โชว์วงแขนอย่างมั่นใจ ตอบทุกปัญหาใต้วงแขน

ปัญหาใต้วงแขน ไม่ว่าจะเป็นรักแร้ดำ คล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอจากการโกน ผิวขรุขระเป็นหนังไก่จากการถอน จนไปถึงเหงื่อออกรักแร้ ทำให้สาวๆลายคนกังวลจนไม่กล้าโชว์วงแขน ครั้นจะแก้ด้วยการใช้แป้งทาก็ไม่พ้นคราบแป้งตามมาเวลาแป้งผสมกับเหงื่อ ยิ่งไม่น่าดูเข้าไปอีก

โดยปกติผิวคนเราจะผลัดเซลล์ได้เองทุกๆ 28 วันโดยประมาณ เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพจะสะสมไว้ด้วยเซลล์เม็ดสี นำมาซึ่งความหมองคล้ำ สามารถผลัดออกไปได้เอง แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้การผลัดเซลล์ผิวอาจไม่เป็นไปตามปกติ อีกทั้งยังมีการเสียดสีอยู่บ่อยครั้ง และการกำจัดขนด้วยการโกนหรือถอน นำมาซึ่งความผิดปกติของผิวหนัง เกิดความไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรืออาจเป็นตุ่มเล็กๆ ในลักษณะคล้ายหนังไก่ได้

ปัญหาใต้วงแขนของผู้หญิง

รักแร้ดำ หมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส

สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปจากปัจจัยภายในและภายนอก รักแร้หมองคล้ำจะมีลักษณะคล้ำตามเส้นพับของแขน หรือคล้ำเป็นส่วนๆ สีไม่สม่ำเสมอกัน ซึ่งโดยปกติแล้วผิวคนเราจะผลัดเซลล์ได้เอง ทุก 28 วัน โดยประมาณ เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพจะสะสมเซลล์เม็ดสีจนทำให้เกิดการหมองคล้ำได้ โดยการผลัดเซลล์ผิวนั้นเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นการผลัดเซลล์ผิวอาจไม่เป็นไปตามปกติอย่างที่ควรจะเป็น

สาเหตุจากปัจจัยภายใน

  • พันธุกรรมหรือโรค

หากพันธุกรรมของครอบครัวเป็นคนที่มีรักแร้ดำ เราก็เสี่ยงที่จะรักแร้ดำได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดเม็ดสีผิวเหมือนกับผิวส่วนอื่นๆ นอกจากนี้กรรมพันธ์ยังทำให้มีโอกาสเป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งการเป็นโรคเบาหวานนี้จะทำให้บริเวณลำคอและรักแร้มีรอยดำเป็นปื้นๆ ที่ไม่สามารถถูออกได้ เนื่องจากการเป็นโรคเบาหวานจะทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูง สารอินซูลินจะกระตุ้นสารที่ทำให้เซลล์ผิวหนัง และเซลล์ไฟโบรบลาสต์บริเวณผื่นแบ่งตัวเพิ่มขึ้น การเกิดรอยผื่นดำเป็นอาการก่อนพบความผิดปกติของระดับน้ำในร่างกาย ทำให้เกิดอาการรักแร้ดำขึ้นมา เพื่อส่งสัญาณเตือนเบื้องต้นสำหรับอาการป่วยที่เป็นอยู่ก่อนที่จะพบความผิดปกติของระดับน้ำตาลในร่างกาย 

  • ระบบฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกายมีผลที่ทำให้รักแร้ดำได้โดยตรง โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนจะเปลี่ยนไปส่งผลกระทบต่อเม็ดสีผิวหนัง จนทำให้ผิวรักแร้ดำคล้ำขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เกิดการเสียดสีบ่อยๆ แต่รอยดำคล้ำนี้ก็สามารถหายเองได้หลังคลอดลูกแล้วภายใน 3 เดือน 

สาเหตุจากปัจจัยภายนอก

  • การเสียดสี

โดยปกติแล้วคนเราสามารถเกิดการเสียดสีที่บริเวณรักแร้จนเกิดรอยดำได้ปกติ เนื่องจากการสวมใส่เสื้อผ้า หากยิ่งเป็นคนที่อ้วน หรือมีสัดส่วนเกินบริเวณรักแร้มากๆ ก็จะทำให้รักแร้ดำและมีชั้นผิวที่หนาขึ้นมากกว่าคนปกติ 

