ตาตก หนังตาตก สาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ปัญหาและรักษาอย่างไรบ้าง

แก้ปัญหาหนังตาตก เปลี่ยนดวงตาเศร้า ให้กลับมาเปล่งประกาย
หนังตาตกไม่ใช่ปัญหา เรามีทางออก เปลี่ยนดวงตาเศร้าให้สดใส
ปัญหาหนังตาตกมิได้เป็นเพียงเรื่องของความงาม หากแต่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในตนเอง เมื่อหนังตาหย่อนคล้อยลงมาบดบังดวงตา อาจทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อิดโรย และลดทอนความสดใสของดวงตาคู่สวย

หากท่านกำลังประสบปัญหาหนังตาตก และประสงค์จะแก้ไขเพื่อคืนความอ่อนเยาว์และสดชื่นให้กับดวงตา บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสาเหตุของหนังตาตก พร้อมแนวทางการแก้ไขและดูแลรักษาอย่างครอบคลุม เพื่อให้ท่านสามารถตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมและกลับมามีดวงตาที่เปล่งประกายได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

หนังตาตก เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
หนังตาตก ปัญหาที่ทำให้ดวงตาดูเศร้าหมองและใบหน้าดูมีอายุเกินวัย สาเหตุของหนังตาตกมีมากมาย ทั้งจากปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา มาสำรวจสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหนังตาตก เพื่อทำความเข้าใจและหาทางป้องกันได้อย่างตรงจุด

อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลง ทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาหย่อนคล้อยและเกิดหนังตาตกได้

กรรมพันธุ์ บางคนมีแนวโน้มที่จะมีหนังตาตกมากกว่าคนอื่น เนื่องจากได้รับถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ และผิวหนังบริเวณรอบดวงตา

การสูญเสียความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเปิดปิดเปลือกตาอาจอ่อนแอลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถยกเปลือกตาขึ้นได้เต็มที่ และเกิดหนังตาตก

การทำร้ายจากแสงแดด การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่ป้องกัน จะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาหย่อนคล้อยและเกิดหนังตาตก

การขยี้ตาบ่อยๆ การขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาเกิดการระคายเคืองและอักเสบ นำไปสู่การสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดหนังตาตก

โรคประจำตัว บางโรค เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรคทางระบบประสาท อาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตา ทำให้เกิดหนังตาตก

พฤติกรรมทำร้ายดวงตา สาเหตุหลักของหนังตาตก
พฤติกรรมบางอย่างที่เราทำเป็นประจำในชีวิตประจำวัน อาจส่งผลเสียต่อดวงตาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาหนังตาตกก่อนวัยอันควร มาสำรวจพฤติกรรมที่ทำร้ายดวงตาและเร่งให้เกิดหนังตาตก เพื่อปรับเปลี่ยนและดูแลดวงตาให้สดใสยาวนาน

• การขยี้ตาบ่อย ๆ การขยี้ตาแรง ๆ หรือบ่อย จะทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาเกิดการระคายเคือง อักเสบ และสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดหนังตาตกได้ง่าย

• การใส่คอนแทคเลนส์ไม่ถูกวิธี การใส่และถอดคอนแทคเลนส์อย่างไม่ระมัดระวัง อาจทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาถูกดึงรั้งและเกิดการหย่อนคล้อยทำให้หนังตาตก หางตาตกได้

• การจ้องจอเป็นเวลานาน การจ้องจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเมื่อยล้า และอาจส่งผลให้หนังตาตก

• การละเลยการปกป้องดวงตาจากแสงแดด การไม่สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดจ้า จะทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาถูกทำลายจากรังสี UV และเกิดการหย่อนคล้อย ทำให้หนังตาตกได้

• การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้กล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณรอบดวงตาไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยและเกิดหนังตาตก

• การสูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาหย่อนคล้อยและเกิดหนังตาตก

• การแต่งหน้าและล้างเครื่องสำอางไม่ถูกวิธี การใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม หรือการล้างเครื่องสำอางอย่างรุนแรง อาจทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตา เกิดการระคายเคือง และเกิดหนังตาตก

