บทความเกี่ยวกับ : นอนกรนเกิดจาก

นอนกรนเกิดจากอะไร อาการไหนบ้างเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ
เจาะลึกนอนกรนเกิดจากอะไร ? พร้อมสังเกตอาการหยุดหายใจขณะหลับ
เสียงกรนที่ดังขึ้นในตอนที่เรานอนหลับอาจเป็นเรื่องที่ดูไม่ได้อันตรายสำหรับหลายคน แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าเสียงที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยนี้มาจากไหน และอันตรายอย่างไรบ้าง บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าการนอนกรนเกิดจากอะไร พร้อมสังเกตว่าอาการนอนกรนเกิดจากอะไรบ้างถึงเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ เพื่อดูแลสุขภาพการนอนหลับของตัวเองและคนที่คุณรัก รวมถึงสำรวจต้นตอของปัญหาการนอนกรนเกิดจากอะไรอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงกลไกและปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจคาดไม่ถึงมาก่อน

ทำไมต้องสังเกตว่านอนกรนเกิดจากอะไร
การจะแก้ปัญหาดังกล่าวให้ตรงจุด เราต้องเข้าใจให้ชัดเจนก่อนว่าการนอนกรนเกิดจากอะไร เพราะปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ค่อนข้างมีความหลากหลาย ซึ่งในบางครั้งการนอนกรนเกิดจากโครงสร้างทางกายภาพที่เป็นมาแต่กำเนิด เช่น ขนาดของทอนซิลที่โตเกินไป หรือลักษณะของขากรรไกรที่ผิดปกติ ในขณะที่บางครั้งการนอนกรนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่สามารถปรับเปลี่ยนได้

ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าอาการนอนกรนเกิดจากอะไร คือหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้เราแยกแยะระหว่างการกรนแบบธรรมดา (Simple Snoring) กับการกรนที่อาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายกว่ามากนั่นเอง

อาการนอนกรนเกิดจากอะไร ?
หากถามว่า “อาการนอนกรนเกิดจากอะไร” ก็ตอบได้เลยว่าอาการนอนกรนเกิดจากเสียงที่สั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนขณะหลับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ช่องทางเดินหายใจตีบแคบลงกว่าปกติ เมื่ออากาศเคลื่อนที่ผ่านช่องทางที่แคบนี้ จะทำให้เนื้อเยื่ออ่อนบริเวณลำคอ เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ และโคนลิ้น เกิดการสั่นสะเทือนและกระพือจนเกิดเป็นเสียงกรนขึ้นมา

ซึ่งปัจจัยทางกายภาพและสรีรวิทยา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการนอนกรนเกิดจากทางเดินหายใจตีบหรือแคบลง ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างทางกายวิภาค เช่น การมีต่อมทอนซิลหรือต่อมอดีนอยด์โต, ลิ้นไก่ยาวหรือลิ้นโตผิดปกติ, ผนังกั้นช่องจมูกคด หรือภาวะอ้วนซึ่งมีการสะสมของไขมันบริเวณรอบลำคอมากเกินไป ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้การนอนกรนเกิดจากพื้นที่ในทางเดินหายใจลดน้อยลงและเพิ่มโอกาสในการเกิดเสียงกรนได้

นอกจากนี้นอนกรนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง ก็ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยานอนหลับหรือยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอหอยคลายตัวมากกว่าปกติ การสูบบุหรี่ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและบวมของเยื่อบุทางเดินหายใจ รวมถึงท่านอนหงายที่ทำให้แรงโน้มถ่วงดึงลิ้นและเพดานอ่อนไปปิดกั้นทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น

พฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสนอนกรน
การนอนกรนเกิดจากภาวะที่พบได้บ่อย ทั้งยังสามารถพบได้กับคนทุกเพศทุกวัย และมักถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เสียงนอนกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่หย่อนตัวลงมาขวางกั้นช่องทางเดินหายใจขณะหลับ ทำให้ลมที่ผ่านเข้าออกไม่สะดวก ซึ่งพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยส่วนบุคคลหลายอย่างมีส่วนสำคัญที่ทำให้ปัญหาการนอนกรนเกิดจากปัจจัยเหล่านี้มีความรุนแรงขึ้น ดังนี้

นอนกรนเกิดจากภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
ปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ คืออาการนอนกรนเกิดจากภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เมื่อร่างกายมีไขมันสะสมในปริมาณมาก โดยเฉพาะบริเวณรอบลำคอ ไขมันเหล่านี้จะไปเพิ่มแรงกดและทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นอนกรน

เนื่องจากเกิดจากการตีบตันของช่องทางเดินหายใจขณะหลับในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ทำให้การนอนกรนเกิดจากแรงกดของไขมันส่วนเกินส่วนนี้ได้นั่นเอง ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักจึงเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยบรรเทาอาการได้ เพราะโดยหลักการแล้วการนอนกรนเกิดจากทางเดินหายใจที่ไม่เปิดโล่งอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง

นอนกรนเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาบางชนิด
การดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาบางชนิดเป็นอีกสาเหตุสำคัญ เพราะการนอนกรนเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ชั่วโมงก่อนนอน เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายคลายตัวมากกว่าปกติ รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณลำคอและลิ้นไก่ด้วย
ซึ่งจากปัจจัยนี้จะเป็นลักษณะนอนกรนเกิดจากการที่กล้ามเนื้อเหล่านี้หย่อนลง มาปิดกั้นทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับยาที่มีฤทธิ์กดประสาทหรือยานอนหลับ ซึ่งส่งผลในลักษณะเดียวกัน จะเห็นได้ว่าการนอนกรนเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อได้โดยตรง

นอนกรนเกิดจากการสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จะทำให้เกิดอาการนอนกรนเกิดจากการระคายเคืองและการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุในช่องคอและจมูก สารเคมีในควันบุหรี่ทำให้เนื้อเยื่อเหล่านี้บวมและผลิตเมือกออกมามากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้การนอนกรนเกิดจากช่องทางอากาศที่แคบลงกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลกระทบระยะยาวของสารในบุหรี่ ที่ทำลายความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนได้ง่ายขึ้น

โดยสรุปแล้ว ปัญหาการนอนกรนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยทางกายภาพหลายอย่างประกอบกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ รวมถึงปรับท่านอน สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ หากการนอนกรนเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ยังคงรุนแรง มีเสียงดังผิดปกติ หรือมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย อาจเป็นอาการนอนกรนเกิดจากปัจจัยเสี่ยงที่อันตราย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

นอนกรนเกิดจากภาวะคัดจมูก การอักเสบ และโรคภูมิแพ้
เสียงกรนที่ดังรบกวนการนอนหลับของตัวเองและคนข้าง ๆ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าการนอนกรนเกิดจากความเหนื่อยล้าหรือการดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วปัญหาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุที่ซับซ้อนกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโพรงจมูกโดยตรง ซึ่งได้แก่ ภาวะคัดจมูก การอักเสบ และโรคภูมิแพ้

นอนกรนเกิดจากภาวะคัดจมูก
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการนอนกรนเกิดจากภาวะคัดจมูกโดยตรง คือเมื่อโพรงจมูกของเราเกิดการอุดตัน ไม่ว่าจะมาจากน้ำมูกที่เหนียวข้นหรือเยื่อบุจมูกที่บวมขึ้น ทำให้อากาศจะไม่สามารถไหลผ่านได้อย่างสะดวก ร่างกายจึงต้องเปลี่ยนไปหายใจทางปากโดยอัตโนมัติ ซึ่งการหายใจทางปากนี้เองที่ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งส่งผลต่อนอนกรนเกิดจากการที่อากาศที่ไหลผ่านช่องปากไปปะทะกับเนื้อเยื่ออ่อนในลำคอ เช่น เพดานอ่อนและลิ้นไก่ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและกลายเป็นเสียงกรนขึ้นมา ดังนั้นภาวะนอนกรนเกิดจากการที่ทางเดินหายใจหลัก จึงไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และส่งผลต่อการนอนกรนได้นั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะนอนกรนเกิดจากแรงต้านที่เพิ่มขึ้นในระบบทางเดินหายใจ เมื่อจมูกตัน อากาศที่พยายามจะผ่านเข้าไปต้องใช้แรงมากขึ้น ทำให้เกิดแรงดูด (Negative Pressure) ในลำคอ ซึ่งดึงให้เนื้อเยื่อต่างๆ หย่อนลงมาและตีบแคบยิ่งขึ้น กลไกนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การนอนกรนเกิดจากภาวะคัดจมูกที่เป็นตัวกระตุ้นหลัก

