บทความเกี่ยวกับ : สลายไขมันด้วยความเย็น
สลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร ให้ผลถาวรไหม ลดไขมันส่วนไหนบ้าง ?
การทำ Coolsculpting หรือสลายไขมันด้วยความเย็น ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่ได้สัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน โดยไม่ต้องลดน้ำหนัก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ทั้งยังมีข้อดีอีกหลายข้อซึ่งตอบโจทย์ได้ดีกว่าวิธีการลดน้ำหนักโดยทั่วไป ซึ่งในบทความนี้ Apex Clinic จะพาทุกคนไปทำความรู้จักแบบเจาะลึก ว่าการสลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร? ทำงานอย่างไร? และผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ถาวรจริงหรือไม่? ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านกันได้เลย
การสลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร ?
การสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ Coolsculpting เป็นกระบวนการ Cryolipolysis ที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินแบบไม่รุกราน Non-invasive Fat Reduction โดยใช้ความเย็นในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อทำให้เซลล์ไขมันตาย (Apoptosis) อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ซึ่งแตกต่างจากการผ่าตัดดูดไขมันที่ต้องมีการพักฟื้น และมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผล หรือเกิดผลข้างเคียงรุนแรงมากกว่า นอกจากนั้นการสลายไขมันด้วยความเย็นก็ยังสามารถจัดการไขมันที่อาจลดได้ยาก แม้ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก หรือคุมอาหารแล้วก็ตาม
หลักการทำงานของ Cryolipolysis
กระบวนการ Cryolipolysis เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น โดยอาศัยหลักการเรื่องที่เซลล์ไขมันจะมีความไวต่อความเย็นมากกว่าเซลล์อื่นๆ ในร่างกาย ดังนั้นเมื่อผิวหนังบริเวณที่มีไขมันสะสม สัมผัสกับความเย็น ก็จะทำให้เซลล์ไขมันค่อยๆ แข็งตัวและตายลงตามธรรมชาติ (Apoptosis) จากนั้น ร่างกายจะทำการกำจัดเซลล์ไขมันเหล่านั้นออกไป ตามกระบวนการทางธรรมชาติ ผ่านระบบน้ำเหลือง และกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

สลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร ข้อเสียข้อดีมีอะไรบ้าง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ สลายไขมันด้วยความเย็น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็น
หลายคนที่อยากมีหุ่นสวย อาจเคยลองมาหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การพึ่งพาเทคนิคอื่น ๆ แต่ก็อาจจะรู้สึกว่ายังไม่ตอบโจทย์ ทำให้การสลายไขมันด้วยความเย็นกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่สะดวก ไม่ต้องผ่าตัดช่วยจัดการไขมันเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีข้อดีของการสลายไขมันด้วยความเย็นอีกหลายข้อ ที่รองรับกับความต้องการได้เป็นอย่างดี ดังนี้
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่ต้องผ่าตัด เพราะการสลายไขมันจะใช้หัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) สัมผัสไปที่ผิวหนัง เพื่อปล่อยความเย็น จึงไม่มีแผลหรือความเสี่ยงจากการดมยาสลบ
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องหยุดงานหรืองดกิจกรรมต่าง ๆ
• การสลายไขมันด้วยความเย็นช่วยลดไขมันเฉพาะจุด ช่วยกำจัดไขมันในบริเวณที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา ใต้คาง หรือด้านข้างลำตัว
• การสลายไขมันด้วยความเย็นให้ผลลัพธ์ยาวนาน เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาอีกหากดูแลตนเองอย่างเหมาะสม
• การสลายไขมันด้วยความเย็นลดความเจ็บปวด ระหว่างทำอาจรู้สึกเย็นหรือชาบริเวณที่ทำ แต่ไม่มีความเจ็บปวดรุนแรง
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่กระทบเนื้อเยื่อรอบข้าง ความเย็นจะทำลายเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้น โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่ออื่น ๆ เสียหาย หลังสลายไขมันด้วยความเย็น
• การสลายไขมันด้วยความเย็นให้ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นธรรมชาติในช่วง 1-3 เดือนหลังทำการสลายไขมันด้วยความเย็น
• การสลายไขมันด้วยความเย็นมีความแม่นยำ เพราะเครื่องมือสามารถกำหนดพื้นที่รักษาได้ชัดเจน ทำให้การลดไขมันและสลายไขมันด้วยความเย็นมีความแม่นยำสูง
• การสลายไขมันด้วยความเย็น เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายมาก สำหรับผู้ที่ยุ่งกับงานหรือชีวิตประจำวัน
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเป็นทางเลือกที่สะดวกและไม่ใช้เวลามากนัก
สลายไขมันด้วยความเย็น ทำแล้วอยู่ถาวรไหม
