Radiesse vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร
ใครก็ตามที่อยู่ในวงการเกี่ยวกับความสวยความงาม หลายคนน่าจะคุ้นเคยการฉีดปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ และ Radiesse แม้ตัวหัตถการทั้งคู่จะสามารถปรับรูปหน้าได้เหมือนกัน แต่จริงๆแล้วหลักการทำงาน 2 ตัวนี้ค่อนข้างแตกต่างกัน
หัวข้อ
• Radiesse คืออะไร
• Radiesse เหมาะกับใคร
• ข้อควรระวังในการใช้ Radiesse
• Radiesse กับการแก้ปัญหาริ้วรอยลึก ทำงานอย่างไร
• รีวิวผลลัพธ์จาก Radiesse
• Radiesse สามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง
• กระแส Radiesse ที่กำลังมาแรง
• ฟิลเลอร์ คืออะไร
• ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
• รีวิวผลลัพธ์จากฟิลเลอร์
• Radiesse vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันยังไง
• เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับ Radiesse หรือฟิลเลอร์
• ฟิลเลอร์ปั้นหน้าให้สวยเป๊ะได้จริงหรือไม่? เปรียบเทียบกับ Radiesse
• การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• เทคนิคควรเลือกฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ที่ไหนดี
• สรุป ความแตกต่างของ Radiesse กับ ฟิลเลอร์
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลRadiesse คืออะไร ?
ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยหน้าเด็ก ดูอ่อนเยาวน์แบบไม่อยากศัลยกรรม น่าจะเคยได้ยินชื่อ Radiesse หรือ เรดียส กันมาบ้าง เพราะ Radiesse ถือเป็นตัวเลือกยอดฮิตของใครหลายๆคน Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ให้ผลลัพธ์ในการเติมวอลุ่มให้ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มฟูขึ้นทันที
ภาพก่อน - หลังทำ (Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลซึ่งสารกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่ใน Radiesse นั้นเป็นสารกระตุ้นชนิดพิเศษ ที่ประกอบไปด้วย CaHA (Calcium Hydroxylapatite) นอกจากจะเป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจนแล้ว ยังมีผลในการสร้างอิลาสตินทำให้ผิวแข็งแรง ริ้วรอยร่องตื้นต่างๆจะดูลดเลือนลง ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ที่ทำให้หน้ามีอายุ Radiesse ก็จะช่วยเติมเต็มให้อิ่มฟู ดูอ่อนเยาวน์หน้าเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
สรุปแล้ว Radiesse จะช่วยกระตุ้นผ่านเซลล์ไฟโบรบลาสต์โดยตรง ซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็น CaHa ช่วยเติมเต็มร่องลึกและกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ใช้ในการทดแทนคอลาเจนที่เสื่อมสภาพไป
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลRadiesse เหมาะกับใคร
การทำ Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าต่อไปนี้ที่ Radiesse สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
1.ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยลึก Radiesse มีประสิทธิภาพในการเติมเต็มริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ซึ่งมักเป็นปัญหาของผิวที่เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นตามวัย
2.ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ด้วยความหนาแน่นและความแข็งแรงของ Radiesse มันเหมาะกับการยกกระชับบริเวณกราม แก้ม หรือขมับ เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับและเต่งตึง
3.ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน Radiesse ไม่เพียงแค่เติมเต็มผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่าในการลงทุนด้านความงาม
4.ผู้ที่อยากผิวเด็ก เพิ่มคอลลาเจน Radiesse ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในผิวเพื่อที่ทดแทนของเก่าที่เสื่อมสภาพไป
5.ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด Radiesse เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าหรือฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ซึ่งทำให้กระบวนการฟื้นตัวเร็วและมีความปลอดภัยสูง
