บทความฉีดหน้าใส

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างยังไง ควรเลือกอะไรดี
ยุคที่เคล็ดลับนางฟ้าผิวหน้าฉ่ำยกกระชับกำลังเป็นกระแส มีหัตถการความสวยความงามให้เลือกหลายอย่าง Sculptra และฟิลเลอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมของคนยุคใหม่แล้ว 2 ตัวนี้ต่างกันยังไง

ทำความเข้าใจ Sculptra กับ ฟิลเลอร์ต่างกันยังไง ?
ไขข้อสงสัย Sculptra คืออะไร ?
ส่วนประกอบสำคัญของ Sculptra
Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนยังไง
การฉีด Sculptra มีข้อควรระวังอะไรบ้าง
Sculptra ของแท้ดูยังไง
ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล
Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแบบไหน
ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ฟิลเลอร์มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
ฉีดฟิลเลอร์เห็นผลทันทีหรือไม่
ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
Sculptra และ ฟิลเลอร์ต่างกันยังไง
ควรเลือกอะไรดีระหว่าง Sculptra และ ฟิลเลอร์
Sculptra และ ฟิลเลอร์ ตัวไหนปลอดภัยกว่ากัน ?
Sculptra และ ฟิลเลอร์ ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
Sculptra และ ฟิลเลอร์ 2 ตัวนี้อยู่ได้นานแค่ไหน
เลือกคลินิกเพื่อ ฉีด Sculptra และ ฟิลเลอร์ ยัไงดี
สรุป 2 หัตถการงานผิว ระหว่าง Sculptra และ ฟิลเลอร์

ไขข้อสงสัย Sculptra คืออะไร ?
โปรแกรม Sculptra จะจัดอยู่ในกลุ่มของ Collagen Biostmulator ซึ่งเป็นอนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid ซึ่งตัวนี้เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ส่วนใหญ่มักจะเรียกสั้นๆว่า PLLA โปรแกรม Sculptra เป็นสารกระตุ้นที่สร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลก

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ความเป็นมาของตัว Sculptra
Sculptra ถูกผลิตและพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. ซึ่งเป็นบริษัทด้านการดูแลผิวพรรณชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 โดยเป็นบริษัทยาที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง Galderma มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อการรักษาปัญหาผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการต่อต้านริ้วรอย, การรักษาสิว, โรคผิวหนัง และการดูแลสุขภาพผิวโดยรวม

โปรแกรม Sculptra ถูกพัฒนาขึ้นและนำมาใช้ในปี 199 ทางการแพทย์ โดยที่มีงานวิจัยรองรับมากถึง 50 กว่าฉบับ ซึ่งบริษัท กัลเดอร์มา เป็นบริษัทเดียวที่ได้จดสิทธิบัตร อนุภาค Sculptra เป็นอนุภาค PLLA-SCA ซึ่งเป็นตัวที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวของร่างกายมนุษย์ มั่นใจได้เลยว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยอย่างแน่นอน

ส่วนประกอบสำคัญของ Sculptra
ส่วนประกอบสำคัญของ Sculptra คือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ตามธรรมชาติของผิวหนัง Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ถูกใช้อย่างปลอดภัยในทางการแพทย์มานานหลายปี เช่น ในการทำไหมละลาย โดยตัว PLLA จะไม่เติมเต็มผิวในทันทีเหมือนฟิลเลอร์ แต่จะค่อยๆ กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้นเรื่อยๆ

Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนยังไง
ระบบการทำงานของ Sculptra ในการสร้างคอลลาเจนโดยตัวของ Sculptra จะทำการส่งสัญญาณให้กับ Fibroblast ซึ่งเซลล์ตัวนี้จะเป็นตัวที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่ง Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยใช้สารสำคัญที่เรียกว่า Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งทำงานผ่านกระบวนการ ดังนี้

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

1.การฉีดสาร PLLA เข้าผิวหนังชั้นลึก
Sculptra ถูกฉีดลงไปในผิวชั้นลึก (dermis) หรือชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสูญเสียคอลลาเจน

2.กระตุ้นการอักเสบเล็กน้อยในผิว
PLLA ใน Sculptra จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการอักเสบเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายเพื่อเริ่มกระบวนการซ่อมแซม

3.การกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)
การฉีด Sculptra ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งการอักเสบนี้ จะส่งสัญญาณไปยังกระบวนการ สร้างเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่รับผิดชอบการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้กับผิว

4.การสะสมคอลลาเจนใหม่
เมื่อเซลล์ไฟโบรบลาสต์ถูกกระตุ้น ร่างกายจะเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่ในบริเวณที่ฉีด Sculptra ทำให้ผิวหนังกลับมามีความกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียนมากขึ้นเรื่อยๆ

5.ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากการฉีด Sculptra กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลาหลายเดือน ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน

6.การย่อยสลายของ PLLA
หลังจากทำหน้าที่กระตุ้นคอลลาเจนแล้ว PLLA ใน Sculptra จะถูกย่อยสลายและขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ

ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ Sculptra คือผิวที่ดูกระชับขึ้นและริ้วรอยที่ลดลง เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ในชั้นผิว

การฉีด Sculptra มีข้อควรระวังอะไรบ้าง

การฉีด Sculptra แม้จะสามารถกระตุ้นคอลลาเจนในร่างกายได้ดี แต่ว่าก็มีข้อควรระวังหลายประการเพื่อความปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการฉีด Sculptra

1.ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การฉีด Sculptra ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากการฉีดในชั้นผิวที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การเกิดก้อนแข็งใต้ผิวหรือผิวไม่เรียบเนียน

2.การประเมินสภาพผิวก่อนการรักษา
ก่อนฉีด Sculptra ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสภาพผิวและพิจารณาว่าผู้เข้ารับบริการเหมาะสมกับการฉีด Sculptra หรือไม่ ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคผิวหนังอักเสบหรือแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง

3.หลีกเลี่ยงการฉีด Sculptra ในบริเวณที่อักเสบหรือมีปัญหา
ไม่ควรฉีด Sculptra ในบริเวณที่มีการติดเชื้อ อักเสบ บวม หรือมีผื่นแดง เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการอักเสบที่รุนแรงขึ้น

4.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดก่อนการฉีด Sculptra
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน, วิตามิน E, และยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด Sculptra เนื่องจากยาเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออก

5.ข้อควรระวังหลังการฉีด Sculptra
หลังการฉีด Sculptra ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนวดกดที่ผิวอย่างแรง เนื่องจากอาจทำให้ Sculptra กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ

6.งดการทำกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวอักเสบ
หลังจากการฉีด Sculptra ควรงดการออกกำลังกายหนักๆ หรือการสัมผัสความร้อนจัด เช่น การซาวน่า หรือแสงแดดจ้า ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก

7.การรักษาอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ของ Sculptra จะไม่เห็นผลทันที แต่จะต้องฉีด Sculptra หลายครั้งในช่วง 2-3 เดือน เพื่อให้คอลลาเจนถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่ ผู้รับบริการต้องมีความอดทนและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

8.การแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา
ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Poly-L-Lactic Acid หรือมีอาการแพ้สารเติมเต็มชนิดอื่น ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำฉีด Sculptra

9.ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้ Sculptra จะมีความปลอดภัยสูง แต่บางคนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยช้ำ, อาการบวม, อักเสบ หรือมีการเกิดก้อนแข็งใต้ผิว ควรสังเกตอาการและปรึกษาแพทย์หากมีปัญหา

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Sculptra ของแท้ดูยังไง
วิธีการดูว่า Sculptra เป็นของแท้หรือของปลอมนั้น มีวิธีการหลักๆในการดูอยู่ 5 ข้อ คือ
1.Sculptra ของแท้จะต้องมีสติ๊กเกอร์กลมๆ สีโมโนแกรมสีทอง ติดอยู่บนกล่อง
2.เลขจดทะเบียน อย. จะอยู่ข้างกล่อง Sculptra สามารถเช็กได้ผ่านทางเว็บไซต์ oryor .com
3.Sculptra ของแท้จะต้องมีสติ๊กเกอร์ QR code สามารถสแกนผ่านแอพพลิเคชั่น Eztracker
4.หน้ากล่อง Sculptra จะต้องมีสัญลักษณ์ตัวนูนเป็นรูปตัว S ซึ่งเป็นโลโก้ของทางแบรนด์ Sculptra
5.ลักษณะขวดสูญญากาศของ Sculptra แสดงเลข Lot ที่ขวดอย่างชัดเจนและต้องตรงกับตัวกล่องด้วย

