วายร้ายที่มองไม่เห็น ฝุ่น PM 2.5 ป้องกันผิวหน้าโทรมหมองคล้ำ

 

รู้ไหมคะว่า ฝุ่น PM 2.5 ที่เรากำลังเผชิญกันอยู่นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวของเราอีกด้วย เพราะฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนังของคนเราได้ โดยฝุ่นมีขนาดอนุภาคเล็กมากๆ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฝุ่นจิ๋วๆ นี้จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ซึ่งทำลายทั้งเซลล์ผิวชั้นนอกและเซลล์ผิวชั้นใน ซึ่งทำให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพ ปัญหาผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย มีจุดด่างดำบนใบหน้า ผิวเหี่ยวแก่ก่อนวัย รวมถึงการอุดตันในรูปขุมขนทำให้เกิดสิวตามมาอีกด้วย วันนี้เราก็เลยจะมาแชร์วิธีดูแลผิวและป้องกันจากฝุ่น PM2.5 ไปติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ

 

ผลกระทบของ PM 2.5 ที่มีต่อสุขภาพผิว

 

ด้วยความที่ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดที่เล็กมากๆ ฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถแทรงซึมเข้าผิวหนังเราได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งหากฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ผิวแล้วจะไปทำลายเซลล์ผิวหนังกำพร้า ส่งผลให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานานๆ ฝุ่นจะก่อปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในกระบวนการสร้างเซลล์จนสมดุลผิวในร่างกายเสียหาย อาจจะทำให้เกิดจุดด่างดำ เป็นสิว หากไม่ดูแลนานๆ เข้าก็จะทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย หรือประสิทธิภาพในระบบภูมิคุ้มกันผิวลดลง อาจจะทำให้เกิดผื่นคันที่ผิวหนังได้ หรือการอักเสบกำเริบมากขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคผิวหนังเดิมอยู่แล้ว เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงิน สิวผมร่วม

 

ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลต่อผิวอย่างไร ?

ได้มีข้อมูลงานวิจัยรองรับละอองฝุ่น PM 2.5 ที่สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังกำพร้าได้ ก่อให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนังมากขึ้น จากสภาพแวดล้อมภายนอก ผลกระทบแบบเฉียบพลัน มีผลให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนังมากขึ้น เกิดผื่นแพ้ คันและระคายเคืองบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่มีอาการโรคผิวหนังเดิมอยู่แล้ว เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นอักเสบ สะเก็ดเงิน สิว จะทำให้มีอาการกำเริบมากขึ้นได้ค่ะ หากมีการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานานต่อเนื่อง จะส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระต่อเซลล์ผิวหนัง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวเสื่อมชราได้เร็วยิ่งขึ้น เกิดเป็นริ้วรอยและจุดด่างดำเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัญหาผิวที่จะเกิดขึ้นเมื่อโดนฝุ่น PM 2.5 สรุปง่ายๆ เลยมีดังนี้ค่ะ

 

• เกิดสิวและผิวหนังอักเสบ ก่อให้เกิดการอุดตันได้ง่าย เมื่อจับกับความมันบนใบหน้า
• ผื่นแพ้ ระคายเคือง กระตุ้นการอักเสบของเซลล์ผิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
• ริ้วรอยเหี่ยวย่น หากผิวได้สัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่องทุกวัน ทำให้ผิวเกิดอนุมูลอิสระ ส่งผลทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่าย

 

ระดับความรุนแรง ของปัญหาผิวหนัง

สำหรับผู้ที่เกิดอาการภูมิแพ้ผิวหนังสามารถจำแนกความรุนแรงได้ 3 ระดับ ดังนั้

• ระดับน้อยสุด

มีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบตามบริเวณต่างๆ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการใช้ยาแต้มสิวหรือรับประทานยาเพื่อลดการอุดตันของรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบ

• ระดับปานกลาง

มีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย ปวดแสบปวดร้อน มีอาการระคายเคือง รักษได้โดยการใช้ยาทาและรับประทานยาแก้แพ้ร่วมกัน เพื่อลดอาการผื่นขึ้นและอาการระคายเคืองที่เกิดจากอาการภูมิแพ้

• ระดับรุนแรง

มีอาการผื่นเหมือนเป็นลมพิษ หรือมีอาการปวดแสบปวดร้อนเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งกรณีนี้ต้องรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วน เพื่อทำการรักษาค่ะ

 

วิธีป้องกันผิวจากฝุ่น PM 2.5 

 

ป้องกันฝุ่นด้วยการสวมแมสก์

แมสก์ถือเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยในช่วงนี้ โดยเลือกแมสก์ที่มีประสิทธิในการป้องกันทั้งฝุ่นและเชื้อไวรัส อย่างหน้ากาก N95, หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ, หน้ากาก Pitta รุ่นมาตรฐาน และหน้ากากแบบผ้า เป็นต้น

 

ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด

หากคนไหนที่ไม่อยากเป็นสิว สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกๆ หลังจากกลับถึงบ้านมาก็คือการทำความสะอาดผิวหน้านี่แหละค่ะ โดยเริ่มจากการเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกและเมคอัพด้วยคลีนซิ่ง อย่างคลีนซึ่งที่เป็นแบบไมเซล่าเพราะสามารถดูดซับสิ่งสกปรกบนผิวได้ดีกว่าคลีนซิ่งธรรมดาๆ หากคนที่แต่งหน้าหรือแค่ทาครีมกันแดดก็จะดึงพวกคราบเครื่องสำอางต่างๆ รวมถึงพวกฝุ่นที่เกาะบนใบหน้าได้อย่างหมดจบ เช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งเสร็จแล้วตามด้วยการล้างหน้าให้สะอาดอีกครั้งด้วยคลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าทั่วไปได้เลย เป็นการล้างหน้าแบบ Double Cleansing การล้างหน้าแบบนี้เป็นการหน้าล้างเพื่อให้ผิวหน้าสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้นั่นเองค่ะ

 

 

เลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนต่อผิว Anti-Pollution ป้องกันฝุ่น

สำหรับสกินแคร์ที่ควรเลือกใช้ในการดูแลผิว PM 2.5 แนะนำให้เลือกสูตรที่เป็น Anti-Pollution เพราะเป็นสกินแคร์ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอกที่เข้ามาทำร้ายผิวให้เสื่อมโทรมลง และอาจจะตามมาด้วยสิว ฝ้า กระ รวมถึงปัญหาผิวอีกมากมาย ฉะนั้นสาวๆ คนไหน ไม่อยากหน้าพังจากฝุ่น PM 2.5 ควรบำรุงผิวหน้าเป็นประจำด้วยสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติ Anti-Pollution หรืออาจเลือกเป็นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) อย่างเช่น ชาเขียว, วิตามินซี, วิตามินซี ส่วนประกอบพวกนี้จะไปช่วยยับยั้งฝุ่นที่จะเข้าไปก่ออนุมูลอิสระในกระบวนการการสร้างเซลล์ ช่วยลดการอักเสบ ปรับสมดุลให้ผิวแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใสให้ผิวได้อีกด้วย

 

ไม่ควรลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน

ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงธรรมดาที่ไม่มีฝุ่น PM 2.5 หรือ มีฝุ่น PM 2.5 ก็ตามแต่ ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าบ้านเราแดดแรงมากมายมหาศาล อาจจะทำให้ผิวเสียได้ และในปัจจุบันนี้ครีมกันแดดหลากหลายแบรนด์มีคุณสมบัติมากกว่า นอกจากจะมีค่า SPF50+  PA+++ แล้วเนี่ย บางแยรนด์ยังคิดค้นเรื่องปกป้องผิวจากมลภาวะและฝุ่น PM 2.5 อีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ ทุกคนก็อย่าลืมไปหาซื้อครีมกันแดดมาใช้กันนะคะ ด้วยความหวังดี จาก Apex Clear ค่าา~

