เนื้อสัตว์ Plant-Based Meat ทางเลือกใหม่เพื่อหุ่นสวย

plant-based
Plant-Based Meat หรือเนื้อสัตว์เทียมแปรรูปจากพืช 100% คืออีกหนึ่งทางเลือกในยุคนี้ สำหรับคนที่อยากเลือกกินสิ่งดี ๆ เพื่อช่วยปั้นหุ่นสวยแถมได้ดูแลสุขภาพ โดย Plant-Based ถูกทำให้มีรูปแบบ และรสชาติใกล้เคียงเนื้อสัตว์จริงมากที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะหมู ไก่ เนื้อ หรืออาหารทะเล แม้ทุกวันนี้เนื้อสัตว์จากพืชไม่ใช่ของใหม่ แต่อาจยังใหม่สำหรับใครหลายคนที่ลังเลว่าจะลองหามาลิ้มรสดูบ้างดีไหม ซึ่งอย่างที่ทราบกันค่ะ ขึ้นชื่อว่ามาจากพืชย่อมดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น แถมยังถูกใจสายเจ มังสวิรัติ หรือคนที่อยากลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง ทว่ายังติดรสสัมผัสของเนื้ออยู่

ทำความรู้จักกับ Plant-Based (เนื้อจากพืช)

Plant-Based เริ่มได้รับความนิยมในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2018 จากประเด็นภาวะโลกร้อน ซึ่งหนึ่งในตัวแปรสำคัญของปัญหาสภาพอากาศนี้คือการทำปศุสัตว์ค่ะ จากการศึกษาพบว่า ขั้นตอนผลิตเนื้อจากพืชสร้างมลพิษทางน้ำ และมลพิษจากการผลิตอาหารน้อยกว่าถึง 99% ทั้งยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า 30 – 90% เหตุนี้ทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และมองหาทางเลือกใหม่ ๆ ในการบริโภคอาหาร ซึ่งแบรนด์ Beyond Meat ในสหรัฐอเมริกาก็ได้จุดกระแสด้วยเบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืชออกมา พอบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์จึงยิ่งดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้บริโภค นับแต่นั้นตลาด Plant-Based ก็ยิ่งเติบโตและขยายมูลค่าแบบก้าวกระโดดทุกปี โดย Markets and Markets รายงานว่า เนื้อจากพืชทั่วโลกในปี 2019 มีมูลค่าสูงราว 12.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าในปี 2025 มูลค่าในตลาดอาจเพิ่มถึง 27.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ทั้งนี้ปัญหาของการระบาดใหญ่ทั่วโลกอย่างโรคโควิด-19 ก็เป็นปัจจัยที่เสริมให้คนส่วนใหญ่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพด้านอาหารการกินกันอย่างจริงจังมากขึ้นค่ะ

โดย Plant-Based หรือเนื้อจากพืชนั้น คืออาหารที่ทำจากพืชกว่า 95% โดยแปรรูปจากพืชตระกูลถั่ว ธัญพืชชนิดต่าง ๆ พืชตระกูลหัว เห็ด บีทรูท เต้าหู้ ซึ่งให้ทั้งเส้นใย โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรตค่ะ หลังจากนั้นจึงนำไปผสมคลุกเคล้ากับน้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันทานตะวัน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนขึ้นรูป ส่วนอีก 5% ที่เหลือจะเป็นการใส่ส่วนประกอบสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อให้เนื้อจากพืชมีรูปร่างหน้าตา กลิ่น สีสัน รสสัมผัส และสารอาหารที่ไม่ต่างจากเนื้อสัตว์ทั่วไป ทั้งนี้อาหาร Plant-Based ยังมีมากกว่าแค่เนื้อจากพืชค่ะ มีทั้งแบบอาหารทะเล ไข่ นม น้ำสลัด เครื่องปรุง ไอศกรีม เนย หรือชีส เป็นต้น

ประเภทของ Plant-Based

ปัจจุบัน Plant-Based ในตลาดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ

  • Restructured Plant-Based คือการนำส่วนผสมจากพืชหลายชนิดมาขึ้นรูป และปรุงแต่งให้คล้ายกับเนื้อบด ซึ่งนิยมนำไปทำเป็นเบอร์เกอร์ ไส้กรอก นักเก็ต หรือมีทบอลค่ะ
  • Whole Muscle Plant-Based รูปแบบนี้จะนำเทคโนโลยี 3D Printing มาใช้ในการขึ้นรูปโปรตีนพืช เพื่อสร้างกล้ามเนื้อเสมือนของสัตว์ นิยมผลิตเพื่อทำสเต็กหรือเนื้ออกไก่ค่ะ