นอนกรนเกิดจากการอักเสบ จนทางเดินหายใจตีบแคบ
อีกหนึ่งปัจจัยที่สัมพันธ์กันคือ การนอนกรนเกิดจากการอักเสบภายในโพรงจมูกและลำคอ การอักเสบอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคหวัด หรือการนอนกรนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่นำไปสู่ภาวะไซนัสอักเสบ เมื่อเกิดการอักเสบ เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวจะบวมแดงและหนาตัวขึ้น ทำให้ช่องทางเดินของอากาศเล็กลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ ภาวะนอนกรนเกิดจากการที่เนื้อเยื่อบวมขึ้นมาขวางกั้นการไหลของอากาศอย่างอิสระนั่นเอง

ในผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง ปัญหาอาการนอนกรนเกิดจากการอักเสบสะสมที่ทำให้เยื่อบุจมูกบวมอย่างต่อเนื่อง การรักษาที่ต้นเหตุของการอักเสบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลดการอักเสบจะช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น และลดโอกาสที่อาการนอนกรนเกิดจากเนื้อเยื่อที่บวมโตได้

นอนกรนเกิดจากโรคภูมิแพ้
ปัญหาการนอนกรนเกิดจากโรคภูมิแพ้ที่เป็นต้นตอของทั้งอาการคัดจมูกและการอักเสบ ซึ่งพบมากในคนทั่วไป โรคภูมิแพ้จมูก (Allergic Rhinitis) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือเชื้อรา ทำให้เกิดการหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งส่งผลให้เยื่อบุจมูกบวมและผลิตน้ำมูกออกมามากกว่าปกติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการนอนกรนเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งกระตุ้นเหล่านี้โดยตรง

ดังนั้น การนอนกรนเกิดจากกลไกของโรคภูมิแพ้ได้หลายทาง ทั้งการบวมของเยื่อบุจมูกที่นำไปสู่การคัดจมูก และการอักเสบเรื้อรังที่ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลงในบางราย การทำความเข้าใจว่าการนอนกรนเกิดจากโรคภูมิแพ้จะช่วยให้เราสามารถจัดการปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรือการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่าการแก้ปัญหาการนอนกรนเกิดจากภูมิแพ้ที่ปลายเหตุ

ปัจจัยอื่นที่คุณอาจไม่เคยรู้
นอกเหนือจากการนอนกรนเกิดจากปัจจัยกระตุ้นหลากหลายที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีปัจจัยร่วมอีกหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดการนอนกรนได้ง่ายขึ้น ดังนี้

1.ลักษณะทางกายภาพ บางครั้งการนอนกรนเกิดจากลักษณะทางกายภาพเฉพาะบุคคล เช่น การมีต่อมทอนซิลหรือต่อมอดีนอยด์โต มีเพดานอ่อนที่ยาวหรือหนาผิดปกติ หรือมีโครงสร้างขากรรไกรที่เล็กและถอยร่นไปด้านหลัง
2.อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น จะทำให้มีการนอนกรนเกิดจากการสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อในลำคอ ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ หย่อนคล้อยได้ง่ายกว่าเดิม
3.การใช้หมอนที่ไม่เหมาะสม การใช้หมอนสูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้มีอาการนอนกรนเกิดจากคอพับงอผิดรูป ซึ่งการใช้หมอนที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้นอนกรนเกิดจากการที่คอพับงอและไปขัดขวางการไหลของอากาศได้เช่นกัน
4.ภาวะขาดน้ำ เมื่อร่างกายขาดน้ำ สารคัดหลั่งในจมูกและเพดานอ่อนจะเหนียวข้นขึ้น ซึ่งทำให้การนอนกรนเกิดจากการที่สารคัดหลั่งเหล่านี้ไปเพิ่มแรงต้านในทางเดินหายใจ
5.พันธุกรรม บางครั้ง การนอนกรนเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมที่ส่งต่อลักษณะโครงสร้างทางเดินหายใจที่แคบมาในครอบครัว

