ต้นขาใหญ่ เป็นปัญหาที่ทำให้ใครต่อใครไม่กล้าที่จะใส่กางเกงขาสั้น หรือกางเกงรัดรูป เพราะกลัวจะโดนทักว่าขาใหญ่ย้วยเหมือนขาหมู หรือไม่ก็อาจจะโดนแซวเรื่องเซลล์ลูไลท์ที่ขาซึ่งขอบอกเลยค่ะว่าปัญหาต้นขาใหญ่ ไม่ได้เกิดกับแค่คนเจ้าเนื้อเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วต้นขาที่ใหญ่และเผละออกมาจนไม่น่ามองนั้น คนผอม ๆ ก็สามารถมีปัญหาเรื่องขาใหญ่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าหาก ลดต้นขา ไม่ถูกวิธียังอาจกลายเป็นขาล่ำ ๆ แทนได้อีกด้วย
ต้นขาใหญ่ เป็นปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลักษณะทางพันธุกรรม สรีระทางร่างกาย หรือแม้การทำงานของระบบเผาผลาญที่ไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้หมดจนเกิดไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ที่บริเวณต้นขา ทั้งด้านนอกและด้านใน ถ้าเกิดด้านในก็จะทำให้เกิดปัญหาขาเบียด แต่ถ้าสะสมอยู่บริเวณด้านนอกก็จะทำให้ต้นขาดูไม่เรียวสวย ส่วนคนผอม ๆ ที่มีปัญหาขาใหญ่ก็มักเป็นเพราะการมีลักษณะสรีระที่ใหญ่บริเวณต้นขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือมีลักษณะที่ถ่ายทอดกันมาทางพันธุกรรมให้คุณมีต้นขาที่ใหญ่ค่ะ
ทั้งนี้การมีต้นขาใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ เพราะในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่คนนำมาใช้เพื่อการลดไขมันต้นขา อย่างเช่นการนวดน้ำมัน ที่ว่ากันว่าสามารถ ลดไขมันต้นขา ได้ แต่จะสามารถทำได้จริงหรือไม่เรามีคำตอบมาฝากค่ะ
ในความเป็นจริงแล้ว การนวดน้ำมันที่บริเวณต้นขานั้น เป็นวิธีที่ไม่สามารถ ลดไขมันต้นขา ได้ เพราะในการนวดน้ำมันนั้น สามารถกำจัดได้เพียงเซลล์ลูไลท์ได้เท่านั้น เนื่องจากไขมันจะอยู่ในชั้นผิวที่ลึกกว่าทำให้การนวดอาจไม่ได้ส่งผลอะไรมานักกับเซลล์ไขมัน ในขณะเดียวกันการนวดน้ำมันบ่อย ๆ ที่ต้นขาสิ่งที่ตามมาอาจไม่ใช้เรียวขาที่เล็กลง แต่อาจเป็นปัญหากล้ามเนื้ออักเสบตามมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการแน่นอนค่ะ
ดังนั้นหากคิดจะนวดน้ำมันเพื่อลดไขมันต้นขาและให้ขาเรียวมากขึ้น คุณอาจจะคาดหวังได้เพียงแค่การกำจัดผิวเปลือกส้มที่เกิดจากเซลล์ลูไลท์มากขึ้น หากต้องการมีต้นขาที่เล็กลง แนะนำว่าให้ออกกำลังกายจะดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณคิดอยากจะออกกำลังกายลดไขมันต้นขา เราก็มีท่าออกกำลังกายลดต้นขามาฝากค่ะ
1. Runner Lunge
ท่านี้เป็นออกกำลังกายลดต้นขา ที่นอกจากจะช่วยลดไขมันต้นขาแล้ว ก็ยังช่วยให้สะโพก และบริเวณน่องกระชับได้อีกด้วยค่ะ
วิธีฝึก
- ยืนตรง จากนั้นก้าวเท้าซ้ายไปด้านหลัง
- เหยียดแขนตรงไปด้านหน้าจากนั้นย่อตัวลง คล้ายกับท่าตั้งต้นก่อนออกตัวของนักวิ่ง
- ยืดตัวขึ้น พร้อมกับยกและเหยียดขาซ้ายไปด้านหลัง หลังตรงทำมุมขนานกับพื้น แขนเหยียดตรงลงไปที่พื้นเพื่อเพิ่มการทรงตัว
- ค่อย ๆ ดึงขาซ้ายกลับมาสู่ท่าเดิม
- ทำซ้ำข้างละ 10 – 15 ครั้ง
2. ท่า Roundhouse Kick
ท่านี้เป็นท่าออกกำลังกายลดไขมัน ที่สามารถช่วยลดไขมันต้นขา และกระชับสะโพกได้ในคราวเดียวกัน ทำบ่อย ๆ รับรองว่าฟิตแน่นอน
วิธีฝึก
- คุกเข่ากับพื้น ใช้มือยันพื้นด้านหน้าไว้
- ยกขาซ้ายไปทางด้านข้าง จากนั้นเหยียดขาซ้ายออก พยายามรักษาระดับให้ขาขนานกับพื้น ไม่งอเข่า ชี้ปลายเท้าตรง จากนั้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น
- ทำซ้ำข้างละ 10 – 15 ครั้ง
3. ท่า Side Lunge to Crossover Tap
ท่าออกกำลังกายลดไขมันต้นขา ท่านี้เป็นท่าออกกำลังกายที่นอกจากจะเน้นที่ต้นขาแล้ว ยังสามารถช่วยลดไขมันได้ทั้งตัวอีกด้วย เพราะเป็นท่าออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่ทำแล้ว รับรองว่าเฟิร์ม !
วิธีฝึก
- ยืนตรง แขนแนบลำตัว
- ก้าวขาซ้ายไปข้างลำตัว งอเข่าลง จากนั้นดันสะโพกไปด้านหลังเพื่อทรงตัว โดยให้หลังตรง
- เหยียดแขนทั้งสองข้างโดยให้ปลายนิ้วชี้ลงไปที่พื้น แขนตรง พยายามย่อตัวลงให้มากที่สุดจนปลายนิ้วใกล้แตะพื้น หรือสามารถแตะพื้นได้
- ดันขาข้างซ้ายขึ้นเพื่อกลับมาท่าเริ่มต้น พร้อม ๆ กับการเหยียดแขนทั้งสองขึ้น ปลายนิ้วชี้ขึ้นด้านบน จากนั้นก้าวขาซ้ายไขว้มาทางขวาให้ปลายเท้าแตะพื้น แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น
- ทำซ้ำข้างละ 10 – 15 ครั้ง
4. Plank to Stand Up
ท่านี้เป็นท่าออกกำลังกายลดต้นขาที่ต้องใช้ความสามารถสักเล็กน้อย เนื่องจากเป็นการนำท่าแพลงก์ มาดัดแปลงให้สามารถบริการกล้ามเนื้อ และลดต้นขาได้มากขึ้นค่ะ
วิธีฝึก
- เริ่มต้นด้วยการทำท่าแพลงก์
- ยกขาขวาก้าวขึ้นมาวางที่ระดับมือของเรา จากนั้นใช้ขาขวาดันตัวขึ้นมาจากพื้น โดยที่หลังต้องเหยียดตรง
- ก้าวขาซ้ายไปด้านหลังพร้อมกับย่อขาขวาลง จากนั้นมือวางที่พื้นเพื่อกลับสู่ท่าเริ่มต้น
- ทำซ้ำข้างละ 10 – 15 ครั้ง
5. ท่า Pile Squat
ท่าออกกำลังกายลดไขมันต้นขาท่านี้ เป็นท่าที่สามารถช่วยกระชับต้นขาด้านใน และกล้ามเนื้อบริเวณน่องได้ ทำให้ขาเรียวสวยไปทั้งหมดเลยค่ะ
วิธีฝึก
- ยืนตรง มือเท้าเอวเพื่อช่วยทรงตัว แยกปลายเท้าออกทำมุม 45 องศา
- ก้าวขาทั้งสองข้าง ออกไปด้านข้าง แล้วย่อตัวลง โดยหลังตรง และให้เข่าอยู่ระดับเดียวกับปลายเท้า
- ทำค้างไว้ 15 วินาที แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น
อยาก ลดต้นขา แต่ไม่อยากออกกำลังกาย มีทางลัดไหม ?
