เคยสงสัยไหมว่าทำไม เน็ตไอดอลเขาถึงถ่ายรูปออกมาแล้ว หน้าสวย ดูดี ทั้งที่บางคนไม่ได้ใช้แอพเลยด้วยซ้ำ ต้องมีเคล็ดลับอะไรที่เป็นช่วยทำให้ใบหน้าสวยดูดีได้ทุกมุมแบบนี้แน่นอน สำหรับใครสงสัยวันนี้เราจะมาช่วยไขความลับให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ
แม้ว่าจะเป็นเน็ตไอดอลแต่ทุกคนก็สามารถมีปัญหาผิวหน้าเกิดขึ้นได้เหมือนกันหมด ยิ่งเป็นเน็ตไอดอลที่ต้องถ่ายรูป ต้องเจอแสงไฟบ่อย ๆ ทำให้เกิดปัญหาผิวได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะเข้าคลินิกเสริมความงาม เพื่อเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาผิวหน้า ให้ดูดีอยู่เสมอ ซึ่งตัวช่วยยอดนิยมที่สามารถช่วยได้ทั้งการปรับรูปหน้า และปรับสภาพผิว คงจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีสุดฮอต อย่างการทำ Thermage (เทอร์มาจ) เครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้ทันที โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด หรือจิ้มเข็มให้เจ็บตัว แถมยังไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาผิวอย่างเร่งด่วนและไม่อยากเจ็บตัวมาก ๆ เลยค่ะ
มารู้จัก Thermage (เทอร์มาจ) กัน!
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อเทอร์มาจกันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักว่าเทอร์มาจ คืออะไร วันนี้เรามาทำความรู้จักเครื่องมือนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ
Thermage (เทอร์มาจ) คือ เครื่องมือยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งถ้าให้เปรียบการทำเทอร์มาจก็เหมือนการทำเลเซอร์ชนิดหนึ่ง ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น ปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น และนอกจากนั้นแล้วยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียน ลดริ้วรอย ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย
โดยเครื่องมือยกกระชับ Thermage จะปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency หรือ RF) ไปยังชั้นผิวระดับ Dermis ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ของคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งพลังงานนี้เมื่อผ่านชั้นผิวไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เข้าไปทำให้เส้นใยคอลลาเจนเดิมที่เริ่มเสื่อมสภาพ เกิดการหดตัว มีเกลียวที่แน่นและตึงขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ จึงส่งผลให้ผิวใบหน้ายกกระชับขึ้นได้ นอกจากนั้นริ้วรอยเล็ก ๆ ก็ดูจางลง ผิวมีความเรียบเนียน ยืดหยุ่น และเปล่งปลั่งมากขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นใหม่อยู่ตลอด และพลังงานความร้อนยังสามารถลงสู่ชั้นไขมัน จึงสามารถช่วยสลายไขมันสะสมได้อีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำเทอร์มาจ จึงสังเกตได้ว่าใบหน้ายกกระชับ เต่งตึง กรอบหน้าชัดขึ้น ไขมันสะสมตามแก้ม เหนียงลดลง ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
Thermage FLX
ในปัจจุบันเทอร์มาจได้รับการพัฒนาในมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยแต่ก่อนหลายคนอาจจะเคยเห็นหรือคุ้นเคยกับหัวทิปเทอร์มาจที่เป็นสีส้ม แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นหัวสีม่วง ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มีขนาดที่ใหญ่กว่า เพื่อส่งพลังงานได้ดีกว่าเดิม โดยมีชื่อเรียกว่า Thermage FLX ซึ่งย่อมาจาก FASTER ALGORITHM EXPERIENCE
F : FASTER คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น 25% ทำให้ส่งผลดีต่อการทำเทอร์มาจในแต่ละครั้ง เนื่องจากสามารถใช้จำนวนช็อตที่น้อยลงกว่ารุ่นก่อน ๆ ทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการรักษาลง เหลือเพียงแค่ 18 นาทีโดยประมาณ (จากเดิมใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ซึ่งรุ่น FLX จะใช้จำนวนช็อตอยู่ที่ 900 ช็อต (จากเดิมที่ใช้ 1,200 ช็อต)
L : ALGORITHM คือ หัวทิป (Total Tip) แบบใหม่สีม่วงที่สามารถยิงพลังงานลงใต้ชั้นผิวได้ลึกกว่ารุ่นก่อนๆ จากเดิมที่ยิงได้ลึก 4.3 มิลลิเมตร แต่ FLX ยิงได้ลึกถึง 4.7 มิลลิเมตร นอกจากนั้นยังปล่อยพลังงานได้แม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
X : EXPERIENCE คือ ในระหว่างที่ยิงพลังงานจะรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม ช่วยลดอาการเจ็บให้เกิดขึ้นน้อยลง เนื่องจาก FLX มีระบบ Pre and Post Cooling ช่วยป้องกันไม่ให้อุณหภูมิใต้ผิวหนังเกิดความร้อนสะสมมากเกินไป อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลแบบ Touch Screen เพิ่มขึ้นมา เพื่อช่วยให้แพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เทอร์มาจ เหมาะกับใคร
เทอร์มาจ เหมาะกับใคร- ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสม : สําหรับคนที่มีปัญหาหน้าบวม หน้าอ้วน มีไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณแก้ม ใต้คาง เหนียง เทอร์มาจช่วยสลายไขมันสะสม ให้ใบหน้าดูเล็กลง กรอบหน้าชัดขึ้น รูปหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย : คนที่จับแก้มตัวเองแล้วรู้สึกว่าผิวไม่แน่น การคืนตัวของผิวไม่ดี แก้มห้อย เปลือกตา หางคิ้วตก อยากให้ผิวยกกระชับ มีความเต่งตึงมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีผ่าตัดให้เจ็บตัว
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย : โดยเฉพาะริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า ที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย อยากให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน ริ้วรอยลดเลือนลง ดูอ่อนกว่าวัย ผิวเด็กลงอีกครั้ง
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว : เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เซลล์ต่าง ๆ เริ่มเสื่อมลง โดยเฉพาะคอลลาเจนที่ส่งผลต่อผิวโดยตรง การทำเทอร์มาจจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ผิวจึงดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดีมากยิ่งขึ้นได้
ทำ Thermage แล้วอยู่ได้นานไหม
ผลลัพธ์ของการทำ Thermage สามารถอยู่ได้นานกว่า 1-2 ปีเลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังทำเทอร์มาจของเราเองด้วย โดยหลังจากยิงพลังงานลงสู่ผิว จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีว่าใบหน้าดูยกขึ้น กว่า 15-20 % และเมื่อเวลาผ่านไป 1-3 เดือน จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคอลลาเจนใต้ชั้นผิวถูกกระตุ้นให้ผลิตขึ้นมาใหม่อยู่ตลอด
ทำอะไรดีกว่ากัน Thermage /Ulthera
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้วจะทำอะไรดีกว่ากัน? เพราะในปัจจุบันมีเครื่องเลเซอร์ ยกกระชับใบหน้า หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Thermage /Ulthera ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี จริง ๆ แล้วถามว่าเลือกทำเครื่องมือไหนดีกว่ากัน ควรพิจารณาจากปัญหาใบหน้าของตัวคนไข้เอง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร เพื่อการแก้ไขที่ตรงจุด และได้ประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากพลังงานที่ยิงลงสู่ใต้ชั้นผิวของแต่ละเครื่องมือมีความแตกต่างกัน ดังนี้
Thermage (เทอร์มาจ) คือการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุลงสู่ชั้นใต้ผิวระดับ Dermis เป็นชั้นที่อยู่ของไขมัน คอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อให้ผลลัพธ์ของผิวมีความแน่นและเฟิร์มขึ้น
Ulthera (อัลเทอร่า) คือการปล่อยพลังงานอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง ลงสู่ใต้ชั้นผิวหนัง ในระดับ SMAS เพื่อให้ผลลัพธ์ของผิวยกขึ้น
ซึ่งสําหรับวัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาไขมันสะสมตามกรอบหน้ามากกว่า และผิวหน้ายังมีความหย่อนคล้อยไม่มากนัก ดังนั้นการทำ Thermage จึงถือว่าตอบโจทย์ปัญหา และได้ผลลัพธ์ออกมาประสิทธิภาพมากกว่า ส่วนการทำ Ulthera มักจะเหมาะกับคนมีอายุ มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แต่ไม่ค่อยมีไขมันสะสมบนใบหน้าเท่าไหร่ เพื่อเป็นการยกผิวในส่วนที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น
Thermage เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่อยากแก้ไขรูปหน้า และ ฟื้นฟูผิวหน้า ให้ดูดีขึ้นได้ครบจบในเครื่องเดียว อีกทั้งยังไม่ต้องผ่าตัด หรือจิ้มเข็มให้เจ็บตัว และยังไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกด้วย สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที นอกจากนั้นผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้นาน ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นใครที่อยากผิวหน้าดี หน้าสวย เรียวกระชับ เหมือนเน็ตไอดอล การทำเทอร์มาจถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนมาก ๆ เลยแหละค่ะ