โดยสรุปแล้ว จะเห็นได้ว่าการนอนกรนเกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน ตั้งแต่ท่านอนที่เราเลือก ไปจนถึงปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์และสรีรวิทยาที่เราอาจไม่เคยสังเกต การทำความเข้าใจว่าปัญหาของการนอนกรนเกิดจากอะไร คือก้าวแรกที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การนอนหลับที่สงบและมีคุณภาพยิ่งขึ้นสำหรับทั้งตัวคุณเองและคนข้าง ๆ

อาการนอนกรนเกิดจากอะไรบ้าง ที่เสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ
อาการนอนกรน แม้จะดูเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย แต่แท้จริงแล้วถ้าการนอนกรนเกิดจากอาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลง จากสาเหตุเหล่านี้

• อาการนอนกรนเกิดจากโรคอ้วนและไขมันสะสมรอบคอ
• อาการนอนกรนเกิดจากขากรรไกรเล็ก หรือคางสั้น/ถอยไปด้านหลัง
• อาการนอนกรนเกิดจากเพดานอ่อนและลิ้นไก่ยาวหรือหย่อนยาน
• อาการนอนกรนเกิดจากต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์โต
• อาการนอนกรนเกิดจากเสียงกรนดังมากและไม่สม่ำเสมอ
• อาการนอนกรนเกิดจากปัจจัย ที่มักทำให้ตื่นกลางดึกเพราะหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนสำลัก หรือหายใจไม่ทัน
• อาการนอนกรนเกิดจากปัจจัยกระตุ้น ซึ่งมีภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ยากร่วมด้วย

ซึ่งนอกจากอาการนอนกรนเกิดจากปัจจัยดังกล่าวที่เสี่ยงต่อการหลุดหายใจขณะหลับแล้ว ลักษณะของการนอนกรน เช่น ตื่นนอนตอนเช้าแล้วไม่สดชื่น ง่วงนอนมากผิดปกติ สมาธิไม่ดี ความจำแย่ลง หลงลืมง่าย หรือมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว ก็เป็นสัญญาณเตือนของอาการนอนกรนเกิดจากสิ่งอันตรายเหล่านี้ได้เช่นกัน

นอนกรนเกิดจาก

อาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุอะไร เสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับตุยได้

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษานอนกรนเกิดจากสาเหตุต่างๆ ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ท่านอนและปัจจัยที่ส่งผลต่อการนอนกรนโดยไม่รู้ตัว
การนอนหลับเต็มที่คือหนึ่งในเสาหลักของสุขภาพที่ดี แต่หลายครั้งเรากลับละเลยปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ท่านอน” และพฤติกรรมบางอย่างที่นำไปสู่ปัญหาการนอนที่พบบ่อยที่สุดอย่าง “การนอนกรน” ซึ่งหลายคนอาจไม่ทราบว่าปัญหาอาการนอนกรนเกิดจากปัจจัยที่เราสามารถปรับเปลี่ยนและควบคุมได้ และอาจจะยังมองข้ามไปว่านอนกรนเกิดจากพฤติกรรมใกล้ตัว

ซึ่ง “ท่านอนหงาย” อาจเป็นท่านอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะรู้สึกว่านอนสบาย แต่สำหรับหลายคน ท่านอนนี้คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดเสียงกรน เพราะในท่านี้จะเป็นต้นเหตุของการนอนกรนเกิดจากการหย่อนตัวของลิ้นและเพดานอ่อนลง ไปปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนตามแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่ออากาศพยายามเคลื่อนที่ผ่านช่องทางที่แคบลง

จึงเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อและกลายเป็นเสียงกรนที่เราได้ยิน ดังนั้นการนอนกรนเกิดจากท่านอนหงายจึงเป็นต้นเหตของปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากเป็นการนอนกรนเกิดจากตำแหน่งของศีรษะและลำคอที่ไม่เหมาะสมขณะนอนหงายนั่นเอง

ในทางกลับกัน "ท่านอนตะแคง" ถือเป็นท่านอนที่ช่วยลดปัญหานี้ได้ดีที่สุด การเปลี่ยนมานอนตะแคงช่วยแก้ปัญหาที่อาการนอนกรนเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนได้ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงจะไม่ดึงลิ้นและเพดานอ่อนให้ตกลงไปปิดกั้นหลอดลม ทำให้ลดโอกาสที่อาการนอนกรนเกิดจากการที่ลิ้นตกไปปิดกั้นทางเดินหายใจได้ในเบื้องต้น

อาการนอนกรนเกิดจากพฤติกรรมทานอาหารได้ไหม ?
นอนกรนเกิดจากการอักเสบและสร้างเสมหะ
อาหารบางชนิดสามารถกระตุ้นให้มีการนอนกรนเกิดจากการที่ร่างกายเกิดการอักเสบในทางเดินหายใจ หรือสร้างเมือก/เสมหะมากขึ้น ทำให้ช่องคอและโพรงจมูกบวมและตีบแคบลง อากาศจึงไหลผ่านได้ไม่สะดวกและเกิดเสียงกรน

• นอนกรนเกิดจากการทานผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมวัว ชีส โยเกิร์ต สำหรับบางคนอาจกระตุ้นการสร้างเสมหะในลำคอ ทำให้ทางเดินหายใจเหนียวและแคบลง
• นอนกรนเกิดจากการทานกลูเตน ในกลุ่มผู้ที่แพ้หรือไวต่อกลูเตน (เช่น จากข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์) อาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย รวมถึงในทางเดินหายใจ
• นอนกรนเกิดจากการอาหารแปรรูปและน้ำตาลสูง อาหารเหล่านี้มักกระตุ้นให้เกิดการอักเสบโดยรวมในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อเนื้อเยื่อในลำคอได้เช่นกัน

นอนกรนเกิดจากการคลายตัวของกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxation)
หนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการนอนกรนเกิดจากสิ่งที่เราทานหรือดื่มเข้าไป ก็คือนอนกรนเกิดจากแอลกอฮอล์ ที่เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้กรนหนักขึ้น เพราะแอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อในลำคอและลิ้นผ่อนคลายตัวมากกว่าปกติ ทำให้มันหย่อนลงไปปิดกั้นทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้นขณะหลับ

กรดไหลย้อน
การทานอาหารบางอย่างก่อนนอนอาจทำให้เกิดภาวะนอนกรนเกิดจากกรดไหลย้อน ซึ่งกรดในกระเพาะอาหารจะไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารและลำคอ ทำให้เกิดการระคายเคือง บวม และอักเสบในลำคอได้

• นอนกรนเกิดจากการทานอาหารรสจัด อาหารมัน/ของทอด กระตุ้นการหลั่งกรดและทำให้หูรูดกระเพาะอาหารคลายตัว
• นอนกรนเกิดจากการทานอาหารมื้อใหญ่ใกล้เวลานอน ทำให้มีแรงดันในกระเพาะอาหารสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของกรดไหลย้อน

น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
การทานอาหารแคลอรีสูงเป็นประจำทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสะสมของไขมันส่วนเกินบริเวณลำคอ เนื้อเยื่อไขมันเหล่านี้จะไปกดเบียดทางเดินหายใจให้แคบลง จนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเสียงกรนขณะหลับ เนื่องจากนอนกรนเกิดจากทางเดินหายใจ ดังนั้นจึงควรงดอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านี้