การลดไขมันต้นขา เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยวินัย และเวลาการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ดังนั้นอาจทำให้หลายคนไม่สามารถลดต้นขาได้อย่างที่คาดหวัง แต่ก็ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ เพราะยังมีวิธีการลดต้นขาอีกหลากหลายวิธีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเมโสแฟต การทำทรีตเม้นต์สลายไขมันด้วยคลื่นพลังงาน รวมไปถึงการดูดไขมันต้นขาที่เหมาะสำหรับสายโหด ที่เจ็บแต่จบ แต่ก็ต้องเสียเวลาพักฟื้น ต้องใส่ชุดยกกระชับเพื่อให้ผิวหนังกลับคืนสู่สภาพเดิม แถมยังอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยล่ะค่ะ
แต่ถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัวจากการดูดไขมัน หรือไม่อยากฉีดสารเข้าสู่ร่างกาย และการทำทรีตเม้นต์คลื่นพลังงานยังไม่อาจตอบโจทย์ให้คุณได้ เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting สามารถช่วยคุณได้ค่ะ โดยการใช้ความเย็นเพื่อสลายเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันที่บริเวณต้นขาด้านในค่อย ๆ ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกลัวมีแผลเป็น และไม่ต้องพักฟื้น
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการกำจัดไขมันด้วยความเย็น ที่เห็นผลเร็วภายในเวลา 1 – 3 เดือน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง และใช้เวลาน้อยเพียงครั้งละ 35 – 45 นาที ก็สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ 20 – 30% จากนั้นเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกมาจากร่างกายผ่านกลไกทางธรรมชาติ โดยที่คุณไม่ต้องออกกำลังกายเพิ่มเติม หรือไม่ต้องอดอาหาร อีกต่อไปค่ะ
CoolSculpting เจ็บไหม ?
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ที่ไม่ทำให้เกิดบาดแผลและไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งขณะทำก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวด ขณะทำในช่วงแรกอาจมีความรู้สึกไม่สบายผิวเพียงเล็กน้อย เนื่องจากความแน่นของหัวเครื่องมือที่จะค่อยๆ ดูดบริเวณผิว เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งก็จะเริ่มรู้สึกชาจากความเย็นอุณหภูมิติดลบที่ส่งเข้าไปเพื่อทำลายเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง โดยเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการสลายไขมันแล้ว ผู้เข้ารับบริการอาจมีอาการช้ำเล็กน้อย รอยช้ำจะค่อยๆ จางหายไปเอง และซากเซลล์ไขมันที่ตายลงก็จะถูกกำจัดออกผ่านทางกลไกร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1–3 เดือน ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อลดสัดส่วนแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นวิธีการสลายไขมันส่วนเกินที่มีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว
CoolSculpting เหมาะกับใคร ?
CoolSculpting เป็นวิธีการสลายไขมันด้วยความเย็นที่เกือบทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะส่วนต้องการลดอย่างเช่น ลดหน้าท้อง ลดสะโพก ลดต้นขา ลดต้นแขน ปีกหลังหรือแม้แต่บริเวณเล็กๆ อย่างเช่นใต้คางก็สามารถทำ CoolSculpting ได้และไม่เพียงเท่านั้นเพราะคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตรที่ ต้องการกลับมามีรูปร่างที่ดี โดยไม่ต้องการเสียเวลาออกกำลังกายหนักหรือควบคุมอาหาร สามารถลดไขมันด้วยวิธีนี้ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าแค่คุณมีไขมันสะสมคุณก็สามารถทำ CoolSculpting ได้แล้ว
แต่การทำ CoolSculpting มีข้อจำกัดอยู่เพียงเล็กน้อย ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการทำ CoolSculpting คือผู้ที่มีอาการแพ้ความเย็นอย่างรุนแรง มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด สตรีที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรหรือผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดบริเวณที่จะทำ CoolSculpting ควรหลีกเลี่ยงการทำไปก่อนอย่างน้อย 8 เดือนจะดีที่สุด
CoolSculpting ทำแล้วต้นขาจะกลับมาใหญ่ได้อีกไหม ?