การสลายไขมันด้วยความเย็นสามารถกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร ซึ่งหมายความว่าเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตาม หากคุณมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีและไม่ออกกำลังกาย อาจทำให้ไขมันใหม่สะสมในบริเวณอื่น ๆ ได้ ดังนั้นการดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหลังสลายไขมันด้วยความเย็น จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษารูปร่าง และยืดเวลาของผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
กำจัดเซลล์ไขมันหลังทำ CoolSculpting ใช้เวลานานแค่ไหน
หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็น Cryolipolysis เซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะถูกกำจัดออกจากร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไปผ่านระบบน้ำเหลือง ซึ่งกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน โดยผลลัพธ์ที่ชัดเจนมักจะเห็นได้ในเดือนที่ 2-3 หลังการรักษา บางคนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและปริมาณไขมันที่ถูกกำจัดออกไปหลังทำการสลายไขมันด้วยความเย็น
ใครที่เหมาะและไม่เหมาะกับ CoolSculpting บ้าง
การสลายไขมันด้วยความเย็นหรือ Coolsculpting ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้ดูสมส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีเวลาพักฟื้น ตอบโจทย์การลดไขมันสำหรับผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดซึ่งลดได้ยาก แต่เพื่อให้การทำหัตถการเห็นผล ในหัวข้อนี้เราจะพาดูกันว่าใครบ้างที่เหมาะและไม่เหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น
การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับใคร
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารไม่สามารถลดได้
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติหรือใกล้เคียงน้ำหนักมาตรฐาน แต่ต้องการปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วน
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันบางส่วน เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว หรือใต้คาง
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้น
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่มีรอยแผลหลังการรักษา
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายการปรับรูปร่างชัดเจน และพร้อมดูแลตัวเองหลังทำการสลายไขมันด้วยความเย็นเพื่อรักษาผลลัพธ์
• การสลายไขมันด้วยความเย็นเหมาะกับผู้ที่มองหาวิธีลดไขมันที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองจากองค์กรที่เชื่อถือได้.
การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับใคร
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดหรือระบบน้ำเหลืองที่ยังไม่หายดี
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น โรคเรย์นาวด์ (Raynaud’s disease) หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการรักษา
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมาก และต้องการลดน้ำหนักทั้งร่างกาย
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำหัตถการ เช่น การควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ความเย็นอย่างรุนแรงหรือเคยมีปัญหาจากการสัมผัสความเย็นจัดมาก่อน
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไปและไม่พร้อมรอการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไป
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรังในบริเวณที่จะรักษา
• การสลายไขมันด้วยความเย็นไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ระหว่างการมีประจำเดือน
สำหรับผู้ที่สนใจสลายไขมันด้วยความเย็น แต่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองสามารถทำได้ไหม แนะนำให้สอบถามหรือขอคำแนะนำกับแพทย์ผู้ให้บริการ เพื่อประเมินก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
ไขมันส่วนไหนบ้าง ที่สามารถสลายได้ด้วยความเย็น
การสลายไขมันด้วยความเย็น หรือกระบวนการ Cryolipolysis ของ CoolSculpting สามารถใช้ได้กับบริเวณที่มีไขมันสะสมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เล็ก พื้นที่ใหญ่ หรือพื้นที่ซึ่งยากต่อการสลายไขมันด้วยวิธีการปกติ เช่น
• สลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณหน้าท้อง ช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้องส่วนบนและส่วนล่าง
• สลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณด้านข้างลำตัว (เอว) ช่วยปรับรูปร่างให้ดูกระชับขึ้น
• สลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณต้นขา ลดไขมันบริเวณต้นขาด้านในและด้านนอก
• สลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณต้นแขน ลดไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน ทำให้แขนดูเรียว
• สลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณใต้คาง ลดไขมันใต้คาง ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
• สลายไขมันด้วยความเย็นบริเวณบริเวณใต้บั้นท้าย ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณใต้บั้นท้าย
ผลลัพธ์หลังทำ CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting)
• CoolSculpting เหมาะกับไขมันเฉพาะจุดที่ลดยาก
CoolSculpting หรือการสลายไขมันด้วยความเย็น ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการไขมันเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือใต้คาง ซึ่งมักไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอย่างเต็มที่ วิธีสลายไขมันด้วยความเย็นนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบางจุดโดยเฉพาะ โดยไม่ต้องลดน้ำหนักทั้งหมดหรือเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตให้ต่างไปจากเดิม
• ไม่ได้เห็นผลทันที
การทำ CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น จะไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที แต่เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะถูกกำจัดออกจากร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยร่างกายจะค่อยๆ กำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วผ่านระบบน้ำเหลือง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากการสลายไขมันด้วยความเย็นที่ชัดเจน
• ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
แม้ว่าเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายด้วย CoolSculpting เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ถ้ายังคงมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมหรือขาดการออกกำลังกาย ไขมันส่วนอื่นอาจสะสมขึ้นมาแทน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผลลัพธ์หลังสลายไขมันด้วยความเย็นยาวนานขึ้น
• สลายไขมันด้วยความเย็น ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก
CoolSculpting ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลดตัวเลขน้ำหนักโดยรวม แต่เน้นไปที่การจัดการไขมันในจุดที่กำจัดได้ยากและปรับรูปร่างให้ดูสมส่วน ดังนั้นใครที่อาจจะคาดหวังว่า หลังทำการสลายไขมันด้วยความเย็นแล้วตัวเลขบนตาชั่งจะลดลง อาจไม่ตอบโจทย์ เพราะการสลายไขมันด้วยความเย็นเป็นการปรับรูปร่างมากกว่าการลดน้ำหนักโดยตรง
• ผลข้างเคียงต่ำ ไม่ใช่ไม่มี
การสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นหัตถการที่มีผลข้างเคียงต่ำ แต่ก็ยังสามารถพบได้บ้างในบางกรณี ดังนั้นถ้าใครบอกว่าการสลายไขมันด้วยความเย็น ไม่มีผลข้างเคียงหลังทำเลย ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงนัก เพราะโดยส่วนใหญ่หลังสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว ก็อาจทำให้มีรอยแดง อาการบวม หรือรู้สึกชาชั่วคราวได้ แต่อาการดังกล่าวก็จะหายเองได้ในไม่กี่วัน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
• ต้องทำซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
การทำ CoolSculpting เพียงครั้งเดียว อาจช่วยในการลดไขมันได้ส่วนหนึ่ง แต่ในบริเวณที่มีไขมันสะสมมากหรือหนาแน่นอาจต้องทำการสลายไขมันด้วยความเย็นซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งอาจต้องทำซ้ำประมาณ 1-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการสลายไขมันด้วยความเย็นตรงตามความต้องการมากที่สุด หรือขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้บริการ
เปรียบเทียบการสลายไขมันด้วยความเย็น กับเครื่องมือยอดฮิตอื่น ๆ
การมีหุ่นสวย กระชับ ได้สัดส่วน เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีหัตถการที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้อยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมัน, เมโสแฟต, Hifu/Ulthera หรือThermage รวมถึงการสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting ซึ่งหัตถการแต่ละแบบจะต่างกันอย่างไร มีข้อดีด้านไหนที่เหมาะสมกับตัวเองบ้าง เช็กเลย
• สลายไขมันด้วยความเย็น VS การดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นกระบวนการผ่าตัดที่ใช้เครื่องมือดูดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายโดยตรง มักให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า CoolSculpting แต่ต้องอาศัยการพักฟื้นและมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อหรือรอยแผลเป็น ในขณะที่ CoolSculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น แต่ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่าและต้องทำการสลายไขมันด้วยความเย็นหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
• สลายไขมันด้วยความเย็น VS เมโสแฟต
เมโสแฟตเป็นการฉีดสารเข้าสู่ผิวหนังเพื่อช่วยสลายไขมันในบริเวณเฉพาะจุด วิธีนี้มักเห็นผลเร็วในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์อาจไม่ถาวรและจำเป็นต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง ในทางกลับกันการสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งเน้นใช้ความเย็นควบคุมเพื่อทำลายเซลล์ไขมันแบบถาวร และไม่ต้องอาศัยการฉีดสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม CoolSculpting ใช้เวลานานกว่าในการเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
