“คีโตเจนิค” กินไขมัน ยังไงให้ น้ำหนักลด

แม้ว่าสาเหตุของความอ้วนจะมาจากการกินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แต่การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกนัก เนื่องจากการอดอาหารจะไม่ทำให้น้ำหนักลดลงแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย ดังนั้น การควบคุมอาหารจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก เราจึงพาทุกคนมารู้จักวิธีการควบคุมอาหารแบบ คีโตเจนิคไดเอท ที่สามารถลดน้ำหนักได้แบบไม่ต้องอดอาหารและไม่เสียสุขภาพกัน

คีโตเจนิค มีประสิทธิภาพดีอย่างไร?

คีโตเจนิค (Ketogenic) เป็นการกินอาหารที่เน้นไขมันสูงประมาณ 75% ควบคู่ไปกับการกินอาหารประเภทโปรตีนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายประมาณโปรตีน 20% และลดการกินอาหารปะเภทคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะน้ำตาลให้น้อยเหลือประมาณ 5% หรือไม่เกิน 30g ต่อวัน ของพลังงานที่กินทั้งหมดในแต่ละวัน

คีโตเจนิคกับการลดน้ำหนัก

การกินคีโตเจนิคเป็นวิธีการปรับการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน ถือเป็นการปรับให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะเลียนแบบการอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเผาผลาญเป็นพลังงานแทนน้ำตาล แทนที่ร่างกายจะดึงคาร์โบไฮเดรตไปใช้เป็นพลังงานเหมือนปกติ ร่างกายจึงหันไปดึงพลังงานจากไขมันแทน แต่ให้แทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลีกเลี่ยงน้ำตาล เน้นกินโปรตีน โปรตีนจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน 

วิธีการกินแบบ คีโตเจนิค เป็นอย่างไร?

  1. ไขมัน 

แม้จะเน้นการกินอาหารประเภทไขมัน แต่ไขมันนั้นควรจะเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสัตว์ เช่น ไขมันจากเนื้อสัตว์ เนื้อติดมัน เนย ชีส ไข่แดง น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และสามารถกินอาหารทะเลประเภทหอยนางรม ปลาหมึก ปลาแซลมอน และปลาทูน่าได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น มาการีน เป็นต้น

  1. โปรตีน

ควรกินอาหารประเภทโปรตีนเน้นการกินทั้งเนื้อเนื้อสัตว์ ไข่ นม ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อลูกวัว เนื้อหมูสันนอก เนื้อหมูติดซี่โครง หรือ พอร์คชอป แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะโปรตีนสามารถเปลี่ยนเป็นกลูโคสได้

  1. คาร์โบไฮเดต

สามารถกินเส้นบุกแทนข้าวขาวได้ เนื่องจากเส้นบุกมีคาร์โบไฮเดรตอยู่เพียงแค่ 1 กรัม และแคลอรี่เพียง 5 กรัมรวมถึงในเส้นบุกยังมีไฟเบอร์ที่มาช่วยลดความหิวลงได้ และไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก

4. หลีกเลี่ยงสารให้ความหวาน

สารให้ความหวานเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาหารกลุ่มน้ำตาลจะยิ่งทำให้เกิดอาการอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มน้ำตาลสังเคราะห์ เช่น สตีเวีย ซูคราโรส อีรีทรีทอล (Erythritol) ไซลิทอล หล่อฮังก๊วย (Monk Fruit) และสารอะเกฟ เนคทาร์ เป็นต้น มักพบในผลไม้อบแห้ง ขนมหวาน ผลิตภัณฑ์เบเกอรี และเมนูเครื่องดื่มน้ำอัดลม

คีโตเจนิคสามารถทำร่วมด้วยกับ IF

เป็นการกินอาหาร Keto ที่ได้แบ่งช่วงเวลาการกินตามหลักการของ IF อาจจะเป็น IF 16/8  คือ ใน 1 วัน (24 ชั่วโมง) จะอดอาหาร 16 ชั่วโมง และมีเวลากินอาหาร 8 ชั่วโมง เป็นต้น

ผลกระทบจากการกินคีโตเจนิค

แม้การกินคีโตจะสามารถลดน้ำหนักได้จริง แต่เป็นการลดได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น และมีโอกาสที่น้ำหนักตัวจะเด้งกลับขึ้นมาหรือที่เรียกว่า Yo-Yo Effect (โยโย่เอฟเฟค) นอกจากนี้มวลกล้ามเนื้อของร่างกายอาจลดลง เนื่องจากการกินคาร์โบไฮเดรตน้อย เมื่อกาล้ามเนื้อน้อยลงการเผาผลาญก็น้อยลงไปด้วย

การลดน้ำหนัก ต้องลดที่ต้นเหตุ ศูนย์ลดน้ำหนัก Apex Slim มีแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญในด้านการลดน้ำหนักโดยเฉพาะ และเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีทันสมัยระดับโลกในการลดน้ำหนักและสัดส่วนที่มีจำนวนเครื่องมือมากที่สุด 

โปรแกรมลดน้ำหนักที่ Apex Slim ใช้การผสมผสานการรักษา โดยมีเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” เป็นสารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ลดความรู้สึกหิวและอยากอาหาร จึงช่วยให้ควบคุมอาหารได้ง่ายขึ้น  ลดน้ำหนักที่ต้นเหตุ ไม่ต้องเสี่ยงออกกำลังกายหนัก

ซึ่งการควบคุมอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% ใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10%  สามารถหยุดการใช้ได้เมื่อลดน้ำหนักได้เป็นที่พอใจ โดยไม่มีโยโย่เอฟเฟค เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม 

 

อยากเปลี่ยนทัก
095-102-8585
LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim
FB INBOX: http://m.me/apexslim
FB Page:https://www.facebook.com/ApexSlim