ลดน้ำหนักได้ แค่เคี้ยวอาหารให้ช้าลง!

ลดน้ำหนัก

การเคี้ยวอาหาร ที่หลายคนอาจละเลยโดยเฉพาะคนที่อยากลดน้ำหนัก อาจหันไปสนใจอาหารที่รับประทานเข้าไปมากกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วการเคี้ยวอาหารนั้นมีส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักด้วย เพราะความเร็วในการเคี้ยวอาหารมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมากเลยทีเดียว แต่เป็นเพราะอะไรนั้นลองมาดูคำตอบกัน

การเคี้ยวอาหาร เกี่ยวกับการลดน้ำหนักอย่างไร?

โดยปกติแล้วระบบย่อยอาหารของคนเรา จะเริ่มต้นตั้งแต่ภายในช่องปากโดยการเคี้ยวอาหารเป็นการย่อยอาหารในขั้นต้นก่อนที่จะลงไปสู่หลอดอาหารและกระเพาะอาหารตามลำดับ ซึ่งถ้าในขั้นต้นเราเคี้ยวอาหารให้ช้าลง แต่เคี้ยวให้ละเอียดมากขึ้น จะส่งผลให้หลอดอาหารและกระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้น และอาหารที่เรารับประทานเข้าไปสามารถย่อยได้หมด โดยไม่เหลือสะสมไว้จนกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย แต่ถ้าหากเราเคี้ยวอาหารเร็วๆ และไม่ละเอียด จะทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักขึ้น ประสิทธิภาพในการย่อยอาหารจะลดลง ร่างกายก็จะไม่สามารถดูดซึมสารอาหารจากอาหารที่เรากินได้ และสะสมกลายเป็นไขมันส่วนเกินในที่สุด

รู้แบบนี้แล้ว ใครที่ยังติดเคี้ยวอาหารเร็วๆ แล้วกลืนควรเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารใหม่โดยควรเคี้ยวอาหารให้ช้าลง และเคี้ยวให้ละเอียดแล้วค่อยกลืน วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักอีกทั้งการเคี้ยวอาหารช้าๆ ยังช่วยให้อิ่มเร็วมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้มีการแนะนำว่าหากต้องการลดน้ำหนักควรเคี้ยวอาหารแต่ละคำอย่างน้อย 50 ครั้งแล้วจึงค่อยกลืน เพราะจะช่วยลดการดูดซึมน้ำในอาหารที่เกินความจําเป็นออกไปได้ ซึ่งดีต่อการลดน้ำหนักมากๆ

แต่ถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเหล่านี้แล้ว หุ่นก็ยังไม่เล็กลงทันใจอีกล่ะก็ ก็ได้เวลาที่ต้องมองหาตัวช่วยอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีในการลดสัดส่วนที่หลากหลายกว่าเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมัน การใช้คลื่นพลังงานความร้อน แต่ที่เหมือนจะได้รับความนิยม และมีความปลอดภัยสูงสุดในตอนนี้ก็หนีไม่พ้นการกำจัดไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting เพราะเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกิดแบบไม่เจ็บ ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด แถมยังไม่ต้องพักฟื้น บอกลาความกังวลที่มีต่อการลดสัดส่วนแบบเดิมๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกอย่าง US FDA ว่าสามารถลดไขมันได้จริง ด้วยการส่งความเย็นอุณหภูมิ -11 ถึง -13°C เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมัน ความเย็นในระดับนี้จะทำให้เซลล์ไขมันตายลงโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลใดๆ ต่อร่างกาย

โดยในการทำ CoolSculpting ใช้เวลาในการทำเพียง 35–45 นาที สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้ 20–30% และสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การทำหลังจากทำ 1–3 เดือน และยิ่งถ้าทำร่วมกับการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารที่ดีจะยิ่งช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น ซึ่งถ้าหากกลับมาอ้วนอีกจะไม่อ้วนเท่าเดิม เพราะไขมันบริเวณที่ทำถูกกำจัดออกไปอย่างถาวรแล้ว หรือถ้าจะกลับมาทำซ้ำก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ตามมาด้วย

และถ้าอยากให้มั่นใจในผลลัพธ์ควรเลือกทำ CoolSculpting กับสถาบันลดน้ำหนักที่มีผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ APEX เรามีความเชี่ยวชาญในด้านการทำ CoolSculpting อย่าง CoolSculpting Specialist ที่พร้อมให้คำแนะนำและให้บริการ CoolSculpting อย่างเป็นมืออาชีพทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
📱 FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
📱 Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter