ช่องคลอดหลวม ขาดความกระชับ เป็นปัญหาที่ทำให้สาว ๆ ส่วนใหญ่พบเจอกันมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงส่งผลเสียกับสุขภาพร่างกายของสาว ๆ และยังทำให้สาว ๆ ขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ปัญหาช่องคลอดหลวมก็มักส่งผลกระทบต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกายด้วย ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ปัญหา ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งหากอาการรุนแรงมากขึ้นก็อาจทำให้ผู้หญิงเราไม่อยากทำกิจกรรมหรือเข้าสังคม เพราะกลัวว่าจะปัสสาวะบ่อย หรือมีปัสสาวะเล็ดราดออกมาได้
ช่องคลอดหลวม เกิดจากอะไร ? ?
ช่องคลอดหลวม เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอายุที่มากขึ้น เข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือการคลอดบุตร เพราะการคลอดบุตรจะทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ หรือเกิดการฉีกขาดของคอลลาเจน และอีลาสตินในบริเวณช่องคลอดได่ นอกจากนี้สาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือ การอักเสบจนติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือความเจ็บป่วยจากความผิดปกติของฮอร์โมน ก็ทำให้ช่องคลอดขาดความกระชับได้อีกด้วย
ปัสสาวะเล็ด คืออะไร ?
ปัสสาวะเล็ด คือ ปัญหาสุขภาพในกลุ่มโรคเรื้อรังที่พบมากในผู้หญิงทั่วโลก โดยอาการปัสสาวะเล็ดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่หนึ่ง มักพบในคนที่มีโรคทางระบบประสาทและสมองร่วมด้วย โดยมีปัสสาวะไหลตลอดเวลา (Overflow)
- กลุ่มที่สอง ปัสสาวะจะเล็ดเวลาออกแรง โดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมต่างๆ
- กลุ่มที่สาม เกิดจากภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกินไป โดยลักษณะของอาการคือเมื่อเริ่มรู้สึกปวดปัสสาวะ และกำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะมักเล็ดออกมาเสียก่อน นอกจากนี้ยังมีอาการปัสสาวะบ่อยร่วมด้วย
ทั้งนี้ข้อมูลที่น่าตกใจพบว่าผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปี ถึง 1 ใน 3 ที่มีปัญหาช่องคลอดหลวม ปัสสาวะเล็ด แต่ไม่กล้าบอกใคร ไม่ไปพบแพทย์ และไม่ยอมทำการรักษา เพราะคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย แก้ปัญหายาก จนยอมปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้บั่นทอนสุขภาพทั้งกายและใจไปไม่สิ้นสุด แต่ในปัจจุบัน ปัญหาปัสสาวะเล็ด สามารถรักษาได้ โดยมีรักษาที่หลากหลายให้เลือก และสามารถรักษาให้หายได้อย่างตรงจุด โดยวิธีรักษามีดังนี้
1. ใส่ห่วงหรืออุปกรณ์พยุงช่องคลอด
เป็นการรักษาด้วยวิธีการสอดอุปกรณ์เข้าไปที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อพยุงหรือกดให้ท่อปัสสาวะปิดสนิท เมื่อเกิดอาการไอหรือจามก็จะไม่ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ด โดยวิธีดังกล่าวเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด หรือมีข้อจำกัดอื่นๆ เช่นอุ้งเชิงกรานหย่อนคล้อย ทว่าก็มีข้อเสียคือต้องนำออกมาล้างทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
2. ฉีดโบท็อกซ์ แก้ ปัสสาวะเล็ด
เป็นการรักษาด้วยการฉีดสารโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณท่อปัสสาวะเพื่อลดขนาดของท่อปัสสาวะ ช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ดได้ โดยมักใช้ในเมื่อการรักษาเบื้องต้นไม่ได้ผล ทว่าการฉีดโบท็อกซ์ให้ผลเพียงในระยะสั้นๆ และต้องมีการฉีดซ้ำตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
3. ผ่าตัดรีแพร์
เป็นการผ่าตัดกระชับอุ้งเชิงกรานในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ซึ่งเป็นการรักษาที่สามารถรักษาอาการปัสสาวะเล็ดได้เพียงในช่วงแรก และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ภายในระยะ 5 ปีหลังผ่าตัด อีกทั้งยังเป็นการผ่าตัดใช้เวลาพักฟื้นนานอีกด้วย
4. ผ่าตัดใส่สายคล้อง
ในกรณีที่มีอาการปัสสาวะเล็ดที่รุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้การผ่าตัดเพื่อใส่สายคล้องท่อปัสสาวะ หรือแผ่นพยุงเพื่อลดอาการปัสสาวะเล็ด โดยข้อดีคือสามารถช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ดได้แต่ก็ยังคงเป็นการผ่าตัดที่อาจเหลือแผลขนาดเล็กไว้
5. Vaginal Lift