วิธีชะลอหนังตาตก ด้วยขั้นตอนที่สามารถทำเองได้
แม้ว่าหนังตาตกจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็มีหลายวิธีที่เราสามารถทำได้เพื่อชะลอความหย่อนคล้อยของหนังตา ถึงแม้จะไม่ใช่วิธีแก้หนังตาตกแบบถาวร แต่ก็สามารถช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยและคงความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาได้ยาวนานยิ่งขึ้น เช่นวิธีต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

ดูแลผิวรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์บำรุง
โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เช่น เปปไทด์ เรตินอล หรือวิตามินซี ควรทาผลิตภัณฑ์อย่างเบามือ โดยใช้นิ้วนางแตะเบา ๆ บริเวณรอบดวงตา เพื่อลดปัญหาหนังตาตก

ข้อดี
• ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังบริเวณรอบดวงตา
• ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เป็นสาเหตุให้หนังตาตก
• ช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้น

ข้อเสีย
• ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
• ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผล

บริหารกล้ามเนื้อรอบดวงตา
ท่าที่ 1 หลับตาลงเบาๆ จากนั้นค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อยๆ ผ่อนลง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
ท่าที่ 2 กลอกตาไปมาซ้ายขวา บนล่าง และวนเป็นวงกลมอย่างช้าๆ ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

ข้อดี
• ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณรอบดวงตา
• เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อยกเปลือกตา
• ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา

ข้อเสีย
• ต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผล
• อาจไม่ได้ผลสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกมาก

ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
หลีกเลี่ยงการขยี้ตา สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด ลดการจ้องจอเป็นเวลานาน รวมถึง งดสูบบุหรี่ เพื่อแก้ปัญหาหนังตาตก

ข้อดี
ช่วยลดการระคายเคืองและการทำลายผิวหนังบริเวณรอบดวงตา
ช่วยชะลอความเหี่ยวของผิวพรรณ ก่อนเกิดปัญหาหนังตาตกก่อนวัย

ข้อเสีย
ต้องใช้ความตั้งใจและความสม่ำเสมอถึงจะลดปัญหาหนังตาตกได้
เป็นแค่การชะลอเท่านั้น อาจจะเกิดปัญหาหนังตาตกได้อยู่ดี

วิธีแก้ปัญหาหนังตาตก ด้วยหัตถการต่าง ๆ
สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนังตาตกอย่างเห็นผลและรวดเร็ว การทำหัตถการต่าง ๆ เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้เลือก ขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา ความต้องการ และงบประมาณของแต่ละบุคคล

การทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ แก้หนังตาตก
เป็นการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตา เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งหนังตาลง ทำให้หนังตาดูยกขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกไม่มาก และต้องการผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์แก้หนังตาตก
• ช่วยยกหนังตาขึ้นเล็กน้อย โบท็อกซ์จะคลายกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งหนังตา ทำให้หนังตาดูยกขึ้นเล็กน้อย ช่วยเปิดดวงตาให้ดูกลมโตและสดใสขึ้น
• ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา โบท็อกซ์ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยรอบดวงตา (เช่น รอยตีนกา) ดูจางลง
• เห็นผลลัพธ์เร็ว โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 3-7 วันหลังฉีด
• ไม่ต้องผ่าตัด เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
• ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการผ่าตัดยกหนังตา การฉีดโบท็อกซ์มีราคาที่ย่อมเยากว่า

ข้อควรระวังก่อนการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์แก้หนังตาตก
• ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อประเมินสภาพผิวและกล้ามเนื้อรอบดวงตา และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
• แจ้งประวัติทางการแพทย์ แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางการแพทย์ โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน และการแพ้ต่างๆ
• โบท็อกซ์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การฉีดโบท็อกซ์อาจไม่ได้ผลสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกมาก หรือมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น โครงสร้างกระดูก หรือผิวหนังหย่อนคล้อย
• ผลลัพธ์ไม่ถาวร ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
• อาจมีผลข้างเคียง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ อาการหนังตาตกชั่วคราว หนังตาบนหรือล่างอ่อนแรง หรือการมองเห็นผิดปกติ ซึ่งมักหายได้เอง
• หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ งดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า หรือหัตถการอื่นๆ บริเวณรอบดวงตา ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนและหลังการฉีดโบท็อกซ์
• ทำตามคำแนะนำของแพทย์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งก่อนและหลังการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ แก้หนังตาตก
เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปบริเวณใต้คิ้ว หรือบริเวณร่องน้ำตา เพื่อเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ยุบตัวลง ทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาดูยกกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกเล็กน้อย และมีร่องลึกใต้ตา