ประโยชน์และโทษ จากการกิน Plant-Based

แน่นอนว่าประโยชน์ของ Plant-Based ส่งผลดีต่อสุขภาพองค์รวมของเรามาก ๆ ค่ะ ด้วยเนื้อจากพืชนั้นช่วยให้ร่างกายย่อยง่าย ไม่มีการฉีดฮอร์โมนเหมือนเนื้อสัตว์ อีกทั้งปราศจากคอเลสเตอรอล ผู้บริโภคจึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน โรคไต รวมถึงเป็นการช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบในร่างกายค่ะ ซึ่งนอกจาก Plant-Based จะถูกผลิตให้ใกล้เคียงเนื้อสัตว์แล้ว สารอาหารที่เพิ่มเติมลงไปยังไม่แพ้เนื้อสัตว์ ทว่าข้อเสียใหญ่ ๆ ของเนื้อจากพืชคือมีปริมาณโซเดียมที่สูงมาก หากเทียบกับเนื้อสัตว์ธรรมดาค่ะ

เห็นได้ว่าวงการอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพช่วงหลายปีมานี้กำลังบูมอย่างมาก เพราะผู้คนหันมาใส่ใจและเลือกสิ่งที่จะป้อนเข้าสู่ร่างกายกันมากขึ้น จึงมักมีอะไรใหม่ ๆ ผลิตออกมาตอบโจทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้เราอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ Plant-Based Meat ที่ได้รับความสนใจและขยายตัวเชิงมูลค่าสูง แต่ถึงแม้จะมีประโยชน์และข้อดีมากมายแค่ไหน ทว่า Plant-Based ที่ต้องผ่านขั้นตอนการแปรรูป ย่อมมีปริมาณโซเดียมสูงมากกว่าเนื้อสัตว์ธรรมดาเช่นกัน ดังนั้นก่อนกินควรศึกษาตารางโภชนาการของแต่ละผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบ และไม่ควรบริโภคมากจนเกินไปนะคะ

ทั้งนี้หากคุณกำลังมองหาวิธีใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยกระชับสัดส่วนร่างกายที่ดื้อเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะควบคุมอาหารแค่ไหน หรือออกกำลังกายเท่าไรก็ยังไม่เป็นดั่งใจเสียที เช่น เหนียง ต้นแขน ต้นขา ขอบชุดชั้นใน หรือหน้าท้อง ฉะนั้นนวัตกรรม CoolSculpting Elite ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น อาจเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมให้คุณได้ค่ะ

ด้วย CoolSculpting Elite คุณสามารถจัดการกับไขมันส่วนเกิน ทั้งมีหุ่นสมส่วนได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัวใด ๆ ค่ะ เพราะวิธีนี้ไม่มีการผ่าตัดเปิดแผล แต่เป็นการใช้หัว Applicator หลากหลายขนาดที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อดูดติดกับผิวหนัง และส่งความเย็นที่อุณหภูมิ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียส เข้าไปแช่แข็งเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณที่คุณต้องการลดสัดส่วน

ทั้งนี้การทำแต่ละครั้งสามารถกำจัดไขมันออกจากร่างกายได้ 20 – 30% ทีเดียวค่ะ ข้อดีสุด ๆ คือไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเสร็จ แต่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันต่อได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงอันตราย เซลล์ไขมันที่ตายลงจะถูกกำจัดทิ้งผ่านกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งค่อย ๆ ใช้เวลาเห็นผลลัพธ์หรือความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่ราว 1-3 เดือนค่ะ

ที่ APEX เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูง ด้านสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting Specialist ที่พร้อมให้คำแนะนำ ช่วยออกแบบรูปร่างตามที่ต้องการ และดูแลคุณอย่างมืออาชีพตลอดการทำ CoolSculpting Elite เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รูปร่างสวยกระชับดังหวัง ไม่ต้องคอยกลุ้มใจเรื่องไขมันส่วนเกิน และกลับไปใช้ชีวิตเปี่ยมด้วยความมั่นใจอีกครั้งค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter