ปัจจุบันเทรนด์ความงามได้เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ ‘au naturel’ หรือที่เรียกว่า ‘Baby Botox’ กำลังมาแรง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2017 สาวๆ ที่เข้าคลินิกความงามกว่า 80% อยากให้ลุคตัวเองออกมาเหมือน Kylie Jenner หรือไม่ก็ Kim Kardashian ที่ดูสวยเป๊ะทุกมุมเหมือนโดนสตาฟเอาไว้ แต่ตั้งแต่ปลายปี 2019 เทรนด์นี้เริ่มหายไป ต้องยกเครดิตให้ Meghan Markle และ Kate Middleton ด้วยประกายความสวยงามตามธรรมชาติ ที่ดูสวยสมวัยแบบมีริ้วรอยบ้างเล็กน้อย เคล็ดลับของพวกเธอคือ การฉีดเบบี้โบท็อกซ์ นั่นเอง
เบบี้โบท็อกซ์คืออะไร?
เบบี้โบท็อกซ์ (Baby Botox) คือ เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์แบบใหม่ล่าสุดที่ฮิตมากในหมู่เซเลปคนดังฮอลลีวูดถือเป็นเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เพื่อเน้นลดริ้วรอย เช่น รอยย่นบนบริเวณหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว และรอยตีนกา แต่ใบหน้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
คุณหมอนัน–แพทย์หญิงนันทภัทร สุภาพรรณชาติ เล่าถึงเทคนิคการฉีด Baby Botox ว่า “เป้าหมายของการฉีดเทคนิค Baby Botox คือการทำให้คุณดูสวย ริ้วรอยดูน้อยลงอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งเฉพาะการฉีดโบท็อกซ์บริเวณหน้าผากที่หลายคนบ่นว่าคิ้วรู้สึกหนักๆ อาการเลิกคิ้วไม่ได้จะหายไป และการฉีดเบบี้โบท็อกซ์นั่นเหมือนกับปรัชญา Less is More คนไข้ตอนนี้เริ่มมาปรึกษาหมอว่า อยากให้หน้าดูมี Aging ตามธรรมชาติ ซึ่งให้ริ้วรอยดูลดน้อยลง แบบที่ยังพอเห็นริ้วรอยได้บ้างแต่บางๆ
ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เทคนิคนี้ไม่ใช่การใช้สูตรที่เซตมา แต่ต้องปรับเปลี่ยนตามปัญหาของแต่ละบุคคล แม้ว่าการฉีด Baby Botox ดูเหมือนจะง่ายแต่ต้องใช้ประสบการณ์ในการฉีดสูง เพราะถ้าหากฉีดลึกไปหรือใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติหรือที่หลายคนเรียกว่า Frozen Face
อีกทั้งในข่าว Hollywood Gossip จะเห็นได้ว่าหน้าของดาราหลายคนที่แต่ก่อนหน้าจะดูเรียบตึงจนแข็ง อย่างเช่นนักแสดงหญิง Nicole Kidman, Courteney Cox หรือแม้แต่นักแสดงตลกอย่าง Joan Rivers ใบหน้าที่กลับดูเป็นธรรมชาติขึ้น
ดารา Hollywood เริ่มฉีด Baby Botox จนเป็นเทรนด์ฮอตฮิตอยู่ตอนนี้ ดาราสาวหลายคนกล่าวว่า เธอรู้สึกว่าการฉีดเทคนิคเบบี้โบท็อกซ์เป็นวิธีที่ดีที่สุดทำให้ดูสวยอย่างไม่ผิดปกติไม่มีใครทักว่าไปทำอะไรกับหน้ามาหรือถูกเอาไปเขียนในบทความ Botox: Most Frozen Faces ใน Shape.com
โบท็อกซ์ (Botox) ต่างจาก เบบี้โบท็อกซ์ (Baby Botox) ยังไง?
‘I just wanted a fresher look’ คงเป็นคำนิยามที่เหมาะที่สุด สำหรับการฉีดเบบี้โบท็อกซ์เพราะเป็นเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ไปใต้ผิวแบบตื้นๆ เพื่อผลลัพธ์เพียงแค่ให้ริ้วรอยดูจางลงช่วยให้หน้าดูสดใสขึ้นและรอยย่นบนหน้าผากดูจางลง แต่ยังเลิกคิ้วและแสดงอารมณ์ได้ตามปกติ
การฉีดโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเพื่อใช้ลดริ้วรอยมานานแล้ว แต่ด้วยจำนวนโดสที่ได้รับการแนะนำจากบริษัทไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน แพทย์จึงต้องมีการปรับลด-เพิ่มให้เหมาะกับปัญหาริ้วรอยของแต่ละบุคคล นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ใครหลายคนเข็ดกับการฉีดโบท็อกซ์ เพราะว่าฉีดออกมาแล้วหน้าแข็งตึง แสดงอารมณ์ไม่ได้
7 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการฉีด Baby Botox
- วิธีการฉีดโบท็อกซ์แบบนี้เป็นเทคนิคเฉพาะ ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝนขั้นสูง ดังนั้นหากคุณต้องการฉีดเบบี้โบท็อกซ์คุณจะต้องหาแพทย์ฉีดที่มีประสบการณ์
- การฉีดเทคนิคเบบี้โบท็อกซ์จะต้องมีแม่นยำมากในการฉีดให้ถูกชั้นผิวและปริมาณการใช้โบท็อกซ์
- แม้จะเป็นการฉีดเบบี้โบท็อกซ์ กล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่และริ้วรอยลึกก็ยังคงต้องใช้ปริมาณโบท็อกซ์มากกว่ากล้ามเนื้อมัดเล็ก และริ้วรอยขนาดเล็ก กล้ามเนื้อใบหน้าของผู้ชายมีขนาดใหญ่กว่าผู้หญิง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะต้องการปริมาณโบท็อกซ์มากกว่าผู้หญิง
- การฉีดเบบี้โบท็อกซ์ราคาอาจจะถูกกว่าหรือแพงกว่าการฉีดโบท็อกซ์แบบเดิมก็ได้ เนื่องจากแพทย์ที่จะฉีดเทคนิคเบบี้โบท็อกซ์นี้ได้จะต้องมีประสบการณ์และความชำนาญ รู้วิธีการปรับแต่งการฉีดโบท็อกซ์อย่างเป็นมืออาชีพมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าอาจจะใช้ปริมาณโบท็อกซ์น้อยลงแต่อาจต้องจ่ายราคาสูงกว่าเดิม
- คุณอาจต้องเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์บ่อยขึ้น เนื่องจากการฉีดเบบี้โบท็อกซ์เป็นการฉีดโบท็อกซ์ในขนาดที่น้อยกว่าปกติ คุณอาจจะรู้สึกว่าริ้วรอยกลับมาเร็วกว่าการฉีดโบท็อกซ์ขนาดเต็ม บางเคสมาฉีดทุกๆ 3-4 เดือนแต่ความถี่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล
- Baby Botox อาจไม่ลดเลือนริ้วรอยทั้งหมดบนใบหน้าของคุณ
- แพทย์บางคนใช้การฉีดเบบี้โบท็อกซ์เพื่อป้องกันริ้วรอยในคนไข้ที่อายุน้อยและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลุคแข็ง
เบบี้โบท็อกซ์ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
เบบี้โบท็อกซ์สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า ในบริเวณที่มีปัญหาริ้วรอยและรอยย่น โดยส่วนใหญ่จะนิยมฉีดในบริเวณ
-
- หางตา
- หน้าผาก
- หว่างคิ้ว
- คอ
- กราม
- ปาก
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการฉีดเบบี้โบท็อกซ์
Baby Botox อาจมีความเสี่ยงน้อยกว่า Botox ซึ่งเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำอยู่แล้ว แต่เป็นไปได้ที่อาจจะมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น
-
- บวมหรือช้ำบริเวณที่ฉีด
- ปวดหัวหรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปากแห้ง
- ขนคิ้วร่วง
ในบางกรณีผลข้างเคียงของโบท็อกซ์อาจรุนแรงกว่าปกติ เช่น
-
- เจ็บคอ
- รู้สึกเมื่อยล้า
- มีอาการแพ้หรือผื่นขึ้น
- มองเห็นภาพซ้อน
- คลื่นไส้เวียนหัวหรืออาเจียน
Baby Botox ถือเป็นเทรนด์ลดเลือนริ้วรอยใหม่ล่าสุดที่ต่างไปจากการฉีดโบท็อกซ์แบบเดิมๆ ช่วยให้คุณได้มีความงามสมวัยดูเป็นธรรมชาติ สามารถยิ้มได้กว้างแบบไม่ดูฝืนหน้าไม่แข็ง และก่อนตัดสินใจเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทั้งการเลือกสถาบันเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีการเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐาน หลังจากนั้นอย่าลืมดูแลตัวเองเพื่อผลลัพธ์แห่งความเยาว์วัยจะได้คงอยู่กับคุณไปนานๆ