  • แพ้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขน

ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นใต้วงแขนทั้งโรลออน และสเปรย์ดับกลิ่นกาย อาจมีส่วนผสมของแอลกฮอล์ หรือน้ำหอมที่ระคายเคืองกับผิวที่บอบบางบริเวณรักแร้ จึงทำส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณรักแร้ดำคล้ำมากขึ้น นอกจากนี้หากใครที่มีปัญหารักแร้หมองคล้ำอยู่ก่อน แล้วใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบริเวณรักแร้ให้ขาวขึ้นสามารถแพ้สารที่ทำให้ขาวได้เช่นกัน 

  • การกำจัดขน

วิธีกำจัดขนที่ทำร้ายผิวทั้งการใช้แหนบถอนขน การใช้มีดโกนขนหรือแว็กซ์กำจัดขน ทั้งแว็กซ์ร้อนและเย็น ส่งผลทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง อักเสบ จนผิวรักแร้ดำคล้ำขึ้นได้

ดูแลรักแร้ขาว ไม่หมองคล้ำ

เมื่อผิวไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้เองอย่างสม่ำเสมอ เราอาจต้องใช้ทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ เพื่อช่วยในการช่วยผลัดเซลล์ผิวโดยมีวิธีการต่างๆ มากมายดังนี้

  • กรดผลไม้ (Alpha Hydroxy Acid-AHA)

ลักการคือการเร่งให้ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เซลล์ที่เกิดมาใหม่ก็จะมีสีใกล้เคียงกับสีผิวโดยกำเนิดมากขึ้น ซึ่งในการเลือกซื้อควรเลือกแบบที่มีความเข้มข้นต่ำ เพราะสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดความเข้มข้นสูงอาจกัดผิว จากที่จะขาวใส อาจกลายเป็นผิวไหม้ถาวรได้

  • วิตามินอี (Vitamin E Acetate)

ครีมประเภทลดเลือนรอยแผลเป็นที่มีส่วนผสมของวิตามินอี (Vitamin E Acetate) สามารถช่วยเร่งการซ่อมแซม มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์บางยี่ห้ออาจผสมกรดผลไม้ด้วย ทำให้รอยดำหาย หรือจางลงได้เร็วขึ้น

  • การทำ Treatment

เช่น การผลักยา วิตามินเข้าสูผิว ด้วย Ultrasonic หรือการกรอผิวหน้าด้วยเกร็ดอัญมณี (Microderamabrasion) ก็สามารถช่วยผลัดเซล์ผิวให้หลุดลอกออก ทำให้รอยดำจากลงได้

  • Pigment Laser

ลเซอร์ในกลุ่มที่จัดการกับเม็ดสี สามารถทำให้เม็ดสีจางออกได้ดี ซึ่งการเลือกชนิดเลเซอร์นั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องมือ และความชำนาญของแพทย์ร่วมกันด้วย เพราะหากมีการปรับค่าแสงไม่เหมาะสม อาจทำให้รอยดำกลับกลายเป็นมีสีคล้ำขึ้นได้ ซึ่งแย่และหนักกว่าเดิม แพทย์ที่มีประสบการณ์จะวิเคราะห์สภาพผิว เลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะกับสีผิว และสภาพผิวในแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม

 

511499-topic-0-1รักแร้ไม่เรียบเนียน เป็นหนังไก่

สาวๆ หลายคนอยากมีรักแร้เรียบเนียนไม่มีขน ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมคือการถอน แต่การถอนอย่างรุนแรงหรือการแว็กซ์นั้นจะทำให้รูขุมขนเด่นชัดขึ้น นานไปผิวจะไม่เรียบเนียนมีลักษณะคล้ายหนังไก่ ทั้งยังจำกัดทางขึ้นของขนเส้นใหม่ กลายเป็นขนคุดอยู่ภายใน ทางเลือกที่คุณหมอผิวหนังแนะนำ และได้ผลดีคือการใช้ เลเซอร์รักแร้ ซึ่งการเลือกใช้เลเซอร์กำจัดขนจะเลือกใช้เครื่องที่มีความยาวคลื่นเหมาะกับการกำจัดขน เช่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ใช้กำจัดขนได้ดีมีผลข้างเคียงน้อย ทำได้ดีในคนผิวสีเพราะไม่ทิ้งรอยดำ แต่หากเป็นคลื่นที่สั้นหรือยาวเกินไปอาจทิ้งรอยดำได้ การกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์ต้องทำ 5-8 ครั้งขึ้นไป ค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-18,000 บาท โดยผลการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปีขึ้นไป