ในการทำ CoolSculpting เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายอย่างถาวรด้วยการแช่แข็งเซลล์ไขมัน เมื่อเซลล์ไขมันได้รับความเย็นมาก ๆ ก็จะแข็งตัวและตายลง จากนั้นจะถูกกำจัดออกมาตามกลไกของร่างกาย ดังนั้นหลังจากทำ CoolSculpting แล้ว จำนวนเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำจะลดจำนวนลง ทำให้แม้จะกลับมาอ้วน และส่วนอื่นจะใหญ่ขึ้น แต่บริเวณที่ทำ CoolSculpting จะใหญ่ขึ้นช้ากว่าบริเวณอื่น แตกต่างจากการลดไขมันด้วยวิธีอื่นที่อาจลดได้เพียงขนาดของเซลล์ไขมันเท่านั้นค่ะ
เรื่องควรระวังก่อนตัดสินใจทำ CoolSculpting
แม้การสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting เป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่ก็ควรระวัง 3 เรื่องต่อไปนี้ให้ดี ไม่อย่างนั้นล่ะก็แทนที่จะรูปร่างดี อาจหุ่นพัง เกิดแผลเป็นติดตัวได้ค่ะ
1. อย่าซื้อโดยไม่ได้รับการประเมินรูปร่าง
การกำจัดไขมันด้วยความเย็นไม่ใช่ว่าอยากทำก็ทำได้เลยนะคะ เพราะถ้าไม่ประเมินรูปร่างโดยผู้เชี่ยวชาญก่อน ก็อาจทำให้ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถให้คำแนะนำได้ว่าควรทำจุดไหน หรืออาจแก้ไขปัญหาได้ไม่ตรงจุดที่ต้องการ และไม่สามารถบอกได้ว่าผลลัพธ์จะออกมอย่างไร ดังนั้นก่อนที่จะซื้อคอร์สควรเข้ารับการการประเมินรูปร่างโดยผู้เชี่ยวชาญก่อน ซึ่งในขั้นตอนนี้นอกจากจะช่วยในการวางแผนแล้ว ยังสามารถเห็นได้อีกว่าผู้ที่จะดูแลรูปร่างของเรานั้นมีความเชี่ยวชาญมากแค่ไหนด้วยล่ะค่ะ
2. อย่าโดนหลอกให้ทำเครื่องปลอมด้วยราคาโปรโมชั่นที่ยั่วยวนใจ
ขอบอกว่าคำว่าถูกและดีสำหรับการกำจัดไขมันด้วยความเย็นไม่มีจริงค่ะ ! มีแต่ถูกและโดนหลอกทั้งนั้น ดังนั้นถ้าคิดจะหาการกำจัดไขมันด้วยความเย็นแบบราคาถูก หาไม่ได้แน่นอนค่ะ เนื่องจากการกำจัดไขมันที่เป็นเครื่องแท้นั้น เป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนา และวิจัยอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี แถมยังมีวิจัยหลายฉบับรับรองเรื่องความปลอดภัย ผลลัพธ์ ข้อดี และเสียต่าง ๆ ในระยะยาว แถมยังได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก ส่วนเครื่องปลอมก็เป็นเพียงการนำเทคโนโลยีที่ล้าสมัยแล้วมาพัฒนาเป็นเครื่องกำจัดไขมันด้วยเย็น ซึ่งเป็นเครื่องเทียม ไม่มีการรับรองความปลอดภัย หรืองานวิจัยรองรับ เทียบกับเครื่องแท้แบบไม่ติดเลยทีเดียว
3. อย่าทำเครื่องปลอม เสี่ยงเบิร์นเย็น !