 

 

เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์

คุณสมบัติของมอยส์เจอไรเซอร์คือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อลดหรือป้องกันภาวะผิวแห้ง ลอก คัน หรือระคายเคืองผิว ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น หากทาไปนานๆ ก็จะช่วยเสริมเกราะป้องกันชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อผิวแข็งแรงก็จะทนต่อมลภาวะฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการระคายเคือง โดยที่สามารถทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวได้ทั้งกลางวันและก่อนนอนได้เลย

 

ผิวอ่อนแอ PM 2.5 ทำพิษ ให้โปรแกรมฉีดหน้าใส Meso Bright กู้ด่วน

 

 

แต่ถ้าหากใครที่กำลังเจอปัญหาสิวเห่อ ผดขึ้นเยอะ ผิวหมองคล้ำ จนผิวอ่อนแอเพราะโดนฝุ่น PM 2.5 มาให้โปรแกรม Meso Bright ช่วยดูแล กู้ผิวอย่างเร่งด่วน ดีท็อกซ์ผิวด้วยสารสกัดอันล้ำค่าที่ช่วยเติมเต็มอาหาร พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้สามารถซ่อมแซมผิวพังและเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว

 

ฉีดหน้าใส Meso Bright

เมโสหน้าใส ก็คือ Meso Therapy เป็นการฉีดสารบำรุงอย่างวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ใต้ชั้นผิวโดยตรง เพื่อบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า โดยสารบำรุงจะถูกฉีดเข้าไปที่ชั้นผิวหนังที่ชื่อว่า Mesoderm เลยเกิดเป็นชื่อที่เรียกกันติดปากว่า Meso หรือ เมโส นั่นเองค่ะ เมื่อตัวยาเข้าไปบำรุงใต้ชั้นผิวหนังจะถูกขับออกจากร่างกายตามระบบของน้ำเหลืองภายในร่างกาย จะมีผลช่วยในการ Detox ผิวของเราไปพร้อมกัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใส ลดการอักเสบ ช่วยขับสารพิษที่สะสมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

 

ส่วนผสมหลัก Meso Bright มีอะไรบ้าง?

 

 

Tea สารสกัดจากชาเขียว ช่วยดีท็อกผิวขับสารพิษ ลดอาการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดรอยดำ

Niacinamide หรือ Vitamin B3 ช่วยลดรอยดำ ปรับผิวให้เรียบเนียนผิวสม่ำเสมอ 

ส้มซีตรัส (Hesperidin) ลดจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ลดริ้วรอย ช่วยทำให้ผิวอมชมพู กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดดี

Ellagic acid สารสกัดจาก Red berry  ลดฝ้า กระ รอยดำ

Agaricus Bisporus สารสกัดจากเห็นแซมปิญอง ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแข็งแรง

Soy Amino Acid กระตุ้นสร้างคอลลาเจน ริ้วรอยเหี่ยวย่นแลดูน้อยลง ยับยั้ง ซ่อมแซ่มขบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน

 

ฉีดหน้าใส Meso Bright ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

✨ ช่วยแก้ปัญหาผด ผื่น สิวที่เกิดจากอาการแพ้ได้

✨ ปรับความสว่างให้ผิวมีออร่ามากขึ้น

✨ ลดเลือนริ้วรอย เติมความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและอิ่มฟู

✨ ยับยั้งเม็ดสีส่วนเกิน ลดเลือน ฝ้า กระ รอยดำจากสิว

 

หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ฉีดหน้าใส Meso Bright ช่วยได้ไหม

หน้าที่ของต่อมไขมันคือรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว ถ้าเราฉีดคอลลาเจนลงในผิวก็จะทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง หน้ามันน้อยลงและรูขุมขนก็จะค่อยๆ เล็กลงตามด้วยค่ะ การฉีดเมโสหน้าใสด้วยคอลลาเจนจะช่วยให้ความชุ่มชื้นและลดความมันของใบหน้าลงได้ค่ะ

 

ใครบ้างที่ควรฉีดหน้าใส Meso Bright และใครบ้างไม่สามารถฉีดหน้าใส Meso Bright ได้

คนที่มีปัญหาผิวหนังหมองคล้ำ เรื้อรัง ปัญหาจากภายใน เช่น ผิวไม่เรียบเนียนมีจุดด่างดำ ตากแดดบ่อยผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำไม่สดใส พักผ่อนไม่เพียงพอหน้าโทรม ผู้ที่มีปัญฝ้า กระ จุดด่างดำ อยากฟื้นฟูสภาพผิวแบบผิวโกลว์ฉ่ำวาว

และเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลผิว ขี้เกียจทาครีมบำรุงผิว หรือแม้กระทั่งคนที่อยากดูแลผิวอย่างเร่งด่วนใช้เวลาไม่นานในการเห็นผลลัพธ์

• แต่การฉีดเมโสหน้าใสก็มีข้อจำกัดอยู่ค่ะ หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการฉีดเมโสหน้าใส อย่างเช่น
• หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
• ผู้ที่กำลังที่ปัญหาผิวหนังอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อ หรือเป็นสิวอักเสบรุนแรง ควรรักษาให้หายก่อนรับบริการ
• ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด การแข็งตัวของเลือด รวมถึงมีภาวะความดันโลหิตที่ไม่ปกติ
• ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
• ผู้ที่เคยมีอาการแพ้สารวิตามินหรือสารบำรุงที่ใช้ในการเสริมความงาม

 

ฉีดหน้าใส Meso Bright ผิวหน้าใสที่จุดไหนได้บ้าง

การฉีดเมโสหน้าใสสามารถฉีดได้ทุกจุดของใบหน้าเลยค่ะ เพราะหลักๆ แล้วอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าเป็นหลักค่ะ อยากให้ผิวส่วนไหนดีขึ้นก็สามารถฉีดจุดนั้นได้ ส่วนการฉีดในส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่มีปัญหาด้านผิวนั้น จำเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนค่ะ

ฉีดหน้าใส Meso Bright  ฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

ฉีดเมโสหน้าใสสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุเลย โดยเริ่มต้นที่อายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะนอกจากสารวิตามินและสารบำรุงสำหรับฉีดเมโสหน้าใสได้แล้วยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวอักเสบ หรือสิวอุดตันซึ่งพบได้บ่อยในวัยรุ่นได้อีกด้วย

 

หลังฉีดหน้าใส Meso Bright นานแค่ไหนจึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังจากฉีดเมโสหน้าใสไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าที่เริ่มสุขภาพดีขึ้น ผิวมีสัมผัสที่นุ่มและชุ่มชื้นขึ้น และสีผิวจะเริ่มมีความกระจ่างใสขึ้น โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน แต่หากจะให้ผลลัพธ์อยู่ได้คงสภาพผิวที่ดีแบบนี้ไปเรื่ิอยๆ สามารถฉีดเมโสหน้าใสได้ทุกๆ 2-4 สัปดาห์

 

ฉีดหน้าใส Meso Bright อันตรายไหม

ฉีดเมโสหน้าใส ไม่อันตรายเลยค่ะ ส่วนผสมในตัวยาประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ตามหลัก Homeopathy เป็นวิตามินต่างๆ ที่ช่วยบำรุง และเสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว ถ้าฉีดโดยใช้ตัวยาเมโสแท้ที่ผ่านอย. กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย 100% ทั้งนี้ทั้งนั้นเมโสหน้าใสที่ต้องระวังคือการฉีดเมโสปลอม เมโสที่รับฉีดตามบ้าน หรือสั่งซื้อเองทางออนไลน์ เป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้แล้วอาจมีอาการแพ้ เป็นผื่น ทำให้ผิวบางหรือเกิดการอักเสบได้

 

ข้อห้ามสำหรับการฉีดเมโสหน้าใส Meso Bright

• อายุน้อยกว่า 18 ปี
• มีค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI มากกว่า 30
• สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
• เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
• มีประวัติเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
• รับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาโรคหัวใจ
• เป็นโรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับตับหรือไต
• เป็นโรคลมชัก
• ติดเชื้อเอชไอวี
• ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาหรืออาหารเสริมอยู่

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดเมโสหน้าใส Meso Bright

• เกิดอาการแพ้ เป็นผื่น หรือคันบริเวณที่ฉีด
• มีอาการปวด ฟกช้ำ บวม แดง
• เกิดการติดเชื้อ อักเสบ
• เป็นแผลเป็น
• รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน มีอาการท้องเสีย

 

การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส Meso Bright

• ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
• หากมีการแพ้ยา แพ้อาหาร มีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ

 

การดูแลหลังฉีดเมโสหน้าใส Meso Bright

• ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทำทันที
• งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
• หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์โดยรอยแดงนี้จะหายไปหลังรักษาประมาณ 1-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
• งดออกแดดแรงๆเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
• ห้ามล้างหน้าประมาณ 4-6 ชั่วโมงหลังทำเสร็จ เพื่อให้ผิวดูดซับตัวยาที่อยู่ในชั้นของเมโส
• งดใช้ครีมจำพวกไวท์เทนนิ่ง หรือครีมหน้าขาว
• ควรใช้ครีมบำรุงที่มีวิตามินผสมเพื่อช่วยฟื้นฟู

 

นอกจากการดูแลผิวด้วยการไม่เปลือยหน้าสดออกจากบ้าน ทำความสะอาดผิวด้วย 2 ขั้นตอน  และเลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยบำรุงผิวแล้ว ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงที่มีฝุ่น PM 2.5 ในระดับสีแดงกันด้วยนะคะ Apex Clear เป็นห่วงสุขภาพกายของคุณทุกคน 💕 หากเป็นหวัดไม่สบายให้โรงพยาบาลช่วยดูแล แต่ถ้าหากผิวหน้าพัง ผิวอ่อนแอ ให้ Apex Clear ช่วยดูแลด้วยโปรแกรม

 

หากใครสนใจโปรแกรมฉีดหน้าใส Meso Bright สามารถเข้ารับบริการฉีดเมโสหน้าใสที่ Apex Medical Center เพื่อปรับสภาพผิวที่กำลังอ่อนแอ ไม่มีความชุ่มชื้น ให้กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง✨✨ ดูโปรโมชั่นของเอเพ็กซ์ได้ที่ APEX Clear หรือทักไลน์  @apexclear  เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแอดมินได้เลยค่ะ

 

โปรแกรมฉีดผิว Meso Bright ปลุกผิวใสฉ่ำวาว

Special price เพียง 4,990 บาท / 3 ml

 

🌸ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่แสบ 

🌸ฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน

🌸ซ่อมแซมผิวจากภายในสู่ภายนอก

🌸ลดเลือนรื้วรอย เติมร่องลึก

🌸สร้างเกาะป้องกันผิวหน้า ผิวแข็งแรง ฟู่ เด้ง ดูสุขภาพดีขั้นสุด

 

เคลียร์ จบ จริง ต้อง Apexclear เคลียร์ทุกเรื่องผิว

สอบถามหรือปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่

Line  : @apexclear คลิก https://lin.ee/wB4l0p0

Facebook : APEX Clear คลิก https://www.facebook.com/ApexClearOfficial

 

#ApexClear #apexclearเคลียร์ทุกเรื่องผิว #เลเซอร์หน้าใส #ทรีทเมนต์หน้าใส #MesoBright #ทรีทเมนท์ผิวใส