หน้าท้องย้วย ผิวหนังหน้าท้องเหี่ยวย่น ไม่กระชับ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ แล้วลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว คนที่ดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง หรือคุณแม่หลังคลอด มักจะเจอกับปัญหาเหล่านี้กันหลายคน เนื่องจากหน้าท้องที่ขยายออกและยุบลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง ซึ่งวิธีที่จะช่วยลดหน้าท้องกลับให้มาเฟิร์มกระชับขึ้นมีหลากหลายวิธี ทั้งการออกกำลังกระชับสัดส่วน ทาครีมบำรุงผิว ฯลฯ แต่วิธีเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลา บางครั้งอาจจะเห็นผลลัพธ์ไม่ค่อยดีนัก นวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยเครื่องอย่าง เทอร์มาจ (Thermage) จึงเป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการกระชับหน้าท้องอย่างเร่งด่วนและเห็นผลลัพธ์แบบทันใจ
เทอร์มาจ (Thermage)
เทอร์มาจ (Thermage) คือ เครื่องมือยกกระชับที่สามารถทำได้ทั้งใบหน้า คอ และลำตัว ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง โดยตัวเครื่องจะส่งพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency หรือ RF) ที่แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนลงสู่ชั้นผิวระดับชั้นไขมันและคอลลาเจน ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนโดยตรง ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่หย่อนคล้อยหดตัว มีเกลียวที่ตึงขึ้น และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวมีความเต่งตึง กระชับ ดูเฟิร์มมากขึ้น ลดเรือนริ้วรอย ปรับผิวให้ดูเรียบเนียน เปล่งปลั่ง และยังลดการสะสมของไขมันได้อีกด้วย
ซึ่งเทอร์มาจเป็นเทคโนโลยีที่มีมาอย่างยาวนานมากกว่า 10 ปีแล้ว และตัวเครื่องมีการพัฒนาคุณสมบัติออกมาเรื่อยๆ หลายรุ่น จนตอนนี้เครื่องใหม่ล่าสุดที่ออกมาในปี 2018 คือ Thermage FLX ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องเทอร์มาจที่ดีที่สุด เพราะด้วยคอนเซปต์ของเครื่องที่ว่า ‘เร็วกว่า เจ็บน้อยกว่า และ สบายกว่า’ เครื่องรุ่นก่อนๆ
โดยเครื่อง Thermage จะมีเครื่องมือไว้สำหรับปล่อยพลังงานมายังผิวเรา เรียกว่า หัวทิป ซึ่งมีทั้งหมด 3 ขนาด คือ
- หัวขนาดเล็ก สำหรับบริเวณรอบดวงตาและสามารถยิงเปลือกตาให้ชั้นตาชัดขึ้นได้อีกด้วย
- หัวขนาดกลาง สำหรับใบหน้าและลำคอ
- หัวขนาดใหญ่ สำหรับบริเวณลำตัว ทำให้ไม่ต้องกังวลเลยว่าการทำเทอร์มาจบริเวณหน้าท้องจะไม่ทั่วถึง เพราะด้วยขนาดของ Thermage FLX Body Tip ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับ หัวทิปบริเวณใบหน้าถึง 4 หัวเลยทีเดียว
ข้อดีของ Thermage FLX
คำว่า FLX ย่อมาจาก FASTER ALGORITHM EXPERIENCE
F= FASTER คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น 25% เพราะใช้จำนวนช็อตที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ โดยรุ่น FLX ใช้จำนวนช็อตอยู่ที่ 900 ช็อต (จากเดิม 1,200 ช็อต) ทำให้ลดระยะเวลาในการรักษาลง เหลือเพียงแค่ 18 นาทีโดยประมาณ (จากเดิมใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
L = ALGORITHM คือ หัว Total Tip ตัวใหม่สีม่วง สามารถยิงลงใต้ชั้นผิวได้ลึกขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ โดยสามารถลงลึกได้ถึง 4.7 มิลลิเมตร (จากเดิม 4.3 มิลลิเมตร) อีกทั้งยังปล่อยพลังงานได้แม่นยำมากขึ้น
X = EXPERIENCE คือ ระหว่างที่ทำจะรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม อาการเจ็บน้อยลง เพราะมีระบบ Pre and Post Cooling ที่ช่วยป้องกันไม่ให้อุณหภูมิใต้ผิวหนังมีความร้อนสะสมมากเกินไป นอกจากนั้นยังมีหน้าจอแสดงผลแบบ Touch Screen เพิ่มขึ้นมาเพื่อช่วยให้แพทย์ทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
Thermage FLX บริเวณหน้าท้องช่วยอะไรบ้าง
- ผิวหนังหน้าท้องที่เหี่ยวย่น หย่อนคล้อยลดน้อยลง ช่วยกระชับหน้าท้องให้ดูเฟิร์ม แข็งแรงขึ้น
- ผิวหน้าท้องเรียบเนียนขึ้น ลดผิวเปลือกส้ม และรอยแตกลายจางลง
- ลดหน้าท้องส่วนเกิน ขนาดรอบรอบเอว ปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ช่วยให้สีผิวเรียบเนียน ฟื้นฟูผิวให้กลับมาเปล่งปลั่ง ไม่แห้งกร้าน
Thermage FLX เหมาะกับคนมีหน้าท้องแบบไหน
- คนที่มีเซลลูไลท์สะสม เห็นผิวเปลือกส้มชัดเจน
- คนที่น้ำหนักตัวเยอะ แล้วลดน้ำหนักลงมาอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผิวหนังหน้าท้องย้วย และผิวมักจะแตกลาย
- คนที่ดูดไขมันหน้าท้องมาแล้วมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หน้าท้องย้วย เป็นคลื่น
- คุณแม่หลังคลอด หรือเคยมีบุตรมาหลายคน แล้วหน้าท้องหย่อนยาน เพราะรูปร่างที่ขยายออกระหว่างตั้งครรภ์
- ผู้ที่อายุมากขึ้น แล้วผิวหน้าท้องหย่อยคล้อย ขาดความยืดหยุ่น
ผลลัพธ์หลังทำ Thermage FLX
หลังทำ Thermage FLX สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีว่าผิวมีความกระชับมากขึ้น หลังจากนั้นผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
- หลังทำ : เห็นผลทันทีประมาณ 20-30% ผิวแน่น เฟิร์มขึ้น มีความยกกระชับมากขึ้น
- หลัง 6 เดือน : สภาพผิวดีขึ้น มีความเรียบเนียน แข็งแรง เพราะชั้นใต้ผิวมีการคอลลาเจนใหม่เกิดขึ้น
- อยู่ได้นาน 1-2 ปี : การทำเทอร์มาจสามารถคงผลลัพธ์ไว้ได้นานเป็นปี แต่ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และประกอบกับการดูแลร่างกายหลังทำของเราเองด้วย
ปัญหาหน้าท้องที่ดูจะรักษายาก แต่สามารถแก้ไขให้กลับมาเฟิร์ม กระชับขึ้นได้ง่ายๆ แบบรวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ทันทีด้วยการทำเทอร์มาจ (Thermage) แต่ถ้าจะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น ควรเลือกรับการทำเทอร์มาจกับคลินิกที่เชื่อมั่นในมาตรฐานได้ และเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องเป็นอย่างดี เพราะต่อให้เป็นเครื่องแท้รุ่นใหม่แค่ไหน แต่ถ้าแพทย์ขาดเทคนิคในการทำเทอร์มาจ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะไม่ดีเท่าทีควร ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้ไม่นานนัก ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อยๆ หรือที่แย่ที่สุดคือทำแล้วไม่เห็นผลความต่างเลย ดังนั้นการเลือกคลิกนิกที่จะทำเทอร์มาจให้ดีนั้นจึงสำคัญเป็นอย่างมาก