บทความเกี่ยวกับ : อาการนอนกรน
อาการนอนกรน (Snoring) คืออะไร รักษาอาการนอนกรนยังไงได้บ้าง
อาการนอนกรน อันตรายไหม รู้สาเหตุ และวิธีแก้นอนกรน
อาการนอนกรนเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจส่วนบนขณะนอนหลับ แม้ว่าอาการนอนกรนจะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ
หากคุณก็เป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังประสบปัญหากรนเสียงดังและมีอาการนอนกรนที่รุนแรง อย่าปล่อยไว้จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ APEX เราแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอาการนอนกรนของคุณอย่างเหมาะสม

อาการนอนกรน คืออะไร ราคาค่ารักษาเท่าไหร่ สาเหตุเกิดจากอะไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาอาการนอนกรน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลอาการนอนกรน คืออะไร?
อาการนอนกรน คือเสียงดังที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ เนื่องจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในทางเดินหายใจส่วนบนขณะที่เราหายใจเข้าออกขณะหลับ โดยเฉพาะบริเวณเพดานอ่อน ลิ้น หรือช่องคอ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณเหล่านี้ผ่อนคลายลงระหว่างนอนหลับ ทำให้อากาศที่ผ่านเข้าไปเกิดการสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังขึ้น ซึ่งอาการนอนกรนอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ
อาการนอนกรนเกิดจากอะไร ทำไมบางคนถึงมีเสียงกรน?
อาการนอนกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในทางเดินหายใจส่วนบนขณะนอนหลับ ทำให้เกิดเสียงดังออกมา สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการนอนกรนมาจากโครงสร้างทางกายภาพที่ผิดปกติ เช่น คางสั้น ลิ้นใหญ่ หรือเพดานอ่อนยาว นอกจากนี้ น้ำหนักเกิน การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และภูมิแพ้ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อนอนหงาย สิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและเกิดการสั่นสะเทือนมากขึ้น
อาการนอนกรน อันตรายไหม?
อาการนอนกรน อาจดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้ อาการนอนกรนของคุณอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ การนอนกรนบ่อย ๆ และกรนเสียงดัง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งส่งผลต่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้ง่วงนอนตอนกลางวัน ปวดหัว และอาการนอนกรนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมองได้ ดังนั้น หากคุณมีอาการนอนกรนที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับการรักษา
สาเหตุที่พบบ่อย ที่ทำให้เกิดอาการนอนกรน
อาการนอนกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในทางเดินหายใจส่วนบนขณะหลับ ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย ที่ทำให้เกิดอาการนอนกรน มีดังนี้
• โครงสร้างทางกายภาพ เช่น คางสั้น เพดานอ่อนยาว ลิ้นใหญ่ ทอนซิลโต โครงกระดูกใบหน้าผิดปกติ
• น้ำหนักเกิน ไขมันส่วนเกินบริเวณคอจะไปกดทับทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนขึ้น
• การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนกรน เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายมากเกินไป ส่งผลให้ทางเดินหายใจแคบลง และทำให้คุณมีอาการนอนกรน
• สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดอาการนอนกรนขึ้นมา
• ภูมิแพ้ การอักเสบของเยื่อบุจมูกจากภูมิแพ้ ทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน จนทำให้เกิดอาการนอนกรน
• ยาบางชนิด ยากล่อมประสาท ยาลดความดันโลหิต บางชนิดอาจทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายมากเกินไป และเกิดอาการนอนกรนในที่สุด
• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง ทำให้กล้ามเนื้อในทางเดินหายใจสูญเสียความยืดหยุ่น เมื่อหายใจไม่สะดวก ก็จะส่งผลให้เกิดอาการนอนกรนขึ้นมา
• ภาวะอื่น ๆ เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคไทรอยด์ ที่ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อในทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้

อาการนอนกรน คืออะไร ราคาค่ารักษาเท่าไหร่ สาเหตุเกิดจากอะไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาอาการนอนกรน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลอาการนอนกรนผู้ชาย VS อาการนอนกรนผู้หญิง เหมือนกันไหม?
โดยทั่วไปทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถมีอาการนอนกรนได้เหมือนกัน สาเหตุหลัก ๆ มาจากโครงสร้างทางกายภาพที่คล้ายคลึงกัน เช่น ขนาดของทางเดินหายใจ น้ำหนักตัว และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่คล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ชายมักมีโอกาสที่จะเกิดอาการนอนกรนมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากโครงสร้างทางกายภาพบางประการ เช่น คางที่สั้นกว่า และปริมาณเนื้อเยื่อในลำคอที่มากกว่า ทำให้ทางเดินหายใจของผู้ชายมีแนวโน้มที่จะแคบกว่า จึงทำให้เกิดอาการนอนกรนง่ายกว่านั่นเอง
และถึงแม้ว่าอาการนอนกรนจะดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ถ้าหากอาการนอนกรนของคุณรุนแรงและปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนั้น หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายนอนกรนหรือผู้หญิงนอนกรน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการนอนกรนอย่างเหมาะสม
อาการนอนกรนในเด็ก ปัญหาสุขภาพที่ต้องระวัง!
