ลดน้ำหนักไม่ลง เรามีเคล็บไม่ลับมาบอก 

ลดน้ำหนักไม่ลง ไม่ว่าจะอดอาหาร กินยาลดน้ำหนัก ออกกำลังกายอย่างหนัก หากใครที่กำลังเจอกับปัญหานี้ ไม่ต้องเครียดค่ะ เรามีเคล็ดไม่ลับการลดน้ำหนักมาฝากกัน

 

เช็คอ้วน BMI ดัชนีมวลร่างกาย

BMI (Body Mass Index) หรือการวัดดัชนีมวลร่างกาย ซึ่งเป็นเกณฑ์สากลที่สามารถประเมินความอ้วน หรือผอม สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สามารถวัดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จากสูตรคำนวณ BMI = kg/m

สูตรคำนวณหาดัชนีมวลกาย

ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร)2

ยกตัวอย่าง นาย A มีน้ำหนัก 90 กิโลกรัม และสูง 172 ซม.

ดัชนีมวลกาย (BMI) =  90 ÷ (1.72)2   

วิธีการคิดง่าย ๆ 

เปลี่ยนส่วนสูงจากเซนติเมตรให้เป็นเมตรก่อน แล้วยกกำลัง

หรือการคูณเลขเดิมซ้ำ คือ 1.72×1.72 = 2.958

ดัชนีมวลกาย (BMI) =  90 ÷ 2.958 

                      = 30.42 อยู่ในเกณฑ์ อ้วนมาก

ดังนั้น มากกว่า 30 อยู่ในเกณฑ์อ้วนมาก 

สามารถเปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐานค่าดัชนีมวลร่างกายจากรูปด้านล่างค่ะ  

 

ผอมเกินไป = น้อยกว่า 18.5     

น้ำหนักน้อยกว่าปกติ สามารถเสี่ยงเป็นโรคได้เช่นกัน เนื่องจากการรับสารอาหารอาจไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย ควรกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

 

น้ำหนักปกติ = 18.5 – 22.9  

น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทย จะมีค่า BMI ระหว่าง 18.5-24 ซึ่งสามารถห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด 

 

ท้วม = 23.0 – 24.90  

อ้วนในระดับหนึ่ง 1 เป็นกลุ่มผู้ที่มีความอ้วนอยู่บ้าง แต่หากประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ก็ถือว่ายังมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ

 

อ้วน = 30.0 ขึ้นไป                                                                                          

อ้วนระดับ 2 ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ

อ้วนมาก = 30.0 ขึ้นไป                                                                                                  

อ้วนระดับ 3 ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่แฝงมากับความอ้วน ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย

 

  1. คีโตเจนิค (Ketogenic) เป็นการกินอาหารที่เน้นไขมันสูงประมาณ 75% ควบคู่ไปกับการกินอาหารประเภทโปรตีนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายประมาณโปรตีน 20% และลดการกินอาหารปะเภทคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะน้ำตาลให้น้อยเหลือประมาณ 5% หรือไม่เกิน 30g ต่อวัน ของพลังงานที่กินทั้งหมดในแต่ละวัน

 

คีโตเจนิคกับการลดน้ำหนัก

การกิน คีโตเจนิค เป็นวิธีการปรับการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน ถือเป็นการปรับให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะเลียนแบบการอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเผาผลาญเป็นพลังงานแทนน้ำตาล แทนที่ร่างกายจะดึงคาร์โบไฮเดรตไปใช้เป็นพลังงานเหมือนปกติ ร่างกายจึงหันไปดึงพลังงานจากไขมันแทน แต่ให้แทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลีกเลี่ยงน้ำตาล 

เน้นกินโปรตีน โปรตีนจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน 

 

วิธีการกินแบบ คีโตเจนิค 

ไขมัน แม้จะเน้นการกินอาหารประเภทไขมัน แต่ไขมันนั้นควรจะเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสัตว์ เช่น ไขมันจากเนื้อสัตว์ เนื้อติดมัน เนย ชีส ไข่แดง น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก สามารถกินอาหารทะเลประเภทหอยนางรมและปลาหมึก ปลาแซลมอน ปลาทูน่า แต่ควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น มาการีน

โปรตีน ควรกินอาหารประเภทโปรตีนเน้นการกินทั้งเนื้อเนื้อสัตว์ ไข่ นม ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อลูกวัว เนื้อหมูสันนอก เนื้อหมูติดซี่โครง หรือ พอร์คชอป แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะโปรตีนสามารถเปลี่ยนเป็นกลูโคสได้