• นอนกรนเกิดจากอาหารไขมันสูงและของทอด ย่อยยากและเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน
• นอนกรนเกิดจากอาหารแปรรูปและน้ำตาลสูง เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย

ควรรับมืออาการนอนกรนอย่างไรดี
การนอนกรนเกิดจากปัจจัยหลากหลายผสมกัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะคัดจมูก การอักเสบ และโรคภูมิแพ้ เพราะการที่โพรงจมูกทำงานผิดปกติ บีบให้เราต้องหายใจทางปาก นำไปสู่การสั่นของเนื้อเยื่อในลำคอ การทำความเข้าใจว่าการนอนกรนเกิดจากอะไรจึงเป็นกุญแจสำคัญในการบรรเทาอาการ หากคุณมีอาการนอนกรนร่วมกับอาการคัดจมูกหรือภูมิแพ้เรื้อรัง การดูแลสุขอนามัยในห้องนอน การใช้เครื่องทำความชื้น หรือการล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออาจช่วยได้

อย่างไรก็ตามการปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาที่ต้นเหตุเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะแท้จริงแล้วการนอนกรนเกิดจากสภาวะทางกายภาพที่สามารถจัดการได้ การตระหนักว่าการนอนกรนเกิดจากภาวะเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้า จะนำไปสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพและสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว และช่วยให้ตระหนักถึงผลกระทบทางสุขภาพการนอนได้ดีมากขึ้น

นอนกรนเกิดจาก

อาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุอะไร เสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับตุยได้

ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมรักษานอนกรนเกิดจากสาเหตุต่างๆ ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

วิธีแก้อาการนอนกรน ทำได้อย่างไรบ้าง ?
อาการนอนกรนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพของตัวเองและสัมพันธภาพกับคนข้างกาย หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้วการนอนกรนเป็นสัญญาณว่าระบบทางเดินหายใจส่วนบนกำลังตีบแคบขณะหลับ การจะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ผลดีที่สุดจึงต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจว่าอาการนอนกรนเกิดจากอะไร เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับต้นตอของปัญหา

อ่านเพิ่มเติมวิธีแก้อาการนอนกรน วิธีแก้อาการนอนกรน มีอะไรบ้าง หายขาดจริงไหม ราคาเท่าไหร่

การค้นหาสาเหตุที่แท้จริงว่า การนอนกรนเกิดจากปัจจัยใดเป็นกุญแจสำคัญในการรักษา เพราะวิธีแก้ปัญหาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย ดังนี้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การปรับพฤติกรรมเป็นด่านแรกที่ควรลอง เพราะบ่อยครั้งที่การนอนกรนเกิดจากปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้

• ควบคุมน้ำหนัก นี่คือวิธีที่ได้ผลมากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่แล้ว อาการนอนกรนเกิดจากการมีเนื้อเยื่อไขมันสะสมบริเวณลำคอมากเกินไป ทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง การลดน้ำหนักจึงช่วยลดแรงกดทับและเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น
• เปลี่ยนท่านอน การนอนหงายทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกลงไปปิดกั้นทางเดินหายใจตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการนอนกรนเกิดจากท่าทางที่ไม่เหมาะสม การเปลี่ยนมานอนตะแคงจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้
• หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่มีฤทธิ์กดประสาท แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอคลายตัวมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นอนกรนเกิดจากการหย่อนยานของกล้ามเนื้อเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน
• เลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เยื่อบุในระบบทางเดินหายใจระคายเคืองและบวมอักเสบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะทำให้เกิดอาการนอนกรนเกิดจากการอุดกั้นที่เพิ่มขึ้นจากผลของการสูบบุหรี่
• รักษาความชุ่มชื้นให้ร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำ สารคัดหลั่งในจมูกและเพดานอ่อนจะเหนียวข้นขึ้น ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนกรนเกิดจากภาวะขาดน้ำได้เช่นกัน การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยลดปัญหานี้
• จัดการกับอาการภูมิแพ้ สำหรับบางคน การนอนกรนเกิดจากการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกเนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ การใช้ยาแก้แพ้หรือทำความสะอาดห้องนอนให้ปราศจากฝุ่นและไรฝุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ
หากการปรับพฤติกรรมยังไม่ได้ผลเต็มที่ อาจต้องพิจารณาอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด

• แผ่นแปะจมูก (Nasal Strips) การนอนกรนเกิดจากช่องจมูกที่ตีบแคบ อุปกรณ์นี้ช่วยถ่างปีกจมูกให้กว้างขึ้นทำให้หายใจผ่านจมูกได้สะดวกขึ้น
• อุปกรณ์ในช่องปาก (Oral Appliances) มีลักษณะคล้ายรีเทนเนอร์ ออกแบบมาเพื่อจัดตำแหน่งของขากรรไกรล่างและลิ้นให้ยื่นมาข้างหน้าเล็กน้อย เหมาะกับผู้ที่มีอาการนอนกรนเกิดจากการที่ลิ้นตกไปด้านหลังขณะหลับ อุปกรณ์นี้ควรทำโดยทันต
• เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) ในกรณีที่การนอนกรนเกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย แพทย์มักจะแนะนำเครื่อง CPAP โดยเครื่องจะส่งแรงดันอากาศผ่านหน้ากากเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้โล่งตลอดคืน ถ้าการนอนกรนเกิดจากภาวะนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์

การรักษาทางการแพทย์
หากการนอนกรนเกิดจากปัจจัยข้างต้นและได้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและใช้อุปกรณ์เบื้องต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าปัญหาการนอนกรนมีความซับซ้อนกว่าที่คิด หรือการนอนกรนเกิดจากโครงสร้างทางกายภาพภายในที่การปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขได้ การเข้าปรึกษาทีมแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาที่ต้นตอและเข้าถึงการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น

เพราะทีมแพทย์มักให้ความสำคัญกับการวินิจฉัยเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงว่าอาการนอนกรนเกิดจากปัจจัยใดโดยเฉพาะ ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในการรักษา คือการใช้โปรแกรมเลเซอร์พลังงานต่ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการนอนกรน โดยหลักการทำงานคือการส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในเนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อนและลิ้นไก่ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวหดกระชับและตึงตัวขึ้น ส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจกว้างขึ้นและลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อขณะหายใจ

วิธีนี้จึงเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนเกิดจากการหย่อนคล้อยของเนื้อเยื่อในช่องปากและลำคอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรือมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์เล็กน้อย ข้อดีของแนวทางนี้คือเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น และใช้เวลาในการทำไม่นาน ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตามการจะเลือกรักษาด้วยวิธีนี้ได้หรือไม่นั้น จำเป็นต้องผ่านการประเมินจากทีมแพทย์ผู้ดูแลก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าอาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุที่สามารถตอบสนองต่อการรักษาได้จริง และไม่ใช่ปัญหาจากสาเหตุอื่น ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างออกไป การปรึกษาทีมแพทย์จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการวางแผนการรักษาที่ลดความเสี่ยง และได้ผลดีสำหรับแต่ละบุคคล

สรุปการนอนกรนเกิดจากอะไร ควรรับมืออย่างไรดี
สรุปได้ว่า ภาวะนอนกรนเกิดจากการที่ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณลำคอสั่นสะเทือนขณะหายใจ โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น น้ำหนักตัวเกิน การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และท่านอนหงาย นอกจากนี้ การนอนกรนเกิดจากปัจจัยทางกายภาพ เช่น ภาวะภูมิแพ้ การคัดจมูก โครงสร้างร่างกาย และอายุที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่กับการรักษาที่ตรงจุดจากทีมแพทย์ผู้ดูแลได้

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ค่ะ

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ อาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุอะไร เสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ,นอนกรนเกิดจาก หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

นอนกรนเกิดจากหลายสาเหตุปัจจัยที่ทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้น มาเรียนรู้วิธีสังเกตความแตกต่างระหว่างเสียงกรนธรรมดาและสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับกัน นอนกรนเกิดจากอะไร อาการไหนบ้างเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ

370
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น