ถ้าเราตรวจสอบแล้ว Sculptra ที่เรากำลังจะฉีดไม่ตรงข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อนี้ ไม่ควรฉีดเข้าผิวของเรา มั่นใจได้เลยว่า Sculptra ที่จะฉีดนั้นเป็นของปลอม เพราะฉะนั้นควรเช็คทุกครั้งก่อนฉีด และควรฉีดกับหมอเชี่ยวชาญเฉพาะทางและคลินิกที่น่าเชื่อถือ

ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล
การฉีด Sculptra จะไม่เห็นผลทันทีเหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจาก Sculptra ทำงานโดยการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว กระบวนการนี้ใช้เวลาในการแสดงผล ดังนั้นเวลาที่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์มีรายละเอียด ดังนี้

1.ผลลัพธ์เบื้องต้นในการฉีด Sculptra
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหลังการฉีด Sculptra แต่ผลลัพธ์ที่เห็นในช่วงนี้มักจะเป็นผลจากการเติมน้ำเข้าไปในผิวหลังฉีด ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน

2.ผลลัพธ์ที่เห็นชัดหลังฉีด Sculptra
การสร้างคอลลาเจนใหม่จะเริ่มขึ้นหลังจากฉีด Sculptra ผ่านไปประมาณ 4-6 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อคอลลาเจนถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง

3.ผลลัพธ์เต็มที่ หลังฉีด Sculptra
ผู้ที่ฉีด Sculptra จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดภายใน 2-3 เดือน หลังจากการฉีดครั้งแรก โดยปกติแพทย์จะนัดฉีดซ้ำ 2-3 ครั้งตามความจำเป็น ซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ยาวนานประมาณ 2 ปีหรือมากกว่านั้น

การฉีดผิวด้วย Sculptra เพื่อที่จะกระตุ้นคอลลาเจนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ แต่จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแบบไหน
แน่นอนว่าการฉีด Sculptra เหมาะกับผู้ที่อยากเติมเต็มคอลลาเจน แต่จริงๆแล้วการฉีด Sculptra นั้นเหมาะกับปัญหาหลายๆแบบ ได้แก่
1.ผู้ที่มีอายุ 30 - 60 ปี
2.ผู้ที่มีหน้าตาผิวพรรณดูหมองไม่สดชื่น
3.ผู้ที่มีผิวไม่กระชับดูหย่อนคล้อย
4.ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าทั้งร่องลึกและร่องตื้น
5.ผู้ที่ต้องการความหน้าเด็กอ่อนเยาวน์

ใครที่มีปัญหาเหล่านี้สามารถมาพบคุณหมอเพื่อประเมิณปัญหาก่อนได้ ว่าตัวเองเหมาะกับการฉีด Sculptra เพื่อแก้ปัญหาที่เรากำลังกังวลใจหรือไม่

ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ใครก็ตามที่กำลังสนใจปรับรูปหน้า คงไม่มีใครไม่รู้จัก การฉีดฟิลเลอร์ แล้วการฉีดฟิลเลอร์คืออะไรสามารถปรับรูปหน้าเราได้จริงๆหรือไม่ เรามาดูคำอธิบายและหลักการทำงานของฟิลเลอร์ ในบทความนี้กัน

ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็ม ที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า HA เรียกสารตัวนี้เต็มๆว่า Hyaluronic Acid ซึ่งสารตัวนี้ถูกคิดค้นวิจัยเลียนแบบสารตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเรา

พอเราอายุมากขึ้นบวกกับวิถีการใช้ชีวิตของคนเราทำให้คอลลาเจนต่างๆในร่างกายเราลดลง การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณที่เราสูญเสียคอลลาเจน อาทิเช่น บริเวณขมับ ร่องแก้ม ใต้ตา ต่างๆ ทำให้ผิวตรงที่ฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปทดแทนดูกระชับ อิ่มฟู อีกครั้ง

ฟิลเลอร์ ยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัวอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูงและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวได้ดี ด้วยคุณสมบัตินี้จึงทำให้ฟิลเลอร์ สามารถใช้ฉีดเสริมคางและจมูก ปรับรูปทรงของใบหน้าได้

ฟิลเลอร์มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์ (Filler) ที่ใช้ในการฉีดเพื่อเสริมความงามมักมีส่วนประกอบหลักเป็นสารต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ทั่วไปสามารถแบ่งได้หลักๆ ดังนี้

1.กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid - HA)
เป็นส่วนประกอบหลักในฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ เนื่องจากสามารถกักเก็บน้ำและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเรียบเนียน

2.โพลีแอลแลคติกแอซิด (Poly-L-lactic acid - PLLA)
สารชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ใช้ในฟิลเลอร์ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว

3.แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite - CaHA)
เป็นสารที่มีลักษณะคล้ายกับแร่ธาตุที่พบในกระดูก ช่วยเสริมสร้างความกระชับให้แก่ผิวหนัง และฟิลเลอร์ที่มีสารชนิดนี้จะช่วยเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ขาดหาย

4.โพลีคาโปรแลคโตน (Polycaprolactone - PCL)
เป็นฟิลเลอร์ชนิดที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานมากขึ้น

5.ซิลิโคน (Silicone)
แม้ว่าจะไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเนื่องจากมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่มาก แต่เคยถูกใช้เป็นส่วนประกอบในฟิลเลอร์ในอดีต

การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบใดจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่เราต้องการและวัตถุประสงค์ในการรักษาและความต้องการของคนไข้

ฉีดฟิลเลอร์เห็นผลทันทีหรือไม่
การฉีดฟิลเลอร์นั้นเห็นผลทันทีหลังจากฉีดเลย แต่ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์แบบชัดเจนและสมบูรณ์จะอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วย เรามาดูการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละระยะกัน

การฉีดฟิลเลอร์และผลลัพธ์ที่เห็นหลังการฉีดสามารถอธิบายอย่างละเอียดเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1.เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีดฟิลเลอร์
• หลังการฉีดฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่จะเห็นผลลัพธ์ทันที โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มปริมาตรหรือการเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว เช่น การเติมเต็มริ้วรอยลึกหรือเสริมโครงสร้างใบหน้าในจุดต่าง ๆ เช่น แก้ม ริมฝีปาก คาง
• การเห็นผลลัพธ์ทันทีนั้นเกิดจากการที่ฟิลเลอร์เติมเต็มชั้นผิวหนังในบริเวณที่ฉีด ซึ่งทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเต็มขึ้นทันทีหลังการฉีดฟิลเลอร์

2.อาจมีอาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์
• ในบางกรณีอาจเกิดอาการบวม แดง หรือฟกช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายต่อการฉีดเข้าไปในผิวหนัง อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1-2 วัน
• การบวมอาจทำให้ผลลัพธ์ที่เห็นทันทีหลังการฉีดฟิลเลอร์ ดูไม่ชัดเจนเท่าที่ควรในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์จะเห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออาการบวมยุบลง

3.ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสมบูรณ์หลังจาก 1-2 สัปดาห์ในการฉีดฟิลเลอร์
• หลังจากอาการบวมยุบลง (โดยปกติภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์) ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะชัดเจนขึ้นมากและเป็นธรรมชาติขึ้น
• ร่างกายจะปรับตัวกับฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูสมดุลและเหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้ามากขึ้นในช่วงสัปดาห์แรก

4.ระยะเวลาของผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์
• ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และตำแหน่งที่ทำการฉีดฟิลเลอร์
• ฟิลเลอร์ที่มีกรดไฮยาลูโรนิก (HA) โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาหลังฉีดฟิลเลอร์และการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
• ฟิลเลอร์บางชนิด เช่น ฟิลเลอร์ที่ใช้โพลีแอลแลคติกแอซิด (Poly-L-lactic acid - PLLA) อาจให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว

5.การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
• ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ในช่วงแรก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ดีและไม่เคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนหรือการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
ฟิลเลอร์เหมาะกับคนหลายคนที่ต้องการปรับรูปหน้าและปัญหาผิวต่างๆ เราได้รวบรวมปัญหาผิวที่แก้ปัญหาด้วยฟิลเลอร์แล้วหน้ากลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ได้แก่
1.ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและร่องลึก
ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยรอบปาก หรือบริเวณหน้าผาก ซึ่งต้องการเติมเต็มเพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น