• สลายไขมันด้วยความเย็น VS Hifu/Ulthera
Hifu และ Ulthera ใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวเป็นหลัก แม้จะช่วยปรับรูปร่างได้เล็กน้อยจากการยกกระชับผิว แต่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลดไขมันโดยตรงเหมือน CoolSculpting ดังนั้นการสลายไขมันด้วยความเย็นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ขณะที่ Hifu หรือ Ulthera เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอย
• สลายไขมันด้วยความเย็น VS Thermage
Thermage ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังและยกกระชับผิว ผลลัพธ์จะเน้นไปที่การทำให้ผิวเรียบเนียนและเต่งตึงมากกว่า การสลายไขมันด้วยความเย็นซึ่งเป็นการลดไขมันเฉพาะจุด เพราะ CoolSculpting ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัด ขณะที่ Thermage ช่วยเสริมความกระชับของผิวหนัง ทำให้ทั้งสองวิธีมุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือยอดฮิตอื่น ๆ การสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) มีจุดเด่นที่แตกต่างอย่างชัดเจน เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น และช่วยกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวรโดยตรง ต่างจากการดูดไขมันที่ต้องใช้การผ่าตัด, เมโสแฟตที่ให้ผลไม่ถาวร, หรือ Hifu/Ulthera และ Thermage ที่เน้นเรื่องการยกกระชับผิวเป็นหลัก ซึ่งทุกคนสามารถพิจารณาในการทำหัตถการร่วมกับการสลายไขมันด้วยความเย็นได้ โดยแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ให้บริการ เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นผลดีมากที่สุด

สลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร ข้อเสียข้อดีมีอะไรบ้าง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ สลายไขมันด้วยความเย็น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการเตรียมตัวก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น
ก่อนเข้ารับบริการสลายไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) การเตรียมตัวให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำหัตถการ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง บทความนี้จะพาคุณไปดูวิธีการเตรียมตัวอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการสลายไขมันด้วยความเย็น
• ศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting ว่ามีการทำงานอย่างไร เหมาะสมกับบริเวณใด รวมถึงปรึกษาเกี่ยวกับข้อควรระวังต่าง ๆ ก่อนทำ CoolSculpting
• เตรียมสภาพผิวให้พร้อมก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น ควรหลีกเลี่ยงการอาบแดดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคืองก่อนเข้ารับบริการ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังการทำหัตถการ
• แจ้งประวัติสุขภาพก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น หากมีโรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ หรือเคยมีประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อให้การประเมินและการเตรียมตัวเป็นไปอย่างเหมาะสม
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดก่อนสลายไขมันด้วยความเย็น เช่น ยาแก้ปวดหรือยาลดการอักเสบก่อนทำ การใช้ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อกระบวนการรักษาหรือเพิ่มโอกาสการเกิดรอยฟกช้ำ ควรปรึกษาแพทย์ถึงยาที่ต้องหลีกเลี่ยงก่อนเข้ารับบริการ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย หลังสลายไขมันด้วยความเย็น
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Coolsculpting หรือการสลายไขมันด้วยความเย็น ได้แก่
• รอยแดง บริเวณที่ทำการสลายไขมันด้วยความเย็นอาจมีรอยแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่นาน
• อาการบวม อาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
• อาการชา บางคนอาจรู้สึกชาบริเวณที่ทำการสลายไขมันด้วยความเย็น
• อาการปวดเมื่อย อาจมีอาการปวดเมื่อยเล็กน้อย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด
โดยจากลักษณะการทำงานของเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งไม่ต้องทำการผ่าตัด ไม่ต้องแทงเข็มเข้าไปบริเวณผิวหนัง จึงช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการผ่าตัด ลดการอักเสบ ทั้งยังลดโอกาสที่จะเกิดแผลจากการทำหัตถการได้ ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกให้กับคนที่อยากมีหุ่นสวย กระชับ ได้สัดส่วน แต่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่มีเวลาพักฟื้น
การดูแลตัวเองหลังสลายไขมัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ยาวนาน