ข้อดีของการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ แก้หนังตาตก
• เห็นผลลัพธ์ได้ไวหลังทำ
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล
• ใช้เวลาทำไม่นาน
• ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น

ข้อควรระวังก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ แก้หนังตาตก
• ผลลัพธ์ไม่ถาวร แต่สามารถฉีดซ้ำได้
• อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือแดง บริเวณที่ฉีดที่สามารถหายไปได้เอง

การทำโปรแกรม Ultherapy แก้หนังตาตก
เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ที่มีความถี่สูง ส่งพลังงานลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังยกกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกเล็กน้อย ถึงปานกลาง และต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด

ข้อดีของการทำโปรแกรม Ultherapy แก้หนังตาตก
• ไม่ต้องผ่าตัด
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ
• เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม หรือไม่อยากผ่าตัด

ข้อควรระวังของการทำโปรแกรม Ultherapy แก้หนังตาตก
• เห็นผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน
• อาจรู้สึกเจ็บขณะทำบ้างนิดหน่อยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละบุคคล แต่สามารถใช้ยาชาช่วยได้
• ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่าการผ่าตัดในผู้ที่มีหนังตาตกมาก

การทำโปรแกรม Ultraformer III แก้หนังตาตก
การทำโปรแกรม Ultraformer III เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ (High-Intensity Focused Ultrasound HIFU) ส่งพลังงานลงไปใต้ผิวหนังอย่างแม่นยำ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังยกกระชับขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้คมชัดยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ลดความหย่อนคล้อยแก้ปัญหาหนังตาตก และกระตุ้นคอลลาเจน โดยไม่ต้องผ่าตัด

ข้อดีของการทำโปรแกรม Ultraformer III แก้หนังตาตก
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• ช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย และปรับรูปหน้า
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบองค์รวม

ข้อควรระวังของการทำโปรแกรม Ultraformer III แก้หนังตาตก
• เห็นผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลา
• อาจรู้สึกเจ็บขณะทำ ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้
• ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

การผ่าตัดยกหนังตา แก้หนังตาตก
เป็นการผ่าตัดเพื่อนำผิวหนังและไขมันส่วนเกินบริเวณหนังตาออก ทำให้หนังตาดูยกกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกมาก และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน

ข้อดีของการผ่าตัดยกหนังตา แก้หนังตาตก
• ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่าวิธีที่ไม่ใช่การศัลยกรรม
• แก้ไขปัญหาหนังตาตกได้อย่างเกือบถาวร
• สามารถกำจัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินได้

ข้อควรระวังของการผ่าตัดยกหนังตา แก้หนังตาตก
• เป็นการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้น
• อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บปวดหลังผ่าตัด
• มีความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น
• ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

การผ่าตัดยกคิ้ว (Brow Lift) แก้หนังตาตก
เป็นการผ่าตัดเพื่อยกคิ้วขึ้น ทำให้หนังตาดูยกกระชับขึ้น และช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีคิ้วตกและมีหนังตาตกมาก

ข้อดีของการผ่าตัดยกคิ้ว แก้หนังตาตก
• ช่วยยกคิ้วและหนังตาให้สูงขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
• แก้ไขปัญหาคิ้วตกและหนังตาตกได้พร้อมกัน
• ได้ผลลัพธ์ในระยะเวลาที่ยาวนาน

ข้อควรระวังของการผ่าตัดยกคิ้ว แก้หนังตาตก
• เป็นการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้น
• อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บปวดหลังผ่าตัด
• มีความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น
• ต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดยกคิ้ว

วิธีดูแลตัวเองหลังแก้ไขปัญหาหนังตาตก
หลังจากการตัดสินใจแก้ไขปัญหาหนังตาตก ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีการผ่าตัดที่ช่วยปรับโครงสร้างหรือการใช้เทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัด โปรแกรมยกกระชับต่าง ๆ การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังการรักษาช่วย ลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้ผิวบริเวณรอบดวงตาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาเรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองหลังการแก้ไขปัญหาหนังตาตกกันค่ะ