2.ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้ใบหน้า
ผู้ที่มีโครงหน้าแบน หรือหน้าขาดมิติในบางจุด เช่น แก้มตอบ คางสั้น หรือริมฝีปากบาง สามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น

3.ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ฟิลเลอร์สามารถช่วยในการยกกระชับผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยได้ โดยการเติมเต็มในบริเวณที่ขาดปริมาตรและการฉีดฟิลเลอร์ทำให้ผิวดูกระชับขึ้น

4.ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ผ่าตัด
ฟิลเลอร์เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งรูปหน้า เช่น การเสริมจมูก การปรับคาง หรือการเติมเต็มหน้าผาก โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดฟิลเลอร์จึงเป็นตัวเลือกที่ดี

5.ผู้ที่ต้องการแก้ไขรอยแผลหรือหลุมสิว
ฟิลเลอร์สามารถใช้ในการเติมเต็มรอยแผลเป็น รอยหลุมสิว หรือบริเวณที่ผิวไม่เรียบเนียน เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้ง

6.ผู้ที่มีอายุมากและต้องการฟื้นฟูผิว
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความชุ่มชื้นและคอลลาเจน ทำให้ผิวแห้งและดูหย่อนคล้อย ฟิลเลอร์จึงเหมาะสำหรับการคืนความชุ่มชื้นและเติมเต็มผิวให้ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม

7.ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาชั่วคราว
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวรจากการทำศัลยกรรม ฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากผลลัพธ์จะคงอยู่ชั่วคราวและสามารถฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการในอนาคต

ฟิลเลอร์เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับหลายกลุ่มคน แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งและใช้บริการกับคลินิกที่ได้รับการรับรอง มีรีวิว มีการบริการที่ดี เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ออกมาในแบบที่เราพอใจ

Sculptra และ ฟิลเลอร์ต่างกันยังไง
มาถึงคำถามยอดฮิตว่า Sculptra และ ฟิลเลอร์ต่างกันยังไง มาดูส่วนประกอบหลักของทั้ง Sculptra และ ฟิลเลอร์ กลไกการทำงานของทั้ง 2 ตัวนี้ ระยะเวลาของผลลัพธ์ จำนวนครั้งในการฉีดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงพอใจของ Sculptra และ ฟิลเลอร์

1.ส่วนประกอบหลักของ Sculptra และฟิลเลอร์
• Sculptra : มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
• ฟิลเลอร์ : ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบหลักเป็น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid - HA) หรือสารเติมเต็มอื่น ๆ เช่น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) หรือ Polycaprolactone (PCL) ที่ทำหน้าที่เติมเต็มผิวในทันที

2.กลไกการทำงานของ Sculptra และฟิลเลอร์
• Sculptra : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ไม่เติมเต็มทันที แต่จะช่วยฟื้นฟูปริมาตรผิวและสร้างคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นหลังจาก 4-6 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฉีด Sculptra ต่อเนื่อง
• ฟิลเลอร์ : ทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรของผิวในทันที ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนหลังฉีดเสร็จ ซึ่งสามารถปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก หรือเสริมมิติของใบหน้าได้ทันที

3.ระยะเวลาของผลลัพธ์ของ Sculptra และฟิลเลอร์
• Sculptra : ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี เนื่องจากกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผลลัพธ์ยาวนาน แต่ต้องใช้เวลารอให้ผลลัพธ์เต็มที่หลังการฉีด
• ฟิลเลอร์ : ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และบริเวณที่ฉีด เช่น ฟิลเลอร์ HA อาจอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์ PCL อาจอยู่ได้นานถึง 18 เดือนหรือมากกว่านั้น

4.การใช้งานของ Sculptra และฟิลเลอร์
• Sculptra : มักใช้สำหรับฟื้นฟูปริมาตรผิวที่สูญเสียไปจากความแก่ชรา เช่น แก้มตอบ ผิวที่หย่อนคล้อย หรือในบริเวณกว้าง ๆ ที่ต้องการเสริมสร้างคอลลาเจน
• ฟิลเลอร์ : ใช้ในกรณีที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและแม่นยำ เช่น การเสริมจมูก เสริมคาง เติมร่องแก้ม หรือเพิ่มความอิ่มฟูให้ริมฝีปาก

