ปลูกผม FUE แก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน
ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน อาจส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพของหลายๆ คน การปลูกผม FUE เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยการปลูกผม FUE จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ ผลข้างเคียงจากการคลอดบุตร การผ่าตัด หรือโรคบางชนิด รวมถึงปัจจัยจากความเครียด การปลูกผม FUE จึงเป็นทางเลือกในการคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่ประสบปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งในปัจจุบัน มีวิธีการแก้ไขปัญหา ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน นั่นคือการปลูกผม และ ในปัจจุบันการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) นับว่าเป็นวิธีที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างถาวร การปลูกผม FUE เส้นผมที่เกิดจากการปลูกผม FUE จะขึ้นสวยงามเป็นธรรมชาติ และ การปลูกผม FUE ยังช่วยให้คุณดูอ่อนวัยขึ้นอีกด้วย
ปลูกผม FUE คืออะไร
การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีการปลูกผม FUE แบบถาวรที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น หรือที่เรียกว่า SFET (Scar-Free Hair Transplant) โดยการปลูกผม FUEจะใช้เครื่องมือพิเศษที่มีหัวเจาะโลหะไททาเนียมขนาดเล็กมาก (ประมาณ 0.8-1.0 มิลลิเมตร) เจาะเอาเซลล์รากผมที่แข็งแรงและสมบูรณ์จากบริเวณด้านหลังของศีรษะ ทีละกอผม (แต่ละกอมีรากผม 1-4 เส้น) แล้วนำไปปลูกผม FUE ในตำแหน่งใหม่ตามทิศทางที่ต้องการ เมื่อปลูกผม FUEเสร็จและผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เซลล์รากผมจะยึดติดกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ การปลูกผม FUE ทำให้มองไม่เห็นรอยแผล วิธีนี้ช่วยให้เซลล์รากผมที่ปลูกขึ้นใหม่มีความแข็งแรง และเส้นผมที่งอกออกมาจะอยู่อย่างถาวร ไม่หลุดร่วงอีก การปลูกผม FUE จึงช่วยแก้ไขปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือศีรษะล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปลูกผม FUE จะเลือกใช้เซลล์รากผมจากบริเวณด้านหลังของศีรษะ เนื่องจากมีจำนวนเซลล์ที่เพียงพอและแข็งแรงกว่าบริเวณอื่น ก่อนตัดสินใจทำการปลูกผม FUE ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความคาดหวังในการรักษา
การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เหมาะกับใคร
การปลูกผม FUE เป็นทั้งการแก้ปัญหาผมร่วงและการเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้ที่รับบริการ โดยวิธี การปลูกผม FUE เหมาะสำหรับผู้ที่
1.การปลูกผม FUE เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผิดปกติ ผมบาง หรือศีรษะล้าน
2.การปลูกผม FUE เหมาะกับ ผู้ที่มีแนวผมที่ร่นขึ้นสูงหรือหน้าผากกว้างเกินไป
3.การปลูกผม FUE เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าเพื่อเสริมความงาม
4.การปลูกผม FUE เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยและไม่ต้องการพักฟื้นนาน
5.การปลูกผม FUE เหมาะกับ ผู้ที่มีผมบางบริเวณกลางศีรษะ
6.การปลูกผม FUE เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการปกปิดรอยแผลเป็นบนศีรษะ
ข้อดีของการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
1.หลังการปลูกผม FUE หนังศีรษะไม่ตึง ไม่เจ็บ และมีเลือดออกน้อย
2.เส้นผมที่ปลูกผม FUE ใหม่มีโอกาสเกิดขึ้นสูง และแข็งแรงกว่าผมเดิม
3.การปลูกผม FUE ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดยาว เนื่องจากแผลมีขนาดเล็กมากเท่ารูขุมขน ประมาณ 1 มิลลิเมตร
4.การปลูกผม FUE แผลหายได้เองและหายไว โดยไม่ต้องการการดูแลพิเศษ
5.หลังจากปลูกผม FUE สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องการพักฟื้น
6.สามารถออกแบบการปลูกผม FUE ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
7.เส้นผมที่ปลูกผม FUE เป็นเส้นผมจริง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัยขึ้น และผมดูหนาขึ้น
ข้อเสียของการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
1.การปลูกผม FUE ได้จำนวนเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่ในการเจาะแต่ละครั้งน้อย
2.การปลูกผม FUE เซลล์รากผมที่ดึงออกมาอาจขาดหรือเสียหายได้ เช่น หากเจาะ 1,000 กอ อาจไม่ได้ครบ ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ ซึ่งแตกต่างจากการปลูกผมเทคนิคแขนกลอัจฉริยะ ที่สามารถหากกอผมได้สมบูรณ์
3.บริเวณที่มีการเจาะเซลล์รากผมไปใช้จากการปลูกผม FUE จะไม่มีผมใหม่ขึ้นมาทดแทน
4.หากต้องใช้เซลล์รากผมในจำนวนมาก การปลูกผม FUE จะทำให้ผมบริเวณด้านหลังของศีรษะบางลง จึงต้องมีการจำกัดจำนวนกอผมที่ปลูกผม FUE ในแต่ละครั้ง
ข้อจำกัดในการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
การปลูกผม FUE ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน เนื่องจากการปลูกผม FUEเป็นการย้ายรากผมจากบริเวณท้ายทอยไปปลูกผม FUE ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง ทำให้บริเวณท้ายทอยที่ย้ายรากผมไปจะไม่มีผมขึ้นมาแทนที่ หากพื้นที่ที่ต้องการปลูกมีขนาดกว้าง หรือต้องการใช้จำนวนผมมากเกินกว่าที่บริเวณท้ายทอยมี การปลูกผม FUE จะไม่สามารถทำได้ หรือหากทำไปแล้ว ผมที่ปลูกผม FUE ใหม่อาจจะดูไม่หนาพอ และผมบริเวณท้ายทอยจะดูบางเกินไป
นอกจากนี้ การปลูกผม FUE ผมที่นำมาปลูกจะต้องมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ หากผมไม่สมบูรณ์ ผมที่ปลูกใหม่จะขึ้นน้อยและบางกว่าที่ควร ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดสำคัญของการปลูกผม FUE
การเตรียมตัวก่อนปลูกผม FUE ควรทำดังนี้
1.ก่อนการปลูกผม FUE ควรนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่
2.หากมีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาเป็นประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการปลูกผม FUE
3.งดทานยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว เช่น พลาวิกซ์ (Plavix), แอสไพริน (Aspirin), วิตามินอี (Vitamin E), น้ำมันปลา (Fish oil), ยาแก้อักเสบอย่างน้อย 7 วัน ก่อนการปลูกผม FUE
4.งดการใช้ Rogaine หรือ Minoxidil ที่เป็นสารช่วยให้เส้นผมดกขึ้นอย่างน้อย 7 วัน ก่อนการปลูกผม FUE
5.ผู้ป่วยโรคความดันสูงที่ใช้ยา Beta Blocker ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยา เพราะอาจมีผลกับยาที่ใช้ในการปลูกผม FUE ได้อย่างน้อย 7 วัน
6.งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดทานอาหารหมักดองตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนการปลูกผม FUE
7.ควรทานอาหารก่อนมาพบแพทย์ เพราะการปลูกผม FUE ใช้เวลาค่อนข้างนาน
8.งดชา งดกาแฟตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนการปลูกผม FUE
9.ไม่ใส่เครื่องประดับและนำของมีค่าติดตัวมาด้วย
10.สวมเสื้อที่ติดกระดุมหน้า หรือเสื้อคอกว้างเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อก่อนเข้ารับการปลูกผม FUE จะได้ไม่โดนแผลเมื่อใส่กลับบ้าน
11.งดการทำผมทุกชนิด และสระผมให้สะอาดก่อนวันปลูกผม FUE
12.ควรมีผู้ติดตามมาด้วยในวันที่เข้ารับการปลูกผม FUE เพราะอาจมีอาการชาและมึนงงจากการใช้ยาชาหรือยานอนหลับในระหว่างการปลูกผม
ขั้นตอนในการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
1.แพทย์จะออกแบบและวาดแนวผมที่ต้องการปลูกผม FUE ร่วมกับคำแนะนำของผู้เข้ารับการรักษา
2.โกนผมบริเวณที่ต้องการปลูกผม FUE และท้ายทอยและฉีดยาชาให้ทั่วบริเวณนั้น
3.เมื่อยาชาออกฤทธิ์ การปลูกผม FUE จะเริ่มขึ้น แพทย์จะเริ่มเจาะกราฟผมโดยใช้เครื่องมือเจาะตรงบริเวณรากผม
4.ในระหว่างที่เซลล์รากผมอยู่ภายนอกร่างกาย แพทย์จะเก็บรักษากราฟผมในน้ำยาเลี้ยงเซลล์ เพื่อคงคุณภาพของรากผมให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนปลูกผม FUE กลับเข้าสู่หนังศีรษะ
5.เมื่อถึงขั้นตอนการปลูกผม FUE แพทย์จะเจาะรูในตำแหน่งที่ต้องการปลูกผม FUE เพื่อกำหนดทิศทาง ความหนาแน่น และตำแหน่งของแนวผม จากนั้นจะนำเซลล์รากผมใส่กลับลงไปในรูที่เตรียมไว้จนครบ
6.หลังการปลูกผม FUE แพทย์จะปิดผ้าพันแผลบริเวณที่ปลูกผม FUE อย่างน้อย 1-2 วัน เมื่อเสร็จสิ้น ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันที
การดูแลตัวเองหลังจากการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
1.หลังปลูกผม FUE ห้ามจับ ซับเลือด แกะ เกา หรือทำให้บริเวณที่ปลูกผม FUEกระทบกระเทือนในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เนื่องจากเซลล์รากผมยังไม่เชื่อมติดกับเนื้อเยื่อ อาจทำให้รากผมหลุดออกได้
2.หลังปลูกผม FUE สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาบน้ำและล้างหน้าได้
3.หลังปลูกผม FUE สระผมได้ในวันรุ่งขึ้น แต่ควรทำอย่างเบามือ ใช้ยาสระผมชนิดอ่อนประมาณ 2 สัปดาห์ ห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ปลูกผม FUE ใช้น้ำอุณหภูมิปกติและไม่แรงเกินไป และทำให้ผมแห้งด้วยการซับเบา ๆ ห้ามใช้ลมร้อนจากเครื่องเป่าผมเป็นเวลา 1 เดือน
4.หลังปลูกผม FUE สามารถจัดแต่งทรงผมได้หลังจากปลูกผม 1 สัปดาห์ โดยไม่ให้โดนแผล
5.หลังจากการปลูกผม FUE 1 เดือน สามารถทำสีผมและดัดผมได้ตามปกติ
6.หลังปลูกผม FUE ควรนอนหงายหรือนอนตะแคง เพื่อลดอาการบวมและปวด ควรใช้ผ้าคาดผมเพื่อป้องกันกอผมที่ปลูกผม FUE หลุด และใช้หมอนรองคอเพื่อป้องกันการกดทับแผลบริเวณด้านหลังศีรษะ นอนหนุนหมอนให้สูงเพื่อลดอาการบวม
7.หลังปลูกผม FUE งดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และงดว่ายน้ำอย่างน้อย 1 เดือน
8.หลังปลูกผม FUE หลีกเลี่ยงการตากแดด ความร้อนมีผลต่อเซลล์รากผม สามารถใส่หมวกป้องกันได้ แต่ไม่ควรใส่ให้แน่นเกินไป
9.หลังปลูกผม FUE งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดทานอาหารหมักดอง ตามคำแนะนำของแพทย์
10.หลังปลูกผม FUE หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังการปลูกผม FUE ควรทานอาหารอ่อน ๆ หากยังมีอาการอยู่ให้หยุดทานอาหารชั่วคราว
11.หลังปลูกผม FUE แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดอาการบวม ซึ่งต้องทานตามคำแนะนำของแพทย์
12.หลังปลูกผม FUE มาพบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อติดตามผลจากการปลูกผม FUE จนกว่าจะเป็นที่พึงพอใจ
13.หลังปลูกผม FUE หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง อาการปวด บวม และแดงมากผิดปกติ เลือดออกมาก แผลตกสะเก็ดหรือน้ำเหลืองบริเวณหนังศีรษะ การอักเสบหรือการติดเชื้อที่ต่อมขุมขน หรือมีอาการชาและไม่มีความรู้สึกบริเวณที่ปลูกผม FUE ให้รีบพบแพทย์ทันที
อาการข้างเคียงหลังจากการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
1.อาการคันและบวมหลังจากการปลูกผม FUE
หลังการปลูกผม FUE เนื่องจากแผลที่เกิดขึ้นจากการปลูกผม FUE จะมีขนาดเล็ก อาจทำให้เกิดอาการคันและบวมได้ โดยทั่วไปอาการคันจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันหลังการปลูกผม FUE เสร็จ และแนะนำไม่ให้เกา แกะ แคะ หรือถูบริเวณแผล ที่ปลูกผม FUE