• ประคบเย็นอย่างถูกวิธี (ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก) การประคบเย็นเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างยิ่งในการลดอาการบวม ช้ำ และปวด บริเวณรอบดวงตาหลังการรักษา โดยควรใช้ผ้าสะอาดหรือเจลประคบเย็นที่ห่อด้วยผ้าขนหนู วางประคบบนบริเวณรอบดวงตาอย่างเบามือ ครั้งละประมาณ 15-20 นาที และทำซ้ำหลายๆ ครั้งต่อวัน (ประมาณ 4-6 ครั้ง) การประคบเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่ทำการรักษา ทำให้ลดอาการบวมและช้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้ตาโดยเด็ดขาด ในช่วงระยะพักฟื้น ผิวบริเวณรอบดวงตาจะมีความบอบบางและไวต่อการระคายเคืองเป็นพิเศษ การสัมผัสหรือขยี้ตาอาจนำไปสู่การติดเชื้อ การอักเสบ หรือทำให้แผลหายช้าลง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณรอบดวงตาโดยไม่จำเป็น และหากรู้สึกคันหรือระคายเคือง ควรใช้สำลีชุบน้ำเกลือสะอาดเช็ดเบาๆ แทนการขยี้

• มอบความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวด้วยครีมบำรุงที่อ่อนโยน การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง จะช่วยฟื้นฟูผิวที่บอบบางให้กลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้น และยืดหยุ่น นอกจากนี้ ครีมบำรุงบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นและรอยคล้ำใต้ตา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างผลลัพธ์ของการรักษาให้ดียิ่งขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ

• การพักผ่อนที่เพียงพอ คือยาวิเศษสำหรับการฟื้นฟู ในช่วงพักฟื้น ร่างกายต้องการพลังงานและเวลาในการซ่อมแซมตัวเอง การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ (ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน) จะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการฟื้นฟู และลดความเครียด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการหายของแผล นอกจากนี้ การนอนหลับในท่าที่ศีรษะสูงเล็กน้อย จะช่วยลดอาการบวมบริเวณรอบดวงตาได้อีกด้วย

• ปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่เป็นอันตราย แสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายของผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวบริเวณรอบดวงตาที่บอบบางและไวต่อแสงแดดเป็นพิเศษ รังสี UV ในแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ แสงแดดยังอาจทำให้รอยแผลเป็นคล้ำขึ้นได้ ดังนั้น จึงควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน และสวมแว่นกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV เมื่อต้องออกแดด

• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง การรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง การทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี และการมาพบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษา เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากมีอาการผิดปกติใดๆ เช่น มีไข้สูง ปวดบวมแดง หรือมีหนองไหลจากแผล ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการรักษา ควรงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก เช่น การยกของหนัก การออกกำลังกายที่ต้องออกแรงเบ่ง หรือการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแรงดันในบริเวณศีรษะและดวงตา เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนบริเวณที่ทำการรักษา และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน

ใครที่ควรทำหัตถการต่าง ๆ เพื่อแก้หนังตาตก
ไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาหนังตาตกจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเสมอไป การเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาหนังตาตกที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับความรุนแรงของหนังตาตก สาเหตุของปัญหา สภาพผิว และความคาดหวังของแต่ละบุคคล

• ผู้ที่มีหนังตาตกบดบังการมองเห็น หาก "หนังตาตก" รบกวนการมองเห็นในชีวิตประจำวัน ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมอง หรือทำให้รู้สึกเมื่อยล้าตา ควรพิจารณาการทำหัตถการเพื่อแก้ไข

• ผู้ที่มีหนังตาตกทำให้เสียความมั่นใจ หาก "หนังตาตก" ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง และส่งผลกระทบต่อการเข้าสังคม ควรพิจารณาการทำหัตถการเพื่อปรับปรุงบุคลิกภาพ

• ผู้ที่มีหนังตาตกจากอายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังบริเวณหนังตาจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิด "หนังตาตก" ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการทำหัตถการต่างๆ

• ผู้ที่มีหนังตาตกจากกรรมพันธุ์ บางคนมีแนวโน้มที่จะมี "หนังตาตก" มากกว่าคนอื่น เนื่องจากได้รับถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การทำหัตถการสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้

