พุงป่อง ๆ สัดส่วนบวมที่มาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจาก “โซเดียม” ที่อยู่ในอาหารที่เรากิน เมื่อกินในปริมาณมาก ๆ ที่หรืออาหารนั้นมีโซเดียมมาก ๆ จะทำให้ร่างกายเกิดการบวมขึ้นมาได้ โดยอาหารที่มีโซเดียมสูงนั้นอาจะเป็นอาหารที่หลาย ๆ คนไม่สนใจว่าจะทำให้มีพุงป่อง ๆ ก็ได้ โดยเรามีอาหาร 3 ชนิด โซเดียมสูงมาฝากกัน
เกลือกับโซเดียมต่างกันอย่างไร
เมื่อพูดถึงโซเดียม (Sodium) หลาย ๆ คนจะนึกถึง “เกลือ” ที่ทำให้มีรสชาติเค็ม ซึ่งความจริงแล้วโซเดียมเป็นเพียงส่วนประกอบของเกลือเพียงเท่านั้น โดยเกลือ 1 ช้อนชา จะมีโซเดียมอยู่ประมาณ 40% นอกจานนี้ โซเดียมนี้ก็ไม่ได้มีรสเค็มเสมอไป และไม่ได้อยู่ในเกลือเพียงอย่างเดียว แต่จะอยู่ปะปนในอาหารแทบทุกชนิดที่เรากิน
โซเดียมทำให้พุงป่องได้อย่างไร
- เกิดอาการบวมน้ำ
โซเดียมจะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำไว้ใต้ชั้นผิวและเนื้อเยื่อในร่างกายบริเวณต่าง ๆ ทำให้มีการดึงน้ำรอบ ๆ เซลล์ออกมา จึงเกิด “อาการบวมน้ำ” เมื่อกินอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณมาก ทำให้หน้าท้องพุง หรือต้นขา ของเราเกิดอาการบวมหรือใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
- โซเดียมทำให้อยากกินของหวานมากขึ้น
ผู้ที่ชอบกินอาหารที่รสชาติเค็มเป็นประจำ จะมีพฤติกรรมการกินของหวานและเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากกว่าผู้ที่ไม่รับประทานรสเค็ม จึงทำให้ได้รับน้ำตาลสูงขึ้นและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทั้งความอ้วนและอาการบวมน้ำ
ปริมาณโซเดียมที่ร่างกายต้องกาย
ในแต่ละวันร่างกายควรกินโซเดียมไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือ 2,000 มิลลิกรัม
3 อาหารโซเดียมสูง สาเหตุทำพุงป่อง
- น้ำผลไม้แปรรูป
น้ำผลไม้แม้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากไม่ใช่น้ำผลไม้ที่คั้นสด ๆ แต่เป็นน้ำผลไม้แปรรูปที่ขายกันตามร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป จะมีส่วนประกอบของโซเดียมสูงมาก แต่ปัจจุบันน้ำผลไม้ทางเลือกเหล่านี้ก็ได้มีการปรับสูตรเพื่อลดปริมาณโซเดียมลง แต่หากเป็นไปได้ให้เราทำน้ำผลไม้สด ๆ เองจะดีกว่า
- อาหารแปรรูป
วิธีการถนอมอาหารอย่างการหมัก ดอง การตากแห้ง จะนิยมมีการเติมเกลือหรือสารกันบูดลงในอาหารในปริมาณมาก ส่งผลให้มีโซเดียมสูงไปด้วย โดยเฉพาะในผักกาดดอง เต้าเจี้ยว กิมจิปลาร้า หมูแดดเดียว กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ไส้กรอก ลูกชิ้น แหนม หมูยอ เป็นต้น
- เครื่องปรุง
โดยเฉพาะเครื่องปรุงที่มีส่วนผสมของเกลือ เช่น น้ำปลา มีโซเดียมสูงถึง 1,620 มิลลิกรัม และซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียมสูงถึง 149 มิลลิกรัม นอกจากนี้ ยังมีซีอิ๊วขาว เต้าเจี้ยว น้ำบูดู ซอสหอยนางรม ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก น้ำจิ้มต่าง ๆ ซึ่งหากจะให้ลดเครื่องปรุงเลย อาจจะทำให้ใครหลายคนไม่อยากอาหาร และเกิดการอดอาหารได้ ซึ่งวิธีการแก้วิธีนี้คือ การใช้เครื่องปรุงที่มีสูตรโซเดียมต่ำแทนนั่นเอง
COOL WAVE กำจัดไขมันด้วยความเย็น พร้อมกระชับผิว
COOL WAVE เป็นการผสาน 2 เทคโนโลยีกำจัดไขมันด้วยความเย็นล่าสุดจากเยอรมัน ZLIPO และ Z-wave เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและชัดเจนมากขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับวิธีการกำจัดไขมันด้วยความเย็น Cool อื่น ๆ โดยใช้พลังงานเทคโนโลยีในการกำจัดไขมันใต้ผิวหนังด้วยพลังงานคลื่นกระแทก (Shock waves) ไม่มีการบาดเจ็บใด ๆ ใช้เวลาทำ 60 นาที/ครั้ง มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำเหลือง กระตุ้นการเผาผลาญและสลายไขมันใด้รวดเร็ว กระชับผิวเหี่ยวย้วยหลังคลอด เพิ่มการไหลเวียน กำจัดเซลลูไลท์ ให้ผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง
การทำงาน
- กำจัดไขมันด้วยความเย็น -11 °C แช่แข็งเซลล์ไขมันให้ตายลง จากนั้นร่างกายจะขับเซลล์ที่ตายแล้วออกตามธรรมชาติ สามารถทำได้ 2 บริเวณ พร้อมกัน ๆ (Duo Fat Freezing)
- กำจัดไขมันใต้ผิวหนัง และเซลลูไลท์ เพิ่มการไหลเวียน ด้วยพลังงาน Shock waves ทำให้กำจัดไขมันได้มากขึ้นเร็วขึ้น
ผลลัพธ์
ไขมันลดลง 25-35% เห็นผลสัดส่วนลดหลังทำครั้งแรก 4-6 สัปดาห์ สามารถทำซ้ำเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่มากขึ้น โดยเว้นระยะ 1-2 เดือน
ทำส่วนไหนได้บ้าง
โดยสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณท้องส่วนบน ท้องส่วนล่าง สะโพก ต้นแขน ปีกสะโพกด้านหลัง ไขมันข้างรักแร้ เอว หน้าอกผู้ชาย ต้นขา (ทั้งข้างในและข้างนอก)
ความปลอดภัย
เป็นเทคโนโลยีจากเยอรมัน โดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญดานความเย็นมากกว่า 50 ปี และมีงานวิจัยรองรับจำนวนมากได้รับความนิยมสูงสุดในยุโรป มาตราฐานยุโรป CE, TUV:SUD ได้รับอย.ไทย
โดยผลลัพธ์มีงานวิจัยที่พิสูจน์ได้รองรับสามารถลดสัดส่วนได้รวดเร็ว เหมาะกับคนที่มีสัดส่วนหรือไขมันในปริมาณมาก ๆ และยังลดเซลลูไลท์ ได้ผิวที่ เรียบเนียน กระชับ เปล่งปลั่ง