เพราะอาจทำให้กราฟผมหลุดออกมาได้ หากรู้สึกคันหรือเจ็บหนังศีรษะ ควรลูบเบา ๆ หรือใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการคัน ส่วนอาการบวมมักจะหายไปเองภายใน 7 วัน สามารถใช้ที่ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
2.อาการผมร่วงหลังจากการปลูกผม FUE เกิดขึ้นได้ไหม
การย้ายรากผมอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงจรการเติบโตของเส้นผม โดยผมที่อยู่ในระยะเติบโตจะเปลี่ยนเป็นระยะหลุดร่วงพร้อมกัน ซึ่งอาจทำให้ผมบริเวณที่ย้ายมาปลูกผม FUE และบริเวณข้างเคียงเกิดอาการผมร่วงได้ แต่อาการนี้เป็นเพียงชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไป ผมที่หลุดร่วงจะกลับมางอกใหม่อีกครั้ง โดยอาการผมร่วงหลังปลูกผม FUE อาจเริ่มตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ไปจนถึง 3 เดือน หลังจากนั้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์หลังการปลูกผม FUE จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนประมาณ 1 ปี
การปลูกผม FUE อาจทำให้ผมบริเวณที่ย้ายมาปลูกและข้างเคียงร่วงในช่วง 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน แต่จะกลับมางอกใหม่โดยผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะเห็นได้ในประมาณ 1 ปีหลังการปลูกผม FUE
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผม FUE
1.ปลูกผม FUE เจ็บไหม?
ในระหว่างการปลูกผม FUE ผู้เข้ารับการรักษาจะไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากการปลูกผม FUE แพทย์จะใช้ยาชาและอาจใช้ยานอนหลับในระหว่างการผ่าตัด การปลูกผม FUE แม้หลังจากยาชาหมดฤทธิ์แล้ว ผู้เข้ารับการปลูกผม FUE มักจะไม่รู้สึกเจ็บมาก เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก อย่างไรก็ตาม การปลูกผม FUE อาจมีอาการบวมหรือปวดเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่งให้เพื่อบรรเทาอาการได้ โดยทั่วไป อาการปวดระบมจะหายไปเองภายในประมาณ 2-3 วัน หลังการปลูกผม FUE
2.การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นการปลูกผมถาวรหรือไม่
การปลูกผม FUE ถือเป็นการปลูกผมถาวร เนื่องจากใช้เซลล์รากผมของผู้เข้ารับบริการเอง โดยแพทย์จะเลือกเซลล์รากผมที่แข็งแรงและมีแนวโน้มร่วงยากมาทำการปลูกผม FUE ทำให้เส้นผมที่ได้จากการปลูกผม FUE มีโอกาสหลุดร่วงยาก คุณภาพของเส้นผมจะยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่ย้ายตำแหน่งเท่านั้น
แม้เส้นผมจะหลุดร่วงไปตามวงจรปกติ แต่เซลล์รากผมที่แข็งแรงจะไม่หลุดออกมาด้วย ทำให้ผมที่ขึ้นมาใหม่จากการปลูกผม FUE ยังคงเป็นเส้นผมที่แข็งแรงเหมือนเดิม และสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตของผู้เข้ารับบริการปลูกผม FUE
3.การปลูกผม FUE ใช้ระยะเวลานานเท่าไรถึงจะเห็นผลที่พึงพอใจ?
การปลูกผม FUE จะเริ่มเห็นผลชัดเจนว่ามีผมงอกใหม่ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี อย่างไรก็ตาม การปลูกผม FUE ระยะเวลาที่จะเห็นผลอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สุขภาพของผู้เข้ารับการปลูกผม FUE อายุ และลักษณะของเส้นผมก่อนเข้าการปลูกผม FUE
4.ขั้นตอนการปลูกผม FUE ใช้เวลานานกี่ชั่วโมง?
การปลูกผม FUE จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4-8 ชั่วโมงในการดำเนินการปลูกผม FUE ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่ต้องการปลูกผม FUE เมื่อขั้นตอนการปลูกผม FUE เสร็จสิ้นแล้ว จะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-4 วันหลังการปลูกผม FUE
5.ปลูกผม FUE ไม่ขึ้น ควรทำอย่างไร?
