บทความเกี่ยวกับ : หลังฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์คืออะไร มีข้อดีอะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มหรือปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูอวบอิ่ม เต่งตึง หรือกระชับมากขึ้น ฟิลเลอร์มักมีส่วนประกอบหลัก เป็นไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid - HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป
ข้อดีของฟิลเลอร์
1.ช่วยลดริ้วรอย ฟิลเลอร์สามารถฉีดเพื่อเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา หรือร่องน้ำหมาก ให้ดูเรียบเนียนขึ้น
2.เพิ่มความอิ่มเอิบ ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับบริเวณที่ต้องการ เช่น ปาก คาง หรือแก้ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
3.สามารถปรับรูปหน้าได้ ฟิลเลอร์ใช้เพื่อปรับรูปหน้าในบริเวณต่างๆ เช่น ปรับสันจมูกให้ดูโด่งขึ้น ปรับกรามให้เรียว หรือเติมหน้าผากให้มีความโค้งมน
4.ไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์เป็นการทำหัตถการที่ไม่ต้องมีการผ่าตัด จึงไม่ต้องพักฟื้นนานและสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ
5.ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์จะดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับโครงสร้างใบหน้าเดิม
6.ระยะเวลาผลลัพธ์ที่ยาวนาน ฟิลเลอร์มีระยะเวลาในการคงอยู่ประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด
ฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลได้ทันที และมีความปลอดภัยสูง
หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ในหลายตำแหน่งบนใบหน้าและร่างกาย ซึ่งแต่ละบริเวณจะมีเป้าหมายในการแก้ไขหรือเพิ่มความสวยงามที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปบริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่
1.ร่องแก้ม (Nasolabial Folds)
ช่วยลดร่องลึกที่เกิดขึ้นระหว่างจมูกและมุมปาก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
2.ใต้ตา (Tear Trough)
ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ลดความหมองคล้ำ และทำให้ดวงตาดูสดใสมากขึ้น
3.ริมฝีปาก (Lips)
ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มและเส้นขอบปากชัดเจนขึ้น หรือปรับรูปปากให้ดูสวยงามตามความต้องการ
4.แก้ม (Cheeks)
ฟิลเลอร์บริเวณแก้มช่วยยกโหนกแก้มและเพิ่มความอวบอิ่ม ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมีมิติมากขึ้น
5.คาง (Chin)
ฟิลเลอร์คางช่วยเพิ่มความยาวหรือปรับรูปคางให้ดูเรียว ทำให้โครงหน้าได้สัดส่วนและดูสวยงามขึ้น
6.จมูก (Nose)
ใช้เพื่อปรับรูปทรงจมูกให้ดูโด่งหรือชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ผลลัพธ์จะไม่ถาวรเหมือนการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
7.หน้าผาก (Forehead)
ช่วยเติมเต็มให้หน้าผากมีความโค้งมน ลดริ้วรอยหน้าผาก และปรับรูปหน้าด้านบนให้สวยงาม
8.ขมับ (Temples)
การเติมขมับช่วยให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม ลดความดูเป็นร่องลึกที่ขมับ ทำให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น
9.กรอบหน้า (Jawline)
ฟิลเลอร์ที่กรอบหน้าช่วยปรับเส้นกรามให้ชัดเจนขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียว มีกรอบหน้าที่สวยคม
10.หลังมือ (Hands)
นอกจากบนใบหน้าแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดที่หลังมือเพื่อเติมเต็มริ้วรอย ทำให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละบริเวณต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ชำนาญในการเลือกชนิดฟิลเลอร์ ปริมาณที่เหมาะสม และเทคนิคการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
หลังฉีดฟิลเลอร์มีผลข้างเคียงไหม
หลังการฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาการชั่วคราวและไม่รุนแรง แต่ยังมีความเสี่ยงที่ควรพิจารณาดังนี้
ผลข้างเคียงทั่วไป
1.อาการบวมและแดง บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการบวมและแดงเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายภายใน 1-2 วัน
2.อาการฟกช้ำ อาจเกิดรอยช้ำบริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะในบริเวณที่มีเส้นเลือดมาก ซึ่งมักหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์
3.ความรู้สึกตึงหรือบวมบริเวณที่ฉีด อาจมีความรู้สึกตึงหรือบวมเล็กน้อย แต่จะค่อยๆ หายไปเมื่อฟิลเลอร์เซ็ตตัว
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
1.การติดเชื้อ แม้ว่าจะเป็นกรณีที่พบได้น้อย แต่หากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น อาจทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดบวมแดงและรู้สึกเจ็บ ควรรีบปรึกษาแพทย์
2.การเกิดก้อนใต้ผิวหนัง หากฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดเป็นก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการนวด หรือในบางกรณีแพทย์อาจต้องฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์
