บทความเกี่ยวกับ : ดึงหน้า

ทำตาสองชั้น 25,000
เสริมหน้าอก Mentor 69,000

ดึงหน้า ควรทำตอนไหน ทำไมต้องใช้วิธีผ่าตัดดึงหน้า
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวหน้าที่เคยตึงกระชับกลับเริ่มหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก กรอบหน้าไม่ชัดเจน ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ แม้ว่าจะลองใช้ครีมบำรุง หรือทำหัตถการยกกระชับต่าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน การศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) จึงเป็นทางออกที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ได้ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ฟื้นคืนใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ บทความนี้จะรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการดึงหน้า

ดึงหน้า

ดึงหน้า Facelift คืออะไร อันตรายไหม ราคาเท่าไหร่

ผลลัพธ์หลังรับบริการ ดึงหน้า Facelift ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ดึงหน้า คืออะไร?
ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift หรือ Rhytidectomy) เป็นหัตถการทางศัลยกรรมตกแต่งที่ช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับผิวหน้า และปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนัง กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่เสื่อมสภาพไปตามวัย

ข้อดี-ข้อจำกัด ของการดึงหน้า มีอะไรบ้าง?
ข้อดีของการดึงหน้า
• การดึงหน้าสามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนังได้อย่างลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ
• การดึงหน้ามีผลลัพธ์อยู่ได้นาน 7-15 ปี ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้และการดูแลหลังการผ่าตัด
• การดึงหน้าต่างจากหัตถการแบบไม่ผ่าตัด เช่น Ulthera, Thermage, HIFU หรือ Morpheus8 ที่ช่วยยกกระชับเฉพาะผิวหนังชั้นตื้น
• การดึงหน้าจะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าใหม่ทั้งชั้นผิว กล้ามเนื้อ และไขมันใต้ผิว
• การดึงหน้าสามารถปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลขึ้น เช่น กรอบหน้าชัดขึ้น แก้มตอบลง ร่องแก้มตื้นขึ้น
• การดึงหน้าเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก และต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของใบหน้าให้ดูเด็กลง
• การดึงหน้าสามารถทำร่วมกับการยกกระชับคอ (Neck Lift) หรือ การเติมไขมัน (Fat Grafting) เพื่อเพิ่มความอ่อนเยาว์
• การดึงหน้าสามารถทำพร้อมกับการดึงหางตา (Fox Eye Lift) หรือ ยกคิ้ว (Brow Lift) เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
• การดึงหน้ามีเทคนิคใหม่ ๆ เช่น Deep Plane Facelift หรือ SMAS Facelift ช่วยลดแผลเป็น ทำให้แผลเล็กลง และฟื้นตัวเร็วขึ้น
• การดึงหน้าใช้เทคนิคแผลซ่อนตามแนวไรผมและหลังใบหู ช่วยให้รอยแผลมองเห็นได้น้อยมาก
• การดึงหน้าจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง และไม่มีปัญหาหน้าแข็งหรือดึงตึงจนเกินไปหากทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการศัลยกรรมดึงหน้า

ข้อจำกัดของการดึงหน้า
• การดึงหน้าใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้
• การดึงหน้าในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึงบริเวณแผลผ่าตัด
• การดึงหน้า แม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ เลือดคั่งใต้ผิวหนัง (Hematoma) แผลเป็นที่อาจเห็นได้ชัดในบางกรณี
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของใบหน้าหากแพทย์ไม่ทักษะหรือประสบการณ์
• การดึงหน้า มีค่าใช้จ่ายสูง โดยค่าใช้จ่ายสำหรับศัลยกรรมดึงหน้าอาจเริ่มต้นที่ 180,000 - 500,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแพทย์ เทคนิคที่ใช้ และโรงพยาบาล ซึ่งต่างจาก Ulthera หรือ Thermage ที่มีราคาถูกกว่ามาก แต่ต้องทำซ้ำทุกปี
• การดึงหน้านั้น แม้ว่าผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการหย่อนคล้อยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
• การดึงหน้า อาจต้องดูแลสุขภาพผิวและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ผิวแก่เร็ว เช่น การสูบบุหรี่หรือโดนแดดจัด
• การดึงหน้าในบางกรณีอาจต้องทำร่วมกับหัตถการอื่น เช่น การเติมไขมัน การฉีดฟิลเลอร์ หรือการยกคิ้ว เพื่อให้ผลลัพธ์ดูสมดุลมากขึ้น
• การดึงหน้าเพียงอย่างเดียว อาจทำให้บางส่วนของใบหน้าดูไม่สมดุลกับส่วนอื่น ๆ
• การดึงหน้าเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก

ดึงหน้า

ดึงหน้า Facelift คืออะไร อันตรายไหม ราคาเท่าไหร่

ผลลัพธ์หลังรับบริการ ดึงหน้า Facelift ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ดึงหน้า ต่างจากใช้เครื่องยกกระชับอย่างไร?
ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift)
• การดึงหน้าเป็นการผ่าตัด ที่ยกกระชับผิวชั้นลึก รวมถึงกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิว
• การดึงหน้าแก้ปัญหาได้ลึกและชัดเจนกว่า เหมาะสำหรับคนที่มีความหย่อนคล้อยมาก
• การดึงหน้าผลลัพธ์อยู่ได้นาน 7-15 ปี ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
• การดึงหน้าช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น ลดริ้วรอย ร่องแก้ม แก้มหย่อน และกรอบหน้าไม่ชัด
• การดึงหน้าต้องใช้เวลาพักฟื้น ประมาณ 2-4 สัปดาห์ อาจมีอาการบวมและช้ำ
• การดึงหน้ามีค่าใช้จ่ายสูง ประมาณ 180,000 - 500,000 บาท

เครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera, Thermage, Morpheus8 ฯลฯ
• เป็นหัตถการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ใช้พลังงานความร้อน เช่น คลื่นวิทยุ (RF), คลื่นอัลตราซาวด์ (HIFU) หรือคลื่นไมโครนีเดิล
• เหมาะสำหรับการยกกระชับคนที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และยังไม่ต้องการผ่าตัด
• ผลลัพธ์อยู่ได้ 6 เดือน - 2 ปี ต้องทำซ้ำทุกปีเพื่อรักษาผลลัพธ์
• ไม่สามารถปรับโครงสร้างใบหน้าได้ เช่น ยกกระชับลึกระดับกล้ามเนื้อ
• ไม่มีแผลผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันที

ปัญหาที่ควรใช้วิธีดึงหน้า เหมาะกับใคร?
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่ผิวหน้าหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่กรอบหน้าไม่ชัด คางห้อย มีเหนียงเยอะ
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมากลึก (Marionette Lines)
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ (Turkey Neck)
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่ขมับและหางตาตก ใบหน้าดูเศร้า
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่ริ้วรอยลึกทั่วทั้งใบหน้า
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่เคยทำเครื่องยกกระชับแล้วไม่ได้ผล
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า 10 ปี
• การดึงหน้าเหมาะกับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และเริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อยหนัก

เทคนิคการดึงหน้า มีแบบไหนบ้าง?
การดึงหน้าเทคนิค Mini Facelift
Mini Facelift เป็นเทคนิคการดึงหน้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยแต่ยังไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 35-50 ปี หรือผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเป็นการยกกระชับเฉพาะบริเวณแนวขากรรไกรและแก้มส่วนล่าง ช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้นโดยไม่ต้องดึงผิวมากเกินไป

จุดเด่นของ Mini Facelift
• แผลผ่าตัดขนาดเล็ก ซ่อนอยู่บริเวณไรผมหรือหลังใบหู
• ฟื้นตัวเร็วกว่า Full Facelift ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยเฉพาะส่วน
• อยู่ได้นานประมาณ 5-7 ปี

การดึงหน้าเทคนิค Full Facelift
Full Facelift เป็นการดึงหน้าที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าผาก ขมับ แก้ม กรอบหน้า และลำคอ เทคนิคนี้ช่วยยกกระชับทุกส่วนของใบหน้าไปพร้อมกัน ทำให้ผิวดูเต่งตึงและย้อนวัยอย่างเห็นได้ชัด