เป็นวิธีการรักษาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ด และภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนไปได้พร้อมๆ กัน ช่วยแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดราด และกระชับช่องคลอดได้โดยไม่มีแผลผ่าตัด และสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การรักษาครั้งแรก
พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แห่ง Apex Medical Center เผยว่า “เมื่ออายุมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ผิวหน้าเท่านั้นที่จะหย่อนคล้อย แต่จุดซ่อนเร้นอย่างบริเวณช่องคลอดก็สามารถขาดความกระชับได้เช่นกัน โดยมีภาวะมาจากการคลอดบุตร ซึ่งทำให้ผิวภายในช่องคลอดเกิดการหย่อนคล้อย คอลลาเจนและอิลาสตินเสื่อมสภาพ ส่งผลกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ในชีวิตคู่ โดยเฉพาะผู้หญิงในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป อีกทั้งยังสูญเสียการควบคุมปัสสาวะอีกด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ด โดยเฉพาะเวลาไอหรือจามแรงๆ เพราะผิวในบริเวณนั้นเป็นเนื้อเยื่อที่ต่อเนื่องกัน
โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ในกรณีที่เป็นไม่มาก เพียงฝึกทำทุกวัน โดยการขมิบช่องคลอดแล้วเกร็งไว้ราว 10 วินาที หรืออาจนับ 1-10 ในใจ แล้วค่อยๆ คลาย ทำเช่นนี้ 100-300 ครั้งต่อวัน จะช่วยสร้างความแข็งแรง เพิ่มความกระชับให้แก่ช่องคลอดได้
สำหรับผู้ที่เป็นมาก อาจต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ เพื่อทำศัลยกรรมตกแต่งขนาดให้ช่องคลอดเล็กลง (Repair) ซึ่งเป็นวิธีที่เจ็บและแก้ปัญหาได้ไม่ 100% แต่ในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการกระชับช่องคลอด เพื่อคืนความสาวและแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดได้โดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ กับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Vaginal Lift โดยจะส่งพลังงานเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ ภายในบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบตลอดแนวลึกของช่องคลอด ซึ่งจะเกิดการหดเล็กลงของผนังช่องคลอด สร้างความแข็งแรง กระชับตึง ลดอาการแห้งของช่องคลอด สามารถแก้ปัญหาช่องคลอดหลวมได้ถึง 80-90% จึงหมดปัญหาปัสสาวะเล็ด และช่องคลอดหลวมอย่างเห็นผล ซึ่งการทำรีแพร์จะไม่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรที่จะดูแลสุขภาพร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อและกระดูก รวมไปถึงการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น”
ปัญหาช่องคลอดหลวมและปัสสาวะเล็ด จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หากผู้หญิงทุกคนรู้และเข้าใจ
ข้อดีของเลเซอร์รีแพร์ VAGINAL LIFT
- แก้อาการปัสสาวะเล็ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยกระชับช่องคลอดที่หย่อนคล้อยได้
- คืนความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และทำให้รู้สึกกลับมาเป็นสาวอีกครั้ง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่
- กระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่นในช่องคลอด แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
- ไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- หลังจากทำการรักษาเรียบร้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ไม่ต้องผ่าตัดจึงไม่มีผลข้างเคียง เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาที่รวดเร็ว
คุณมลวิภา เตชะสุกิจ กับประสบการณ์หลังทำ Vaginal Lift ครั้งที่ 2 แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด
“มีอาการปัสสาวะเล็ดมาครึ่งปี ลองทำ Vaginal Lift มาสองครั้ง รู้สึกดีขึ้น ดีใจมากที่ไม่ต้องไปผ่าตัด มาลองทำแล้วจะรู้ว่าดีจริงๆ”
คุณต๊อบ คุณแม่ลูกสอง ที่คลอดลูกเองด้วยวิธีธรรมชาติ แต่ด้วยปัญหาคลอดยาก ทำให้มีอาการช่องคลอดไม่กระชับ และปัสสาวะเล็ดเวลาจามแรงๆ ปัญหานี้สร้างความกังวลใจไม่น้อย
นอกจากนี้แล้ว ในเรื่องของการให้บริการ ที่ APEX เราก็มีทีมงานที่มีประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพผู้หญิงมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณสาว ๆ สามารถเปิดใจ และแก้ปัญหาจุดซ่อนเร้นได้อย่างตรงจุด ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย แค่มาทำเลเซอร์รีแพร์ ที่เอเพ็กซ์ รับรองได้ว่าปัญหาที่คุณสาว ๆ เจอจะหมดไปอย่างแน่นอนค่ะ