  • การโกน

เป็นวิธีการกำจัดขนรักแร้ที่ทำได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว ด้วยการยกมีดโกนขึ้นแล้วเริ่มต้นโกนจากบนลงล่าง ขั้นตอนนี้อาจจะใช้ครีมโกนขนร่วมด้วยก็ได้เช่นกัน โดย 2-3 วัน ขนยังสามารถงอกกลับมาใหม่ได้อีก แต่ยังคงเห็นเป็นตอๆ หรือเรียกว่า “ขนคุด” หรือ “หนังไก่” ทำให้ผิวบริเวณรักแร้ไม่เรียบเนียน เนื่องจากการโกนไม่ได้กำจัดขนถึงรากแต่เป็นการกำจัดขนแค่ส่วนที่ขึ้นสูงบนผิวหนัง นอกจากนี้ขนคุดยังทำให้เกิดอาการคันและแดงบริเวณรักแร้ได้อีกด้วย

  • การถอน

การถอนโดยส่วนใหญ่จะใช้แหนบถอนขนเป็นเครื่องมือในการถอนขนรักแร้ วิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถกำจัดขนได้ถึงรากถึงโคน แต่จะทำให้รู้สึกเจ็บมากๆ รวมถึงเกิดอาการระคายเคืองหลังจากที่เราดึงเส้นขน นอกจากนี้ยังทำให้รูขุมขนบวม หากทำการถอนแล้วขนนั้นขาดอยู่ใต้ผิวหนังก็ ก็อาจจะกลายเป็นขนคุดได้ในที่สุด

กำจัดผิวหนังไก่ ไม่เรียบเนียน

  • ประคบผิวด้วยน้ำอุ่น

น้ำอุ่นสามารถช่วยทำให้รูขุมขนเปิดและทำให้ขนคุดอ่อนลงได้ โดยสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นและประคบผิวบริเวณที่มีขนคุด จะทำให้ขนคุดหลุดออกง่ายขึ้น ถึงแม้น้ำอุ่นจะทำให้ขนคุดหลุดได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ควรใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิไม่สูงจนเกินไป โดยเฉพาะช่วงเวลาการอาบน้ำและที่สำคัญไม่ควรแช่น้ำอุ่นหรืออาบเป็นเวลานาน เพราะเมื่ออาบน้ำร้อนหรืออยู่ในน้ำเป็นเวลานานจะทำให้ไขมันที่ผิวหนังถูกกำจัดไปและทำให้ผิวแห้งเกิดขนคุดได้

  • สครับผิว

การสครับผิวสามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ขนคุดออกมาได้มากขึ้น โดยการสครับผิวนั้นสามารถทำได้จากเกลือสครับผิว หรือจะเป็นการใช้เป็นเบกกิ้งโซดา ผงจันทร์เทศและน้ำผึ้งผสมเข้าด้วยกัน แล้วให้นำไปขัดบริเวณที่มีขนคุดเพียงเบาๆ วิธีนี้ช่วยรักษาอาการอักเสบไปพร้อมๆ กับการกำขจัดขนคุดได้เลย แต่หลังจากทำการสครับแล้วควรทาครีมบำรุงให้ผิวที่สครับมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก และป้องกันขนคุดได้อีกทาง

  • ทาครีมบำรุงผิว

ทาครีมมอยส์เจอไรเซอร์มอยส์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ หรือเชียบัตเตอร์ ที่มีวิตามินช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และยังช่วยปกป้องผิวจากอาการผื่นคัน หรืออาการอักเสบที่อาจตามมา โดยควรเลือกใช้ครีมมอยส์เจอไรเซอร์ต้องไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้

  • ครีมยาช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

ครีมยาที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี กรดแลคติก กรดซาลิไซลิก หรือยูเรีย จะสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวที่แห้งกร้านมีความนุ่มนวลขึ้น คล้ายๆ กับการสครับผิว 