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลข้อควรระวังการใช้ Radiesse
• ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้รุนแรง แม้ว่า Radiesse จะมีความปลอดภัยสูง แต่ควรปรึกษาแพทย์หากมีประวัติการแพ้สารแปลกปลอมที่รุนแรง
• เนื่องจาก Radiesse ไม่สามารถละลายได้ด้วยเอนไซม์เหมือนกับฟิลเลอร์ HA การแก้ไขผลลัพธ์ต้องรอให้สารสลายตัวเองตามธรรมชาติ
การตัดสินใจใช้ Radiesse ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้แน่ใจว่าตรงกับความต้องการและความเหมาะสมของสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพก่อน - หลังทำ (Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลRadiesse กับการแก้ปัญหาริ้วรอยลึก ทำงานอย่างไร
การทำงานของการที่ Radiesse เข้าไปแก้ปัญหาริ้วรอยลึกได้ เพราะเมื่อฉีด Radiesse เข้าไปในผิวของเราเป็นเหมือนการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังตามธรรมชาติ เพื่อให้ร่างกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้อย่างรวดเร็วและให้กระบวนการผลิตคอลลาเจนนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Radiesse ช่วยทำให้ปัญหาริ้วรอยลึกสามารถตื้นขึ้นได้
ภาพก่อน - หลังทำ (Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นอะไรบ้าง
• การฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้าง Elastin
• การฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I
• การฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type III
• การฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้น Angiogenesis
ซึ่งเป็นการฟื้นฟูการทำงานของ Fibroblast ที่เป็นเซลล์ต้นตอของการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวมีสุขภาพดี ทำให้ริ้วรอย และรอยพับย่นต่างๆ บนใบหน้า และส่วนต่างๆลดลง Radiesse ทำให้ผิวของเรายืดหยุ่น ดูอ่อนเยาวน์ เรียบเนียน
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลRadiesse สามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง
การฉีด Radiesse สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง และหลายจุดขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดของคนไข้ ในเรื่องของ ริ้วรอย ความเหี่ยวย่นตามตำแหน่งต่างๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนิยม ฉีด Radiesse ด้วยกันทั้งหมด 6 จุด ได้แก่
• ฉีด Radiesse ร่องแก้ม
เมื่อมีอายุที่มากขึ้น เราจะเห็นร่องแก้มชัดมากขึ้น การฉีด Radiesse ช่วยเติม คอลลาเจนในบริเวณร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มของเราจะดูตื้นขึ้น ดูใบหน้าเด็ก
• ฉีด Radiesse ขมับตอบ
ขมับที่ตอบส่งผลให้ใบหน้าของเราดูมีอายุ และยิ่งทำให้โครงหน้าของเราจะไม่ชัด การที่ฉีด Radiesse จะเป็นการช่วยกระตุ้นคอลลาเจนที่ขมับ แก้ปัญหาขมับตอบดูเต็ม โครงหน้าดูชัดเจนยิ่งขึ้น
• ฉีด Radiesse กรอบหน้า
การฉีด Radiesse เติมคอลลาเจนปรับรูปหน้าสามารถช่วยทำให้กรอบหน้าดูชัดเจนขึ้น และผิวบริเวณนั้นดูอิ่มฟูมากขึ้น
ภาพก่อน - หลังทำ (Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล• ฉีด Radiesse หลังมือ
ริ้วรอยบนหลังมือเป็นอีกปัญหาผิวสำคัญ ซึ่งริ้วรอยหลังมือเกิดจากการสูญเสียไขมันในร่างกาย เส้นเลือดที่หลังมือจะเห็นชัดขึ้นตามอายุที่มากขึ้น การฉีด Radiesse บริเวณหลังมือจะช่วยเติมคอลลาเจนและลดริ้วรอยเพื่อให้ผิวกลับมาเต่งตึง
• ฉีด Radiesse เนินอก
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิงที่เมื่ออายุมากขึ้น เนินอกจะเริ่มหย่อนคล้อยลง การฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้เนินอกกลับมาดูเต่งตึงขึ้น
• ฉีด Radiesse ร่องน้ำหมาก
ร่องน้ำหมากที่มุมปากมักจะมีริ้วรอยเมื่ออายุมาก การฉีด Radiesse จะช่วยเติมคอลลาเจนเพื่อลดริ้วรอยบริเวณนี้
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลกระแส Radiesse ที่กำลังมาแรง