5.จำนวนครั้งในการรักษาของ Sculptra และฟิลเลอร์
• Sculptra: ต้องฉีด หลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เต็มที่ (อาจประมาณ 2-3 ครั้งต่อ 1 คอร์สการรักษา) โดยเว้นระยะห่างกันเป็นสัปดาห์หรือเดือน
• ฟิลเลอร์: โดยทั่วไปการฉีด 1 ครั้ง จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และอาจต้องฉีดฟิลเลอร์ซ้ำเมื่อผลลัพธ์เริ่มจางลง

6.ผลลัพธ์ที่ต้องการของ Sculptra และฟิลเลอร์
• Sculptra: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูผิว และเพิ่มปริมาตรผิวในระยะยาวด้วยกระบวนการสร้างคอลลาเจนเอง
• ฟิลเลอร์: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ผลลัพธ์ทันที เช่น การเติมเต็มริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าในระยะเวลาสั้น ๆ

สรุปคือ Sculptra เป็นทางเลือกสำหรับการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ในขณะที่ ฟิลเลอร์ เป็นทางเลือกสำหรับการเติมเต็มผิวทันทีและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

ควรเลือกอะไรดีระหว่าง Sculptra และ ฟิลเลอร์
ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่เรากังวลใจเพราะสารเติมเต็มทั้ง 2 ตัว Sculptra และฟิลเลอร์ กระบวนการทำงานและผลลัพธ์ของสารสองชนิดนี้ค่อนข้างแตกต่างกัน ขอแบ่งเป็นประเภทเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

ควรเลือก Sculptra หาก
1.ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะยาว
Sculptra ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งทำให้ผิวดูฟื้นฟูและแข็งแรงขึ้นในระยะยาว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2-3 ปี

2.ต้องการเพิ่มปริมาตรในบริเวณกว้าง
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูปริมาตรใบหน้า เช่น แก้มที่ตอบลงหรือผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่ง Sculptra จะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ

3.ไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที
หากคุณโอเคกับการรอผลลัพธ์ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นตามระยะเวลาการกระตุ้นคอลลาเจน (ประมาณ 4-6 สัปดาห์) และต้องการความเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไป Sculptra ค่อนข้างตอบโจทย์

4.ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติในระยะยาว
Sculptra สร้างผลลัพธ์แบบธรรมชาติเนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกายเอง

ควรเลือก ฟิลเลอร์ หาก
1.ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นทันที
หากคุณต้องการแก้ไขปัญหาทันที เช่น เติมเต็มร่องลึก เสริมจมูก ปรับคาง หรือเพิ่มความอิ่มให้ริมฝีปาก ฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด

2.ต้องการปรับแต่งรูปหน้าเฉพาะจุด
ฟิลเลอร์เหมาะกับการปรับแต่งรูปหน้าเฉพาะจุด เช่น เสริมคาง เติมร่องแก้ม หรือเพิ่มความเต็มของใบหน้าในจุดที่ต้องการ

3.ต้องการปรับโครงหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด
ฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมความงามแบบไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด และสามารถปรับแก้ได้ง่ายหากไม่พอใจผลลัพธ์

4.ผลลัพธ์ในระยะสั้น (6-18 เดือน)
ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานเกินไป หรือผู้ที่ต้องการทดลองปรับแต่งใบหน้า ก่อนตัดสินใจทำการรักษาที่เป็นระยะยาว

ข้อสรุปในการเลือกฉีดระหว่าง Sculptra หรือ ฟิลเลอร์
• เลือก Sculptra ถ้าต้องการฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว และไม่รีบเห็นผลลัพธ์ทันที
• เลือก ฟิลเลอร์ ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่เห็นทันทีและปรับแต่งรูปหน้าเฉพาะจุดในระยะเวลาสั้นถึงกลาง

การตัดสินใจที่ดีที่สุดอีกหนึ่งข้อที่ตรงจุดว่าจะเลือก Sculptra หรือ ฟิลเลอร์ คือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการและสภาพผิวของคุณ

Sculptra และ ฟิลเลอร์ ตัวไหนปลอดภัยกว่ากัน ?
ทั้ง Sculptra และฟิลเลอร์ มีความปลอดภัยทั้งคู่ถ้าเป็นของแท้และฉีดโดยแพทย์เฉพาะทาง เราขอสรุปผลข้างเคียงที่เป็นไปได้หลังการฉีดของทั้ง 2 ตัวนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกฉีด ดังนี้

1.Sculptra
• ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ การฉีดSculptra อาจมีอาการบวม แดง หรือฟกช้ำในบริเวณที่ฉีดหลังการรักษา นอกจากนี้อาจเกิดการก่อตัวของก้อนใต้ผิวหนังหรือเป็นตุ่มนูนได้ หากฉีดผิดวิธีหรือกระบวนการกระจายไม่ดี
• วิธีป้องกัน การฉีดSculptra ต้องฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งต้องใช้ความแม่นยำสูงในการฉีดเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดก้อนใต้ผิวที่ไม่ต้องการ

2.ฟิลเลอร์
• ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ การฉีดฟิลเลอร์ อาจเกิดอาการบวม ฟกช้ำ หรือแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายไปเองในไม่กี่วัน หากเกิดการฉีดผิดที่หรือฟิลเลอร์เคลื่อนตัวไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ อาจทำให้เกิดก้อนหรือตุ่มขึ้นมาได้ แต่สามารถแก้ไขได้โดยการฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ออก
• วิธีป้องกัน ฟิลเลอร์ HA สามารถย้อนกลับได้ด้วยการฉีดเอนไซม์ หากเกิดปัญหา เช่น ฟิลเลอร์ฉีดผิดตำแหน่งหรือมีอาการแพ้

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

รีวิวฉีด Sculptra ฟื้นฟูมือที่เหี่ยวแห้ง (Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี)

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Sculptra และ ฟิลเลอร์ ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
1.Sculptra เหมาะกับการฉีดบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูปริมาตรผิวในระยะยาว เช่น แก้ม ขมับ แนวกราม และร่องแก้ม อีกริเวณในร่างกายคือหลังมือ โดยมุ่งเน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

2.ฟิลเลอร์ เหมาะกับการฉีดบริเวณที่ต้องการเติมเต็มอย่างแม่นยำและเห็นผลทันที เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก จมูก และคาง โดยเน้นการปรับโครงสร้างหน้าและเติมเต็มริ้วรอย

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากสวยจึ้ง (Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี)

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

เลือกคลินิกเพื่อ ฉีด Sculptra และ ฟิลเลอร์ ยังไงดี
การเลือกคลินิกในการฉีด Sculptra และฟิลเลอร์ จะต้องให้ความสำคัญเพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ ควรมีเกณฑ์การเลือก ดังนี้
1.เลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองและมีใบอนุญาต
• ตรวจสอบว่าคลินิกที่เลือกมีใบอนุญาตประกอบการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าคลินิกเป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
• ดูว่าคลินิกมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการฉีดฟิลเลอร์และ Sculptra หรือไม่

2.แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
• แพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ หรือ Sculptra ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra และฟิลเลอร์ เพราะทั้งสองวิธีนี้มีเทคนิคเฉพาะตัว โดยเฉพาะ Sculptra ที่ต้องอาศัยทักษะในการฉีดชั้นผิวที่เหมาะสมจึงจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
• ตรวจสอบผลงานหรือรีวิวของแพทย์จากผู้รับบริการคนอื่นๆ เพื่อดูความพึงพอใจและความสามารถของแพทย์

3.ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้
• ตรวจสอบว่าคลินิกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์และ Sculptra ที่ได้รับการรับรองจากอย. (องค์การอาหารและยา) และมีแหล่งที่มาชัดเจน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ควรมีฉลากชัดเจน สามารถตรวจสอบเลขล็อตผลิตภัณฑ์ได้
• ขอให้แพทย์แสดงกล่องผลิตภัณฑ์ก่อนฉีด เพื่อความมั่นใจว่าเป็นของแท้

4.อุปกรณ์และสถานที่ได้มาตรฐาน
• คลินิกควรมีอุปกรณ์และสถานที่ที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ มีการควบคุมความปลอดภัยและสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
• สถานที่ฉีดควรมีห้องปลอดเชื้อที่เหมาะสมกับการทำหัตถการ