อาการนอนกรนในเด็กเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ เพราะอาจส่งผลต่อพัฒนาการและสุขภาพของลูกในระยะยาว สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับอาการนอนกรน ได้แก่ เสียงกรนดังและต่อเนื่อง หายใจแรงขณะนอนหลับ เหงื่อออกมากตอนนอน หรือมีอาการปากแห้งตอนตื่นนอน
หากปล่อยให้อาการนอนกรนในเด็กเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เด็กขาดออกซิเจนขณะนอนหลับ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมองและร่างกาย ทำให้เด็กมีสมาธิสั้น เรียนรู้ช้า และมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสังคมล่าช้า นอกจากนี้ อาการนอนกรนในเด็กยังอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ เช่น ต่อมทอนซิลโต หรือภูมิแพ้ ดังนั้น หากพบว่าลูกมีอาการนอนกรน ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการนอนกรนทันที
อาการนอนกรนแบบไหน ถึงควรเข้ารับการรักษา
อาการนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวนในการนอนหลับเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ซึ่งอาการนอนกรนแบบไหน ถึงควรเข้ารับการรักษา ตามมาดูกัน
• นอนกรนเสียงดังและต่อเนื่อง หากคุณมีอาการนอนกรนที่รุนแรงและกรนดังจนรบกวนผู้อื่น หรือกรนเกือบตลอดทั้งคืน ควรพบแพทย์
• หยุดหายใจขณะหลับ นอกจากเสียงกรนแล้ว หากคุณมีอาการนอนกรนและเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เช่น หายใจขัด หายใจไม่ออก หรือสะดุ้งตื่นบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
• ง่วงนอนตอนกลางวันมากผิดปกติ แม้จะนอนหลับเพียงพอ แต่ยังรู้สึกง่วงนอนตลอดทั้งวัน อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาเกี่ยวกับอาการนอนหลับได้
• ปวดหัวตอนเช้า อาการนอนกรนอาจทำให้เกิดการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ซึ่งอาจส่งผลให้ปวดหัวตอนเช้า
• อารมณ์แปรปรวน การนอนหลับไม่เพียงพอจากอาการนอนกรน อาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิด ฉุนเฉียว และอารมณ์แปรปรวนได้
• ความดันโลหิตสูง การนอนกรนเรื้อรังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
• โรคหัวใจ อาการนอนกรนที่รุนแรงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

อาการนอนกรน คืออะไร ราคาค่ารักษาเท่าไหร่ สาเหตุเกิดจากอะไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาอาการนอนกรน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลอาการนอนกรน แก้อย่างไรได้บ้าง?
การรักษาอาการนอนกรนมีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ มาดูกันดีกว่า ว่าในปัจจุบัน มีวิธีการรักษาอาการนอนกรนแบบไหนบ้าง ดังนี้
1.แก้อาการนอนกรนด้วยการเปลี่ยนท่านอน
การเปลี่ยนท่านอนจากนอนหงายมานอนตะแคงเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนไม่รุนแรงนัก การนอนตะแคงจะช่วยให้ทางเดินหายใจส่วนบนเปิดกว้างขึ้น ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ และช่วยลดอาการนอนกรนได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจไม่ได้ผลกับทุกคน และไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวร
2.แก้อาการนอนกรนด้วยการเลเซอร์
สำหรับการรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากเห็นผลไว เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยแพทย์จะใช้เลเซอร์พลังงานต่ำ ส่องไปยังบริเวณที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในช่องคอ เพื่อกระชับกล้ามเนื้อและลดการสั่นสะเทือน ทำให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น วิธีนี้มีข้อดีคือ ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อย หรือแทบไม่เจ็บเลย
3.แก้อาการนอนกรนด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดเป็นวิธีรักษาที่ใช้สำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนรุนแรงมาก และมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย การผ่าตัดมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการนอนกรน เช่น การผ่าตัดตัดต่อเพดานอ่อน การผ่าตัดขยายทางเดินหายใจ ซึ่งแม้ว่าการผ่าตัดจะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดและต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่าวิธีอื่น ๆ
4.แก้อาการนอนกรนด้วยเครื่อง CPAP
เครื่อง CPAP เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยจะเป่าลมเข้าไปในทางเดินหายใจขณะนอนหลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจตีบตัน เครื่อง CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนรุนแรงและมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีข้อเสียคือ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกอึดอัดและรำคาญ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์นี้ไปตลอดในขณะหลับ
เสียงกรนดัง รักษาอาการกรนวิธีไหนดี?
การรักษาอาการนอนกรนควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากสาเหตุและความรุนแรงของอาการ หากคุณมีอาการนอนกรนระดับปานกลางถึงรุนแรง การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความปลอดภัย เห็นผลรวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้นนาน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินอาการและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
แก้อาการนอนกรนด้วยการเลเซอร์ที่ APEX มีขั้นตอนอย่างไร?
การรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์ที่ APEX มีขั้นตอนในการทำ ดังนี้
• ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการตรวจประเมินอาการและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาอาการนอนกรนของคุณ
• ตรวจสุขภาพ เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมและความเหมาะสมในการรักษา
• ทำความสะอาดช่องปาก ก่อนเข้ารับการรักษา จะมีการทำความสะอาดช่องปากเบื้องต้น
• เลเซอร์รักษาอาการนอนกรน แพทย์จะใช้เลเซอร์พลังงานต่ำ ส่องไปยังบริเวณที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในช่องคอ เพื่อกระชับกล้ามเนื้อ และทำให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้น
• พักผ่อนหลังทำ หลังทำสามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น
• ติดตามผลการรักษา แพทย์จะนัดติดตามผลเป็นระยะ เพื่อประเมินผลการรักษาอาการกรนและให้คำแนะนำเพิ่มเติม
ข้อควรปฏิบัติ ก่อน-หลังแก้อาการนอนกรนด้วยการเลเซอร์
การรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีรักษาอาการนอนกรนที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว แต่เพื่อให้การรักษาอาการนอนกรนได้ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งก่อนและหลังการรักษา เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ต้องตามความต้องการ ฉะนั้นลองมาดูกันดีกว่า ว่าก่อนและหลังเลเซอร์แก้อาการนอนกรน เราควรเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
ก่อนเลเซอร์นอนกรน ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ก่อนเข้ารับการรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์ แพทย์จะทำการตรวจประเมินอาการและให้คำแนะนำอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจขั้นตอนการรักษาและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้ว ก่อนเลเซอร์แก้อาการนอนกรน คุณควรเตรียมตัวดังนี้
• งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการรักษาอาการนอนกรน
• หลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา
• งดรับประทานอาหาร ก่อนเข้ารับการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ
• พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้การรักษาอาการนอนกรนเป็นไปอย่างราบรื่น
หลังเลเซอร์นอนกรน ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
หลังจากทำเลเซอร์เพื่อรักษาอาการนอนกรนไปแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียงได้ โดยการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์แก้อาการนอนกรน มีข้อควรปฏิบัติอย่างไร มาดูกัน
• หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด
• งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
• รักษาความสะอาดในช่องปาก บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากตามที่แพทย์แนะนำ
• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังทำเลเซอร์แก้อาการนอนกรน
• กลับมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษาอาการนอนกรนของคุณ
หมายเหตุ อย่างไรก็ตาม ข้อควรปฏิบัติ ก่อน-หลังทำเลเซอร์ เพื่อรักษาอาการนอนกรน อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทางที่ดีเราแนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์ก่อนรักษาอาการนอนกรนทุกครั้ง เพื่อประเมินการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ

อาการนอนกรน คืออะไร ราคาค่ารักษาเท่าไหร่ สาเหตุเกิดจากอะไร
ผลลัพธ์หลังรับบริการ รักษาอาการนอนกรน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาการนอนกรน
อาการนอนกรนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมักมีหลายความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการนี้ มาดูกันดีกว่า ว่าความเชื่อผิด ๆ เหล่านั้น มีอะไรบ้าง
• อาการนอนกรนเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุ ความเชื่อนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริงเท่านั้น แม้ว่าผู้สูงอายุจะมีโอกาสเกิดอาการนอนกรนมากกว่าวัยอื่น ๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่คนวัยหนุ่มสาวก็สามารถมีอาการนอนกรนได้เช่นกัน สาเหตุอาจเกิดจากโครงสร้างทางกายภาพที่ผิดปกติ น้ำหนักเกิน หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต
• อาการนอนกรนไม่เกิดขึ้นกับเด็ก ความเชื่อนี้ผิดอย่างมาก เพราะอาการนอนกรน ในความเป็นจริงเด็กเล็กก็สามารถมีอาการนอนกรนได้เช่นกัน สาเหตุอาจเกิดจากต่อมทอนซิลหรืออะดีนอยด์โต หรือมีภูมิแพ้ ซึ่งจะไปอุดตันทางเดินหายใจ ทำให้เกิดเสียงกรน
• อาการนอนกรนเกิดได้แค่กับคนที่มีน้ำหนักเยอะ แม้ว่าน้ำหนักเกินจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดอาการนอนกรน แต่คนที่มีน้ำหนักปกติก็สามารถมีอาการนอนกรนได้เช่นกัน สาเหตุอาจเกิดจากโครงสร้างทางกายภาพที่ผิดปกติ หรือปัจจัยอื่น ๆ
• อาการนอนกรนไม่เกี่ยวกับโรคใด ๆ ความเชื่อนี้เป็นอันตรายมาก เพราะอาการนอนกรนเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง
คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับการรักษาอาการนอนกรน
รักษาอาการนอนกรน เจ็บไหม?