การเลือกใช้เลเซอร์กำจัดขน จะเลือกใช้เครื่องที่มีความยาวคลื่นเหมาะกับการกำจัดขน เช่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ใช้กำจัดขนได้ดีมีผลข้างเคียงน้อย ทำได้ดีในคนผิวสีเพราะไม่ทิ้งรอยดำ แต่หากเป็นคลื่นที่สั้นหรือยาวเกินไปอาจทิ้งรอยดำได้ การกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์ต้องทำ 5-8 ครั้งขึ้นไป ค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-18,000 บาท โดยผลการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี ขึ้นไป

 

4ghk-summer-beauty-problems-sweat-lgn-1กลิ่นตัว

คนไข้หลายคนมาพบหมอด้วยอาการเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้ นำมาซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ สาเหตุมาจากต่อมใต้ชั้นผิวผลิตเหงื่อออกเยอะผิดปกติ ส่งผลให้เกิดแบคทีเรียและกลิ่นตามมา วิธีที่ช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อได้ดีอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้สารโบทูลินั่มท็อกซินไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณรักแร้ ทำให้เหงื่อลดลง เมื่อเหงื่อและแบคทีเรียลดลงก็จะไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ วิธีนี้ยังใช้กับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมือเยอะผิดปกติได้อีกด้วย

  • โรคอ้วน สามารถพบได้บ่อยว่าผู้ที่มีรูปร่างอ้วนจะมีกลิ่นตัวค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากชั้นไขมันใต้ผิวหนังหนาขึ้น อวัยวะภายนอกมีส่วนอับ ทำให้ระบายอากาศได้ไม่ดีเท่ากับตอนที่มีรูปร่างเล็ก สามารถสร้างกลิ่นตัวตามรักแร้ ชั้นพุง ขาหนีบ ตามข้อพับต่างๆ ได้
  • ฮอร์โมนเพศหญิงเปลี่ยนแปลง ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง และผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ จะส่งผลกระทบทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปทำให้ร่างกายกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ Apocrine ทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อเพิ่มขึ้น และมีกลิ่นตัวนั่นเอง 
  • ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Graves’ Disease) เกิดจากที่ร่างกายสร้างฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไปทำให้เหงื่อออกง่าย ถ้าหากเหงื่อนั้นไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียบนผิวหนัง ก็จะทำให้มีกลิ่นตัวได้นั่นเอง 
  • โรคเบาหวาน คล้ายกับภาวะอ้วน เนื่องจากร่างกายจะเริ่มขับไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน ส่งผลให้ระดับคีโตน (Ketone) ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีกลิ่นตัวคล้ายกับกลิ่นผลไม้
  • โรคหัวใจวายเรื้อรัง ร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอกับความของร่างกาย เมื่อใช้พลังงานอย่างมากจะทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มสูงมากขึ้น และจะมีการกำจัดออกในรูปแบบเหงื่อออกมา เมื่อเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมากก็มีโอกาสทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ 
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมจากมอร์ฟีน ยาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรคเบาหวาน ยาด้านจิตเวช ยารักษาโรคหัวใจ ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาก และอาจทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น

แต่การที่เหงื่อออกเป็นจำนวนมากกว่าปกตินั้น ไม่ได้ทำให้เรามีกลิ่นตัวโดยตรง แต่มีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เนื่องจากต่อมเหงื่อจะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป

  • ต่อมเอกไครน์ (Eccrine Gland) เป็นต่อมที่อยู่บนผิวหนัง มีหน้าที่ผลิตเหงื่อเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ในเหงื่อจะมีน้ำและเกลือเป็นส่วนประกอบหลัก จะระเหยเมื่ออุณหภูมิในร่างกายเย็นตัวลง
  • ต่อมอะโพไครน์ (Apocrine Gland) เป็นเหงื่อที่มีลักษณะใสๆ แต่มีความเหนียวเหนอะหนะมากกว่าเหงื่อปกติเล็กน้อย โดยต่อมเหงื่อชนิดนี้จะอยู่บริเวณที่มีขนขึ้นมาก เช่น รักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวหน้าอก ใบหู เมื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังจะทำให้เกิดกลิ่นที่รุนแรงกว่าปกติ