3.การอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion) เป็นภาวะที่อันตราย ซึ่งเกิดจากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันในหลอดเลือด อาจทำให้เกิดผิวซีดหรือเปลี่ยนสี และอาจนำไปสู่เนื้อเยื่อตาย หากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว
คำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
2.งดการออกกำลังกายหนักๆ และเลี่ยงการสัมผัสความร้อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ห้องซาวน่าหรือการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด
3.ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่มีไฮยาลูโรนิคแอซิดทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ผิวดูเต่งตึงและชุ่มชื้นมากขึ้น
หากมีอาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์หรือสงสัยว่าเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที
หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลวิธีตรวจเช็กฟิลเลอร์ของแท้
การตรวจเช็กฟิลเลอร์ของแท้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าได้รับการฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือและได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยวิธีการตรวจเช็กฟิลเลอร์ของแท้มีดังนี้
1.ตรวจสอบจากบรรจุภัณฑ์
• ฟิลเลอร์ของแท้จะมีบรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจนและมีมาตรฐาน โดยควรมีฉลากที่ชัดเจน ระบุชื่อยี่ห้อ, รุ่น, และข้อมูลผู้ผลิตอย่างครบถ้วน
• ฉลากควรมีภาษาอังกฤษหรือภาษาท้องถิ่นที่ระบุชัดเจน ไม่ใช่ภาษาที่ไม่เกี่ยวข้องหรือมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์
2.ดูหมายเลขทะเบียน อย.
• ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยจะต้องมีหมายเลขทะเบียน อย.ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่ามีเลขทะเบียนที่ถูกต้องและสามารถนำเข้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
• หากหมายเลข อย.มีปัญหาหรือไม่สามารถตรวจสอบได้ ควรหลีกเลี่ยงและหาผู้ให้บริการอื่น
3.สอบถามใบรับรองคุณภาพจากบริษัทผู้ผลิต
• ฟิลเลอร์แท้จากบริษัทผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงมักจะมีใบรับรองคุณภาพ เช่น CE Mark (มาตรฐานยุโรป) หรือ FDA (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งยืนยันถึงคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
• ใบรับรองเหล่านี้ควรเป็นของแท้และออกให้โดยบริษัทผู้ผลิต ไม่ใช่การแปลหรือทำสำเนาขึ้นมาเอง
4.ขอให้แพทย์เปิดกล่องฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีด
• ควรขอให้แพทย์หรือคลินิกเปิดกล่องฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีด เพื่อให้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้และใหม่ ไม่ใช่การรีไซเคิล
• กล่องฟิลเลอร์แท้จะต้องมีซีลปิดผนึกที่แน่นหนา และภายในจะมีเข็มพร้อมหลอดฟิลเลอร์ที่สะอาดและสมบูรณ์
5.เลือกใช้บริการจากคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรอง
• คลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขหรือตรวจสอบแล้วว่ามีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย มักมีมาตรฐานในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้
• ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์จากสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือราคาถูกจนผิดปกติ
6.ตรวจสอบ QR Code หรือ Serial Number
• บางบริษัทผลิตฟิลเลอร์ของแท้จะมี QR Code หรือ Serial Number ให้สามารถตรวจสอบได้ทางออนไลน์ ซึ่งสามารถสแกนเพื่อตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์เป็นของแท้หรือไม่
• หากสแกนแล้วไม่พบข้อมูลหรือพบว่ามีการใช้รหัสนี้ไปแล้ว ควรระมัดระวังในการใช้ฟิลเลอร์นั้น
การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้และตรวจสอบอย่างถูกต้อง จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
หลังฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน
หลังการฉีดฟิลเลอร์ อาการบวมมักจะเกิดขึ้นทันทีหลังทำและสามารถหายไปได้ภายใน 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน, ปริมาณและตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการบวม
1.บริเวณที่ฉีด บริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น ใต้ตา อาจบวมนานกว่าบริเวณอื่น
2.ชนิดของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นหรือความหนืดสูงอาจทำให้บวมนานขึ้น
3.การดูแลหลังฉีด การประคบเย็น การดื่มน้ำเพียงพอ และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีดช่วยลดอาการบวมได้
เคล็ดลับช่วยลดอาการบวม
• ประคบเย็น ประคบเย็นเบาๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยลดการอักเสบ
• ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ทำงานได้ดีและลดการบวม