ตอนนี้กระแสตอบรับของ Radiesse มาแรงไม่แผ่ว นอกจากจะเป็นเพราะคุณภาพงานผิวของ Radiesse ที่ทำให้อ่อนเยาวน์ ผิวหน้าดูเด็ก อิ่มฟูแล้ว ยังรวมไปถึงการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่เป็นนางเอกเกาหลีใต้ คนแรกแห่งภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก “มุนกายอง” ภายใต้แคมเปญ “ ผิว ฉัน เซ็ตได้ด้วย Radiesse Me, My Skin with Radiesse”
บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายนวัตกรรมความงามระดับโลก ได้ยกระดับความยิ่งใหญ่สู่ระดับสากล ด้วยการแต่งตั้ง “มุนกายอง” นักแสดงสาวชื่อดังจากเกาหลีใต้ ให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมิร์ซ เอสเธติกส์มุ่งเน้นการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของผิวจากภายใน โดยใช้คอนเซปต์ Step Zero™ ที่เน้นการเตรียมผิวที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การดูแลผิวสมัยใหม่ที่เรียกว่า “Skinimalism” ซึ่งเน้นการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลAPEX Profound Beauty เป็นศูนย์การแพทย์ที่เป็นผู้นำด้านความงามและสุขภาพในประเทศไทย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล APEX มุ่งมั่นที่จะมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทั้งในด้านการฟื้นฟูผิวพรรณ การปรับรูปหน้า และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ก็ได้เข้าร่วมในแคมเปญนี้ โดยให้ความสำคัญกับการนำเสนอวิธีการฟื้นฟูและดูแลผิวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการบำรุงและฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ Step Zero™ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญ
ภาพก่อน - หลังทำ (Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลไม่เพียงแค่การรักษาทางกายภาพ แต่ APEX ยังใส่ใจในทุกรายละเอียดของความงามที่มาจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการได้สัมผัสถึงความงามที่ยั่งยืน พร้อมทั้งมั่นใจได้ในความปลอดภัยและมาตรฐานการบริการที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ APEX Medical Center ยังคงยืนหยัดเป็นศูนย์ความงามที่สร้างสรรค์ความงามในแบบที่ลูกค้าทุกคนต้องการ ด้วยบริการที่ครบวงจรและทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดทุกขั้นตอน
ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
คำถามยอดฮิตสำหรับใครที่อยากปรับรูปหน้าแต่กลัวเจ็บ ไม่กล้าที่จะศัลยกรรม การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นอีก 1 ตัวเลือกที่หลายๆคนสนใจ และก่อนที่เราจะตัดสินใจทำ คงมีความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าการฉีดฟิลเลอร์คืออะไร แล้วการฉีดฟิลเลอร์นี้จะสามารถช่วยปรับรูปหน้าของเราได้อย่างไร เรามาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์กันก่อนว่าคืออะไร
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่ชื่อว่าไฮยาลูโรนิกแอซิด หรือถ้าอยากเรียกง่ายๆก็คือ HA จริงๆแล้วเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูงมาก เพราะว่าสารตัวนี้พบได้ในชั้นผิวของมนุษย์โดยทั่วไป และสารตัวนี้ จะมีปริมาณที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทางการแพทย์เลยได้มีการคิดค้นวิจัยสารไฮยาลูโลนิก ขึ้นมาเพื่อที่จะนำไปฉีดเพื่อเติมเต็มและทดแทนตัวของใยคอลลาเจนในร่างกายเรา
หลักการทำงานของฟิลเลอร์ เมื่อเราทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่ผิวหนังของเราแล้ว สารที่ฉีดเข้าไปมันจะเข้าไป จับตัวกับน้ำในชั้นผิวของร่างกายเรา ทำให้บริเวณนั้นๆ เกิดการคงรูปของฟิลเลอร์ และหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วยิ่งถ้าเราดื่มน้ำจะยิ่งทำให้ฟิลเลอร์สามารถคงตัวได้ดียิ่งขึ้น
ภาพก่อน - หลังทำ (Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปในบริเวณที่เรามีปัญหา อาทิเช่น บริเวณที่เป็นร่องริ้วรอย ใต้ตา ร่องแก้ม จะทำให้ริ้วรอยต่างๆเหล่านั้น ตื้นขึ้น ผิวเราจะดูกระชับมาก รูปหน้าจะเป็นทรงแบบที่เราต้อง การมากขึ้น