จุดเด่นของ Full Facelift
• สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยในทุกจุดของใบหน้าได้ในครั้งเดียว
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีผิวหย่อนคล้อยมาก
• ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า Mini Facelift อยู่ได้ถึง 10-15 ปี
• สามารถทำร่วมกับ Neck Lift เพื่อผลลัพธ์ที่ครบถ้วน
• ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-4 สัปดาห์

การดึงหน้าเทคนิค SMAS Facelift
SMAS Facelift เป็นเทคนิคที่ยกกระชับชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและกล้ามเนื้อที่มีบทบาทสำคัญในการพยุงโครงสร้างใบหน้า เทคนิคนี้ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นและอยู่ได้นานกว่าการดึงเฉพาะผิวหนัง

จุดเด่นของ SMAS Facelift
• ยกกระชับลึกถึงชั้นเนื้อเยื่อ SMAS ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
• ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า Mini Facelift และเทคนิคดึงผิวแบบพื้นฐาน
• เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 40-60 ปี และมีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก
• ลดโอกาสที่ใบหน้าจะดูแข็งหรือผิดรูปจากการดึงหน้ามากเกินไป
• ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-4 สัปดาห์

การดึงหน้าเทคนิค Deep Plane Facelift
Deep Plane Facelift เป็นเทคนิคดึงหน้าขั้นสูงที่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิว เทคนิคนี้ช่วยให้โครงสร้างใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์โดยไม่ทำให้ดูแข็ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับรุนแรง และต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน

จุดเด่นของ Deep Plane Facelift
• สามารถยกกระชับผิวและไขมันใต้ผิวได้พร้อมกัน ทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น
• แก้ปัญหาร่องแก้มลึก หางตาตก และกรอบหน้าหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน 10-15 ปี
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปและต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
• ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 4-6 สัปดาห์

การดึงหน้าเทคนิค Mid-Facelift
Mid-Facelift เป็นเทคนิคที่เน้นการยกกระชับบริเวณกลางใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา แก้ม และร่องแก้ม ซึ่งเป็นจุดที่เริ่มหย่อนคล้อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เทคนิคนี้ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องทำการดึงหน้าเต็มรูปแบบ

จุดเด่นของ Mid-Facelift
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องแก้มลึกหรือแก้มเริ่มหย่อนคล้อย
• ช่วยให้ใบหน้าช่วงกลางดูกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น
• มักทำร่วมกับ Full Facelift หรือ SMAS Facelift เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
• ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์

การดึงหน้าเทคนิค Neck Lift (ดึงกระชับลำคอ)
Neck Lift เป็นเทคนิคที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณลำคอและเหนียง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวคอเหี่ยวย่น มีไขมันสะสมใต้คาง หรือมีปัญหาคอไก่งวง (Turkey Neck)

จุดเด่นของ Neck Lift
• ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอให้กลับมาตึงกระชับ
• แก้ปัญหาเหนียงและไขมันใต้คาง ทำให้แนวกรามดูคมชัดขึ้น
• มักทำร่วมกับ Facelift เพื่อให้ใบหน้าและลำคอดูกลมกลืนกัน
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีคอหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด
• ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-4 สัปดาห์

ดึงหน้า ต้องพักฟื้นนานไหม?
การดึงหน้าใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยในช่วง 1-2 วันแรก จะมีอาการบวมและตึงผิวมากที่สุด และลดลงเรื่อย ๆ ภายใน 2-4 สัปดาห์ สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ ส่วนผลลัพธ์จะเข้าที่สมบูรณ์ใน 3-6 เดือน เทคนิค Mini Facelift ฟื้นตัวเร็วกว่า Full Facelift หรือ Deep Plane Facelift วิธีช่วยให้พักฟื้นเร็วขึ้นคือ นอนยกศีรษะสูง, ประคบเย็น, งดบุหรี่-แอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก

ดึงหน้า

ดึงหน้า Facelift คืออะไร อันตรายไหม ราคาเท่าไหร่

ผลลัพธ์หลังรับบริการ ดึงหน้า Facelift ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ดึงหน้า มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำหลังผ่าตัด พบได้ทั่วไปในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และจะค่อย ๆ ดีขึ้น
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นหากดูแลแผลไม่ดี หรือมีการสะสมของแบคทีเรีย
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดเลือดคั่งใต้ผิวหนัง พบได้ใน 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด อาจต้องระบายเลือดออก
• การดึงหน้าอาจทำให้แผลหายช้า หรือแผลเป็นชัดเจน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และการดูแลหลังผ่าตัด
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของใบหน้า อาจเกิดจากอาการบวม หรือโครงสร้างใบหน้าที่แตกต่างกันแต่เดิม
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาท อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อบางส่วนอ่อนแรงชั่วคราว แต่ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวเองได้
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดอาการชา หรือสูญเสียความรู้สึกบริเวณผิวหน้า มักเกิดขึ้นชั่วคราวและใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะกลับมาเป็นปกติ
• การดึงหน้าอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อาจต้องแก้ไขเพิ่มเติมหากผลลัพธ์ไม่สมดุลหรือไม่เป็นธรรมชาติ
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อ หรือแผลปริ มักเกิดจากการเคลื่อนไหวมากเกินไป หรือดูแลแผลไม่ดี
• การดึงหน้าอาจทำให้เกิดปัญหาการไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ พบได้น้อย แต่อาจเกิดในผู้ที่สูบบุหรี่หรือมีปัญหาหลอดเลือด

วิธีเตรียมตัวก่อนดึงหน้า ห้ามทำอะไรบ้าง?
• ก่อนดึงหน้าควรตรวจสุขภาพและประเมินโครงสร้างใบหน้า แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่
• ก่อนดึงหน้าควรงดอาหารเสริมและยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี โอเมก้า 3 โสม กระเทียม
• ก่อนดึงหน้าควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของแผลหายช้าและภาวะแทรกซ้อน
• ก่อนดึงหน้าควรทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
• ก่อนดึงหน้าควรเตรียมตัวสำหรับการพักฟื้น โดยจัดเตรียมสถานที่พักผ่อนที่สะอาดและเงียบสงบ หาคนช่วยดูแลในช่วงวันแรกหลังผ่าตัด
• ก่อนดึงหน้าห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำก่อนผ่าตัด 6-8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักในระหว่างดมยาสลบ
• ก่อนดึงหน้าห้ามแต่งหน้า หรือใช้สกินแคร์ในวันผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
• ก่อนดึงหน้าห้ามใช้เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟหรือชา ก่อนผ่าตัด อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
• ก่อนดึงหน้าห้ามใส่เครื่องประดับ โลหะ หรือเล็บปลอมในวันผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงระหว่างการใช้เครื่องมือแพทย์
• ก่อนดึงหน้าห้ามออกกำลังกายหนักก่อนวันผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและฟกช้ำหลังผ่าตัด

หลังดึงหน้า มีวิธีต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
• หลังดึงหน้า ควรนอนศีรษะสูง อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ใช้หมอนรองคอหรือนอนในท่าศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม
• หลังดึงหน้า ควรประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ช่วยลดอาการบวมและช้ำ ควรประคบวันละ 3-4 ครั้ง
• หลังดึงหน้า ควรดูแลแผลให้สะอาดและแห้ง ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือผลิตภัณฑ์ที่แพทย์แนะนำ
• หลังดึงหน้า ควรทานยาตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ และยาลดบวมตามคำแนะนำ
• หลังดึงหน้า ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินซีสูง ช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น เช่น ปลา ไข่ ผักและผลไม้
• หลังดึงหน้า ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยขับของเสียและลดอาการบวม
• หลังดึงหน้า ควรพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจอาการและตัดไหมตามกำหนด (ประมาณ 7-10 วันหลังผ่าตัด)
• หลังดึงหน้า ห้ามนอนตะแคงหรือกดทับใบหน้า อาจทำให้แผลบวมและเสียรูปทรง
• หลังดึงหน้า ห้ามสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ จะทำให้แผลหายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
• หลังดึงหน้า ห้ามออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบวมและเลือดคั่ง
• หลังดึงหน้า ห้ามโดนน้ำบริเวณแผลในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการอักเสบ
• หลังดึงหน้า ห้ามแต่งหน้าหรือใช้สกินแคร์ที่มีสารกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดวิตามินเอ (Retinol) หรือ AHA เป็นเวลา 2 สัปดาห์
• หลังดึงหน้า ห้ามสัมผัสหรือกดนวดใบหน้าแรง ๆ อาจทำให้แผลเปิดหรือเกิดอาการบวมมากขึ้น
• หลังดึงหน้า ห้ามโดนแสงแดดโดยตรง อย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อป้องกันรอยแผลเป็นและช่วยให้แผลจางเร็วขึ้น