• หลีกเลี่ยงความร้อนและการออกกำลังกายหนักๆ ควรหลีกเลี่ยงซาวน่า, อาบแดด, และออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
• งดแอลกอฮอล์และอาหารรสจัด เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบและทำให้บวมมากขึ้น
หากอาการบวมยังไม่ลดลงหลังจาก 7 วัน หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์
หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์มักจะหายไปภายใน 3-7 วัน สำหรับส่วนใหญ่ โดยเฉพาะถ้าดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ แต่สำหรับบางคนที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย อาจใช้เวลานานกว่านี้เล็กน้อยคือประมาณ 1-2 สัปดาห์ กว่าอาการบวมจะหายสนิท
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการหายบวม
• บริเวณที่ฉีด ใต้ตาและริมฝีปากอาจบวมมากกว่าบริเวณอื่น ทำให้ใช้เวลานานกว่าจะหายบวม
• การตอบสนองของร่างกาย แต่ละคนมีการตอบสนองต่อฟิลเลอร์แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้อาการบวมมีระยะเวลาที่ต่างกัน
• ชนิดของฟิลเลอร์ บางชนิดของฟิลเลอร์มีความเข้มข้นสูง ทำให้บวมมากกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า
วิธีช่วยให้อาการบวมลดเร็วขึ้น
• ประคบเย็นเบาๆ ทำในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยลดการอักเสบและบวม
• งดสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อลดโอกาสการกระตุ้นการอักเสบ
• ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดีขึ้นและช่วยลดการบวม
• หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่หนัก งดซาวน่า การอาบแดด และการออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 48 ชั่วโมงหลังฉีด
หากอาการบวมยังคงมีอยู่เกิน 2 สัปดาห์ หรือตรวจพบอาการผิดปกติ เช่น มีรอยแดง ปวดมาก หรือมีการเปลี่ยนสีผิว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบ
หลังฉีดฟิลเลอร์มีข้อห้ามอะไรบ้าง
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงต่างๆ โดยข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ควรปฏิบัติมีดังนี้
1.ห้ามสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด
หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น
2.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
งดการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด เพราะการออกกำลังกายอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
3.ห้ามสัมผัสความร้อนสูง
ควรงดการสัมผัสความร้อนสูง เช่น การอาบน้ำร้อน ซาวน่า การอบไอน้ำ หรือการอาบแดด เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและทำให้เกิดอาการบวมได้มากขึ้น
4.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะแอลกอฮอล์และคาเฟอีนอาจกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้บวมและฟกช้ำมากขึ้น
5.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
งดใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสารกระตุ้น เช่น เรตินอล, วิตามินซี หรือสารเคมีที่รุนแรง บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
6.ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคงทันทีหลังฉีด
ควรนอนหงายและยกศีรษะสูงในช่วง 1-2 คืนแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ในกรณีที่ฉีดในบริเวณที่มีผลต่อโครงหน้า เช่น คางหรือจมูก
7.หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า
ควรงดการทำหัตถการอื่นๆ เช่น เลเซอร์ นวดหน้า หรือทรีตเมนต์ต่างๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น
การปฏิบัติตามข้อห้ามเหล่านี้จะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่อย่างสมบูรณ์ ลดอาการบวมและฟกช้ำ อีกทั้งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ควรรู้
หลังฉีดฟิลเลอร์มีข้อปฏิบัติที่ควรทำเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากขึ้น ดังนี้
1.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก สามารถช่วยลดอาการบวมและลดความฟกช้ำได้ โดยใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งหรือเจลประคบเย็น
2.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรนอนหงายและยกศีรษะสูง
ในช่วงคืนแรก ควรนอนหงายและยกศีรษะสูงเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และลดการบวม หากฉีดบริเวณคางหรือจมูกการนอนในท่านี้ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น
3.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรดื่มน้ำมากๆ
ฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูโรนิคแอซิดจะดูดซับน้ำได้ดี ดังนั้นการดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่และทำให้ผลลัพธ์ดูเต่งตึงมากขึ้น
4.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูง
งดการอาบน้ำร้อน ซาวน่า อบไอน้ำ และการออกแดดจัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพและกระตุ้นการบวม