คาร์โบไฮเดต สามารถกินเส้นบุกแทนข้าวขาวได้ เนื่องจากเส้นบุกมีคาร์โบไฮเดรตอยู่เพียงแค่ 1 กรัม และแคลอรี่เพียง 5 เท่านั้น รวมถึงในเส้นบุกยังมีไฟเบอร์ที่มาช่วยลดความหิวลงได้ และไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก 

 

สารให้ความหวาน

สารให้ความหวานเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง  เพราะอาหารกลุ่มน้ำตาลจะยิ่งทำให้เกิดอาการอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มน้ำตาลสังเคราะห์ เช่น สตีเวีย ซูคราโรส อีรีทรีทอล (Erythritol) ไซลิทอล หล่อฮั้งก๊วย (Monk Fruit) และ สารอะเกฟ เนคทาร์ (Agave Nectar) เป็นต้น มักพบในผลไม้อบแห้ง ขนมหวาน ผลิตภัณฑ์เบเกอรี และเมนูเครื่องดื่มอัดลม

 

  1. ห้ามอดอาหาร 

การอดอาหารจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจนเกิดการขาดแคลอรี่มากเกินไป ส่งผลให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้ต่ำลง แม้การอดอาหารจะทำให้จะทำให้ไขมันหายไปบางส่วนก็จริง แต่กล้ามเนื้อก็จะหายไปด้วย ทำให้น้ำหนักตัวจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

  1. ลดของหวาน

อาหารหวานจะมีน้ำตาลผสมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด น้ำตาลส่วนเกินเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและเก็บไว้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีก หากอยากกินอาหารรสหวานให้ลองเปลี่ยนมาใช้สารให้ความหวานอื่น ๆ ที่มีแคลอรี่ต่ำ จากธรรมชาติ เช่นหญ้าหวาน

หญ้าหวาน เป็นพืชตระกูลเดียวกับกระเพา เมื่อตอนเป็นใบสด ๆ จะให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 25 เท่า แต่เมื่อสกัดออกมาแล้วจะให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-300 เท่าเลยทีเดียว ไม่จำเป็นต้องใส่ในปริมาณที่มากก็ให้รสชาติที่หวานแล้ว และที่สำคัญหญ้าหวานยังให้พลังงาน 0 แคลอรี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องอ้วนเลยค่ะ 

 

  1. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายสามารถกำจัดไขมัน เร่งการเผาผลาญพลังงาน กระตุ้นให้ร่างกายได้ใช้กล้ามเนื้อในการเผาผลาญไขมัน สามารถออกกำลังกายได้เองที่บ้าน ไม่จำเป็นจะต้องไปเข้าฟิตเนส หรือเสียคอร์สออกกำลังกายแพง ๆ อีกต่อไป โดยการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ลดสัดส่วนที่ได้รับความนิยม คือ การคาร์ดิโอ ในระดับความเข้มข้นตั้งแต่เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ซิทอัพ 

 

  1. นอนหลับให้เพียงพอ 

การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอช่วยฟื้นฟูร่างกายและระบบต่าง ๆ ให้ทำงานได้ปกติ ช่วยทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย ๆ เนื่องจากไม่มีการหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหาร โดยปกติแล้วเราควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน  

 

  1. ปากกาเสกหุ่นสวย 

เป็นการลดน้ำหนักด้วยสาร “ลิรากลูไทด์” ซึ่งเป็นสารเปปไทด์เลียนแบบฮอร์โมนในบริเวณลำไส้ของคนเรา ทำหน้าที่ส่งสัญญาณถึงสมองว่ากระเพาะอาหารตอนนี้เต็มแล้ว หลังจากการที่มีการรับประทานอาหารเข้าไปสารเปปไทด์เลียนแบบฮอร์โม (glucagon-like peptide-1 receptor agonist) นี้จะช่วยควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ลดความรู้สึกหิว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80%

 

ลักษณะตัวยา

ตัวยาเป็นรูปแบบปากกาพร้อมใช้ ใส่หัวเข็มที่มีขนาดเล็กที่สุด (32g หรือเท่าเส้นผม) ฉีดเข้าใต้ผิวหนังไม่ได้ลงลึกถึงเส้นเลือดภายในร่างกาย ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือรู้สึกเจ็บน้อยมาก สามารถนำกลับไปฉีดเองได้ โดยเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ก่อนฉีดยา และอยู่ภายใต้การควบคุมโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางเท่านั้น

 

ระยะเวลาการรักษา

แนะนำให้ใช้ทุกวันต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก รอบเอว ตั้งแต่เดือนแรก แนะนำให้ใช้ร่วมกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหารจะยิ่งเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น

 

จำนวนปากกาที่ต้องใช้

เดือนแรกใช้ปากกาจำนวน 3 ด้าม เดือนถัดไปใช้เดือนละ 5 ด้าม ระยะเวลา 3 เดือนใช้ทั้งหมด 13 ด้าม หากต้องการให้น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น แนะนำใช้ต่อเนื่อง 6-12 เดือนค่ะ

 

จากผลการวิจัย พบว่า ผู้ที่ได้รับสารเปปไทด์เลียนแบบฮอร์โมน glucagon-like peptide-1 นี้เพียงวันละครั้ง ต่อเนื่อง 4 เดือน น้ำหนักลดลงระหว่าง 5-10% และสาารถหยุดการใช้ยาได้เมื่อลดน้ำหนักได้พอใจ โดยไม่มี โยโย่ เอฟเฟกต์ และไม่มีอาการข้างเคียงเหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม

 

หยุดใช้แล้วจะโยโย่ไหม

เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายแล้วสามารถหยุดใช้ยาได้ทันที เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา แต่จะไม่ทำให้เกิดอาการโยโย่ เอฟเฟต์ 

 

ผลข้างเคียง 

ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา 

 

แต่อาจจะมีรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน แก้โดยเมื่อรู้สึกอิ่มให้หยุดกินทันที ขยับตัว ลุกขึ้นเดินไปมาหลังมื้ออาหาร จิบน้ำบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงของมัน ของทอดในช่วงแรกของการใช้ยา

 

เหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารแต่ก็ยังหิว ออกกำลังกายแต่น้ำหนักก็ไม่ลดลง รวมถึงคนที่มีค่า BMI น้อยกว่า 27 ต้องการลดสัดส่วนก็สามารถใช้ได้ โดยให้คุณหมอช่วยพิจารณาในการใช้ยา

 

โรคประจำตัวที่ใช้ได้

ไทรอยด์ : แนะนำให้อาการของโรคไทรอยด์อยู่ในภาวะที่ stable ก่อน

ความดัน โรคหัวใจ และเบาหวาน : สามารถใช้รักษาร่วมกับยาในกลุ่มโรคเรื้อรังเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยายังช่วยลดความดันเลือด น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตามมาได้ด้วย

 

ไม่เหมาะกับใคร

คนไข้ที่เป็นมะเร็งต่อมไร้ท่อชนิด MEN II มะเร็งไทรอยด์ คนไข้ที่มีภาวะตับ ไตบกพร่องขั้นรุนแรงค่ะ แต่โดยปกติแล้วคนไข้กลุ่มเหล่านี้จะมีน้ำหนักน้อยอยู่แล้ว

 

ผลจากผู้ใช้จริง

แซมมี่ ลดจริง!! หุ่นเปลี่ยน 10 กิโล ที่จากเดิมมีปัญหา 

 

“มีส่วนเกินออกทุกส่วนแทบจะทั้งตัวเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหน้า แขนและก็ช่วงไหล่ เลยทำให้ดูตัวใหญ่มาก ๆ”

 

นี่เป็นปัญหาหนักใจในเรื่องสัดส่วนของคุณ แซมมี่ ซาแมนท่า เมลานี่ โค้ทส์ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง ซึ่งเราต่างก็รู้กันดีว่าสัดส่วนนั้นเป็นอะไรที่ลดยากมาก ๆ แถมยังต้องใช้เวลาและความอดทนอีกด้วย แต่คุณแซมมี่ก็สามารถลดได้ 10 กิโลกรัม ภายใน 2 เดือน โดยคุณแซมมี่ได้เข้าร่วมโปรแกรม 1 Week 1 kg และใช้ทรีทเมนต์อื่นร่วมด้วย

 

Q&A ตอบคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเปปไทด์ลดหิว

  1. Q: ปากกาลดน้ำหนักใช้ร่วมการออกกำลังกายหนัก ๆ ได้ไหม มีผลทำให้อ่อนเพลียมั้ย หรือเกี่ยวกับการสร้างกล้ามเนื้อไหม?

A: ตัวยาไม่มีผลรบกวนกลไกอื่นๆในร่างกายค่ะ  ตัวยามีกลไกคือเลียนแบบฮอร์โมนความอิ่ม ที่มีตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว ชื่อ GLP-1 ทำให้รู้สึกอิ่ม ลดความอยากอาหาร แนะนำให้ใช้ร่วมกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร จะยิ่งเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นค่ะ

 

  1. Q: สามารถใช้ร่วมกับการทาน ketogenic/ทำ IF ได้ไหม

A: ได้เลยค่ะ ตัวยาจะทำให้รู้สึกอิ่ม เพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนักร่วมกับวิธีเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ แนะนำคนไข้รับประทานอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยนะคะ

 

  1. Q: ที่ใช้รักษานี่คือปากกาเสกหุ่นสวย ลดน้ำหนักที่โฆษณาทั่วไปในอินเตอร์เน็ตหรือเปล่าคะ?

A: ปากกาเสกหุ่นสวย เป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักโดยตรง ได้รับอนุมัติจากอ.ย ทั้งไทย อเมริกา ยุโรป มีการศึกษาวิจัยรองรับในประสิทธิภาพและความปลอดภัยค่ะ แต่การใช้ต้องดูแลโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะมั่นใจได้นะคะ ทางอินเตอร์เน็ตอาจเป็นของปลอม และเป็นอันตรายได้ โดยหากไม่มีการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามที่ลูกค้าคาดหวังค่ะ

 

  1. Q: เปปไทด์ลดหิว ต้องใช้เวลารักษานานแค่ไหน

A: แนะนำให้รักษาต่อเนื่อง อย่างน้อยสามเดือน เนื่องจากคนไข้จะสามารถปรับพฤติกรรมการรับประทานให้เปลี่ยนไปจากเดิมได้ ทำให้โอกาสกลับมาน้ำหนักขึ้นน้อยลง โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก รอบเอว ตั้งแต่เดือนแรกคนไข้สามารถรับการดูแล แบบผสมผสาน โดยใช้เครื่องมือในการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ให้วิตามินเพิ่มการเผาผลาญ เพื่อช่วยเร่งผลลัพธ์ และสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบไม่เหมือนใครค่ะ

 

  1. Q: จะมีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ที่เคยมีมาไหม

A: ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์ รบกวนสารสื่อประสาทเหมือนยาลดน้ำหนักแบบเดิมๆ จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา ยาได้รับ

 

  1. Q: วิธีการหลีกเลี่ยง/บรรเทา อาการคลื่นไส้อาเจียน

A: หากรู้สึกอิ่มให้หยุดรับประทานทันที อย่าฝืนรับประทานเข้าไป ขยับตัว ลุกขึ้นเดินไปมาหลังมื้ออาหาร จิบน้ำบ่อยๆ หลีกเลี่ยงของมัน ของทอดในช่วงแรกของการใช้ยาอนุมัติจาก อ ย ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้นจึงมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย สามารถใช้ต่อเนื่องได้ยาวนาน ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ มีการศึกษาวิจัยใช้ในผู้ป่วยยาวนานถึงสามปี

 

  1. Q: คนที่ทานยาลดน้ำหนักตัวอื่นอยู่ สามารถฉีดได้ไหมคะ

A: ใช้ได้ค่ะ ปากกาเสกหุ่นสวย เป็นตัวช่วยอีกกลไกการออกฤทธิ์หนึ่ง ในการช่วยทำให้น้ำหนักลงเร็วขึ้น แนะนำให้บันทึกประวัติว่ารับประทานอาหารเสริมตัวไหนอยู่ค่ะ เพราะอาหารเสริมบางชนิดอาจผสมตัวยาช่วยลดน้ำหนักที่เป็นอันตรายได้ค่ะ

 

  1. Q: ถ้าต้องฉีดที่หน้าท้องทุกวันจะไม่เกิดการติดเชื้อหรือคะ มีวิธีดูแลอย่างไร

A: ยามีวิธีฉีด คือฉีดเข้าใต้ผิวหนังค่ะ ดูดซึมผ่านชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ไม่ได้ลงลึกถึงเส้นเลือดภายในร่างกาย ปกติมีตัวยาในท้องตลาดทั่วไปที่ฉีดด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว และคนไข้นำกลับไปฉีดที่บ้านเองตลอดชีวิต เช่น อินซูลินค่ะ แนะนำให้เช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ก่อนฉีดยาค่ะ

 

  1. Q: หยุดใช้ปากกาเสกหุ่นสวยแล้วจะโยโย่ไหม

A: ยาไม่ได้ทำให้โยโย่แน่นอนค่ะ เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยา จะมีความรู้สึกหิวที่เหมือนช่วงก่อนเริ่มใช้ยาเท่านั้นเอง หากคนไข้กลับมารู้สึกหิว หรือยังไม่สามารถปรับพฤติกรรมการรับประทานให้น้อยลงใกล้เคียงกับช่วงที่ใช้ยาเป็นตัวช่วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ช่วยวางแผนดูแลต่อเนื่องนะคะ

 

ปรึกษาได้ที่นี่

095-102-8585

LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim

FB INBOX: http://m.me/apexslim

FB Page: https://www.facebook.com/ApexSlim