อีกความแตกต่างที่สำคัญ ระหว่างเครื่องจริงและเครื่องปลอมที่ถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของCoolsculpting คือ จะมี Sensor พิเศษที่หัวเครื่องมือซึ่งจะคอยตรวจจับความผิดปกติของอุณหภูมิ เพื่อเกิดการเบิร์นเย็นกับผิวหนังของผู้ทำ หรือและไม่เครื่องปล่อยอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติจนทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี ในขณะที่เครื่องเลียนแบบมีเพียงตัววัดอุณหภูมิ และไม่สามารถป้องกันอาการเบิร์นเย็นได้ จึงทำให้เสี่ยงต่ออาการเบิร์นเย็น และผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ
ทราบอย่างนี้แล้ว ถ้าคิดจะทำแล้วล่ะก็ ก่อนซื้อคอร์สก็ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อเงินที่เสียจะได้คุ้มค่า ได้ทำ เครื่องแท้ ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามอย่างที่ต้องการจริง ๆ โดย เครื่องที่ทำออกมาเลียนแบบนั้นไม่สามารถเทียบกับเครื่อง CoolSculpting ได้เลย และนี่คือ 4 สิ่งที่ เครื่องกำจัดไขมันด้วยความเย็น “เครื่องปลอม” ไม่มี เราไปดูกันเลย
1. Freeze Detection
เซนเซอร์พิเศษที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ CoolSculpting ทำหน้าที่คอยตรวจจับความอุณหภูมิที่ผิดปกติของผิวหนัง เพื่อความปลอดภัยระหว่างการทำ Coolsculpting แม้ความผิดปกติอาจเกิดเพียงเล็กน้อย แต่สามารถตรวจจับได้ซึ่งแตกต่างจากเครื่องเลียนแบบ ที่มีเพียงตัววัดอุณหภูมิที่เครื่องปล่อยออกมาเท่านั้น
2. Cool Control และ Cooling Cup
โดยทั่วไปแล้วหลักการทำความเย็นของ CoolSculpting ของแท้ ความเย็นนั่นจะถูกปล่อยออกมาทั่วทั้งหัวอุปกรณ์ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องปลอมที่มีตัวทำความเย็นแค่ด้านในหรือด้านข้างเท่านั้นทำให้อุณหภูมิที่หัวอุปกรณ์ไม่สม่ำเสมอกัน ผลลัพธ์ของเครื่องเลียนแบบจึงลดไขมันไม่ได้มากเท่าการทำด้วย Coolsculpting เครื่องแท้
3. Applicator Size
CoolSculpting ที่เป็นของแท้นั่นหัวอุปกรณ์ทำความเย็นจะมีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กๆ เพื่อทำในบริเวณที่ต้องการเช่น ลดเหนียงที่คางหรือทำบริเวณเหนือเข่า จนไปถึงขนาดใหญ่ที่ทำได้ทั้งบริเวณหน้าท้องหรือหัวที่สามารถทำในพื้นที่ราบอย่างซิกแพคหรือที่ขาด้านนอกที่ไม่สามารถดูดด้วยหัวแบบปกติได้ Coolsculpting จึงเป็นการกำจัดไขมันด้วยความเย็นที่สามารถจัดการกับไขมันทุกส่วนบนร่างกายได้นั่นเอง
4. Research
การคิดค้นและวิจัยอย่างยาวนานกว่า 10 ปีของ Zeltiq จนมาเป็น Coolsculpting ในปัจจุบันทำให้มีผลการศึกษาวิจัยหลายฉบับ ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นานาชาติ เพื่อต่อยอดให้การกำจัดไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting ได้ประสิทธิภาพ ปลอดภัย และให้ผลที่ดีที่สุดกับผู้รับบริการ ซึ่งเป็นข้อเหนือกว่าที่เครื่องเลียนแบบไม่มี
และนี่คือความรู้ดี ๆ ที่เราหยิบมาฝากสำหรับคนที่ต้องการมีรูปร่างที่ดูดีด้วย CoolSculpting ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาคลินิกความงามที่มีประสบการณ์ในด้านการทำ CoolSculpting และเครื่องที่ทำเป็นเครื่องแท้จริง ๆ ก็ต้องที่ APEX เพราะเราคือตัวจริงในด้านการทำ CoolSculpting ด้วยเคสการทำที่มากที่สุดในเอเชีย พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญอย่าง CoolSculpting Specialist ซึ่งพร้อมให้คำปรึกษา และช่วยออกแบบรูปร่างให้คุณใหม่ เพื่อให้คุณกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง บอกลาหน้าท้อง หรือส่วนอื่น ๆ ที่ย้วยกวนใจคุณ ให้ APEX ดูแลรูปร่างของคุณด้วยการกำจัดไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting นะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ
ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter