเซอร์ด้วย AviClear จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาสิวอย่างยั่งยืน
4.ปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิวและทุกสีผิว Safe for all skin types and skin tones
AviClear ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิวและทุกสีผิว ตั้งแต่ผิวขาวจนถึงผิวเข้ม ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผู้ที่ต้องการรักษาสิวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญในการรักษาด้วยเลเซอร์ ที่ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุม เนื่องจากเลเซอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นกันใสมัยนี้ อาจไม่เหมาะกับการใช้งานกับคนบางกลุ่ม ทั้งยังมีโอกาสทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีโอกาสเสี่ยงที่สีผิวจะเปลี่ยน รวมถึงทำให้ผิวไหม้หลังเลเซอร์รักษาสิวได้ ต่างจาก AviClear นั่นเอง
วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser ต่างกันยังไง
วิธีรักษาสิวด้วยเลเซอร์ซึ่งได้รับความนิยมในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายวิธี โดยเฉพาะการใช้ AviClear Laser และ Accure Laser ซึ่งเป็นเลเซอร์รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อรักษาสิวจากต้นตอโดยเฉพาะ แต่ถึงแม้เลเซอร์รักษาสิวทั้งสองแบบจะมีความใกล้เคียงกันค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีความต่างกันในหลายข้อ เพื่อให้การตัดสินใจเลเซอร์รักษาสิวตอบโจทย์และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด สามารถเช็กความแตกต่างของเลเซอร์ทั้งสองแบบได้เลย ดังนี้
ลักษณะการทำงาน
• AviClear Laser มุ่งเน้นไปที่การยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน และป้องกันการเกิดสิวใหม่ในอนาคต โดยหัวเลเซอร์ที่ใช้จะมีขนาดเล็กกว่า ทำให้สามารถเข้าถึงการเลเซอร์รักษาสิวในบริเวณเล็ก ๆ ได้ดีกว่า
• Accure Laser ใช้เพื่อทำลายต่อมไขมัน ลดการอุดตันของรูขุมขน และจัดการสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว โดยหัวเลเซอร์ที่ใช้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริเวณเล็ก ๆ ได้ดีมากนัก
ความรู้สึกระหว่างเลเซอร์
• AviClear Laser เนื่องจาก AviClear มีระบบทำความเย็น (AviCool Technology) ช่วยลดความรู้สึกเจ็บ เพิ่มความเย็นสบาย ผ่อนคลาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
• Accure Laser จำเป็นต้องใช้ยาชา เพราะอาจรู้สึกเจ็บมากระหว่างเลเซอร์รักษาสิว
ผลลัพธ์
• AviClear Laser AviClear ช่วยลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน ต้นเหตุหลักของการเกิดสิว ทำให้สิวลดลง ทั้งยังลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ในระยะยาวได้
• Accure Laser เน้นทำลายต่อมไขมันที่ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน เหมาะสำหรับรักษาสิวรุนแรงและสิวที่เกิดซ้ำ ๆ จำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว
จำนวนครั้งและระยะเวลาในการรักษา
• AviClear Laser เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาสิวที่ดีมากขึ้น แนะนำให้ทำ AviClear เลเซอร์อย่างน้อย 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1 เดือน แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
• Accure Laser เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาสิวที่ดีมากขึ้น แนะนำให้ทำการรักษา 4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1 เดือน แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
ระยะเวลาของผลลัพธ์
• AviClear Laser สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
• Accure Laser สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 3 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะกับใครบ้าง
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน เสี่ยงต่อการเกินสิวอุดตันในระยะยาว
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาวิธีรักษาสิวซึ่งมีความปลอดภัย
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิว รักษาสิวอุดตัน โดยไม่ต้องทาหรือทานยา ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงและใช้เวลานาน
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันทั่วไป สิวอักเสบ หรือสิวระดับรุนแรง
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวรุนแรง เสี่ยงต่อการเกิดร่องรอยจากสิว เช่น รอยดำ รอยแดง หลุมสิว
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวแบบรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear เหมาะสำหรับการรักษาสิวซึ่งครอบคลุมทุกสีผิว มีผลข้างเคียงต่ำ
เลเซอร์รักษาสิว AviClear ไม่เหมาะกับใครบ้าง
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear ไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แสงเลเซอร์
• เลเซอร์รักษาสิว AviClear ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะผิวไวต่อแสง เช่น Porphyria, Photophobia
เตรียมตัวยังไงก่อนเลเซอร์ AviClear
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาบางชนิดซึ่งทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น ยารักษาสิว, กรดวิตามินเอ, หรือกรดไกลโคลิก อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนรักษาสิวด้วย AviClear
• หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด เพราะอาจทำให้ผิวถูกทำร้าย หรือเสี่ยงผิวไหม้ก่อนเลเซอร์ AviClear ได้
• หลีกเลี่ยงการแว็กซ์หรือการขัดผิวด้วยความรุนแรง
• แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำให้มาก เพื่อผลลัพธ์ของ AviClear ที่ดีมากยิ่งขึ้น
• แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เรื่องยา สภาพผิว แนวทางการรักษาสิว และประวัติสุขภาพก่อนตัดสินใจทำ AviClear

วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser แตกต่างกันยังไง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวด้วย AviClear Laser กับ Accure Laser ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลขั้นตอนการรักษาสิวด้วยเลเซอร์เครื่อง AviClear
การรักษาสิวด้วยเครื่องเลเซอร์ AviClear ช่วยรักษาสิวและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้อย่างตอบโจทย์ เพราะนอกจากจะมีประสิทธิภาพ จัดการต้นตอของสิวได้อย่างอยู่หมัด ก็ยังเป็นวิธีรักษาสิวที่ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้
STEP 1 ปรึกษาแพทย์
ขั้นตอนแรกก่อนเริ่มการรักษาสิวด้วย AviClear ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสิวอุดตันทั่วไปหรือสิวที่มีระดับความรุนแรง ควรเข้าไปปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินสภาพผิว ระดับความรุนแรงของสิว รวมถึงแนวทางในการใช้ AviClear ก่อนเพื่อแผนการรักษาที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับแต่ละคนได้มากที่สุด
STEP 2 เตรียมผิว
หลังจากวางแนวทางการทำ AviClear เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็จะเข้าสู่การเตรียมผิว โดยให้ทำความสะอาดผิวหน้า ล้างเครื่องสำอาง แล้วซับน้ำให้แห้ง หรือถ้าเป็นคุณผู้ชายที่มีหนวด ก็จำเป็นจะต้องโกนหนวดเคราให้สะอาด เพื่อความสะดวกในการทำเลเซอร์ AviClear
STEP 3 เริ่มรักษาสิวด้วยเลเซอร์ AviClear
เมื่อเตรียมผิวพร้อมแล้ว แพทย์ผู้ให้บริการจะใช้เครื่องเลเซอร์ AviClear ปล่อยพลังงานเลเซอร์ความยาวคลื่น 1,726 นาโนเมตร ไปยังบริเวณที่ต้องการรักษาสิว เพื่อให้คลื่นเลเซอร์ยิงตรงเข้าสู่ต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยยับยั้งการผลิตน้ำมันได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
STEP 4 ระหว่างการเลเซอร์ AviClear
ในระหว่างการรักษาสิว แพทย์ผู้ให้บริการจะต้องรักษาความชุ่มชื้นบนผิวอยู่ตลอด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการทำหัตถการ รวมถึงลดความเจ็บปวดขณะทำเลเซอร์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเครื่อง AviClear จะมีระบบทำความเย็น AviCool ที่สามารถลดความร้อนและความรู้สึกเจ็บขณะรักษาสิวได้ จึงมอบสัมผัสเย็นสบาย และรู้สึกดีมากกว่าการเลเซอร์รักษาสิวแบบอื่น
STEP 5 ดูแลหลังเลเซอร์ AviClear
หลังการรักษาด้วย AviClear อาจมีรอยแดงเกิดขึ้นได้เล็กน้อย ดังนั้นเพื่อบรรเทาอาการ ช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีมากขึ้น แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ AviClear รวมถึงข้อควรระวังต่าง ๆ เช่น ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก งดเข้าซาวน่า หรือทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยแสงแดด เป็นต้น
ความรู้สึกระหว่างทำ AviClear เจ็บไหม
ความรู้สึกระหว่างทำ AviClear Laser อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรืออุ่นร้อนได้เล็กน้อย เนื่องจากการทำงานของเลเซอร์รักษาสิว โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งมีประสบการณ์ทำ AviClear เป็นครั้งแรก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเจ็บที่เกิดขึ้น จะไม่ใช่ความเจ็บปวดทรมานที่มากเกินรับไหว ที่สำคัญ AviClear ก็ยังมีเทคโนโลยีอย่าง AviCool หรือระบบทำความเย็น ซึ่งทำหน้าที่ลดความร้อนและความระคายเคืองระหว่างการรักษาสิว ทำให้รู้สึกเย็นสบาย โดยไม่ต้องฉีดยาชา
เลเซอร์ AviClear ใช้เวลานานแค่ไหน ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน
การรักษาสิวด้วย AviClear Laser ต่อครั้งมักใช้เวลาไม่นาน โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที และเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ประมาณ 2-3 เดือน หรือหลังทำ AviClear ครบ 3 ครั้ง (แต่ละครั้งเว้นระยะห่างประมาณ 1 เดือน) โดยเมื่อทำเลเซอร์ต่อเนื่องใน 3 เดือน, 6 เดือน, 12 เดือน และ 24 เดือน ผิวจะเริ่มมันน้อยลง มีโอกาสเกิดสิวซ้ำน้อยลง ทำให้ผิวเรียบเนียนแลดูกระจ่างใสในระยะยาวได้มากยิ่งขึ้น
เช็กลิสต์ วิธีดูแลตัวเองหลังทำ AviClear
• ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการระคายเคือง และปกป้องผิวจากแสงแดด
• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว
• ดื่มน้ำให้มาก เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น กรดวิตามินเอ หรือกรดไกลโคลิก
• หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน
• หลีกเลี่ยงการขัด สครับ หรือแว็กซ์ผิว
• หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อ หรือการออกกำลังกายหนัก
• หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อน
• หากรู้สึกเจ็บ หรือแสบร้อน ไม่ควรแกะเกา แต่ให้ประคบเย็นแทน
Q&A น่ารู้ ก่อนทำ AviClear Laser
AviClear Laser ปลอดภัยไหม มีการรับรองหรือเปล่า
วิธีรักษาสิวด้วยเลเซอร์ AviClear เรียกได้ว่าเป็นวิธีซึ่งมีความปลอดภัย เนื่องจากผ่านการรับรองจากหน่วยงานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ทั้งยังผ่านการรับรองจาก Health Canada เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการรักษารอยแผลเป็นและรอยหลุมสิวได้อีกด้วย
เลเซอร์ AviClear รักษารอยดำ รอยแดง ได้ไหม
แม้ว่าเลเซอร์ AviClear จะไม่ใช่เลเซอร์สำหรับรักษารอยดำหรือรอยแดงจากสิวโดยตรง แต่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถหยุดต้นตอการเกิดสิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสิวอุดตัน หรือสิวรุนแรงซึ่งเสี่ยงต่อการทิ้งรอยแผลก็ตาม ทำให้ AviClear ช่วยลดจำนวนและความรุนแรงของสิว ทำให้สิวมีโอกาสอักเสบน้อยลง ทั้งยังลดปัญหาผิวหลังสิวหายได้เป็นอย่างดี
AviClear รักษาหลุมสิวหายจริงไหม
เลเซอร์ AviClear ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาหลุมสิวโดยตรง แต่เน้นการลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวและการอักเสบของสิว โดยการควบคุมปริมาณน้ำมันบนผิวหน้า ทำให้การเกิดสิวใหม่และการอักเสบลดลง ซึ่งจากคุณสมบัติของ AviClear นี้นี่เองที่จะเข้าไปช่วยลดความรุนแรงของสิว และลดโอกาสการเกิดหลุมสิวจากสิวอักเสบในระยะยาวได้
ผลลัพธ์หลังทำ AviClear อยู่ได้นานแค่ไหน
โดยปกติแล้วผลลัพธ์หลังทำ AviClear จะคงสภาพได้ยาวนานมากขึ้น เมื่อมีการทำเลเซอร์รักษาสิวซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี หากมีการทำซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง ในทุก ๆ 1 เดือน แต่ทั้งนี้ระยะเวลาของผลลัพธ์ก็อาจแตกต่างกันไปได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ระดับความรุนแรงของสิว รวมถึงวิธีการดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์ AviClear ของแต่ละคนด้วย
รีวิว AviClear นวัตกรรมเลเซอร์ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาสิว

วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser แตกต่างกันยังไง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวด้วย AviClear Laser กับ Accure Laser ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser แตกต่างกันยังไง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวด้วย AviClear Laser กับ Accure Laser ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลจากประสบการณ์ตรงของผู้ที่ทำการรักษาสิวด้วย AviClear Laser ที่ APEX จะทำให้เห็นเลยว่าผลลัพธ์จากการรักษาเป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดระดับความรุนแรงของสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำให้ใบหน้ามีความเรียบเนียน สิวลดน้อยลง ไม่เห่อ ไม่อักเสบ

วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser แตกต่างกันยังไง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษาสิวด้วย AviClear Laser กับ Accure Laser ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลสรุป AviClear คืออะไร ทำไมตอบโจทย์การรักษาสิว
สำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหาสิวกวนใจ วิธีการรักษาสิวด้วย AviClear ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากมันเป็นนวัตกรรมเลเซอร์รุ่นใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์การรักษาสิวอย่างยั่งยืนยาวนานถึง 2 ปี หากทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังลงลึกตรงจุดถึงต้นตอ โดยเน้นเข้าไปลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินจากต่อมไขมัน ลดการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของรอยแผลและหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser VS Accure Laser ต่างกันยังไง,AviClear Laser VS Accure Laser หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต
เจาะลึกทุกเรื่องของ AviClear Laser เลเซอร์รักษาสิวยอดฮิตคืออะไร มีหลักการทำงานยังไง ตอบโจทย์การรักษาสิวแบบไหนได้บ้าง เช็กก่อนตัดสินใจได้เลย AviClear Laser คืออะไร ? ใช้รักษาสิวแบบไหนได้บ้าง ?