การรักษาอาการนอนกรนนั้น มีหลายวิธี และระดับความเจ็บปวดก็แตกต่างกัน บางวิธีอาจไม่เจ็บเลยอย่างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ก่อนนอน หรือใช้เครื่อง CPAP แต่หากเป็นการรักษาอาการนอนกรนด้วยวิธีการทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัด หรือการใช้เลเซอร์ อาจมีความรู้สึกเจ็บปวดบ้างในช่วงระยะเวลาการรักษา แต่โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะให้ยาชาหรือยาแก้ปวด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดให้น้อยที่สุด
รักษาอาการนอนกรน อยู่ได้นานไหม?
การรักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์นั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่ได้นานหลายปี ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการนอนกรนและความรุนแรงของแต่ละบุคคล โดยเครื่องเลเซอร์จะช่วยปรับปรุงเนื้อเยื่อในช่องคอให้แข็งแรงขึ้น ลดการสั่นสะเทือน จึงช่วยแก้ปัญหาอาการนอนกรนได้ตรงจุด และอยู่ได้นานนั่นเอง
รักษาอาการนอนกรน ราคาเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการรักษาอาการนอนกรนที่ APEX มีหลากหลายแพ็กเกจให้คุณเลือก ซึ่งในตอนนี้มีการจัดโปรโมชั่นอยู่ที่ 9,900 บาท จากปกติ 15,000 บาท แต่สำหรับใครที่ต้องการซื้อเป็นคอร์ส ที่ APEX มีให้แพ็กเกจสำหรับรักษาอาการนอนกรนให้เลือกมากมาย ดังนี้
• แพ็กเกจ 3 ครั้ง ราคา 29,700 บาท
• แพ็กเกจ 5 ครั้ง + แถม 1 ครั้ง ราคา 49,500 บาท
• แพ็กเกจ 10 ครั้ง + แถม 3 ครั้ง ราคา 99,000 บาท
รักษาอาการนอนกรน ที่ไหนดี?
การรักษาอาการนอนกรนให้อยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเลือกทำกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีรีวิวจากผู้เข้าใช้บริการจริง ซึ่งถ้าหากคุณไม่รู้จะรักษาอาการนอนกรนที่ไหน APEX ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถานพยาบาลที่สามารถช่วยแก้ปัญหาอาการนอนกรน กรนเสียงดัง หรือมีภาวะไม่หายใจในขณะหลับให้คุณได้ด้วยเครื่องเลเซอร์แก้นอนกรน พร้อมมีแพทย์เฉพาะทางดูแลตลอดการรักษา เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาจะออกมาเป็นที่น่าพอใจ
สรุป อาการนอนกรน ปัญหาสุขภาพที่คุณไม่ควรมองข้าม!
อาการนอนกรน อาจดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมาได้ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งส่งผลต่อการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนล้าเรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ อาการนอนกรนยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยเองและคนรอบข้าง ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น
หากคุณกำลังประสบปัญหาอาการนอนกรน อย่านิ่งนอนใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม หนึ่งในทางเลือกในการรักษาอาการนอนกรน คือการรักษาด้วยเลเซอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น ช่วยแก้ไขปัญหาทางเดินหายใจที่ตีบแคบ ลดอาการนอนกรน และช่วยให้คุณหลับสนิทได้ดียิ่งขึ้น
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาอาการนอนกรน และการดูแลสุขภาพอื่น ๆ ได้ทุกสาขา
อาการนอนกรน เกิดจากอะไร? นอนกรน อันตรายไหม? รวมสาเหตุและวิธีรักษาอาการนอนกรนที่ APEX นอนกรนเสียงดัง แก้ยังไงได้บ้าง? ตอบทุกคำถามที่คุณสงสัยที่นี่