วิธีเลือกสถานพยาบาลในการดึงหน้า?
ตรวจสอบข้อมูลของศัลยแพทย์ที่จะทำการดึงหน้า
• เลือกแพทย์ที่เป็น ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง (Board-certified Plastic Surgeon)
• มีประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมดึงหน้าโดยเฉพาะ
• มีเคสตัวอย่างของการดึงหน้าและรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง

เลือกสถานพยาบาลในการดึงหน้าที่ได้มาตรฐาน
• ควรเป็นโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
• มีห้องผ่าตัดดึงหน้าที่ปลอดเชื้อและมีอุปกรณ์ครบครัน
• มีวิสัญญีแพทย์ (แพทย์ดมยา) คอยดูแลในระหว่างผ่าตัดดึงหน้า

ดูรีวิวและเคสของการดึงหน้าก่อน-หลังทำ (Before & After)
• ศึกษาผลงานการดึงหน้าของแพทย์จากภาพถ่ายเคสจริง ไม่ผ่านการแต่งภาพ
• อ่านรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริงในแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ของคลินิก, Pantip, หรือ Facebook

ประเมินเทคนิคการดึงหน้าที่ใช้และความเหมาะสมกับปัญหาของตัวเอง
• สถานพยาบาลควรมี เทคนิคการดึงหน้าหลายแบบ เช่น Mini Facelift, Full Facelift, Deep Plane Facelift
• แพทย์ต้องสามารถให้คำแนะนำของการดึงหน้าที่ตรงกับปัญหาแต่ละบุคคล

ตรวจสอบราคาที่สมเหตุสมผล
• ราคาศัลยกรรมดึงหน้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 180,000 - 500,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคและสถานพยาบาล
• ระวังราคาของการดึงหน้าที่ถูกเกินไป อาจเป็นคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน

มีบริการดูแลหลังผ่าตัดดึงหน้า
• มีแผนการติดตามผลและให้คำแนะนำหลังศัลยกรรมดึงหน้า
• มีทีมแพทย์คอยดูแลหากเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการดึงหน้า

ความสะอาดและความปลอดภัยของสถานพยาบาล
• ควรมีมาตรการความปลอดภัยในการดึงหน้า เช่น ระบบปลอดเชื้อ ห้องผ่าตัดมาตรฐาน
• ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือในการดึงหน้าที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง

ทำไมต้องดึงหน้าที่ Apex?
การดึงหน้าที่ Apex เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน ด้วยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ พร้อมเทคนิคการดึงหน้าในรูปแบบต่าง ๆ ที่ช่วยยกกระชับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อโดยไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งตึง Apex ยังมีมาตรฐานความปลอดภัย มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ และทีมวิสัญญีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังให้บริการดูแลหลังศัลยกรรมดึงหน้าเป็นอย่างดี เพื่อลดอาการ ผลข้างเคียง ทำให้ฟื้นตัวเร็ว และให้ผลลัพธ์ที่คงทน หากคุณต้องการคืนความกระชับให้ใบหน้าอย่างมั่นใจ ดึงหน้ากับ Apex เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ค่ะ หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ

ดึงหน้า คืออะไร ทำไมต้องดึงหน้า ถ้าใช้เครื่องยกกระชับแล้ว ปัญหาไม่หมดไป ใช้วิธีดึงหน้าจะได้ผลหรือไม่ วิธีดึงหน้ายกกระชับที่ Apex

223
ทำตาสองชั้น 25,000
เสริมหน้าอก Mentor 69,000
ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น