• ผู้ที่มีหนังตาตกจากการบาดเจ็บ การบาดเจ็บบริเวณดวงตา อาจทำให้กล้ามเนื้อยกเปลือกตาเสียหาย และเกิด "หนังตาตก" ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด

• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน หากต้องการแก้ไขปัญหา "หนังตาตก" อย่างเห็นผลและรวดเร็ว การทำหัตถการต่างๆ อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

รวมราคาหัตถการแก้ปัญหาหนังตาตก ที่ APEX
หยุดหน้าง่วง ที่ APEX ! เรามีหลากหลายโปรแกรมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตก พร้อมคืนความสดใสให้กับดวงตาของคุณ เช็คราคาแต่ละโปรแกรมได้ที่นี่

โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์แก้หนังตาตกที่ APEX ราคา
โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา หนังตาตก ราคาเพียง 4,900 บาท / 20cc

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้หนังตาตกที่ APEX ราคา
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้ปัญหาหนังตาตก เติมเต็มใต้ตา 1 cc ราคาเพียง 12,900 บาท

โปรแกรม Ultherapy แก้หนังตาตกที่ APEX ราคา
โปรแกรม Ultherapy เพื่อยกกระชับแก้หนังตาตก ราคา 15,000/100shot

โปรแกรม Ultraformer III แก้หนังตาตกที่ APEX ราคา
โปรแกรม Ultraformer III เพื่อยกกระชับแก้หนังตาตก ราคา 5,000/100shot

*แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ของ APEX เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับคุณ ก่อนเข้ารับบริการ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหนังตาตก
หนังตาตก หาย เอง ได้ ไหม
หนังตาตก ปล่อยไว้ไม่สามารถหายเองได้ สาเหตุหลักมักเกิดจากผิวหย่อน, ไขมันเปลือกตาเกิน, หรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การแก้ไขต้องอาศัยวิธีทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน

มีวิธีแก้หนังตาตกโดยไม่ผ่าตัดอย่างไรบ้าง
วิธีแก้หนังตาตกไม่ต้องผ่าตัด นอกจากการโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์/ฟิลเลอร์ สามารถยกกระชับได้โดยโปรแกรม Ultherapy หรือโปรแกรม Ultraformer III ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ยกผิวรอบดวงตาให้กระชับขึ้นได้ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

ดูยังไงว่าหนังตาตก
หนังตาตก คือเปลือกตาบนหย่อนลงมาปิดตาดำมากกว่าปกติ ทำให้ตาดูเล็ก ไม่สดใส หรือบดบังการมองเห็น หากต้องเลิกคิ้วช่วยในการมอง แปลว่าเริ่มมีอาการแล้วค่ะ

อะไรคือสาเหตุของอาการหนังตาตก
สาเหตุหนังตาตกหลัก ๆ คืออายุที่มากขึ้นทำให้ผิวและกล้ามเนื้อรอบดวงตาหย่อนคล้อย, กล้ามเนื้อยกเปลือกตาอ่อนแรง, หรือกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ โรคบางชนิดก็เป็นปัจจัยได้เช่นกันค่ะ

หนังตาตกข้างเดียวเกิดจากอะไร
หนังตาตกข้างเดียว อาจเกิดจากเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตาทำงานผิดปกติ, การบาดเจ็บบริเวณดวงตา, หรือโรคทางระบบประสาทบางชนิด หากเป็นเฉียบพลัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ค่ะ

สรุปปัญหาหนังตาตก สามารถแก้ได้ด้วยหลายวิธี ที่ APEX
ปัญหาหนังตาตกสามารถแก้ไขได้ด้วยหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเอง การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ APEX เรามีทีมแพทย์พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ

สามารถดูข้อมูลหัตถการต่าง ๆ และปรึกษาแพทย์ก่อนเข้าทำหัตถการแก้ปัญหาหนังตาตก กับ APEX ได้

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

บอกลาหนังตาตก เปลี่ยนดวงตาเศร้าให้เปล่งประกาย ! พบวิธีแก้ไขหนังตาตกที่ตรงจุด ทั้งแบบธรรมชาติและศัลยกรรม พร้อมเคล็ดลับดูแลดวงตาให้กลับมาสดใส