8 วิธีกำจัด กลิ่นตัว รักแร้เปียก เพิ่มความมั่นใจใต้วงแขน!

กลิ่นตัวเคยรู้สึกขมคอเวลาอยู่ใกล้คน กลิ่นตัว แรงไหม?

อย่าปล่อยให้มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว เหงื่อออกใต้รักแร้ เด็ดขาด!

ปัญหาเรื่องกลิ่นตัว รักแร้เปียก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนตลอดเวลา ยิ่งในอากาศร้อนแบบบ้านเรา ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี รับรองว่าปัญหาเรื่องใต้วงแขนต่างๆ ตามมาแน่นอน แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ปัญหานี้นอกจากจะรบกวนคนรอบข้างแล้ว ยังทำให้เราเสียบุคลิกหมดความมั่นใจไปง่ายๆ อีกด้วย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะทุกคนที่กำลังเจอปัญหาเรื่องกลิ่นตัวแรงหรือรักแร้เปียก สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก กับ 8 วิธีกำจัดกลิ่นตัวและรักแร้เปียก

1. ห้ามขี้เกียจอาบน้ำ

เราควรอาบน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้เหงื่อไหลไคลย้อย แต่ว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ยังไงก็ต้องมีความอับชื้น ตามจุดอับ หรือข้อพับต่างๆ ดังนั้นต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดทุกซอกทุกมุม

อาบน้ำ

2. ผ้าเช็ดตัวก็มีผล

กี่วันถึงซักผ้าเช็ดตัว? ผ้าเช็ดตัวเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ทำให้เกิดกลิ่นอับ พอเราเอาผ้าเช็ดตัวมาสัมผัสกับผิวกาย กลิ่นก็จะติดตัวได้ง่ายมาก ดังนั้นเราควรซักผ้าเช็ดตัวหลังใช้อย่างน้อยทุก 3-5 วัน เพื่อความสะอาด

3. สวมใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบาย

เรื่องของเสื้อผ้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นเหงื่อได้เช่นกัน ใครที่มีเหงื่อเยอะ แนะนำให้สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี อย่างเช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือเลือกเสื้อที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ ช่วยให้ใส่แล้วเย็นสบายตัว

4. เลี่ยงทานอาหารรสจัด/มีกลิ่นแรง

อาหารที่มีรสจัดหรือมีกลิ่นแรง อย่างเช่น กระเทียม สะตอ อาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศรวมถึงเนื้ออสัตว์ เมื่อรับประทานเข้าไปกลิ่นจะเข้าไปสะสมในร่างกายและขับออกมาทางเหงื่อ ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ ดังนั้นอาหารเหล่านี้ทานได้ แต่ว่าควรทานแต่น้อยจะดีกว่า

5. ซักเสื้อผ้าให้สะอาด

แน่นอนว่าเสื่อผ้าที่สวมใส่มาทั้งวันจะเกิดการหมักหมม เมื่อถอดแล้วควรซักเสื้อผ้าให้เร็วที่สุดไม่ปล่อยทิ้งไว้นานหลายวัน และเน้นซักบริเวณใต้วงแขนหรือรักแร้ให้สะอาด การใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มก็จะช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญควรตากเสื้อผ้าในพื้นที่โล่งโปร่ง ตากให้แห้งสนิท เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นอับ

ซักเสื้อผ้าให้สะอาด

6. โกนขนอย่างสม่ำเสมอ

ขนบริเวณรักแร้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว เพราะรักแร้เป็นส่วนอับในร่างกาย ยิ่งมีขนแล้วหากที่ไม่กำจัดจะเป็นแหล่งสะสมของทั้งเหงื่อและแบคทีเรีย จนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้ขนรักแร้ยาว ต้องคอยกำจัดออกอย่างสม่ำเสมอ

7. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย

อีกหนึ่งตัวช่วยที่ง่ายที่สุด อย่างผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ดับ กลิ่นตัว ซึ่งในปัจจุบันก็มีออกมาหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นโรลออน สารส้ม ฯลฯ ใครที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว ควรใช้หลังอาบน้ำเพื่อกลิ่นหอมและความสดชื่น

โรลออน

8. ฉีดโบท็อกซ์ช่วยได้

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการฉีดโบท็อกซ์บริเวณต่างๆ บนใบหน้าเพื่อปรับรูปหน้าให้สวยเรียวหรือลดริ้วรอย แต่มีใครรู้บ้างว่าโบท็อกซ์ก็สามารฉีดบริเวณรักแร้ได้เหมือนกัน

โบท็อกซ์รักแร้

โดยการฉีดโบท็อกซ์ จะเป็นการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin type A) เข้าไปบริเวณรักแร้ข้างละ 20-30 จุด เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อน้อยลงได้กว่า 80% พอเหงื่อลดลง กลิ่นตัวก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งสามารถเห็นผลได้ภายใน 3-7 วันหลังฉีด และจะอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน จากนั้นโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปจะสลายได้เองตามธรรมชาติ แม้ว่าการฉีดโบท็อกรักแร้ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเหงื่อและกลิ่นตัวได้อย่างถาวร แต่เราสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อยๆ เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยมอย่างมาก

แม้ว่า กลิ่นตัว จะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่อย่าปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาด ถ้าใครมีปัญหาเหงื่อออกมาก รักแร้มีกลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวแรง ต้องรีบดูแลจัดการตัวเองให้ดีตามวิธีที่เราแนะนำไปข้างต้นได้เลย นอกจากเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองแล้ว ยังไม่รบกวนคนรอบข้างอีกด้วยนะ

เรื่องฉีดโบท็อกซ์ต้องที่เอเพ็กซ์! สามารถขอคำแนะนำ/ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรือที่คลินิคเอเพ็กซ์กว่า 30 สาขาทั่วประเทศไทยนะคะ