บทความเกี่ยวกับ : หลังฉีดฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์ใต้ตา
Radiesse
Skinvive
Filler 12900

ฟิลเลอร์คาง เจ็บมั้ย ? แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ? เรื่องน่ารู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
ปัญหาคางสั้น คางตัด หรือคางไม่สมมาตรเป็นปัญหาที่พบได้ในหลาย ๆ คน ซึ่งในอดีตนั้น อาจไม่มีทางเลือกมากในการแก้ปัญหาเหล่านี้ เช่น หากมีงบประมาณมากพอ หลายคนก็จะเลือกวิธีในการผ่าตัดคางเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็มีอีกหลายคนที่อาจมีงบประมาณไม่มาก จึงเลือกวิธีในการฉีดสารเหลวที่ไม่มีคุณภาพเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมายตามมา

ในปัจจุบัน นวัตกรรมการฉีดฟิลเลอร์คางได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่มาก รวมถึงไม่อยากที่จะผ่าตัดคาง ซึ่งปัญหาเหล่านั้นสามารถแก้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์คาง วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง เกิดรอยช้ำและบวมหลังฉีด อันตรายไหม

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ฉีดฟิลเลอร์คางคืออะไร? ความรู้เบื้องต้นและวิธีการทำงานของฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์คาง คือการฉีดสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้าไปในบริเวณคาง เพื่อแก้ไขและปรับรูปคางให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม ช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด หรือคางไม่เท่ากัน การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการเสริมความงาม เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังจากทำโดยไม่ต้องพักฟื้น หลังจากการฉีดฟิลเลอร์คาง

• ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์เป็นสารที่ได้รับการพัฒนาให้มีลักษณะใกล้เคียงกับสารธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA) เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง ช่วยในเรื่องการเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนัง และสามารถสลายไปเองตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป การฉีดฟิลเลอร์คางจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย เนื่องจากไม่มีสารตกค้าง และสามารถฉีดซ้ำได้เมื่อฟิลเลอร์เดิมสลายไป

ฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปคางให้ดูยาวขึ้นเพื่อความสมดุลของใบหน้า หรือแก้ไขปัญหาคางที่มีลักษณะผิดรูป การฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยเติมเต็มพื้นที่บริเวณคางได้อย่างเป็นธรรมชาติ และยังสามารถปรับแต่งได้ในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ ซึ่งสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์หรือฉีดเติมใหม่ได้ตามต้องการ

• วิธีการทำงานของฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางนั้นจะต้องทำโดยแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์คาง เทคนิคที่ถูกต้องคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกบริเวณคาง ซึ่งเป็นการเสริมให้ฟิลเลอร์ยึดติดแน่นกับโครงสร้างของคาง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนตัวหรือเป็นก้อน

นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว การฉีดฟิลเลอร์คางยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและเสริมโหงวเฮ้งในบางกรณี เนื่องจากคางที่ได้สัดส่วนจะทำให้ใบหน้าดูสมมาตรยิ่งขึ้น นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์คาง ยังสามารถใช้แก้ไขปัญหาคางบุ๋ม คางเอียง หรือคางไม่เท่ากันได้อีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาหลาย ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับรูปทรงคาง โดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถช่วยปรับรูปคางให้สมดุลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาคางที่ผิดรูปหรือไม่ได้สัดส่วน ดังนั้นมาดูกันว่าการฉีดฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง

• ฟิลเลอร์คางสามารถแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด
ปัญหาคางสั้นและคางตัดทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลและไม่เรียวยาว ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้ใบหน้าดูสั้นและกลม การฉีดฟิลเลอร์คางช่วยยืดความยาวของคางให้ดูสมดุลกับใบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการใบหน้าแบบวีเชฟ

• ฟิลเลอร์คางสามารถแก้ปัญหาคางบุ๋มและคางไม่เท่ากัน
คางบุ๋มและคางที่ไม่เท่ากันสามารถทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถช่วยเติมเต็มบริเวณที่คางบุ๋ม ทำให้คางดูเต็มและสมส่วนมากขึ้น และสามารถปรับสมดุลให้คางทั้งสองข้างเท่ากันได้

• ฟิลเลอร์คางสามารถแก้ปัญหาคางเบี้ยวหรือคางเอียง
บางคนอาจมีปัญหาคางที่เบี้ยวหรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง การฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถปรับรูปทรงคางให้ดูสมดุลมากขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและได้สัดส่วน

• ฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขปัญหารูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน
สำหรับผู้ที่มีใบหน้าที่ดูสั้นหรือไม่สมมาตร การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถช่วยปรับความสมดุลให้ใบหน้าดูได้สัดส่วนมากขึ้น คางที่ยาวและเรียวขึ้นช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วนและเข้ารูปมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสวยงามและสมดุลมากขึ้น

• ฟิลเลอร์คางสามารถเสริมโหงวเฮ้งเพื่อความสบายใจได้
นอกจากการแก้ไขปัญหาความสวยงามแล้ว หลายคนยังใช้การฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อเสริมโหงวเฮ้ง เพราะคางที่ดูสวยงามและได้สัดส่วนตามหลักโหงวเฮ้งจะส่งผลต่อโชคลาภและความสำเร็จในชีวิต โดยคางที่ดูนูนและกลมมนเป็นลักษณะของคางที่ดีตามหลักโหงวเฮ้ง ซึ่งสามารถช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์คาง

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง เกิดรอยช้ำและบวมหลังฉีด อันตรายไหม

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม ? มีวิธีเช็คยังไง ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เป็นอันตราย หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ แต่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นหากเลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือเข้ารับการฉีดในคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์คางที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน คางบิดเบี้ยว หรือเกิดการติดเชื้อได้ ดังนั้นการเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์คางที่มีมาตรฐานรับรองจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งเรามีวิธีในการเช็คความปลอดภัยเบื้องต้นก่อนฉีดฟิลเลอร์คางมาให้ทุกคนได้นำไปใช้ในการตัดสินใจ

• การฉีดฟิลเลอร์คางควรดูรีวิวฉีดฟิลเลอร์คางจากเคสก่อนหน้า
รีวิวฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นสิ่งที่สามารถการันตีได้ในระดับนึงว่าผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์คางในเคสก่อนหน้าออกมาดีหรือไม่ ซึ่งคลินิกที่มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์คางให้กับลูกค้าได้ตรวจสอบนั้น ก็ถือว่าเป็นคลินิกที่มีความจริงใจ และสามารถตรวจสอบได้ แต่อย่างไรก็ตามรีวิวฉีดฟิลเลอร์คางก็เป็นส่วนหนึ่ง ควรมีการเช็คข้อมูลในด้านอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย

• การฉีดฟิลเลอร์คางควรเช็คฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพจะไม่มีสารตกค้างในร่างกาย และมีความปลอดภัยสูง หากไม่มั่นใจในฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกใช้ ควรขอดูบรรจุภัณฑ์และตรวจสอบเลขที่ อย. บนผลิตภัณฑ์เพื่อความมั่นใจก่อนที่จะให้แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์คาง

• การฉีดฟิลเลอร์คางควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง
คลินิกที่น่าเชื่อถือควรมีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข สามารถตรวจสอบได้จากหมายเลขใบอนุญาต 11 หลัก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นคลินิกที่ผ่านการรับรองและปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์คาง

• การฉีดฟิลเลอร์คางควรเลือกแพทย์เฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์
ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรองจากแพทยสภา เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่ต้องใช้ทักษะและความแม่นยำสูง เพราะหากฉีดฟิลเลอร์คางในบริเวณที่ผิดตำแหน่ง อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือคางบิดเบี้ยวได้ โดยการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้

• การฉีดฟิลเลอร์คางควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมของคลินิก
คลินิกที่ได้มาตรฐานควรมีความสะอาดและอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์คางควรผ่านการฆ่าเชื้อเป็นอย่างดี เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หากคลินิกมีสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรหลีกเลี่ยงและหาแหล่งให้บริการที่ดีกว่า

• การฉีดฟิลเลอร์คางควรตรวจสอบบริการหลังการฉีด
คลินิกที่ดีควรมีการติดตามผลหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำการฉีดฟิลเลอร์คางอย่างเหมาะสม หากมีปัญหาหลังการฉีด ควรสามารถติดต่อแพทย์หรือคลินิกได้ตลอดเวลาเพื่อให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาได้ทันที

ฉีดฟิลเลอร์คาง กับ ผ่าตัดเสริมคาง ควรเลือกวิธีไหน ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปคางในลักษณะที่ไม่ซับซ้อนหรือปรับเพียงเล็กน้อย ฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่สามารถแก้ปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางไม่สมมาตร หรือคางไม่เท่ากันได้โดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและสามารถแก้ไขได้ง่ายหากไม่พอใจกับผลลัพธ์

ควรเลือกวิธีฉีดฟิลเลอร์คางหากคุณมีความต้องการดังนี้
• ควรฉีดฟิลเลอร์คาง หากคุณต้องการ ปรับรูปทรงคางเพียงเล็กน้อย เช่น เพิ่มความยาวคางเล็กน้อย
• ควรฉีดฟิลเลอร์คาง หากคุณสามารถรับได้กับผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร
• ควรฉีดฟิลเลอร์คาง หากคุณไม่ต้องการ พักฟื้นนาน และไม่สะดวกที่จะรับการผ่าตัด
• ควรฉีดฟิลเลอร์คาง หากคุณต้องการทดลองปรับรูปคางก่อนที่จะตัดสินใจเลือกวิธีถาวร เช่น การผ่าตัด
• ควรฉีดฟิลเลอร์คาง หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

การผ่าตัดเสริมคาง เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร และต้องการปรับรูปคางให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยใช้ซิลิโคนหรือวัสดุเสริมอื่นๆ เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณคาง การผ่าตัดคาง จะสามารถเพิ่มความยาวของคางหรือเปลี่ยนรูปทรงคางได้มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์

ควรเลือกผ่าตัดเสริมคางหากมีความต้องการดังนี้
• ควรผ่าตัดเสริมคาง หากคุณต้องการ ผลลัพธ์ที่ถาวร และไม่ต้องการกลับมาทำหัตถการซ้ำบ่อยๆ
• ควรผ่าตัดเสริมคาง หากคุณมีปัญหาคางสั้น คางตัด หรือคางเบี้ยวมาก และต้องการปรับแก้ทรงคางอย่างชัดเจน
• ควรผ่าตัดเสริมคาง หากคุณยอมรับได้กับการมีแผลจากการผ่าตัดและต้องมีเวลาในการพักฟื้น
• ควรผ่าตัดเสริมคาง หากคุณต้องการเพิ่มความยาวคางมากกว่า 1 เซนติเมตร ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางอาจไม่สามารถทำได้

สรุปคือ หากคุณต้องการปรับคางเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องการพักฟื้น และยอมรับได้กับผลลัพธ์ที่อาจไม่คงทน การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าหากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร พร้อมกับสามารถรับมือกับการผ่าตัดและการพักฟื้น รวมไปถึงมีงบประมาณที่มากพอในการทำ การผ่าตัดคาง อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ฟิลเลอร์คางแบบไหนดีที่สุด? แนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดคาง
ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดคางควรมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและมีความคงตัวสูง ซึ่งช่วยให้ฟิลเลอร์สามารถปั้นรูปคางได้อย่างเหมาะสมและคงรูปทรงได้นานพอสมควร โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดคางจะเป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยตัวอย่างฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในการฉีดฟิลเลอร์คาง มีดังนี้

1.Juvederm Voluma
เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลางที่เหมาะกับการฉีดคาง เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปั้นทรงคางให้ดูเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะช่วยเพิ่มความยาวของคางและให้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนกับใบหน้า สามารถเพิ่มความยาวคางได้ดี และยังดูเป็นธรรมชาติเมื่อสัมผัส สามารถอยู่ได้นานโดยอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน

2.Juvederm Volux
เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งและคงตัวสูงที่สุดในตระกูล Juvederm เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณคางที่ต้องการความแน่นของเนื้อฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถปั้นทรงคางได้ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปคางอย่างชัดเจนและถาวร โดยอยู่ได้ประมาณ 18-24 เดือน

3.Restylane Lyft
เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมคางและทดแทนกระดูก มีความคงตัวดีทำให้คงรูปได้ยาวนาน ฟิลเลอร์ชนิดนี้ช่วยให้คางดูสมมาตรและเพิ่มมิติของใบหน้าได้ดี เหมาะสำหรับการปรับรูปคางอย่างเป็นธรรมชาติ โดยอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน

4.Belotero Intense
เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นดี เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่ต้องการการเสริมกระดูกหรือการเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ลึก เช่น คาง ช่วยให้คางดูยาวขึ้นและรับกับใบหน้าได้เป็นอย่างดี โดยสามารถอยู่ได้นานประมาณ ประมาณ 18 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์คาง เจ็บมั้ย ?
การฉีดฟิลเลอร์คางอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วความเจ็บจะไม่มากและสามารถทนได้ สาเหตุที่ส่งผลต่อระดับความเจ็บสามารถเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

• การใช้ยาชาก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์มักจะใช้ยาชาเฉพาะที่ เช่น ยาชาแบบครีมหรือยาชาแบบฉีด เพื่อลดความเจ็บในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์บางรุ่นยังมียาชาผสมอยู่ในตัวเนื้อฟิลเลอร์ เช่น Lidocaine ซึ่งช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีด ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายขึ้น

• เทคนิคของแพทย์ในการฉีดฟิลเลอร์คาง
แพทย์จะใช้เทคนิคการฉีดที่ช่วยลดความเจ็บปวดและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยการใช้เข็มที่มีขนาดเล็กหรือใช้เข็มปลายทู่ จะช่วยลดความรู้สึกเจ็บและลดโอกาสเกิดรอยช้ำหลังฉีด ทำให้การฉีดฟิลเลอร์คางจะเจ็บน้อยกว่าที่หลายคนคาดคิด

• ความไวต่อความเจ็บปวดของแต่ละคนในการฉีดฟิลเลอร์คาง
ระดับความเจ็บปวดนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจรู้สึกเจ็บมากขึ้น หรือน้อยลง ขึ้นอยู่กับระดับความไวต่อความเจ็บของร่างกาย อย่างไรก็ตาม โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์คางมักให้ความเห็นว่าความเจ็บนั้นอยู่ในระดับที่ทนได้และไม่รุนแรง

• บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
คางเป็นบริเวณที่มีเนื้อเยื่อไม่หนามาก การฉีดฟิลเลอร์คางอาจทำให้รู้สึกตึงหรือระคายเคืองเล็กน้อยในขณะที่เข็มแทงเข้าไป แต่โดยทั่วไปจะไม่เจ็บมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณอื่นๆ ของใบหน้า เช่น ร่องแก้มหรือใต้ตา

ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางต้องเตรียมตัวยังไง ? อะไรควรทำไม่ควรทำ ?
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรมีการศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์
ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง และเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน พร้อมทั้งควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินรูปทรงคางที่เหมาะสมและสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และข้อควรระวัง

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรงดการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด
ควรงดยาและอาหารเสริมบางชนิดที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin), ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen), วิตามินอี, โสม, และน้ำมันปลา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำและบวมมากขึ้นหลังการฉีด

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรงดดื่มแอลกอฮอล์
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถขยายหลอดเลือด และทำให้เกิดรอยช้ำหรือบวมหลังฉีดมากขึ้น

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วงวันก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะการดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น ฟิลเลอร์จะดูดซับน้ำ ทำให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง ดูฟูและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ
หากมีประวัติการแพ้ยา หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกง่าย หรือกำลังตั้งครรภ์ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรงดการทำหัตถการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับใบหน้า
หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับใบหน้า เช่น การทำเลเซอร์ การนวดหน้า หรือการขัดผิว ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองหรือบาดเจ็บที่ผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้ผิวอ่อนแอลงก่อนการฉีดฟิลเลอร์ คาง

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรงดออกกำลังกายหนัก
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น การวิ่งหรือการยกน้ำหนัก อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลเวียนมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยช้ำและบวมหลังการฉีด ฟิลเลอร์คาง

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรงดการแต่งหน้าในวันที่มีการฉีดฟิลเลอร์คาง
ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้ามาในวันที่จะฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะการแต่งหน้าอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากต้องมีการทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์คาง

• ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรงดสูบบุหรี่
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในช่วง 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื่องจากสารในบุหรี่อาจทำให้หลอดเลือดหดตัวและส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้เกิดอาการบวมช้ำและผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์คาง อาจไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ทำยังไงให้ฟิลเลอร์อยู่นาน ?
• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
ฟิลเลอร์ชนิด ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ทำงานโดยการดูดซับน้ำในชั้นผิว ดังนั้นการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอวันละ 6-8 แก้ว จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูเต็มที่และคงรูปได้นานขึ้น การรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพสูงสุด

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดคางแรงๆ
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือเท้าคาง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวและทำให้คางเสียรูปทรงได้ การสัมผัสใบหน้าควรทำอย่างเบามือในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ฟิลเลอร์ตั้งตัวอย่างมั่นคง

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
ควรงดการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น วิ่ง ยกน้ำหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวมาก ๆ ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้นหรือรอยฟกช้ำที่บริเวณที่ฉีด

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรนอนหงายและหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
หลังการฉีดฟิลเลอร์คางควรนอนหงายอย่างน้อย 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับที่คาง และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว ควรใช้หมอนที่นุ่มและรองรับศีรษะให้ดี

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงความร้อน
ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เร็วขึ้นเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด ซาวน่า และการทำหัตถการที่ใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ที่มีความร้อน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง นอกจากนี้ ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อปกป้องผิวและฟิลเลอร์จากแสงแดด

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรติดตามการดูแลกับแพทย์
ควรนัดหมายติดตามผลกับแพทย์เพื่อประเมินผลลัพธ์ และหากมีข้อสงสัยหรือพบปัญหา เช่น คางผิดรูป ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อแก้ไขปัญหาและรับคำแนะนำในการดูแลเพิ่มเติม

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรงดการใช้เครื่องสำอางหรือแต่งหน้าในวันแรก
ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการระคายเคืองต่อบริเวณที่ฉีด หลังจากนั้นสามารถเริ่มแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรทำความสะอาดผิวหน้าอย่างระมัดระวัง

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่สามารถทำให้เส้นเลือดหดตัว และส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้ฟิลเลอร์คงตัวและอยู่ได้นานขึ้น .

• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ บริเวณใบหน้า
หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ นวดหน้า หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ ที่มีการกระทบกับใบหน้า โดยเฉพาะในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนต่อฟิลเลอร์และให้ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้น

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง เกิดรอยช้ำและบวมหลังฉีด อันตรายไหม

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน?
ฟิลเลอร์คางสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังการฉีด และลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน

ฉีดฟิลเลอร์คางเจ็บไหม?
ความเจ็บระหว่างการฉีดฟิลเลอร์คางถือว่าน้อย เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ และเข็มที่ใช้มีขนาดเล็ก นอกจากนี้ ฟิลเลอร์บางชนิดยังมียาชาผสมอยู่ในเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้ความรู้สึกเจ็บลดลงไปอีก

ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อนไหม?
การฉีดฟิลเลอร์คางอาจเกิดเป็นก้อนได้ หากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม การเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหานี้ได้อย่างมาก ซึ่งหากฟิลเลอร์เป็นก้อน สามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้

ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วมีโอกาสติดเชื้อไหม?
การฉีดฟิลเลอร์คางในคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. มีความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อยมาก อย่างไรก็ตาม การเลือกคลินิกที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงนี้

ฉีดฟิลเลอร์คางปลอดภัยไหม?
การฉีดฟิลเลอร์คาง ปลอดภัย หากใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจาก อย. โดยฟิลเลอร์จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย แต่ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่มีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัย

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือเท้าคาง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวและทำให้คางเสียรูปทรงได้ การสัมผัสใบหน้าควรทำอย่างเบามือในช่วง

709
ฟิลเลอร์ใต้ตา
Radiesse
Skinvive
Filler 12900
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น