หากคุณกำลังออกกำลังกายและไดเอทมาเป็นเดือนๆ แต่ยังใส่เสื้อผ้าสวยๆ ไม่ได้สักที นี่อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องมองหาตัวช่วย เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่คุณคาดหวังไว้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินและสัดส่วน ที่ยังลังเลใจว่าวิธีการลดไขมันแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง CoolSculpting (การกำจัดไขมันด้วยความเย็น) หรือ Liposuction (การดูดไขมัน) คำตอบต่อไปนี้จะช่วยให้ไอเดียกับคุณ วิธีการไหนเหมาะกับคุณและได้ผลลัพธ์อย่างที่คุณต้องการ
Q : บริเวณไหนของร่างกายที่มีปัญหาไขมันสะสม?
A : การดูดไขมันเหมาะสำหรับการกำจัดไขมันในบริเวณที่กว้างและยากจะเข้าถึง โดยศัลยแพทย์สามารถปรับใช้เครื่องมือการดูดไขมันและเทคนิคต่างๆ ในการกำจัดไขมันจำนวนมาก เช่น บริเวณหน้าท้องและบริเวณเล็กๆ เช่น หัวเข่าและข้อพับต่างๆ ต้นแขน หัวไหล่ ส่วน CoolSculpting เหมาะที่สุดสำหรับพื้นที่เฉพาะที่สามารถติดเครื่องมือกำจัดไขมันได้ เช่น ต้นขาด้านใน ต้นขาด้านนอก เอวและเหนียงเป็นต้น
Q: ต้องการกำจัดไขมันกี่บริเวณ?
A : CoolSculpting เป็นตัวเลือกที่ดีในการลดไขมัน 1 หรือ 2 บริเวณในการรักษาที่รวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น อย่างไรก็ตามหากคุณมีปัญหาไขมันสะสมหลายบริเวณ หรือต้องการลดไขมันในปริมาณมาก การดูดไขมันเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากและได้ผลลัพธ์การรักษาที่เร็วกว่า
Q : ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสัดส่วนหรือไม่?
A : CoolSculpting เน้นการลดไขมันเป็นหลัก ใช้ความเย็นทำลายเซลล์ไขมันทั่วทั้งบริเวณการรักษาทำให้จำนวนไขมันส่วนเกินลดลง หากคุณพึงพอใจกับรูปร่างโดยรวมอยู่แล้ว ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินบางจุด CoolSculpting สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือหยุดทำงาน
การดูดไขมัน ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์สามารถควบคุมปริมาณและรูปแบบการกำจัดไขมันได้มากกว่า สามารถออกแบบสัดส่วนได้ตามที่ต้องการ หากคุณต้องการการดูดไขมันที่แม่นยำ เช่น คุณต้องการให้ร่างกายส่วนล่างมีรูปร่างคล้าย “นาฬิกาทราย” การดูดไขมันจะตอบโจทย์คุณได้ผลลัพธ์ที่ต้องการมากกว่า นอกจากนี้การดูดไขมันยังมีวิธีที่สามารถนำไขมันกลับมาใช้ พร้อมทั้งสร้างสเต็มเซลล์จากไขมันที่ดูดออกมาจากตัวเอง เพื่อนำมาเติมเต็มส่วนที่ขาด เช่น เติมใบหน้า หน้าอก สะโพก เป็นต้น
นอกจากนี้นวัตกรรมการดูดไขมันมีความก้าวหน้าไปมาก การดูดไขมันพลังน้ำด้วยเครื่อง Body Jet EVO เป็นวิธีการดูดไขมันที่นุ่มนวลและอ่อนโยนที่สุด ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการดูดไขมันวิธีเดิมๆ นอกจากนี้ไขมันที่ดูดออกมายังสามารถสกัดเป็นสเต็มเซลล์นำกลับไปฉีดต่อเพื่อความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณได้อีกด้วย
Q : มีเวลาพักฟื้นหรือไม่?
A : การดูดไขมัน คุณจะต้องมีเวลาพักฟื้นอย่างน้อย 3–5 วัน ซึ่งผลลัพธ์คือการลดไขมันแม่นยำ ได้รูปร่างที่ออกแบบได้ (สามารถเห็นรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงทันทีที่การบวมหายไป) นอกจากนี้ศัลยแพทย์ยังสามารถออกแบบรูปร่าง และสัดส่วนในหลายๆ ตำแหน่งพร้อมกันได้
หากคุณไม่ต้องการพักฟื้น การกำจัดไขมัน CoolSculpting จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะเป็นวิธีที่ไม่มีบาดแผลและไม่มีแผลเปิด สามารถทำได้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง หากคุณสงสัยว่า CoolSculpting เจ็บหรือไม่? คุณจะรู้สึกชาในช่วงแรกเท่านั้นแต่ผู้รับบริการส่วนใหญ่ไม่รู้สึกเจ็บปวดขณะทำการรักษา ส่วนผลลัพธ์ของการทำ CoolSculpting อาจไม่เด่นเมื่อเทียบกับการดูดไขมัน และใช้เวลาประมาณ 1–3 เดือน ให้ร่างกายกำจัดไขมันที่ตายแล้วออก ผลลัพธ์สามารถสังเกตได้หลังการรักษาเพียงครั้งเดียว
หากคุณกำลังเลือกวิธีการสลายไขมันส่วนเกิน ทั้ง CoolSculpting และ การดูดไขมัน (Liposuction)