5.การให้คำปรึกษาก่อนการรักษา
• คลินิกควรให้คำปรึกษาโดยละเอียดก่อนการรักษา โดยให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอน, ผลลัพธ์, ข้อควรระวัง, การดูแลหลังการฉีด และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
• แพทย์ควรอธิบายถึงวิธีการฉีดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน เช่น การเลือกใช้ฟิลเลอร์หรือ Sculptra ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคล

6.รีวิวและความเชื่อถือจากผู้รับบริการ
• ควรดูรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการคลินิกนั้น ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์หรือถามจากคนรอบตัวที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
• คลินิกที่มีรีวิวดีอย่างต่อเนื่องมักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า

7.การติดตามผลหลังการฉีด
• คลินิกที่ดีจะมีการติดตามผลหลังการฉีดไม่ว่าจะเป็นการฉีด Sculptra หรือ ฟิลเลอร์ เพื่อดูแลอาการต่างๆ และปรับแก้ไขหากเกิดผลข้างเคียง การดูแลหลังการรักษานับเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ตัวเลือกคลินิกที่น่าสนใจในการฉีด Sculptra หรือ ฟิลเลอร์ ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการ และมีรีวิวในการฉีดกว่าพันเคส ขอยกให้ APEX Profound Beaty เป็นคลินิกความงามชั้นนำที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องการฉีด ฟิลเลอร์ และ Sculptra ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนาน

คลินิกเน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้และผ่านการรับรองจากอย. ทุกขั้นตอนดำเนินการด้วยเทคนิคเฉพาะที่ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและยาวนาน ทั้งฟิลเลอร์และ Sculptra จะช่วยเติมเต็มและยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Sculptra ยังมีจุดเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว

นอกจากนี้ APEX Profound Beaty ยังเป็นผู้นำด้านการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอน พร้อมกับการดูแลหลังการรักษาอย่างครบวงจร ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจในผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร

Sculptra vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดอะไรดี

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สรุป 2 หัตถการงานผิว ระหว่าง Sculptra และ ฟิลเลอร์  

หัวข้อ

Sculptra

ฟิลเลอร์

ประเภทของสาร

Poly-L-Lactic Acid ซึ่งเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

Hyaluronic Acid ที่ผ่านกระบวนการเชื่อมพันธะเพื่อสร้างเจลที่มีความหลากหลาย ทั้งนิ่มและแข็ง

หลักการทำงาน

กระตุ้นการสร้าง Collagen type 1 ตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงและยืดหยุ่น

กระตุ้นการสร้าง Collagen type 1 ตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงและยืดหยุ่น

ข้อดี

ช่วยให้ผิวดูแน่น ฟู และเรียบเนียนขึ้น ลดร่องริ้วรอย เพิ่มความแข็งแรงและกระจ่างใสของผิว อีกทั้งยังช่วยลดรอยหลุมสิว

ลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก และเสริมจมูกหรือคาง ปรับรูปหน้าให้ชัดและสวยขึ้นทันทีหลังการฉีด

บริเวณที่ฉีด

ใช้ได้กับผิวหน้าบริเวณกว้างที่ต้องการเพิ่มความเฟิร์มและฟู เช่น แก้ม แต่ไม่ควรใช้ที่หน้าผาก จมูก หรือริมฝีปาก

เหมาะกับบริเวณที่มีการยุบตัวของกระดูกหรือไขมัน เช่น ร่องแก้ม ขมับ ใต้ตา คาง ริมฝีปาก และหน้าแก้ม

ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลลัพธ์

เห็นผลในช่วง 1-3 เดือน เนื่องจากเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย

เห็นผลทันทีหลังฉีด และจะคงตัวเต็มที่ใน 2-4 สัปดาห์

จำนวนครั้งที่ฉีด

ต้องฉีด 1-3 ครั้ง ขึ้นกับอายุและปริมาณที่ต้องการ

ฉีดครั้งเดียวเห็นผลทันที ปริมาณขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและความลึกของผิว

ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่

ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 25 เดือน เนื่องจากเป็นคอลลาเจนธรรมชาติ แต่ก็จะลดลงตามอายุ

ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น