นอกจากนี้การมีกลิ่นตัวนั้นยังสามารถเกิดได้จากการกระตุ้นของพฤติกรรมอื่นๆ ซึ่งนอกจากการทำงานของต่อมเหงื่อภายในร่างกาย เช่น

  • อาหารที่มีกลิ่นฉุน เมื่อกินในปริมาณมากก็สามารถทำให้รักแร้มีกลิ่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเผ็ดจัด เค็มจัด หรือเปรี้ยวจัด นอกจากนี้อาหารที่มีกลิ่นฉุนมากๆ อย่างเครื่องเทศที่เป็นส่วนผสม เช่น กระเทียม หัวหอม ต้นหอม ข่า ตะไคร้ แกงกะหรี่ พริก พริกไทย ผลไม้ที่มีสารกำมะถัน เช่น ทุเรียน สะตอ ชะอม ฯลฯ อาหารเหล่านี้มีรสชาติเผ็ดร้อนและสามารถทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาเพิ่มขึ้นและทำให้เกิดกลิ่นตัวได้
  • ความสะอาด ใต้วงแขนเป็นจุดอับที่สามารถกักเก็บเหงื่อและสามารถสะสมแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ การรักษาความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ

รักแร้เปียก เหงื่อออกมากจะทำอย่างไร?

วิธีที่ช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อได้ดีอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้สาร “โบทูลินัมท๊อกซิน” (Botulinum Toxin) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “BOTOX” ที่สามารถลดเหงื่อได้มากถึง 80% สามารถยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณรักแร้ ทำให้เหงื่อลดลง เมื่อเหงื่อลด แบคทีเรียลด กลิ่นก็ไม่ตามมากวนใจ วิธีนี้ยังใช้กับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากที่มือได้อีกด้วย เนื่องจากขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ไม่มีอันตราย ผลข้างเคียงน้อย 

นอกจากนี้ ยังสามารถรักษาด้วย “การผ่าตัด” จะทำการผ่าตัดเส้นประสาทอัตโนมัติที่กระตุ้นการหลั่งของเหงื่อ หรือ ผ่าตัดต่อมเหงื่อที่บริเวณรักแร้ วิธีเป็นการรักษาเหงื่อออกมากกว่าปกติได้หายขาด แต่วิธีนี้มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ต้องดมยาสลบและผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ ไม่สามารถลดกลิ่นตัวได้โดยตรง เนื่องจากกลิ่นตัวเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและการหมักหมมของเหงื่อ แม้เหงื่อจะลดลงแต่ถ้าเหงื่อนั้นโดนแบคทีเรียก็อาจจะทำให้กลิ่นตัวเกิดได้เช่นกัน

“เลเซอร์กำจัดขน” ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด การเลเซอร์สามารถลดขนาดต่อมไขมันบริเวณรากขนจึงทำให้กลิ่นตัวลดลงได้ 

การจะเลือกวิธีใดนั้นล้วนมีผลต่อผิวหนังทั้งสิ้น ผิวที่จะเนียนใสขึ้นหรืออาจจะหมองคล้ำ เป็นรอยไหม้หากเลือกผิดวิธี ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์ผิว เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมกับแต่ละคนค่ะ คราวนี้ทุกคนก็จะสามารถชูวงแขนขวเนียนได้อย่างมั่นใจ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โปรโมชั่นเลเซอร์กำจัดขน

“กำจัดขน 8 ครั้ง เริ่มเพียง 3,500 บาท”

การกำจัดขนมีหลากหลายวิธี แต่ที่ให้ผลถาวรและเป็นที่นิยมมากที่สุดคือ การใช้ เลเซอร์กำจัดขน โดยเลเซอร์ที่ใช้จะมีผลในการทำลายรากขนไม่ให้สร้างขนใหม่ขึ้นมาอีก ทำให้บริเวณที่ทำเลเซอร์นั้นดูเรียบเนียนมากขึ้น โดยโปรโมชั่นเลเซอร์ขนมีทั้งแบบรายครั้ง เป็นการทดลองในครั้งแรก และคอร์สเลเซอร์ขน 8 ครั้ง เริ่มต้นเพียง 3,500 บาท