5.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดออกกำลังกายหนัก
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ฉีด ลดการบวมและฟกช้ำ
6.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
งดดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะอาจทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้อาการบวมและฟกช้ำรุนแรงขึ้น
7.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดหรือกดนวด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวและเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบ
8.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสารกระตุ้น
งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเรตินอล, วิตามินซี, และสารเคมีที่แรงๆ ในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการระคายเคืองในบริเวณที่ฉีด
9.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า
ควรงดทำหัตถการ เช่น เลเซอร์ นวดหน้า ทรีตเมนต์ หรือการทำหน้าใดๆ ในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวอย่างเหมาะสม
หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณของใบหน้าแตกต่างกันเล็กน้อย
แต่ส่วนใหญ่เน้นไปที่การลดการบวมและช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดี ดังนี้
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าใส
• หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าใสควรงดออกกำลังกายหนัก เพื่อป้องกันการไหลเวียนเลือดมากเกินไป ทำให้บวมมากขึ้น
• หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าใสควรประคบเย็น ช่วยลดการอักเสบและบวมบริเวณที่ฉีด
• หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าใสควรดื่มน้ำมากๆ ฟิลเลอร์จะดูดซับน้ำ ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
• หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรประคบเย็นเบาๆ โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวม
• หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรงดสัมผัสหรือขยี้ตา เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
• หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรนอนหงายและยกศีรษะสูง ช่วยลดการบวมใต้ตา
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
• หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับควรหลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสบริเวณขมับ เนื่องจากขมับเป็นจุดที่บอบบาง อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวได้
• หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับควรงดใช้เครื่องประดับศีรษะที่รัดแน่น เช่น แว่นตาหรือหมวกที่กดทับบริเวณขมับ
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
• หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควรงดนวดหรือแตะบริเวณหน้าผาก เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ตามโครงหน้าธรรมชาติ
• หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควรหลีกเลี่ยงความร้อน งดการใช้ไดร์เป่าผมที่มีความร้อนสูงหรืออบไอน้ำในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
• หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดและรสเผ็ด เพราะความร้อนจะทำให้บวมมากขึ้น
• หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดจูบหรือขยับริมฝีปากมาก การเคลื่อนไหวที่มากเกินไปอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน
• หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรหลีกเลี่ยงการดูดหลอด เช่น หลอดน้ำ หรือสูบบุหรี่ เพราะการขยับริมฝีปากจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์จมูก
• หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดใส่แว่นตา เพื่อไม่ให้กดทับฟิลเลอร์จมูก ควรงดใส่แว่นตาประมาณ 1-2 สัปดาห์
• หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรนอนหงายและยกศีรษะสูง เพื่อลดการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์บริเวณจมูก
• หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดสัมผัสหรือบีบจมูก ไม่ควรสัมผัสจมูกในช่วง 2 สัปดาห์แรก
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรหลีกเลี่ยงการเท้าคางหรือกดบริเวณคาง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
• หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรงดอาหารที่ต้องเคี้ยวมากๆ การเคี้ยวมากเกินไปอาจกระตุ้นการเคลื่อนไหวของฟิลเลอร์บริเวณคาง
คำแนะนำดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
• หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรงดการสัมผัสหรือกดบริเวณร่องแก้ม เพื่อป้องกันการกระจายตัวของฟิลเลอร์
• หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรประคบเย็นเบาๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมบริเวณร่องแก้ม