หลังจากผ่านการสลายไขมันด้วยความเย็นมาแล้ว แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากการทำงานที่เข้าไปจัดการไขมันได้ตรงจุด แต่ถึงอย่างนั้นการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและคงที่มากยิ่งขึ้น ดังนี้
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ร่างกายสามารถขับของเสียออกไปได้ง่ายขึ้น รวมถึงเซลล์ไขมันที่ถูกทำลาย
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีน ผัก และผลไม้ ลดการทานของหวานและอาหารไขมันสูง เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันใหม่
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่ต้องหนักหน่วง แต่การเคลื่อนไหวร่างกายหรือออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญและรักษารูปร่างได้ดี
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรหลีกเลี่ยงการอาบแดดหรือใช้ความร้อนกับบริเวณที่รักษา ในช่วงแรกหลังการทำหัตถการ ผิวหนังอาจไวต่อความร้อน การหลีกเลี่ยงแสงแดดและการใช้ความร้อนจะช่วยลดความระคายเคือง
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย การสวมเสื้อผ้าที่หลวมและไม่รัดแน่นจะช่วยลดความอึดอัดและความไม่สบายตัวในบริเวณที่รับการรักษา
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงแรกหลังการรักษา เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจชะลอการฟื้นตัวและกระบวนการขจัดไขมันที่ถูกทำลาย
• หลังสลายไขมันด้วยความเย็น ควรงดการทำกิจกรรมหนัก หรือการออกกำลังกายหนักเกินไป
รีวิวประสบการณ์สลายไขมันด้วยความเย็นที่ APEX

สลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร ข้อเสียข้อดีมีอะไรบ้าง
ผลลัพธ์หลังรับบริการ สลายไขมันด้วยความเย็น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลQ&A รวมคำถามเกี่ยวกับการสลายไขมันด้วยความเย็น
สลายไขมันด้วยความเย็นทำกี่ครั้ง
เพื่อให้ผลลัพธ์จากการสลายไขมันด้วยความเย็น เห็นผล และมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องทำซ้ำตามจำนวนที่แพทย์ผู้ให้บริการแนะนำ ซึ่งจำนวนครั้งในการสลายไขมันด้วยความเย็น อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและบริเวณที่มีไขมันสะสม ซึ่งถ้ามีไขมันน้อย ก็อาจทำครั้งเดียวเห็นผล หรือถ้ามีไขมันมาก ก็จำเป็นต้องทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Coolsculpting ได้ผลจริงไหม
การทำ CoolSculpting หรือเทคนิคสลายไขมันด้วยความเย็น ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการลดไขมันเฉพาะจุด โดยใช้กระบวนการ Cryolipolysis ที่ส่งความเย็นลงไปทำลายเซลล์ไขมันอย่างถาวร ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ช่วยปรับรูปร่างให้กระชับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายในประมาณ 1-3 เดือน
Coolsculpting บวมกี่วัน
หลังจากการทำ CoolSculpting หรือการสลายไขมันด้วยความเย็น อาจทำให้มีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นจากการที่เซลล์ไขมันถูกทำลาย ซึ่งโดยปกติแล้วอาการบวมเหล่านี้ มักจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน แต่ในบางรายอาจใช้เวลานานถึง 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของแต่ละคน
Coolsculpting Elite ดียังไง
Coolsculpting Elite เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก CoolSculpting รุ่นเดิม โดยมีจุดเด่นที่หัว Applicator ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ครอบคลุมพื้นที่การรักษาได้มากขึ้น และใช้เวลาในการรักษาน้อยลง ซึ่งช่วยให้ผู้เข้ารับบริการสะดวกสบายได้มากกว่าเคย
ระหว่าง CoolSculpting กับการดูดไขมันควรเลือกแบบไหน
CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น ส่วนการดูดไขมันเหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในปริมาณมาก และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ดังนั้นการจะเลือกวิธีปรับรูปร่างแบบไหนก็ตาม ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความต้องการ ความสะดวก รวมถึงคำแนะนำจากแพทย์ผู้ให้บริการ
สรุปการสลายไขมันด้วยความเย็นคืออะไร ให้ผลถาวรไหม
การสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ Cryolipolysis ของเครื่อง CoolSculpting เป็นวิธีลดไขมันเฉพาะจุด ซึ่งช่วยให้มีรูปร่างสวย กระชับ ได้สัดส่วนโดยไม่ต้องลดน้ำหนัก ไม่ต้องผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ดังนั้นใครที่กำลังมองหาวิธีปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วน ที่สะดวกสบาย และเห็นผลจริง การสลายไขมันด้วยความเย็นก็ถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาในการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ Apex Clinic เพิ่มเติมได้ทุกๆ สาขา
การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting เป็นตัวช่วยลดไขมันในจุดที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ความเย็นทำลายเซลล์ไขมันอย่างช้า ๆ ปรับหุ่นสวย โดยไม่ต้องลดน้ำหนัก