ฟิลเลอร์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถพูดได้ว่าฉีดปุ๊ปสวยปั๊ป เพราะหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว บริเวณที่ฉีดจะเปลี่ยนไปทันที ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละตัวก็จะมีองค์ประกอบของสารที่แตกต่างกันไป บางตัวก็ฉีดได้เฉพาะจุด ขึ้นอยู่กับปัญหาและการประเมิณของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าเราเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ตัวไหนที่จะสามารถมาแก้ไขปัญหาที่เรากังวลใจได้
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ?
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับทุกคนที่อยากปรับรูปหน้า แต่ไม่กล้าผ่าตัดหรือทำศัลยกรรม เพราะกลัวเจ็บ หรือผู้ที่ไม่อยากพักฟื้น และเหมาะกับคนที่อยากทำแล้วเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ แต่ก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาคลินิกที่ปลอดภัย และหมอเฉพาะทาง การฉีดฟิลเลอร์จะเป็นการฉีดปรับรูปหน้าในแต่ละบริเวณ แตกต่างกันออกไป
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลควรฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนดีที่สุด ?
จริงๆแล้วการฉีดฟิลเลอร์คือการแก้ไขปัญหารูปหน้าของเรา แต่ละคนก็จะมีปัญหาที่กังวลใจไม่เหมือนกัน สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ตามบริเวณที่เราอยากแก้ไขปัญหานั้นๆได้เลย แต่ถ้าเกิดใครแค่รู้สึกว่าอยากให้หน้าดูเปลี่ยนไป ดูมีมิติ มากขึ้น เราขอแนะนำการฉีดฟิลเลอร์ 7 จุดนี้ ที่สามารถทำให้หน้าเปลี่ยนแบบที่ใครเห็นก็ต้องทัก
จุดที่ 1 ฟิลเลอร์จมูก
การฉีดฟิลเลอร์จมูก นอกจากจะทำให้หน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ยังเหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัดอีกด้วย เพราะใครก็ตามที่มีฐานจมูกอยู่แล้วการฉีดฟิลเลอร์จมูกให้ดูมีสันจมูกขึ้น หรือการฉีดฟิลเลอร์ที่ปลายจมูกให้เชิดขึ้น จะทำให้หน้าดูคมดูเฉี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จุดที่ 2 ฟิลเลอร์ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์มากที่สุด เพราะเป็นการปรับรูปหน้า ให้ได้สัดส่วนเข้ารูปมากขึ้นอีกทั้งยังช่วยในเรื่องของโหงวเฮ้งอีกด้วย
จุดที่ 3 ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยใบหน้าดูสดใส ดูเต็มดูไม่โทรม
จุดที่ 4 ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยทำให้ใต้ตาดูเต็มมากขึ้น ผิวหนังที่หย่อนคล้อยใต้ตาก็จะกลับมาเต็มขึ้น ปรับรูปหน้าให้ดูสดใสมากขึ้น
จุดที่ 5 ฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางจุดนี้ถ้าฉีดโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ จะทำให้รูปหน้าดูวีเชฟ หน้าเรียว ดูสมมาตรมากขึ้น
จุดที่ 6 ฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนทรงปาก ให้ดูอวบอิ่มดูเต็มมากขึ้น
จุดที่ 7 ฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยให้หน้าผากดูโหนกนูน ดูอิ่ม ส่วนใหญ่แล้วจะฉีดฟิลเลอร์คู่กับขมับ เพราะหน้าผากที่สวยจะถูกเติมเต็มด้วยขมับที่ดูอิ่มฟู ใบหน้าจะออกมาเข้ารูปสวยจึ้ง
Radiesse Vs ฟิลเลอร์ แตกต่างกันยังไง
เรามาดูกันว่า Radiesse กับฟิลเลอร์ ถ้าอ่านจากข้อมูลข้างต้นอาจจะดูเหมือนว่า Radiesse กับฟิลเลอร์จะทำงานคล้ายกัน แต่จริงๆแล้ว หัตถการงานผิวทั้งสองตัวนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน
Radiesse จะใช้ฉีดแก้ไขปัญหาบริเวณที่เป็นร่องลึก อาทิเช่น บริเวณ ร่องน้ำหมาก คอ และมือ ได้ อีกทั้ง Radiesse มีความหนืดมากกว่าตัวของฟิลเลอร์ ส่วน ฟิลเลอร์ จะเป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว และการฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเต็ม และให้วอลลุ่มที่สูงกว่า
ตารางการเปรียบเทียบของ Radiesse กับฟิลเลอร์
ข้อเปรียบเทียบ |
Radiesse |
Filler (HA) |
---|---|---|
องค์ประกอบของยา |
ประกอบด้วยสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่ช่วยเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน |
ประกอบด้วย Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย |
ความปลอดภัย |
ได้รับการรับรองจากทั้ง EU, US FDA และ อย. ในประเทศไทย จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย |
ได้รับการรับรองจาก US FDA และ อย. ในประเทศไทย (เฉพาะบางยี่ห้อ) แสดงถึงความปลอดภัยที่สูงเช่นกัน |
ระยะเวลาที่สารออกฤทธิ์ |
ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานประมาณ 12-18 เดือน และอาจนานกว่านั้นหากดูแลดี |
ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 10-12 เดือน |
การทำงานของสาร |
สามารถใช้ได้ทั้งในการเติมเต็มริ้วรอยลึกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว |
เน้นการเติมเต็มใต้ชั้นผิวหนัง มีเนื้อของสารที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เหมาะกับจุดฉีดต่าง ๆ ได้ทั้งแบบนุ่มและแบบแข็ง |
เหมาะกับใคร |
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือมีปัญหาริ้วรอยลึก โดยเฉพาะในบริเวณคอและหลังมือ |
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นทันที เน้นการปรับรูปหน้า เติมร่องตื้น หรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว |
ผลลัพธ์หลังทำ |
ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นภายใน 1-3 เดือน โดยผิวจะดูเต่งตึงและเรียบเนียน |
ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังฉีด โดยจะช่วยเติมเต็มร่องลึกและปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูดีขึ้น |
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับ Radiesse หรือฟิลเลอร์
การเลือกใช้ Radiesse หรือฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid – HA) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับความต้องการส่วนบุคคลและสภาพผิวของ เราขอสรุปมาเป็น 6 หัวข้อใหญ่ๆว่าจริงๆแล้วเราเหมาะกับ Radiesse หรือ ฟิลเลอร์มากกว่ากัน
1.ดูความต้องการของเราก่อน
• Radiesse หากกำลังมองหาการกระตุ้นคอลลาเจนและผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น Radiesse อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องการเติมเต็มริ้วรอยลึกหรือกระชับผิวในบริเวณคอหรือหลังมือ
• ฟิลเลอร์ (HA) หากต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีและสนใจการปรับรูปหน้าแบบเน้นรายละเอียด เช่น การเติมร่องตื้นหรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ฟิลเลอร์ HA อาจเหมาะกับเรามากกว่า Radiesse
2.เลือกจากระยะเวลาของผลลัพธ์และความชำนาญเฉพาะทางของแพทย์
• Radiesse ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ Radiesse เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว แต่ในการแีด Radiesse จะต้องการความเชี่ยวชาญในการฉีดมากกว่าควรเลือกฉีด Radiesse กับหมอเฉพาะทาง
• ฟิลเลอร์ (HA) ฟิลเลอร์ HA มีความปลอดภัยสูงและสามารถกลับสู่สภาพเดิมได้หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รู้สึกว่าอยากลองดูว่าเราเหมาะการปรับรูปหน้าแบบฉีดหรือไม่
3.สภาพผิวและอายุ
• Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยลึกหรือผิวที่เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป
• ฟิลเลอร์ (HA) เหมาะกับผู้ที่ต้องการการเติมเต็มเล็กน้อยในบริเวณที่ไม่ลึกมาก และเหมาะสำหรับทุกช่วงอายุ ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
4.ระยะเวลาของผลลัพธ์
• Radiesse หากต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า 12-18 เดือน และไม่ต้องการกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ Radiesse จึงเป็นตัวเลือกที่ดี
• ฟิลเลอร์ (HA) หากพอใจกับผลลัพธ์ที่อยู่ได้ประมาณ 10-12 เดือน และไม่เป็นปัญหาในการกลับมาทำซ้ำ ฟิลเลอร์ HA ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
5.งบประมาณและความพร้อม
• Radiesse มักจะมีราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ HA เนื่องจากผลลัพธ์ที่ยาวนานและคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน
• ฟิลเลอร์ (HA) ราคาย่อมเยากว่าและสามารถเลือกแบบที่เหมาะกับงบประมาณของคุณได้
6.คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
• ในการที่จะเลือกว่าเราควรจะฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เราควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือความงามเพื่อประเมินสภาพผิวของเราอย่างละเอียด แพทย์จะสามารถแนะนำตัวเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของเราได้
สรุปแล้วการเลือกใช้ Radiesse หรือฟิลเลอร์จึงควรพิจารณาจากความต้องการส่วนตัว, สภาพผิว, และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด
ฟิลเลอร์ปั้นหน้าให้สวยเป๊ะได้จริงหรือไม่? เปรียบเทียบกับ Radiesse
ฟิลเลอร์และ Radiesse ต่างมีความสามารถในการปั้นหน้าให้สวยเป๊ะได้ แต่มีความแตกต่างในวิธีการทำงาน ผลลัพธ์ และความเหมาะสมสำหรับแต่ละคน ดังนี้
ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid - HA)
• วิธีการทำงาน ฟิลเลอร์ HA ทำหน้าที่เติมเต็มบริเวณที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา หรือการเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปาก โดยการเติมเนื้อสารที่ยืดหยุ่นเข้าไปใต้ผิว
• ผลลัพธ์ ฟิลเลอร์ HA จะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังการฉีด ทำให้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น การปรับรูปคางให้ดูเรียวขึ้น การเพิ่มโหนกแก้มให้เด่นชัด หรือการเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้มักจะเป็นธรรมชาติและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคนได้
• ความยืดหยุ่น ฟิลเลอร์ HA มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถปรับรูปหน้าได้อย่างละเอียดและปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามที่ต้องการ หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ ก็สามารถฉีดสารสลาย HA เพื่อกลับสู่สภาพเดิมได้
• ระยะเวลาผลลัพธ์ ฟิลเลอร์ HA มีระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ที่ประมาณ 10-12 เดือน หลังจากนั้นจะต้องทำการฉีดซ้ำหากต้องการรักษารูปหน้า
Radiesse
• วิธีการทำงาน Radiesse ทำงานโดยการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการด้วยสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งไม่เพียงแต่เติมเต็มร่องลึกและปรับรูปหน้า แต่ยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูกระชับและเต่งตึงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
• ผลลัพธ์ Radiesse จะไม่ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีเหมือนฟิลเลอร์ HA แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นในระยะ 1-3 เดือน ผิวจะดูเรียบเนียนและเต่งตึงมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อเติมเต็มบริเวณที่ฟิลเลอร์ HA ไม่สามารถทำได้ เช่น ริ้วรอยที่คอ หรือหลังมือ
• ความยืดหยุ่น Radiesse มีความแข็งแรงและแน่นกว่า ทำให้เหมาะกับการปรับรูปหน้าที่ต้องการความคงทนและผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่การปรับเปลี่ยนหลังฉีดอาจทำได้ยากกว่า และไม่สามารถสลายได้ทันทีเหมือนฟิลเลอร์ HA
• ระยะเวลาผลลัพธ์ Radiesse ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน หรือมากกว่านั้นหากมีการดูแลอย่างเหมาะสม
สรุปเปรียบเทียบ
• ฟิลเลอร์ HA เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด และสามารถปรับรูปหน้าได้อย่างละเอียด เช่น การเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปาก ปรับคางให้เรียว หรือเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นธรรมชาติและสามารถปรับแต่งได้ง่าย
• Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผิวดูกระชับและเต่งตึงขึ้นในระยะยาว เหมาะกับการปรับรูปหน้าที่ต้องการความคงทน และแก้ไขริ้วรอยลึกที่เห็นชัดเจน
ทั้งสองตัวเลือก ฟิลเลอร์และ Radiesse มีความสามารถในการปั้นหน้าให้สวยเป๊ะได้ แต่การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคลและการได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse และ ฟิลเลอร์ ที่ควรปฏิบัติ
1.ก่อนฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์
• ศึกษาข้อมูล เรียนรู้เกี่ยวกับ Radiesse และฟิลเลอร์ เพื่อเข้าใจว่าสารเหล่านี้ทำงานอย่างไร ข้อดีและข้อเสียคืออะไร และเหมาะกับความต้องการของเราหรือไม่
• ปรึกษาแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและร่างกาย รวมถึงรับคำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของสารเติมเต็มที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็น Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ แพทย์จะช่วยเลือกจุดฉีดที่เหมาะสมและประเมินผลลัพธ์ที่คาดหวัง
2.หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด
• ยาแก้อักเสบและแอสไพริน หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้อักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้เลือดออกง่ายและเกิดรอยช้ำ
• อาหารเสริมบางชนิด หลีกเลี่ยงการทานอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา และสมุนไพรบางชนิดประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์
3.งดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
• หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการบวมและรอยช้ำได้ง่ายขึ้น
4.ดูแลสุขภาพผิวหน้า
• ล้างหน้าให้สะอาด ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกในวันก่อนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เพื่อให้ผิวปลอดจากสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้า หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็นในช่วงก่อนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
5.งดการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด
• งดการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้และเรตินอล หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น กรดผลไม้ (AHA/BHA) และเรตินอล ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์
6.เตรียมตัวและวางแผนการดูแลหลังฉีด
• ทำความเข้าใจขั้นตอน เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมและทำความเข้าใจขั้นตอนการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดหรือวิตกกังวล
• วางแผนการดูแลหลังฉีด เตรียมแผนการดูแลตัวเองหลังการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
7.เลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่เชื่อถือได้
• การเลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้รับ
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้เราได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน หน้าสวยได้ผลลัพธ์แบบที่ต้องการอย่างแน่นอน
เทคนิคควรเลือกฉีด Radiesse หรือ ฟิลเลอร์ที่ไหนดี
การเลือกสถานที่และแพทย์สำหรับฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมาก ต่อไปนี้เป็นเทคนิคและเคล็ดลับในการเลือกสถานที่และแพทย์เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1.เลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับการรับรอง
• สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีใบอนุญาตและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสูง
• การจัดการอุปกรณ์ ตรวจสอบว่าคลินิกมีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่สะอาด ปลอดเชื้อ และทันสมัย รวมถึงมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่เข้มงวด
2.เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
• ประสบการณ์และการฝึกอบรม ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ และมีประสบการณ์ในการทำหัตถการนี้มาอย่างน้อย 5-10 ปี เราสามารถสอบถามเกี่ยวกับประวัติการฝึกอบรมและประสบการณ์ของแพทย์ได้โดยตรง
• ผลงานก่อน - หลังการรักษา ขอดูรีวิวการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ ที่แพทย์ทำการรักษามาก่อน เพื่อประเมินคุณภาพและผลลัพธ์ที่แพทย์สามารถทำได้
3.ศึกษาความคิดเห็นและรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการ
• รีวิวและคำแนะนำ ค้นหารีวิวและความคิดเห็นจากผู้ที่เคยรับบริการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์จากคลินิกหรือแพทย์ที่คุณสนใจ ดูว่าคนไข้มีความพึงพอใจในผลลัพธ์และการบริการหรือไม่
• สอบถามจากคนรู้จัก ถ้าคุณมีคนรู้จักหรือเพื่อนที่เคยฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ สามารถถามผลลัพธ์ หรือคลินิกนั้นๆที่เพื่อนเราเข้าใช้บริการได้เลย
4.เข้ารับคำปรึกษาและประเมินเบื้องต้น
• การปรึกษาเบื้องต้น ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและใบหน้าของคุณ รวมถึงให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของเรา
• ความชัดเจนในการอธิบาย แพทย์ควรอธิบายกระบวนการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด เพื่อให้เราเข้าใจและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
5.ตรวจสอบยาที่ใช้และความปลอดภัย
• ยาที่ผ่านการรับรอง ตรวจสอบว่ายาที่ใช้เป็น Radiesse หรือฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น US FDA, EU, หรือ อย. ในประเทศไทย แพทย์ควรแสดงกล่องยาและอธิบายรายละเอียดให้เราทราบ
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาของปลอม ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ ในสถานที่ที่ไม่แสดงยาที่ใช้หรือไม่มีการบอกแหล่งที่มาของยา เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
6.พิจารณาราคาและความคุ้มค่า
• ราคาที่สมเหตุสมผล เลือกสถานที่ที่มีราคาสมเหตุสมผล ไม่ควรเลือกที่ที่ราคาถูกจนเกินไป เพราะอาจเป็นสัญญาณของการใช้ยาคุณภาพต่ำหรือบริการที่ไม่ปลอดภัย
• แพ็กเกจการรักษา บางคลินิกอาจมีแพ็กเกจการรักษาที่รวมการปรึกษา การฉีด และการติดตามผลหลังการฉีด ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
7.การบริการหลังการฉีด
• การติดตามผล สถานพยาบาลหรือคลินิกควรมีบริการติดตามผลหลังการฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่มีความระคายเคืองเกิดขึ้น หรือ เกิดอาการแพ้ และให้คำแนะนำเพิ่มเติมหากจำเป็น
• ความใส่ใจและบริการ เลือกสถานที่ที่ให้บริการอย่างใส่ใจ มีการตอบคำถามและให้คำปรึกษาเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพ
การเลือกสถานที่ฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ที่ดีจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่าลืมทำการศึกษาข้อมูลและตัดสินใจอย่างรอบคอบก่อนเข้ารับการรักษา
Radiesse vs ฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลที่ APEX Profound Beauty มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการฉีด Radiesse และฟิลเลอร์ ด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานในการทำหัตถการด้านความงาม เราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและตรงตามความต้องการของลูกค้า
APEX เรามีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและด้วยเทคนิคที่ทันสมัยและการใช้ยาคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานระดับโลก เช่น US FDA เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ารับบริการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย หรือการเพิ่มความกระชับของผิว
การเลือกฉีด Radiesse หรือฟิลเลอร์ที่ APEX มั่นใจได้ในความปลอดภัยและคุณภาพ เพราะเรามุ่งเน้นการดูแลและติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดและผลลัพธ์ที่พึงพอใจในการฉีดสวยฉ่ำ มั่นใจกว่าที่เคยเป็น เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่า