หากปลูกผม FUE แล้วไม่ขึ้น สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การรับประทานยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อการปลูกผม FUE, การดื่มแอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่, การมีโรคประจำตัว, การดูแลตนเองหลังปลูกผม FUE ไม่ถูกต้อง, รวมถึงความชำนาญของแพทย์และคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม FUE ซึ่งอาจส่งผลให้ผลลัพธ์ของการปลูกผม FUE ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หากพบว่าปลูกผม FUE ไม่ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุและหาแนวทางการรักษาต่อไป
ดังนั้น การปลูกผม FUE เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยแผลผ่าตัดขนาดเล็กที่ทำให้การปลูกผม FUE ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน และให้ผลลัพธ์ที่ดี การปลูกผม FUE จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง ผู้เข้ารับการรักษาการปลูกผม FUE จะได้ผมใหม่ที่แข็งแรงและไม่หลุดร่วงง่าย
ปลูกผม FUE คืออะไร แก้ปัญหาผมร่วงผมบางศีรษะล้านได้อย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลเปรียบเทียบการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUT (Follicular Unit Transplantation)
การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction)
• วิธีการ ใช้เครื่องมือเจาะเล็ก ๆ (ขนาด 0.8-1.0 มิลลิเมตร) เพื่อดึงเซลล์รากผมแต่ละกอออกจากบริเวณบริเวณหลังศีรษะ โดยไม่ต้องตัดผิวหนังออก
• แผลและรอยแผล ไม่ทิ้งแผลเป็นขนาดใหญ่ เนื่องจากการเจาะแต่ละจุดจะมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด
• ระยะเวลาฟื้นตัว ระยะเวลาฟื้นตัวสั้นกว่า ผู้รับการปลูกผมสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วขึ้น
• ปริมาณเซลล์รากผม การเก็บเซลล์รากผมแต่ละกออาจใช้เวลานานกว่า และจำนวนกราฟที่ได้อาจน้อยกว่าการปลูกผม FUT
• ความเหมาะสม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผมในพื้นที่เล็ก ๆ หรือผู้ที่ไม่ต้องการรอยแผลเป็นขนาดใหญ่
การปลูกผม FUT (Follicular Unit Transplantation)
• วิธีการ ตัดแถบหนังศีรษะจากบริเวณด้านหลังของศีรษะ แล้วแยกเซลล์รากผมออกจากแถบหนังศีรษะก่อนที่จะปลูกลงในบริเวณที่ต้องการ
• แผลและรอยแผล ทิ้งแผลเป็นที่ยาวและแคบที่บริเวณหลังศีรษะ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวและดูแลรักษามากกว่า
• ระยะเวลาฟื้นตัว อาจต้องการเวลาฟื้นตัวนานกว่า เนื่องจากมีการผ่าตัดใหญ่และการเย็บแผล
• ปริมาณเซลล์รากผม สามารถเก็บเซลล์รากผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เนื่องจากตัดแถบหนังศีรษะที่ใหญ่กว่า
• ความเหมาะสม เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ปลูกผมกว้างหรือมีความต้องการในการปลูกผมจำนวนมาก
โดยรวมแล้ว การเลือกใช้วิธีการปลูกผม FUE หรือ FUT ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ขนาดพื้นที่ปลูกผม, รูปแบบของรอยแผลที่ต้องการ, และเวลาที่สามารถใช้ในการฟื้นตัว
แต่หากเมื่อเปรียบเทียบการปลูกผม FUE กับ การปลูกผมเทคนิคแขนกลแล้วนั้น การปลูกผมเทคนิคแขกลเป็นเทคนิคการปลูกผมที่เอเพ็กซ์ได้นำมาพัฒนาด้วยเทคโนโโลยีที่ล้ำสมัย เทคนิคแขนกลอัจฉริยะจึงสามารถเจาะนำเอากราฟหรือกอผมออกมาได้อย่างสมบูรณ์กว่า แม่นยำกว่า และสามารถปลูกได้รวดเร็วกว่า การปลูกผม FUE ทั่วไป อีกทั้ง การปลูกผมเทคนิคแขนกลที่ APEX ผู้เข้ารับบริการจะได้กอหรือกราฟผมเต็มโดยที่ไม่ผ่านการแบ่ง หั่น หรือย่อยให้ผมเป็นเส้นเดี่ยว ดังนั้นเมื่อปลูกผมเทคนิคแขนกล ผมที่ขึ้นจึงมีความหนาแน่นกว่า และ ใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้น และเมื่อบวกกับความชำนาญของทีมแพทย์ APEX จึงสามารถจัดเรียงกราฟ หรือกอผมได้ตามทิศทาง การขึ้นของเส้นผม เพื่อให้ผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ ขึ้นได้ตามทิศทางธรรมชาติ ที่ควรจะเป็นในแต่ละบุคคลอีกด้วย